NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอ้เอ๋อ my stupid's boy

    ลำดับตอนที่ #8 : 07

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 62





    07




              มันจะมีอะไรเหนื่อยไปกว่าการคุยกับไอ้เอ๋อไปได้อีก เหนื่อย! เหนื่อย! ในใจของไอ้ต้าร์มันกรีดร้องออกมาอย่างหนัก ทั้งที่มันควรจะเข้าใจไอ้เอ๋อมากกว่าใคร แต่ครั้งนี้มันเหนื่อยจริงๆ

              “ไอ้เอ๋อ กูบอกว่าให้ใช้ขาเตะไม่ใช่ ใช้มือจับลูกแล้ววิ่ง! ” เสียงตะโกนรอบที่สิบของไอ้ต้าร์ดังลั่นสนามบอลที่ลานอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน ไอ้เอ๋อใส่เสื้อยืดย้วยๆ ตัวเก่งกับกางเกงบอลสีเข้มหลวมๆ รัดด้วยเชือกฟางที่ไอ้ต้าร์มันบันจงมัดให้อย่างดี รวมถึงผมที่มัดเป็นจุกอยู่ด้านหน้า เหตุเพราะมันยาวลงมาปิดยังสายตา แต่ดูเหมือนไอ้ต้าร์มันจะคิดผิด เพราะตั้งแต่ไอ้เอ๋อมันก้าวเท้าเข้ามาที่สนามเสียงโห่ร้องแซวมันก็ดังขึ้นติดๆ จนไอ้คนที่มัดจุกให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันตา (//มองเหี้ยอะไรนักหนา เดี๊ยวก็ควักลูกตาแมร่ง//) 

                   ไอ้ต้าร์มันได้แต่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะใส่เพื่อนๆ อย่างคนที่ทำอะไรมากไม่ได้ แถมตอนนี้ไอ้เอ๋อมันก็รู้จักอาบน้ำเช้าเย็นไม่ทำตัวมอมแมมแบบเมื่อก่อนแล้ว เรียกได้ว่าเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง มันเผยเนื้อแท้ออกมาจนทุกคนตะลึง และคนที่บอกที่สอนให้มันทำตัวสะอาดๆ ก็ไม่ใช่ใคร พี่จ๋าของมันนั่นแหละ เชื่อฟังกันดีจนไอ้ต้าร์มันนึกหมั่นไส้

              “อ้าววว หรอ แฮะๆ” มันยืนเกาหัวอยู่กลางสนามพร้อมกับหัวเราะออกมาแบบเขินๆ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่ให้มันเล่นด้วย

              “วางลูกลงสิวะ! แล้วใช้ขาเตะมันส่งมาให้กู” เสียงของต้าร์สั่งกำกับไอ้เอ๋อไม่หยุด ทุกๆ คนในทีมดูเหมือนเห็นเป็นเรื่องสนุก ทุกคนขำ ทุกคนหัวเราะ ไม่ได้แสดงท่าทีลำคานแต่อย่างใด บางคนช่วยสอนบางคนก็ช่วยด่า วันนี้ถือว่าเป็นการเล่นฟุตบอลที่เหนื่อยที่สุดทีเคยเล่นมา แต่ก็สนุกกว่าวันไหนๆ เล่นกันจนมืดตะวันตกดิน ไอ้ต้าร์ก็พาไอ้เอ๋อกลับวัด อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยก็พากันหาข้าวกิน ก็ข้าวจากงานศพลุงชานั่นแหละอิ่มอร่อยไปสามมื้อไม่เสียตังสักบาท เพราะสำนึกในบุญคุณ 

                   วันนี้พวกมันทั้งสองคนเลยอยู่ช่วยงานศพลุงชาเป็นการตอบแทน ทั้งเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารเป็นการทดแทน ไอ้เอ๋อมันทำได้ดีเพราะมันทำบ่อย มันชอบที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ เสมอ เวลาสี่ทุ่มหลังจากล้างจานเสร็จก็พากันกลับกุฏิ อาบน้ำอีกรอบเพราะเหนียวเหงื่อไคก่อนจะเตรียมตัวเข้านอน พวกเขาเหนื่อยจนไม่กางมุ้งนอนด้วยซ้ำ ไอ้เอ๋อมันไม่ลืมที่จะประแป้งหน้าขาวแล้วนอนลงข้างๆ ลูกพี่ของมันด้วยความอ่อนล้า

         “พี่ต้าร์ พรุ่งนี้เราไปตกปลากันมะ” มันเอ่ยชวนลูกพี่ของมันด้วยเสียงยานๆ จะหลับแหล่มิหลับแหล่มันพลิกกายหันหลังไปกอดหมอนข้างแล้วเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงเพื่อเกาตูด มันละเมอยิ้มออกมานิดๆ

         “ = = พรุ่งนี้กูไปเรียน เอาไว้วันไหนกูมีเรียนแค่ภาคเช้ากูจะพาไป” เสียงทุ้มติดเก๊กนิดๆ เอ่ยตอบมันแต่ไอ้ต้ากลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ ตอบกลับมา มีแต่เสียงที่ฟังแล้วชวนให้มันหงุดหงิด

         “คร๊อกกกก ฟี้ คร๊อกกกฟี้” นี่มันไม่ได้ฟังคำตอบของไอ้ต้าร์สักนิดถามจบก็หลับเลย ไอ้ต้าร์มันยกมือจะเขกหัวไอ้เอ๋อ โทษฐานหลับตอนที่มันกำลังพูด แต่ทว่ามือที่มันยกกลับไม่ได้ฟาดลงไปแต่อย่างใด มันกลับใช้ความรู้สึกทั้งหมดของมันมองไปที่ไอ้เอ๋อ สายตาของมันบ่งบอกทุกอย่างว่ามันรู้สึกยังไงกับไอ้เอ๋อ ไอ้ต้าร์ค่อยๆ ลดมือลงและลูบหัวของไอ้เอ๋อเบาๆ มันใช้มือข้างหนึ่งเกลี่ยปอยผมให้พ้นใบหน้า ก่อนจะค่อยๆ ยื่นใบหน้าหล่อๆ ของมันเข้าใกล้ใบหน้าหวานๆ ของไอ้เอ๋อ...อีกนิด....อีกนิด..ก่อนที่ริมฝีปากจะประทับลงบนริมฝีปากอีกคนอย่างแผ่วเบา มันถอนตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ

         “กูชอบมึงนะ ไอ้เอ๋อ” ไอ้ต้าร์บอกความในใจออกไปแล้วแต่คนหลับมันไม่ได้ยินหรือรู้สึกอะไรหรอก เพราะว่าคนที่มันบอกหลับสนิทไปนานแล้วปล่อยให้มันนอนใจเต้นแรงอยู่คนเดียวจนเกือบค่อนคืน

    .



                   สามวันแล้วที่ไอ้เอ๋อมันไม่เจอพี่จ๋าของมัน ตาก็คอยมองหูก็คอยฟังว่าเสียงมอเตอร์ไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เมื่อไหร่จะแล่นเข้ามา มันนั่งซักผ้าอยู่ที่หลังกุฏิ มือเล็กๆ ขยำจีวรของหลวงตากับน้ำแฟป ไอ้เอ๋อมันชอบฟองเยอะๆ มันเลยใส่แฟบไปหมดถุง จนโดนหลวงตาดุบ่อยๆ เพราะมันล้างแฟบออกไม่หมด

                   วันนี้มันก็ทำเหมือนเดิม ฟองท่วมหัวท่วมหูมันไปหมด มันเอาฟองที่ตั้งเป็นยอดวางไว้บนหัว แตะไว้ที่แก้มทั้งสองดูตลกๆ แต่มันชอบ กว่าจะซักเสร็จก็เปียกเหมือนมันอาบน้ำ ไอ้เอ๋อเอาจีวรหลวงตากับเสื้อผ้าของมันไปตากที่ราวลวดที่ทำจากลำไม้ไผ่ตอกเป็นเสาสี่ด้านแล้วขึงลวดรอบด้านมันค่อยๆ ตากอย่างบันจงจนครบทุกตัว

                   บรื้นๆ เสียงรถดังคุ้นหูแล่นเข้ามาจอดที่ลานหน้ากุฏิ ไอ้เอ๋อมันทิ้งกะละมังที่กำลังจะแขวนเก็บลงกับพื้นแล้ววิ่งไปหน้ากุฏิทันที

              “พี่จ๋า...^0^” มันโผเข้ากอดสิงห์ทันที

              “หึหึ ทำอะไรอยู่ครับ ถึงได้เปียกแบบนี้หืมมม” สิงห์ดันไอ้เอ๋อแล้วมองสำรวจ

              “ซักผ้า” มันตอบเสียงใส

              “ซักผ้าหรือเล่นน้ำครับ ดูสิฟองเต็มหัวเลย” สิงห์ใช่มือปัดฟองออกจากหัวของไอ้เอ๋อ

              “คึคึ พี่จ๋ามาทำไร” ไอ้เอ๋อมันไม่ได้สนใจสิ่งที่สิงห์ถามสักนิดมันอยากรู้ว่าพี่จ๋าของมันมาทำอะไร มาหามันรึเปล่าเท่านั้นเอง ใบหน้าหวานๆ ของไอ้เอ๋อเอียงไปเอียงมา

              “มาหานะโมไง พี่คิดถึง^^”

              “นะโมก็คิดถึง><” เป็นคำตอบที่ถูกใจมันมาก มันส่งยิ้มซื่อๆ ไปให้อีกคน สิงห์จับเสื้อผ้าเปียกๆ ของมันแล้วทำหน้าดุๆ แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนแสดงถึงความเป็นห่วง

              “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่ารับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาอีก”

              “อื้อ” รับคำก็วิ่งหายไปหลังกุฏิ กลับมาอีกทีมันก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อย

                   วันนี้สิงห์ตั้งใจจะพาไอ้เอ๋อมันไปดูบ้านที่เขาพึ่งจะรีโนเวจเสร็จ กะให้มันไปทำความคุ้นเคยเอาไว้ เขาเลยจะมาคุยกับหลวงตาเรื่องจะจ้างไอ้เอ๋อมันทำความสะอาดบ้านพักอาทิตย์ละห้าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เขาจูงไอ้เอ๋อขึ้นไปหาหลวงตาที่โบถ

              “อ่าวโยมสิงห์ มีธุระอะไรรึเปล่า” หลวงตาเอ่ยทักเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินมากับไอ้เอ๋อ

              “นมัสการครับหลวงตา^^” สิงห์ตอบเสียงสุภาพพร้อมกับยกมือไหว้

              “มีเรื่องอะไรรึเปล่าโยม ถึงได้มาหาอาตมาถึงที่นี่” หลวงตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ไอ้เอ๋อ อย่างพิจารณา หลวงตาเองก็พอจะรู้ว่าสิงห์มาด้วยเรื่องอะไร เขาพอคิดไว้บ้างแล้วถึงเรื่องของไอ้เอ๋อ

              “พอดีว่าผมจะมาขอหลวงตา เรื่องนะโมนะครับ” เป็นดั่งที่หลวงตาคิด หลวงตาบัวหน้าตึงขึ้นมานิดๆ

              “เรื่อง?”

              “ผมจะจ้างนะโมไปทำความสะอาดบ้านนะครับ”

              “.....”

              “ผมจะจ้างน้องเดือนละ หนึ่งหมื่นแปดพันบาท รวมถึงค่าที่อยู่และค่ากิน” สิงห์เว้นจังหวะหลวงตากำลังคิด เงินก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้านะโมมันมีเงินเก็บบ้างเขาก็พอจะเบาใจ แต่พอมาคิดๆ ดูทำทุกวันแบบนี้นะโมไม่ต้องไปอยู่กับสิงห์หรอกหรือ? จะไว้ใจได้ไหม? กับผู้ชายที่แค่เอ็นดูนะโม หลวงตาคิด

              “หมายความว่านะโมต้องไปอยู่กับโยมที่บ้านด้วยอย่างนั้นเหรอ?” สีหน้าหลวงตาดูจะตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าสิงห์จะใช้วิธีนี้เพื่อหว่านล้อมตน

              “ครับ อีกอย่าง ผมมีเพื่อนที่เป็นหมอเฉพาะทางเกี่ยวกับอาการของนะโม ผมจะรักษาน้องควบคู่ไปด้วยหลวงพ่อคิดเห็นว่ายังไงครับถ้าผมจะพานะโมไปอยู่ด้วย” สิงห์ยิ้มด้วยรอยยิ้มการค้าอย่างเต็มที่

              “เอาอย่างนี้ละกันนะโยมสิงห์ อาตมาคงต้องถามความสมัคใจของนะโมก่อน เรื่องแบบนี้อาตมาบังคับนะโมมันไม่ได้หรอก” หลวงตาแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะข้อเสนอที่จะรักษานะโมมันทำให้หลวงตาเริ่มใจอ่อน สิงห์จับสีหน้าของหลวงตาได้เขาจึงเริ่มเพิ่มข้อเสนอให้อีก

              “ถ้าหลวงตาให้น้องไปอยู่กับผม น้องจะได้เรียนหนังสือ ผมจะให้น้องลงเรียนศึกษาผู้ใหญ่แล้วสอบเทียบเอา ผมจะส่งน้องเรียน”

              “แต่ไอ้เอ๋อมันไม่มีหัวทางด้านเรียนหรอกนะโยม” หลวงตาพูดด้วยน้ำเสียงติดกังวล

              “แต่น้องก็เรียนจบ ม.3ไม่ใช่เหรอครับ? ผมมั่นใจว่าน้องทำได้”

              “ก็พึ่งจะจบเมื่อตอนอายุ18นี่เอง ยากนะโยมที่จะเข็นนะโมมันขึ้นภูเขา” หลวงตาบัวถอนหายใจหนักๆ

              “ไม่มีอะไรสายเกินเรียนหรอกครับหลวงตา ขอแค่น้องมีโอกาส”

              “อะ ...เอ่ออ คืออ พี่จ๋า ปะปล่อยมือนะโมหน่อย” ใช่ตั้งแต่เดินมาที่โบถ์สิงห์ยังไม่ได้ปล่อยมือไอ้เอ๋อมันเลย มือเล็กๆ พยายามจะบิดออกแต่สิงห์ไม่ยอมปล่อย หันมาอีกทีก็เห็นไอ้เอ๋อมันยืนบิดไปมาท่าทางพิกล

              “เป็นอะไรของเอ็ง ห๊ะนะโม” หลวงตาเอ่ยถาม

              “ฉะ ...ฉี่ หนู ปวดฉี่ อร๊ายยย จะไม่ไหวแล้ว พี่จ๋าปล่อยหนูก่อน” ไอ้เอ๋อแทบจะกรีดร้องออกมา มันเอามือกุมไข่เอาไว้ พร้อมกับทำหน้าทรมาน

              “เอ้า แล้วก็ไม่บอก” สิงห์รีบปล่อยมือ พอเป็นอิสระไอ้เอ๋อมันก็รีบวิ่งหายไปเลย ส่วนสิงห์ก็ยืนรอคำตอบจากหลวงตาไปด้วย

    หลังจากเข้าห้องไอ้เอ๋อมันเดินกลับมา กางเกงที่ใส่เปียกนิดๆ แสดงว่ามันเกือบไปเข้าห้องน้ำไม่ทัน ไอ้เอ๋อมันยิ้มแห้งๆ พร้อมกับกำเป้ากางเกงชื้นๆ ของมัน

              “หนู ถอดกางเกงไม่ทันมันเลย..งือออ” แก้มป่องๆ ของมันขึ้นสีแดง มันคงจะอายที่ฉี่รดกางเกงแบบนั้น สิงห์แกล้งทำสายตาล้อๆ

              “งื้ออออ พี่จ๋าล้อนะโมT^T”

              “หึหึ ไม่ได้ล้อครับ” สิงห์อมยิ้มกลั้นขำเอาไว้

              “โกหก ก็เห็นว่ายิ้มล้ออยู่คิดว่านะโมโง่รึไงเชอะ-3- “

              “อย่าพึ่งโกรธ สิ ^^ พี่มีอะไรจะถามเรา”

              “หึ-3- มีอะไรละครับ” มันพูดด้วยเสียงที่ขึ้นจมูก (มีความพัฒนาด้านอารมณ์เหมือนกันนะไอ้เอ๋อ)

              “เราสนใจไปทำงานที่บ้านพี่ไหม”

              “ทำงาน เหรอ ทำๆ ได้ตังค์ไหม ผมอยากได้ตังเยอะๆ มาให้หลวงตากับน้องๆ” มันยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

              “หลวงตาจ๋าให้หนูทำนะ หนูอยากทำ น้า น้า ให้หนูทำนะ” มันอ้อนตาใสหลวงตาอึกอัก ตอบไม่ถูก

              “เอาเป็นว่าตกนะครับหลวงตา น้องตอบแบบนี้” สิงห์ยิ้ม ผิดกับอีกคนที่ทำหน้าเครียดๆ เหมือนกับว่าตนเองทำอะไรไม่ได้แล้วอย่างนั้น

              “แล้วแต่โยมเถอะ อาตมาคงค้านอะไรไม่ได้ในเมื่อนะโมมันอยากทำ” พอได้ยินคำตอบสิงห์ก็ยิ้มกว้างออกมา

              “เย้ๆ แล้วได้ตังเท่าไหร่ หรอ 50 บาทหรอ หรือ100นะโมทำได้หมดเลยนะทั้งกวาดบ้าน ตัดหญ้า ขุดหลุม เลี้ยงน้อง นะโมทำได้หมดเลย” มันกระตือรือร้นเสนองานที่ตนเองเคยทำและจำนวนเงินที่เขากดขี่มัน คนฟังพอได้ยินก็รู้สึกหดหู่ในใจ สิงห์หันไปยิ้มเอ็นดู ส่วนหลวงตาก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาจะลองวัดใจกับสิงห์ดูสักตั้ง เพื่ออนาคตที่ดีของคนที่เขารักมากที่สุด เขาจะยอมเสี่ยงดู

              “ได้มากกว่านั้นครับ”

              “เหรอ มากพอจะซื้อขนมเลี้ยงน้องได้ไหม *0* “ไอ้เอ๋อตาวาวขึ้นมาทันที

              “ได้ครับ^^”

              “งั้นทำเลย ปะ พี่จ๋า พานะโมไปทำงานเลยนะๆ”

              “ใจเย็นครับ เดี๋ยวได้ทำแน่ๆ ^^ เดี๋ยวพี่พาเราไปดูบ้านนะครับ” สิงห์โอบไหล่นะโมไว้หลวมๆ

              “โยมคิดดีแล้วใช่ไหม การที่โยมทำแบบนี้โยมจะไม่นึกเสียใจทีหลังใช่ไหม โยมจะไม่ทิ้ง เขา จะไม่ทำร้ายเขาเมื่อทำอะไรที่ผิดพลาด นะโมไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ โยมเข้าใจใช่ไหม?” หลวงตาบัวจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาสีเข้ม

              “ครับผมเข้าใจดี หลวงตาไม่ต้องห่วง ผมเอาสัญญาการจ้างงานมาด้วยหลวงตาจะได้สบายใจ นี่ครับเอกสาร” สิงห์หยิบเอกสารการจ้างงานออกจากแฟ้มที่ถือติดมือมาด้วย ยื่นให้หลวงตาอ่านรายละเอียดต่างๆ ในสัญญา

              “พร้อมเซ็นเมื่อไหร่ก็บอกผมนะครับ ผมขอตัวพานะโมไปดูบ้านก่อนนะครับ”

              “ไปเถอะ ฝากนะโมมันด้วยละกัน” หลวงตามองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ที่เดินออกไปด้วยความกังวลใจ เขาไม่ได้ห่วงเรื่องเงินแต่เขาห่วงเรื่องอื่นมากกว่า

              “จะรอดไหมนะโมเอ้ยยย เห้อ”



                   หลังจากบาหลวงตา สิงห์ก็พานะโมมาที่บ้านหลังหนึ่ง บ้านที่พอเห็นแล้วนะดมถึงกับร้องว้าวๆ พร้อมกับตบมือ

              “บ้านที่ผมมาถอนหญ้า พี่จ๋าจะให้นะโมมาถอนหญ้าเหรอ ได้ๆ” ไอ้เอ๋อมันตั้งท่าจะถอนหญ้าที่สั้นโกร๋นอยู่แล้วอย่างเดียวมันถลกแขนเสื้อขึ้น

              “ไม่ใช่ครับ พี่ไม่ได้พาเรามาถอนหญ้า พี่พาเรามาดูบ้านของเราไง” สิงห์รู้สึกใจเต้นแรงนิดเวลาพูดคำว่าบ้านของเรา นี่เขาท่าจะบ้ามากเกินไปแล้ว ใจมันสั่นไปหมด ร่างสูงกำมือนิ่มเอาไว้แล้วจูงขึ้นบันได บ้านทรงไทยประยุกต์ที่รีโนเวทใหม่หมด ด้านในตกแต่งแบบเน้นงานไม้และลายไม้เป็นส่วนใหญ่รวมถึงเฟอร์นิเจอร์เองก็ด้วย ไอ้เอ๋อมันร้องว้าวตลอดการเดินชมบ้าน มันชอบของสวยๆ งามๆ เป็นทุนเดิมอยู่พอได้มาเห็นอะไรแบบนี้แล้วก็ยิ่งอยากมาทุกวัน

              “ชอบไหม ด้านหลังมีสระน้ำด้วยนะ”

              “สระน้ำ เล่นน้ำเหรอ”

              “หึหึ ดูทำหน้าเข้าสิ พี่จ้างมาทำงานนะครับไม่ใช้จ้างมาเล่น” สิงห์ยกมือเขกหัวไอ้เอ๋อมันเบาๆ

              “อร๊ายยย เจ็บนะ”

              “เจ็บเหรอ นี่แหละ เด็กดื้อ” สิงห์เขกหัวไอ้เอ๋อมันอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ในน้ำเสียงของไอ้เอ๋อ

              “หนูไม่ดื้อนะ ไม่ดื้อ” ไอ้เอ๋อหัวเราะคิกคักปฏิเสธเสียงหวาน

              “หึหึหึ นะโมอยากมาอยู่ที่นี่กับพี่ไหมครับ” สิงห์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของไอ้เอ๋อ

              “อยู่ที่นี่เหรอ*0*” เหมือนมันจะดีใจแค่แวบเดียวหน้ามันก็หุบลงเหมือนดอกไม้เหี่ยว จนสิงห์อดที่จะสงสัยไม่ได้

              “เป็นอะไรครับ? ทำไมทำหน้าแบบนั้นละ”

              “ก็ถ้ามาอยู่ที่นี่ใครจะดูแลหลวงตาละจ้ะพี่จ๋า” ไอ่เอ๋อยังห่วงหลวงตาอยู่

              “เอ่อเรื่องนั้น”

              “ถ้าหนูมาอยู่ที่นี่หนูก็จะได้เงินเอาไปให้หลวงตากับน้องๆ ฮรืออออ คิดไม่ออกเลย หนูคิดไม่ออกอะT^T” ไอ้เอ๋อมันกัดปากตัวเอง เพราะความสคิดที่สับสนสองจิตสองใจห่วงหลวงตาก็ห่วงอยากได้เงินก็อยาก สิงห์เห็นท่าทางสับสนของไอ้เอ๋อก็อมยิ้มขำ

              “อยู่กับพี่จ๋านี่แหละดีแล้ว เราจะได้มีเงินซื้อขนมให้น้องมีเงินพาหลวงตาไปหาหมอไง ที่วัดก็มีน้องๆ ดูแลหลวงตาอยู่นะโมไม่ต้องห่วงนะ” สิงห์โน้มน้าวให้ไอ้เอ๋อมันคล้อยตามได้อย่างง่ายดายเมื่อใบหน้าหวานหยดของมันพยักขึ้นลงอย่างช้าๆ

              “ถ้าอย่างนั้นเราไปดูห้องของนะโมกันดีกว่าเนอะ” สิงห์จูงร่างบางให้เดินไปที่ห้องข้างๆ ห้องของตนเอง เขาเปิดประตูไม้บานพับแบบโบราณโดยพับไปด้านหนึ่ง สิ่งแรกที่ไอ้เอ๋อมันเห็นคือเตียงไม้สี่เสา มีโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ทีวีจอใหญ่บนผนังไม้เครื่องปรับอากาศ ที่ไอ้เอ๋อมันไม่เคยได้สัมผัสความหนาวจากมัน ดวงตากลมลุกวาวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น มันปล่อยมือพี่จ๋าของมันแล้ววิ่งวนไปมารอบๆ ห้อง

              “ห้องหนูเหรอ นี่ห้องของหนู” สิงห์พยักหน้ารับ

    “ว้าววววววว*0*” ไอ้เอ๋อตื่นเต้นจนแสดงออกมาทางสีหน้า มันเป็นคนที่ดูออกง่ายมากว่าคิดอะไรอยู่

              “ชอบไหมครับ?”

              “ง่าส์ หนูไม่เคยใช้ หนูไม่รู้หรอกจ้ะว่าชอบหรือเปล่า^-^” ไอ้เอ๋อมันตอบซื่อๆ รอยยิ้มของมันเหมือนน้ำเย็นที่คอยหล่อหลอมหัวใจคนมอง สิงห์ยิ้มละมุนเขาไม่คิดว่าเขาจะยิ้มให้กับเด็กคนหนึ่งซึ่งไม่มีอะไรตรงสเปคเขาสักอย่างแถมยังเป็นออทิสติกอีก แต่ไอ่เอ๋อกลับทำให้เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้โดยง่าย เพียงแค่มันยิ้ม....

    (สิงห์พาท)

                   ผมเป็นหมอสัตว์ซึ่งทุกคนอาจจะรู้จักผมแล้ว แต่ถ้าอยากรู้เรื่องราวของผมมากขึ้นก็แค่อดใจรอ ใครๆ ก็บอกว่าผมนะหล่อ รวย นิสัยดี อบอุ่น และดูเป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ครับผมไม่เถียง แต่ใครๆ คงลืมไปว่าเนื้อแท้ของคนแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อ่า อย่าพึ่งคิดว่าผมนี่ต้องแอบร้ายนะครับ ผมไม่ได้ร้ายโดยสันดาน แต่ผมจะร้ายเมื่อผมอยากจะร้ายเท่านั้น ผมเป็นหนุ่มโสดแต่ไม่ซิง เป็นที่รู้กันในหมู่แก๊งอเวนเจอร์ โดยที่เหล่าบรรดาสาวแท้สาวเทียมเป็นคนตั้งให้ หึหึหึ แค่ชื่อแก๊งก็น่าจะรู้นะครับว่ามันเป็นยังไง ผมไม่เคยเชื่อในรักแท้ ไม่ศรัทธาในความรักบริสุทธิ์ เพราะคนบางคนทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น เธอทำลายความเชื่อของผมไปจนหมด ตั้งแต่นั้นมาผมก็เย็นชากับทุกๆ คนที่เข้ามาหาผม จนกระทั่ง ผมได้สบตากับดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาที่มีแต่ความใสซื่อและความบริสุทธิ์ในนั้น

              “น้องไม่ปรกติ” นั่นคือสิ่งที่ผมได้รับรู้น้องเป็นออทิสติก ที่สมองพัฒนาช้ากว่าเด็กทั่วไปแม้ร่างกายจะเติบโตแต่สมองน้องก็ไม่ได้พัฒนาทันร่างกาย จากการที่ได้สอบถามพูดคุยกับตำรวจและหลวงตาที่เลี้ยงดูน้องมา น้องเป็นเด็กที่น่าสงสาร น้องเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิดแถมร่างกายยังไม่สมบูรณ์อีก นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกสงสารน้องมากๆ และอยากจะรับน้องมาอุปการะ อยากเลี้ยงดูน้องให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ จากแรกๆ แค่สงสารแต่ตอนนี้เริ่มจะสงสัยในตัวเองว่า ผมอาจจะหลงเด็กคนนี้แล้วก็ได้ เพราะไม่ว่าน้องจะทำอะไรหรือพูดอะไรผมจะสนอกสนใจน้องมากกว่าคนอื่นใจอยากแต่จะไปหาน้อง แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าหลงแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ผมไม่เคยพยายามทำอะไรมากมายขนาดนี้ ผมไม่เคยขอร้องใคร แต่กับน้องผมถึงขั้นหาวิถีทางเพื่อที่จะได้น้องมาอยู่ใกล้ๆ

              “พี่จ๋า นี่ประตูอะไรหรอ” น้องเดินไปที่ประตูบานหนึ่ง ประตูที่เชื่อมไปยังห้องของผม

              “ประตูวิเศษ” ผมตอบน้อง น้องมองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ

              “วิเศษเหรอ?”

              “ครับ เวลานะโมกลัว นะโมหิว หรืออยากเจอพี่ นะโมก็แค่เปิดประตู” ผมยิ้มอ่อน

              “*0*”

              “หึหึหึ” นี่ผมไม่ได้โกหกน้องนะ

              ... (จบพาทสิงห์) ...


                        ในรสหวานละมุนมักจะซ่อนรสขมไว้เสมอ สิงห์ยิ้มอย่างพอใจเขาเดินไปเปิดประตูบานนั้นเผยให้เห็นว่ามีห้องนอนอยู่อีกด้านห้องที่ดูเรียบหรูดูแพงกว่าห้องของไอ้เอ๋อหลายเท่า แถมยังดูเท่กว่าอีก ไอ้เอ๋อมันมองอย่างอึ้งๆ มันชอบกลิ่นเมนต์ทอลและกลิ่นหอมภายในห้องของสิงห์ มันชวนให้หลงใหลอย่างที่มันไม่เคยเจอและไม่เคยรู้สึกมาก่อน

              “หอมอะไร” มันพยายามใช้จมูกเล็กๆ ของมันดมหาต้นตอของกลิ่นโดยที่มีสิงห์ยืนกอดอกมองนิ่งๆ ว่ามันจะทำอะไร ไอ้เอ๋อมันเดินดมกลิ่นไปทั่วห้องจนกระทั่ง

                   ปึก..จมูกของมันชนเข้ากับแผงอกกว้างกลิ่นที่มันพยายามหาอยู่ตรงหน้านี้แล้วไอ้เอ๋อมันสูดกลิ่นกายหอมๆ ของสิงห์เข้าเต็มปอดมันใช้จมูกถูไปมาเหมือนลูกแมวเชื่องๆ

              “อยู่ตรงนี้นี่เอง” ไอ้เอ๋อมันพึมพำของมันไปโดยไม่รู้ว่าเลยว่าไอ้คนตัวสูงๆ ที่มันกำลังเอาหน้าถูอกอยู่นั้นรู้สึกใจเต้นแรงขนาดไหน สองมือของสิงห์กำแน่นอย่างอดกลั้น

              “กลิ่นน้ำหอมพี่เอง เราชอบเหรอ” แม้ว่าเสียงของเขาจะสั่นเล็กน้อยตาก็ยังควบคุมได้ดี

              “ชอบจ้ะ” มันตอบด้วยแววตาใสซื่อจนสิงห์แทบจะลบความคิดอกุศลออกไปจากหัวไม่ได้ ดังนั้นเขาต้องเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ ดดยการเปลี่ยนเรื่องให้ไวที่สุด

              “เอ่อ หิวหรือยังเดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน แล้วตอนเย็นเราไปขนของมาไว้ที่บ้านเรากันนะครับ” เย็นไว้ไอ้สิงห์นั่นน้อง น้องที่มึงจะต้องดูแล !!!

              “อื้อ หนูหิวแล้ว” มันลูบท้องแบนราบของมันไปด้วย สิงห์พาไอ้เอ๋อไปกินข้าวในตลาด กินร้านตามสั่งเจ้าประจำ ไอ้เอ๋อมันไม่เคยกินหรอกเพราะมันไม่ค่อยมีเงินที่จะซื้อ ข้าวที่กินแต่ละมื้อก็มาจากข้าวก้นบาตรของที่วัด มันเลยรู้สึกประหม่านิดๆ

              “นะโมอยากกินอะไรครับ” สิงห์เอ่ยถามหลังจากตักน้ำในกระติกใบใหญ่มาสองแก้วเพราะร้านข้างทางต้องบริการตนเอง มันมองไปรอบๆ ร้านจนสายตามันหยุดอยู่ที่ป้ายเมนูอาหารมันรู้ว่าต้องสั่งจากป้ายใหญ่ๆ ป้ายนั้น แต่มันอ่านหนังสือได้ช้าบวกกับความประหม่า ไอ้เอ๋อก็เลยพูดติดอ่างขึ้นมาซะอย่างนั้น

                 “อะ เอ่ออ ผะ ผัด...กะ กะ เพรา หมูกรอบจ้ะ เห้ออ” กว่าจะอ่านได้พี่จ๋าของมันลุ้นแทบตายพออ่านเสร็จมันก็พ่นลมหายใจออกมาดังฟู่พร้อมกับยู่หน้านิดๆ อย่างไม่ชอบใจตัวเองที่ทำอะไรน่าอายอีกแล้ว สิงห์เห็นเข้าพอดีจึงแอบอมยิ้ม

              “ผมเอาผัดพริกแกงไก่ไข่ดาวครับ” สิงห์สั่งของตนเองบ้าง เขามองหน้าไอ้เอ๋อที่เริ่มนั่งยุกๆ ยิกๆ

              “เป็นอะไรครับ”

              “หนูปวดฉี่” พอได้ยินสิงห์ก็รีบลุกแล้วพาไอ้เอ๋อมันไปเข้าห้องน้ำทันที เกือบไม่ทันแบบเมื่อเช้าเสียแล้ว

                   หลังจากเข้าห้องน้ำสิงห์สอนให้ไอ้เอ๋อมันล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำหรือจะกินอาหารโดยค่อยอธิบายว่าถ้าไม่ล้างเชื้อโรคจะเข้ามาทำร้ายทำให้ไอ้เอ๋อป่วยและหมอจะฉีดยา ไอ้เอ๋อมันรีบเข้าใจทันทีเพราะมันไม่ชอบฉีดยา หลังจากนั้นก็พากันกลับมาที่โต๊ะ ที่ตอนนี้มีเด็กช่างนั่งอยู่เต็มร้าน และหนึ่งในนั้นก็มีไอ้พี่ต้าของไอ้เอ๋อนั่งรวมอยู่ด้วย สิงห์มองเห็นตั้งแต่แรกแต่ไอ้เอ๋อยังไม่เห็น ไอ้เอ๋อมันตกใจนิดๆ ที่จู่ๆ คนก็เยอะมากขึ้น แถมมีแต่เด็กผู้ชายหน้าตาโหดๆ ทั้งนั้น มันเลยเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไอ้ต้าร์มันมองเบ้จิปาถะของมันด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะหันไปปะทะสายตากับสิงห์ คนที่อายุมากกว่ายกยิ้มมุมปากพลางนั่งเอนหลังกอดอกอย่างสบายๆ แต่สายตากลับกำลังฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายกับอีกคน จนเสียงๆ หนึ่งดังขัด

              “อ่าวพี่สิงห์ น้องนะโม” เสียงห้าวๆ ของหมอหนุ่มนามไม้เมืองดังขึ้นท่ามกลางเสียโหวกเหวกของเด็กช่างที่พากันมากินมื้อกลางวันที่นี่ เหมือนฟ้าจงใจให้หมอหนุ่มมาเจอกับเด็กช่างตัวแสบที่ร้านนี้ มีสายตาหลายคู่มองผู้มาใหม่พร้อมกับมองเพื่อนตัวเองที่นั่งกัดฟันจนเส้นเลือดขึ้น อะไรมันจะซวยแบบนี้!! ไอ้ต้าร์มันสบถออกมา จากที่หงุดหงิดอยู่แล้วตอนนี้มันหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก

         (“ใจเย็นมึง”)


              “อ่าวไอ้หมอ มากินข้าวเหมือนกันเหรอ มานั่งด้วยกันสิ” สิงห์เรียกรุ่นน้องของตัวเองให้นั่งร่วมโต๊ะหมอหนุ่มนั่งลงข้างๆ ไอ้เอ๋อ

              “ขอบคุณครับพี่ ว่าไงเราสบายดีไหมครับ” ประโยคหลังไม้เมืองหันไปถามไอ้เอ๋อที่นั่งยิ้มหวานส่งไปให้ ไม้เมืองยกมือขึ้นยีผมของไอ้เอ๋อด้วยความเอ็นดู

              “แล้วไปไงมาไงพี่ถึงได้มากับน้องได้ละครับ” หมอไม้เมืองเอ่ยถามพร้อมกับจดรายการอาหารส่งให้ป้าเจ้าของร้าน

              “ก็ไปรับมาจากวัด ว่าจะพาไปอยู่ด้วย” สิงห์พูดเสียงดังหวังให้ใครบางคนได้ยินจนหัวร้อน ซึ่งก็ได้ผล ต้ามันแทบจะลุกไปหาเรื่องสิงห์แต่ก็โดนเพื่อนกดไหล่เอาไว้

              “ไปอยู่ด้วย นี่พี่เอาจริงหรอ เรื่องนั้น”

              “อืม น้องจะได้มีงานทำ พี่จะได้ดูแลน้องได้ถนัดๆ หน่อย แล้วเรื่องที่พี่ให้ไปติดต่อเขาว่าไงบ้าง”

              “อ่อ พี่เมษตกลงจะดูแลเคสนี้ให้ เห็นว่าน้องยังมีโอกาสรักษาอยู่”

              “อืมดี ทางนี้ก็ตอบตกลงแล้วเหมือนกัน เย็นนี้พี่จะพาน้องไปขนของมาไว้ที่บ้านเลย ขืนช้าเดี๋ยวหลวงตาเปลี่ยนใจ” สิงห์แสยะยิ้มท้ายประโยคแม้จะพูดกับไม่เมืองแต่ตาของสิงห์ก็ชำเลืองไปทางต้าร์อยู่และนั่นทำให้ไม้เมืองมองตามสายตาของสิงห์ หมอหนุ่มแสยะยิ้มนิดๆ เหมือนจะรู้ว่าที่สิงห์พูดเรื่องนะโมตอนนี้เพราะอะไร

              “ไอ้เด้กบ้านั่น หึหึ” ไม้เมืองเริ่มรู้สึกสะใจนิดๆ จากการที่ได้ฟังสิงห์เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา พวกเขาสองคนเห็นตรงกันว่า ไอ้ต้าร์มันชอบไอ้เอ๋อ อยู่!!

              “เห็นมันมองพี่ไหม เหมือนอยากจะฆ่าพี่ให้ตาย”

              “คุยอารายกานนน ทำไมไม่คุยกะหนูบ้างเลย” ไอ้เอ๋อที่นั่งฟังทั้งสองคุยกันมันไม่ค่อยเข้าใจ แต่มันไม่ชอบให้ใครเมินมันแบบนี้ มือเล็กๆ นั่นเลยกระตุกเสื้อของหมอไม้พร้อมกับตั้งคำถามใส่

              “คึคึ งอนเหรอครับ” ไม่เมืองแกล้งบีบจมูกน้อง ปัง!! จู่ๆ ก็มีเสียงทุบโต๊ะดังขึ้นจนไอ้เอ๋อมันสะดุ้ง

              “ตะ ตกใจหมดเลย T^Tใครทำเสียงดัง” ไอ้เอ๋อมันลูบหน้าอกตัวเองพร้อมกับบ่นออกมา

    ไอ้ต้าร์ที่ทนแทบไม่ไหวมันระบายออกมาด้วยการทุบโต๊ะ มันส่งสายตาโหดๆ ไปหาไอ้เอ๋อที่นั่งหันหลังให้มันด้วยความเจ็บใจ

              “กระเพราหมูกรอบได้แล้วจ้า” ข้าวจานแรกเป็นของไอ้เอ๋อ ตามด้วยของสิงห์

              “ผัดซีอิ้วไม่เอาผักของใครจ้ะ ป้าจำไม่ได้” ป้าที่เดินออกมาพร้อมกับผัดซีอิ้วสองจานในมือ จานหนึ่งใส่ผักอีกจานไม่ใส่

              “ของไอ้ต้าร์มันป้า” เสียงของกลุ่มเด็กช่างคนหนึ่งตะโกนออกมา

              “เด็กชะมัดผักไม่แดก” ไม้เมืองเอ่ยลอยๆ แต่ได้ยินแบบทั่วถึง เจ้าของผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผักคิ้วกระตุกทันทีที่ได้ยิน     ขามันกระตุกอยากจะลุกขึ้นไปเตะใส่ปากคนบางคน

              “ก็ดีกว่าผู้ใหญ่บางคนแดกเผ็ดไม่เป็น” อีกเสียงหนึ่งดังลอดออกมาเช่นกัน ไอ้เอ๋อมันหันกลับไปมองต้นเสียงก่อนตาของมันจะลุกวาว

              “พี่ต้าร์” มันร้องเรียกลูกพี่มันเสียงดัง นี่มันจะรู้ไหมว่ามีผู้ชายกำลังจะเปิดศึกแย่งมันอยู่ไอ้เอ๋อมันไม่รู้อะไรทั้งนั้น

              “เห็นกูอยู่ในสายตาแล้วรึไง” มันประชดใส่ไอ้เอ๋อ

              “อ่าว ก็หนูหันหลังหนูจะเห็นได้ยังไงละ-3- “มันยู่ปากใส่

              “มานั่งกินกับกูไอ้เอ๋อ” ไอ้ต้ามันหันไปสั่ง ไอ้เอ๋อมันส่ายหน้าดิ๊กๆ ว่าไม่ไปวันนี้พี่หมอของมันมานั่งด้วยมันเลยคิดจะอ้อนพี่หมอ เวลามันป่วยพี่หมอจะได้ไม่ฉีดยามันเหมือนหมอคนอื่นๆ

              “ไม่เอาหรอกวันนี้หนูจะนั่งกับพี่หมอ” คำตอบของไอ้เอ๋อเหมือนมีดที่จามแสกหน้ามัน มือหนากำแน่น พร้อมกับส่งสายตาโกรธๆ ไปให้ไอ้เอ๋อ

              “เออ มึงจำไว้เลยนะไอ้เอ๋อทีหลังไม่ต้องมาเรียกร้องหากูเลยนะ!! ”

              “หึหึ” สองหมอแอบลอบยิ้มสะใจ ไอ้เอ๋อมันก็ยังเป็นไอ้เอ๋อ มันหันมาสนใจของกินมากกว่าผู้ชายที่คอยหาจังหวะงาบมัน กะเพราหมูกรอบเป็นอะไรที่ตื่นเต้นสำหรับมันไม่เคยได้กินแบบจริงๆ จังๆ แบบนี้ ส่วนมากมันจะได้กินแค่น้ำกะเพรากับเศษใบกะเพราเท่านั้นหมูกรอบนั้นแทบจะไม่ได้แตะเพราะมันแย่งคนอื่นๆ ไม่ทัน มือนี้แหละที่มันจะได้ลิ้มรสของหมูกรอบจริงๆ ไอ้เอ๋อมันกำลังดื่มด่ำกับหมูกรอบตรงหน้า โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ว่าตอนนี้กำลังจะเกิดการนองเลือดขึ้นโดยมีมันเป็นต้นเหตุ...

              “หัวเราะเหี้ยอะไร”

              “ใครหัวเราะ หูหาเรื่องไม่เคยเปลี่ยนสันดานเด็กไม่มีสำมาคารวะก็แบบนี้” ไม้เมืองที่ปากร้ายไม่แพ้ไอ้ต้าร์พูดออกมาด้วยเสียงเยาะๆ

              “เหรอ งั้นมึงก็เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโต ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด”

              “กลับไปทบทวนดูดีกว่าไหมหนูว่าใครกันแน่ที่ผิด หูหาเรื่องไม่พอปากยังหาเรื่องอีก” ครั้งนี้หมอไม้เมืองเดินออกไปประจันหน้ากับไอ้ต้าร์ ความสูงที่ต่างกันไม่มากทำให้หน้าของทั้งสองแทบจะชิดกัน ป้าเจ้าของร้านที่ได้ยินเสียงดังเอะอะก็ถือกระทะกับตะหลิวออกมาห้ามศึก

              “เอ้าจะกินไหมข้าวนะ หรืออยากจะกินลาบเลือดกัน ไหนคนไหนอยากจะกิน เอาหัวมาให้ป้าเอาตะหลิวจามสักทีสองทีจะได้หยุดกัดกัน!! ” ป้าแกจ้องหน้าทุกคนแบบรายตัว หมอหนุ่มกับไอ้ต้าร์ถึงได้ยอมนั่งลง

              “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หมอปากหมา” ต้าร์ชี้หน้า

              “อย่าลืมมาเอาคืนละกันไอ้เด็กเชี้ยะ”

    ......................................................

    ปล.ปล่อยให้น้องได้ลิ้มรสของหมูกรอบสักครั้งเนอะ ส่วนสามคนนั้นก็ปล่อยให้เขารบรากันเอาเอง ให้น้องได้กินอิ่มนอนหลับเป็นพอ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×