NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอ้เอ๋อ my stupid's boy

    ลำดับตอนที่ #49 : 48

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      118
      15 เม.ย. 66

    48 The End

     

    1ปีต่อมา

     

    “เนมเนม อันนี้ต้องตอบว่าอะไร เอามาลอกหน่อยยยย” เสียงหวานเรียกร้องขอลอกการบ้านจากน้องชายตัวเอง

    “ได้ไงทำเองสิ” เนมปฏิเสธ

    “งืออ มัน ยากอะ เนมเนม อย่าใจร้ายย” ร่างสูงโปร่งลอบถอนหายใจพร้อมกับหยิบสมุดการบ้านวิชาเลขออกมา เขาแพ้ลูกอ้อนของพี่ชายตัวดีตลอด แพ้หน้าแมวๆ แพ้ปากงุยๆ ที่คอยออดอ้อนเขาเวลาอยากได้อะไร

    “เย้ๆ เอามาเร็วจะเข้าแถวแล้ว ส้มส้มเราได้สมุดการบ้านของเนมเนมมาแย้ววววว”

    หนึ่งปีที่ผ่านมาเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายในชีวิต แม้จะสูญเสียอะไรมากมายแต่นะโมก็ผ่านพ้นมันมาได้อย่างดี โดยมีคนรอบกายคอยช่วยเหลือ มีคนรักที่ประคับประคองให้ก้าวเดิน มีพี่น้องให้รู้ว่าตัวไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป มีเพื่อนเป็นแรงผลักดันให้เป้าหมายในชีวิต

    นะโม กำลังจะขึ้นม.6 เป็นเด็กมอปลายปีสุดท้าย ด้วยอายุ ยี่สิบเอ็ด อาจจะช้ากว่าคนอื่นเขาไปมากถ้าหากเทียบกับคนรุ่นเดียวกันแล้ว แต่ทว่านะโมยังไม่ละความพยายาม เพราะตอนนี้มีเป้าหมายแล้ว และตั้งใจจะทำให้มันสำเร็จให้ได้

    ถ้าจะให้พูดถึงสิงห์ ตอนนี้การงานกำลังไปได้สวย โรงแรมที่เชียงใหม่ตอนนี้กำลังไปได้ดี ลูกค้าแน่นตลอดทั้งปี ทำให้เขายุ่งๆ จนบางครั้งก็แทบจะไม่มีเวลาให้กับนะโมเลย นะโมเองก็เข้าใจว่าสิงห์ทำงานเพื่ออนาคตของตนเอง เลยไม่งอแงหรือเรียกร้องอะไรจากสิงห์ เป็นเด็กดีไม่ดื้อ เพื่อให้สิงห์ไม่ต้องกังวล แม้บางครั้งจะต้องรู้สึกเหงาแต่ก็ต้องอดทนและเฝ้ารอจนกว่าจะถึงตอนเย็น เพราะไม่ว่าสิงห์จะงานยุ่งขนาดไหน สิงห์จะกลับมากินข้าวเย็นกับนะโมทุกวันไม่มีขาดมีบางครั้งที่ต้องอยู่ประชุมดึก เขาก็จะให้นะโมไปอยู่บ้านเนมก่อนแล้วค่อยไปรับ

    ทุกอย่างของนะโมในวันนี้คือสิ่งที่หลวงตาได้หวังเอาไว้ นะโมมีชีวิตที่ดี มีการศึกษา มีเพื่อน มีสังคม และมีคนที่รักจากใจจริง

     

    ............................................

     

    “จะเข้ามหาลัยแล้ว คิดไว้รึยังครับว่าเรียนอะไร” ร่างสูงเอ่ยถามคนรักในขณะที่นั่งดูรายการสารคดีสัตว์โลก ร่างนุ่มนิ่มหันไปมองคนข้างกายแล้วยิ้มยิงฟันใส่

    “อยากเป็นหมอเหมือนพี่จ๋าครับ”

    “ถามได้ไหมว่าเพราะอะไร”

    “ได้สิ”

    “เพราะอะไรครับ”

    “เพราะพี่จ๋า หนูรู้ว่าพี่จ๋าอยากเป็นหมอหมา แต่พี่จ๋าทำไม่ได้แล้ว หนูเลยอยากทำแทน ทำในส่วนตรงนั้น “

    “น่ารัก ทำไมหนูน่ารักแบบนี้ จะให้พี่หลงหนูไปถึงไหนกันครับ” สิงห์นะโมเสียเต็มอก เขารู้สึกดีใจและก็ภูมิใจมากที่ได้ดูแลเด็กดีแบบนะโม ไม่ผิดหวังที่มอบหัวใจให้ดูแล ที่ผ่านมานะโมไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน บ้านและงานบนเตียง นะโมเติมเต็มให้เขาจนเต็ม สิงห์กดจมูกลงบนกระหม่อมของอีกคน

    “พี่รักหนูนะ”

    “หนูก็รักพี่จ๋าครับ”

     

    วันประกาศผลสอบ แอดมิทชั่น

     

    “เนมเนม เราตื่นเต้น สั่นไปหมดเลยเนี้ยะ”

    “โอ้ยยย พี่มึงอย่าเขย่ากู กูเวียนหัว”

    “ตัสตัสเราจะได้เรียนที่เดียวกันไหม โอยตื่นเต้น”

    “มึงใจเย็น มือกูสั่น” ซีตัสจับเมาส์เอาไว้ แต่ละคนมีแมคบุคกันคนละเครื่อง พร้อมเข้าใช้งานหน้าเว็บประกาศผล

    23.55

    “โอ้ยยย ใจกู สั่นไม่หยุดเลย”

    “เราด้วยส้มส้ม ฮรือออ”

    “พวกเราต้องได้เรียนที่เดียวกัน ใช่ไหม มึง ใช่ไหม? T^T”

    “มันต้องได้สิ”

    23.57

    “ตัสมึง..กูกลัว” ปิงกอดแขนซีตัสเอาไว้ พร้อมกับทำสีหน้ากังวล

    “กลัวห่าไร มึงทำได้อยู่แล้ว”

    “ฮรือออ วิศวะ กูต้องได้”

    “กูต้องได้เป็นหมอคน!! ”

    “ใช่ยิมเราต้องได้เป็นหมอหมา!! ”

    “กูจะเป็นดารา นิเทศต้องการกู!! ”

    “เห้อมมมมม พวกมึงนี่นะ” เนมถอนหายใจแรงให้กับความตื่นเต้นเกินเบอร์ของเพื่อนๆ

    “ทำแมะ ใครจะไปเก่งเหมือนมึง เด็กบริหาร แหม่”

    23.59

    “เชี้ยะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จะถึงแล้ว พวกมึงเตรียมพร้อม” ปิงหันไปบอกเพื่อนๆ ให้เตรียมตัว ทุกคนต่างใจจดใจจ่อ กับผลลัพธ์ที่ต่างคนต่างพยายามทุ่มเทให้กับการสอบ นะโมตั้งใจอ่านหนังสือตั้งใจเรียน ระหว่างนั้นก็ให้สิงห์ช่วยติวให้ แม้จะไม่มั่นใจแต่ก็ทำเต็มที่ นะโมหันไปหาคนรักที่นั่งให้กำลังใจอยู่ข้างไม่ห่าง

    00.00น.

    คลิกๆ ๆ ๆ ๆ เสียงคลิกเมาส์ระรัวดังไปทั่งทั้งห้องนั่งเล่น นะโมหน้าซีดหลับตาปี๋ไม่มองจอ แต่ก็แอบเหล่มอง จนสิงห์หัวเราะ

    “มึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง กูไม่ดู” พูดจบส้มก็ตบฝาแม็กบุคของตัวเองลง แล้วยกมือปิดหน้า

    “เชี้ยะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ตัสมึง มึงงงงง กูติดแล้วกูได้เรียนแล้ว!! ”

    “หึหึหึ กูบอกแล้วว่ามึงทำได้”

    “แล้วมึงอะ”

    “ชื่อกูก็อย่างใต้ชื่อมึงไง ทำไมง่าว! ”

    ทุกคนต่างตื่นเต้นกับผลสอบ ยิมนั่งนิ่งสูดลมหายใจลึก ก่อนจะค่อยๆ เปิดตาขึ้นมอง

    “.....”

    “ยิมยิม...เงียบทำไม?” นะโมเริ่มใจไม่ดีกับเพื่อน

    “....”

    “ยิมมึง” ส้มรีบหันมาดูเพื่อนสนิท

    “กู กู จะได้เป็นหมอแล้วเหรอวะ จริงเหรอวะ ส้มมึงดูให้กูที”

    “*0* อิยิมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมึง มึง ติดติดหมอจริงๆ”

    “เหลือไอ้เนมกับนะโม”

    “เนมเนม เป็นไงมั้ง” เนมหันมายกยิ้มให้กับพี่ชาย

    “อย่างกูนะเหรอจะพลาดดูด้วยสมองระดับนี้แล้ว”

    “*0* จริงหรอ เราได้ที่เดียวกันใช่ไหม? ใช่ไหม?”

    “เหรอของพี่มึงละ ไหน เปิดดูเร็วๆ”

    “หึหึ เปิดตาก่อนสิครับ”

    “ไม่อาวว พี่จ๋าดูให้หนูหน่อย” หันไปซุกอกกว้างแล้วหลับตาแน่น

    “ไม่เอาหนูต้องดูเอง ดูความสำเร็จของตัวเอง”

    “ฮรืออออ ก็ได้” นะโมเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะหันไปคลิกที่หน้าจอก่อนจะไล่ดูชื่อของตัวเอง

    “!!!!!!!! ”

    “กรี๊ดดดดดดดดด อิลูกมึงได้เป็นหมอหมาแล้ว” พอผลออกมาทุกอย่างก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ทุกคนยิ้มตะโกนโห่ร้องออกมาอย่างดีอกดีใจ นะโมยังคงยืนอึ้ง พร้อมกับถามคนอื่น ๆ ว่าใช่หรอ จริงหรอ พอรู้ว่าได้จริงๆ ก็ปล่อยโฮออกมา ทุกคนกอดกัน แล้วร้องไห้ด้วยกัน ต่อไปนะโมจะต้องเจออะไรที่มันหินกว่ามอปลาย นะโมจะต้องเจอเพื่อนใหม่สังคมใหม่ และต้องปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น ๆ

    แน่นอนว่าพอเข้ามหาลัยก็ต้องห่างจากสิงห์เป็นธรรมดา นะโมกับเนมพักอยู่ในคอนโดใกล้มหาลัยและแน่นอนสิงห์เป็นคนซื้อให้ทั้งๆ ที่เนมก็ปฏิเสธไปแล้ว เพราะตัวเองก็มีเงินไม่ได้ลำบากอะไร แต่สิงห์บอกว่าไม่ได้ซื้อให้เนม ซื้อให้เมีย ทำให้เนมเถียงไม่ออกพอมีเนมไปอยู่ด้วยสิงห์ก็หายห่วงไปเปลาะหนึ่ง ส่วนเพื่อนๆ ที่เหลือก็อยู่ละแวกใกล้เคียงไม่ได้ห่างกันมาก ดีที่ติดที่เดียวกันยังพอดูแลกันได้ ช่วงแรกของชีวิตวัยมหาลัยนะโมลำบากนิดหน่อยเรื่องการสื่อสาร กับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะช่วงรับน้อง วันแรกก็ทำเอาว่าที่สัตวแพทย์ถึงกับน้ำตาร่วง เพราะพี่วากเสียงดังใส่ แถมยังโดนรุ่นพี่แกล้งเล่น เพราะหน้าตาน่ารักบวกกับความใสซื่อทำให้เป็นเป้า แต่ก็ผ่านช่วงนั้นมาได้เพราะมีเพื่อนที่นั่งข้างกันช่วยเอาไว้

    “ฮึก ฮึก ทำไมต้องเสียงดังด้วย ฮรือออ เป็นบ้าหรอ ฮึก เราจะกลับบ้านนน” เสียงร้องไห้จ้าของนะโมทำเอารุ่นพี่ถึงกับไปไม่เป็น ต้องให้พี่ฉันทนาการมาปลอบ

    “อ๊บอ๊บ ฮึก อ๊บอ๊บพาเรากลับบ้านที ฮรืออ น่ากลัว” กบ หรืออ๊บอ๊บที่นะโมเรียก

    ทำหน้าเหวอไปนิดเพราะนะโมเล่นปล่อยโฮใส่ชนิดที่ว่าไม่เก็บเสียงใดๆ พร้อมกับกอดกบไว้แน่นไม่ยอมปล่อย บังเอิญที่ยิมเดินผ่านมาพอดี ยิมรีบเดินไปหา

    “นะโม” ยิมเรียก

    “แงงงงงงงงงง ยิมยิม เรากลัว ฮึก แงง พี่เค้าเสียงดังใส่เรา” เปลี่ยนจากกอดกบมากอดยิมแทน

    “โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัว พี่เค้าไม่ได้ว่าอะไร เค้าแค่เสียงดัง พี่เค้าใจดี” ยิมกอดปลอบ

    “ไม่เชื่อ พี่คนนั้น” ชี้นิ้วไปที่พี่วากคิ้วเข้ม ดวงตาดุคม ทุกคนหันไปมอง

    “เอ่อ พี่ครับอย่าทำหน้าดุแบบนั้น เพื่อผมมันกลัว”

    “นี่พี่ถามจริงเถอะเพื่อนน้องอะมันเต็มบาทไหม มันเอ๋อเหรอ เอะอะร้องไห้ๆ

    “-*- พี่ครับ เพื่อนผมมันปรกติดี มันแค่ขี้ตกใจแล้วก็ขี้กลัว พี่อย่ามาว่าเพื่อนผมว่าเอ๋อนะครับ” ยิมพูดพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ

    “ยิมยิมไม่โกหก เรารู้ตัวเรา ฮึกว่าเราเอ๋ออ ตะ แต่ว่า เราใกล้หายแล้วด้วย” พูดดด้วยเสียงตะกุกตะกัก แล้วเหลือบมองคนรอบๆ กายๆ อย่างกังวลนิดๆ มีหลายคนยกมือขึ้นปิดปาก เพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะไม่ปรกติ เพราะดูผ่านๆ ก็ไม่มีใครสังเกตว่านะโมไม่ปรกติ

    “เอ่อ คือ พี่เพื่อนผมมันไม่เหมือนคนอื่นพี่ช่วยใจดีกับมันนิดนึงได้ไหมพี่”

    “เออๆ แล้วก็ไม่บอก ว่าแต่น่าตามันน่ารักดีเนอะ”

    “ไอ้ขิม มึงนี่หยุดม้อสักวันจะได้ไหม กูรู้นะที่มึงแกล้งน้องมันก็เพราะอยากจีบ” พี่วากอีกนพูดว่าใส่

    “เสือกเก่งละเกิน เออๆ เดี๋ยวกูดูให้”

    “อ่อ พี่ เพื่อนผมอะดูได้แต่ตานะพี่มือย่าต้องเจ้าของเค้าหวง” ยิมพูดทิ้งท้ายเอาไว้

     

    วันเวลาผ่านไปนะโมเริ่มปรับตัวได้และมีเพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน นั้นคือกบ กบเป็นเด็กเหนือ หน้าตาดี ตัวสูง ที่บ้านทำสวนลำไย เป็นเด็กฐานะปานกลาง มีจิตใจที่ดีและตั้งใจเรียนมาก กบคอยสอนในเรื่องที่นะโมไม่เข้าใจ พอสนิทกันกบก็อยู่ในกลุ่มพิทักษ์เอ๋อด้วย ทั้งเนม ยิม ส้ม ซีตัสและปิงผลัดเปลี่ยนกันมาหานะโม พาไปเที่ยว พาไปกินข้าว ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ส่วนสิงห์จะลงมาหานะโมทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ เรียกได้ว่าคิดถึงเมื่อไหร่ก็มาหา ไม่มีใครออกนอกลู่นอกทางแม้ระยะทางจะไกลกัน แต่หัวใจของคนทั้งคู่ไม่เคยออกห่างกันเลย

    พอชั้นปีสูงขึ้นนะโมเรียนหนักขึ้นและมีเวลาให้สิงห์น้อยลง บางครั้งสิงห์ก็เกิดความกังวลจนคิดมากสิงห์ไม่อยากทะเลาะ เขาเชื่อในตัวนะโม ว่าน้องจะไม่นอกใจเขา แต่พอเข้าช่วงปีที่หกที่ต้องเก็บชั่วโมงฝึกงาน ทำให้เขาหายคิดถึงนะโม เพราะเจ้าตัวเลือกมาฝึกที่คลินิกของเขา ส่วนเพื่อนๆ ตอนนี้เรียนจบมีงานทำกันไปหมดแล้ว ส้มแม้จะไม่ได้เดินตามเส้นทางที่ฝันไว้แต่ส้มก็ได้งานที่ตัวเองชอบและถนัดนั่นคือนักเขียนบทละคร ทำงานอยู่เบื้องหลัง ยิมเป็นหมอที่โรงพญาบาลเดียวกับไม้เมือง ซีตัสเป็นวิศวกรเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง โดยมีปิงช่วยงานด้วย และที่สำคัญทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน ส่วนเนม จบออกไปแล้วก็ต้องไปต่อโทที่แคนนาดา เพราะเขาต้องขึ้นเป็นผู้บริหารของบริษัทที่เขาเทคโอเวอร์คืนกลับมาจากที่พ่อของเขาได้ขายไป

     

    6 ปี ผ่านไป ไวเหมือนโกหก ในวันที่นะโมเรียนจบ

     

    ร่างบางในชุดครุยที่มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ทั้งกบและนะโมยืนยิ้มให้กันที่รายล้อมไปด้วยเพื่อนรักที่มาร่วมยินดี มันเป็นวันสำคัญเป็นวันแห่งความภาคภูมิใจ วันที่เขาจะได้ทำหน้าที่ของหมอหมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ ได้สานฝันให้คนรัก และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักมาตลอด ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มีพ่อแม่มาร่วมยินดี เขารู้ว่าพ่อแม่จะต้องภูมิใจในตัวเขาแน่นอน นะโมหยิบรูปหลวงตาขึ้นมาแล้วเรียกให้ต้าร์มาถ่ายรูปให้ ใบหน้าหวานยิ้มแย้ม กอดรูปของหลวงตาที่เปรียบเสมือนพอเอาไว้แน่น

    “หลวงตาจ๋าหนูทำสำเร็จแล้วนะ หนูทำได้อย่างที่หลวงตาหวังเอาไว้ หนูเรียนจบแล้ว หนูมีชีวิตที่ดี อย่างที่หลวงตาต้องการแล้ว หลวงตาไม่ต้องห่วงหนูแล้วนะ” พูดจบก็แหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ตอนนี้เขาลบล้างคำสบประมาท คำดูถูกดูแคลนทั้งหมดได้แล้ว เขาจะกลับบ้านไปอย่างภาคภูมิใจ ไม่ต้องอับอายที่ตัวเองเป็นออทิสติกอีกต่อไป

    “ไอ้เอ๋ออ ของกูเก่งที่สุดเลย” ต้าร์เดินมายืนเคียงข้างพร้อมกับดึงคนตัวเล็กมากอดไว้

    “ใช่ไหมละ ถ้าพี่ต้าร์ป่วยก็มาหาหนูได้นะรักษาฟรี ^^”

    “กวนตีนกูเหรอ กูคนไม่ใช่หมา! ”

    “ฮรี่ๆ”

    ทั้งช่อดอกไม้ตุ๊กตาป้ายจบการศึกษาวางรายล้อมข้างกายทั้งกบและนะโมทุกคนมาร่วมยินดีกับคนทั้งคู่เรียกได้ว่าไม่ว่าใครๆ ก็ต่างพากันมองมาที่กลุ่มนี้หมด จะไม่ให้มองได้ไง เพราะกลุ่มของนะโมมีแต่คนหน้าตาดีทั้งนั้น ยกเว้นสิงห์ที่ยังมาไม่ถึง เพราะติดงานที่สิงค์โป ร่างเล็กเฝ้าแต่ชะเง้อมองหาคนรักที่ยังมาไม่ถึงจนกระทั่ง เสียงไลน์ดังขึ้น พร้อมกับข้อความขอโทษจากคนรัก นะโมนั่งนิ่งและฝืนยิ้มออกมาก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปว่าไม่เป็นอะไร เพื่อนอยู่ด้วยเยอะพี่จ๋าไม่ต้องเป็นห่วง ร่างเล็กนอยส์ไปเลยทันที เวลาร่วงเลยจนถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านจริงๆ แล้ว

    นะโมแอบหวังว่า พี่จ๋าของตัวเองจะกลับมาทันถ่ายรูป แต่ก็ไม่ เนมและคนอื่น ๆ พากันสังเกตว่านะโมไม่ยิ้มตั้งแต่รู้ว่าสิงห์จะมาไม่ทันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาทั้งหมดนั่งเครื่องบินกลับมาด้วยกัน

    “พี่จ๋ายังไม่กลับเราไปนอนกับเนมเนมนะ”

    “อ่า เอ่อ ก็ได้ ไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านก่อนก็แล้วกัน” เพราะจับได้ในน้ำเสียงของคนพี่ว่ากำลังน้อยใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

    “เอ้อ พี่มึงคืออยากกินข้าวมันไก่อะหิว แวะซื้อก่อนได้ปะ”

    “อืม ก็ได้” พูดด้วยเสียงเหนื่อยๆ ใช่วันนี้เหนื่อยมาก เหนื่อยจนจะหลับกลางอากาศ พอคนพี่อนุญาติก็แวะร้านข้าวมันไก่สั่งใส่ห่อ สิบกว่าห่อเผื่อคนที่กำลังตามมาด้วย

    “เนมเนม เราง่วงเมื่อไหร่จะเสร็จ”

    “เออ ได้ละเนี่ยะ ไปๆ (กำลังจะกลับ อีกห้านาทีถึง) ” ร่างสูงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปขึ้นรถ

    “ช้าอะ เนี้ยะลูกเจี๊ยบคิดถึงเราแย่แล้ว” ปากก็พูดแต่ตานี้ปรือจนจะปิด

    “แหม่ เคยขี่ยัง ถามหาบ่อยกว่าผัวตัวเองอีก”

    “-3- “

    “พี่มึง ถึงบ้านแล้วลงไปเอาเสื้อผ้าไป” เนมเขย่าร่างของพี่ชายที่นอนหลับอยู่ที่เบาะข้างๆ ปลุกให้ไปเอาเสื้อ

    “งืมมมม ได้ๆ รอแปปนะ”

    “อืม..เอ่อ พี่..โชคดีนะ”

    “อะไรของเนมเนม รอนี่นะห้ามทิ้งเรา ถ้าทิ้งเราโกรธ”

    “เออ ไม่ทิ้ง”

    ร่างบางเดินเข้าไปในตัวที่ปิดไฟมืด แต่พอเปิดประตูเข้าไปกลับพบแสงเทียนสว่างไสว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกลีบกุหลาบรอยฟุ้ง ร่างเล็กดูตกใจกับสิ่งที่ได้เจอ ทางเดินเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ และรูปของตัวเองติดเต็มไปหมดรอบด้าน ทั้งที่ห้อยมากับสายริบบิ้นสีขาว ใจดวงน้อยเต้นระส่ำ มือเล็กจับดูรูปของตัวเองทุกใบ และส่วนใหญ่เป็นรูปที่ถูกแอบถ่ายเกือบทั้งหมด ดวงตากลมใสรื้นน้ำตาขึ้นทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน ร่างสูงของสิงห์อยู่ในชุดสูทสีดำในมือมีช่อดอกไม้ช่อใหญ่ มันเป็นดอกกุหลาบสีขาวและสีแดง

    “ฮึก..นี่มันอะไรกันครับ ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ ฮึก” ร่างสูงไม่ตอบเขาก้าวเดินเข้าไปหาคนรักพร้อมกับยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้

    “หนูไม่เหมาะกับน้ำตารู้ไหมครับ” มือหนายื่นออกไปเช็ดน้ำตาบนแก้มนิ่ม เขามอบรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ตอนเช้าให้กับคนตรงหน้า ดวงตาคู่คมมองคนตรงหน้าด้วยความรัก นะโมไม่ได้ต่างไปจากเดิม น้องยังน่านัก น่าทะนุถนอมใสสายเขาเสมอ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    “ฮึกพี่จ๋า ทำไมไม่ไปหาหนูที่มหาลัย ฮึกหนูรอถ่ายรูป”

    “ขอโทษนะครับที่ทำให้รอ อย่าโกรธพี่เลยนะ”

    “ฮึก ไม่โกรธ หนูไม่โกรธหรอก แต่ หนู น้อยใจ ฮึก” พูดตอบคนตัวสูงด้วยเสียงสะอื้นฮัก จนเขาต้องดึงตัวไปกอด

    “ไม่โกรธก็ต้องไม่ร้องไห้นะครับ”

    “ฮึก...”

    “พี่มีอะไรหลายอย่างที่จะบอกหนู หนูพร้อมที่จะฟังพี่ไหมครับ” ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

    “ครับ” ใบหน้าหวานซุกอยู่กับอกแกร่งพักหน้าเบาๆ

    “ถ้าอย่างนั้น ตั้งใจฟังให้ดีนะครับ”

    “.....”

    “นะโมครับ ..ตอนนี้พี่พร้อม พร้อมที่จะดูแลหนูไปตลอดชีวิต พี่พร้อมที่จะทำทุกๆ อย่างเพื่อหนู พี่อยากใช้ชีวิตร่วมกันกับหนูที่ไม่ใช่สถานะ ผู้ปกครอง แต่ในฐานะสามี ในฐานะคู่ชีวิต แล้วหนูละอยากจะใช้ชีวิตร่วมกันกับพี่ไหม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่จะอยู่เคียงข้างหนูเสมอ พี่จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ที่ผ่านมาพี่อาจจะดูแลหนูได้ไม่ดี แต่ต่อจากนี้ไป พี่สัญญาว่าจะดูแลหนูให้ดีที่สุด

    “....อึก...ฮึก...”

    “พี่รักหนูนะ แต่งงานกับพี่นะครับ”

    “ฮึก...” มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ ดวงหน้าขาวยิ้มรับทั้งน้ำตา

    “ฮึก..แต่ง..แต่งสิ ถ้าไม่แต่กับพี่จ๋าจะให้หนูไปแต่งกับใครละ หนูรักพี่จ๋ามากมายขนาดนี้ มากจน ไม่เหลือไว้ให้ใครแล้ว”

    “ครับพี่ก็รักหนูจนไม่เหลือไว้ให้ใครแล้วเหมือนกัน” สิงห์จับมือบางขึ้นมาสวมแหวนที่เตรียมไว้ แหวนเงินแท้ฝังเพชรเม็ดงามเอาไว้ตรงกลางเป็นสัญลักษณ์แทนใจและเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน สิงห์ดึงคนตัวเล็กมาจุ่มพิษท่ามกลางสักขีพยานที่แอบหลบมุมดูอยู่ จูบดูดดื่มที่ใครมองก็ต้องเขินหน้าแดง ทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย สบตากันเนิ่นนานราวกับสื่อสารผ่านทางใจ สองมือจับกันแน่นและไม่มีวันที่จะแยกจากกัน

    “พี่สิงห์...นะโมขอบคุณพี่มากๆ เลยนะครับที่ทำให้นะโมมากมายขนาดนี้ ขอบคุณที่ฉุดรั้งผมขึ้นมาจากโคลนตม ขอบคุณที่เติมเต็มผมจากเด็กเอ๋อที่ไม่มีใครเหลียวแลให้กลายมาเป็นนะโมในวันนี้ มันมีค่าสำหรับผมมาก พี่สอนผมให้รู้จักการใช้ชีวิต พี่สอนผมให้รู้จักความรัก สอนในเรื่องที่ผมไม่รู้ และไม่รังเกียจเด็กปัญญาอ่อนแบบผม พี่เป็นแฟนที่ดี ทั้งชีวิตนี้ผมยกให้พี่หมดแล้ว นะโมรักพี่สิงห์นะครับ”

    “ต่อจากนี้เราจะใช้คำว่าแฟนไม่ได้แล้วนะ ต้องใช้คำว่าสามีและภรรยา สามีที่จะรักแต่ภรรยาคนนี้ตลอดไป”

    สิ้นเสียงทุกคนก็โห่ร้องยินดี พร้อมกับโปรยดอกไม้ใส่คนทั้งคู่ นาคยืนกอดกรยิ้มหวานอยู่ตรงมุมเสา เขากำลังมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้สายตาภาคภูมิใจส่งไปให้ลูกชายคนเล็ก วันนี้ลูกเขาหล่อจริงๆ

    มันเป็นคำสัญญาที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยแค่วาจา แต่เป็นสัญญาที่มาจากใจ

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนทั้งคู่ก็จะจับมือฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน

    ตราบจนสิ้นลมหายใจ

     

    ......

    บทส่งท้าย

     

    หลังจากงานแต่งงานของซีตัสกับปิง ก็ถึงคิวงานแต่งของผม จากเด็กออทิสติกในวันนั้นเด็กชายในชุดมอซอๆ เนื้อผ้าที่ปะแล้วปะอีก จนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้ปะ มาในวันนี้เขาได้ใส่ชุดหรูชุดสุทสีขาวมีโบหูกระต่ายสีแดงน่ารักสวมทับตรงปกเสื้อ กำลังส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก่อจะออกไปพบกับคนที่รักสุดหัวที่รออยู่ด้านนอก เขาตื่นเต้นจนตัวสั่น กังวลจนกัดเล็บตัวเองข้างกายมีเพื่อนร้อมลอบและพยายามจะไม่ให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนเกินไป ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มด้วยรองพื้นบางเบาริมฝีปากอวบอิ่มถูกทาทับด้วยลิปมันสีอ่อนดูสุขภาพดี ทรงผมถูกเซตมาอย่างดี เขาหล่อและน่ารักในเวลาเดียวกัน

    พอใกล้ถึงเวลาสองขาก้าวไปยืนรอที่ประตูบานใหญ่ ที่ด้านหลังประตูบานนั้นมีหัวใจของเขารออยู่ มือบางค่อยยกและออกแรงผลักมันออก ตอนนี้เขาพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างหัวใจดวงนั้นแล้ว ...

     

    …The End..

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาจนถึงบทสุดท้ายนะคะ ไรท์อาจจะทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง เขียนผิดบ้างตกหล่นบ้าง แต่อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าไรท์ตั้งใจเขียนนิยายเรื่องนี้มาจากหัวใจ ตั้งใจเขียนมากๆ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันนะคะ ถ้าไม่มีทุกคนที่คอยให้กำลังใจ นิยายเรื่องนี้อาจจะไม่ถึงฝั่งฝัน สุดท้ายขอให้ทุกคนมีความสุขกับนิยายของไรท์นะ เจอกันใหม่ กับไม้กันหมา+อสุรา ล่ารักที่ดองไว้จะปีแล้ว ฝากไปให้กำลังใจสองเรื่องนี้ด้วยนะคะ

    ปล.

    Sp.ของนะโมมีแล้วจะมาบอกนะ

    จะเป็นชีวิตหลังแต่งงานของคนทั้งคู่ค่ะ

     

     

    sds

     

     

    sds

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×