ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last of your expectation

    ลำดับตอนที่ #23 : เหตุผลที่เซเวอรัสเป็นผู้เสพความตาย--3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 526
      9
      28 ต.ค. 54

    ทอมลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรหนักๆ ที่ข้างตัวเค้า  เมื่อตาสว่างเติมที่ก็พบว่ามันคือไลชาที่ค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าทีละตัวๆ แบบไม่ค่อยจะเร่งรีบ  ขณะที่มืออีกข้างค่อยๆ ลูบไล้เข้าไปใต้เสื้อของเค้า  ในนามแห่งสวรรค์! เค้าไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องบ้าๆ แบบนี้จะมีในโลก! กับคนที่เคยถูกเรียกว่าลอร์ด โวลเดอร์เมอร์นี่นะ!?

    "จอมมาร...." หนึ่งในจตุราชาเสียงหวาน "ข้าพยายามอดใจแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำได้... ท่านชั่งหล่อเหลือเกิน..."

    "ม่ายยยยยยยยย!!"

    สิ้นเสียงตะโกน  ทอม ริดเดิ้ลก็พยายามโกยอ้าวลงจากเตียง แต่เจ้ากระเทยสองพันปีกลับหิ้วหูกางเกงเค้าไว้  และทำให้เค้าแหวนโตงเตงอย่างหวาดเสียว  บอกใครใครเขาจะเชื่อว่า ลอร์ด โวลเดอร์มอร์กำลังแขวนอยู่บนเตียงในสภาพโชว์แก้มก้นเพราะหัวกางเกงเลื่อนไปอยู่ที่เข่า!? แต่ก็กำลังโกยอ้าวอย่างสุดชีวิตเช่นกัน

    แช๊ะ!? เสียงกดชัดเตอร์ดังขึ้น ทอมหน้าบูดสนิทพลังหันไปเพื่อจะพบว่าเป็นเมอร์ทิลจอมคร่ำครวญที่กำลังถ่ายรูปเค้า(เป็นการแก้แค้นที่น่าสนใจ เพราะเค้านี่แหละทำให้หล่อนตาย) "ยัยบ้า! เธอมาถ่ายรูปชั้นทำหอกอะไร!? แทนที่จะตามคนมาช่วย!"

    "อุๆๆๆ ริดเดิ้ลลลล! เราก็เป็นเพื่อนกันมานานรู้จักกันตั้งแต่ยังเท่าฝาหอย(นี่เธอเอาอะไรของชั้นไปเทียบกับฝาหอย!? ฮ้า!?) แค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่สึกหลอหรอกย่ะ" แล้วเธอก็จากไป

    "หยุดนะ! ยัยผีโรคจิต!" ลอร์ด โวลเดอร์มอร์ตะโกน  ไม่รู้จะรับมือกับผีหรือกับคนดี  พยายามควานหาไม้กายสิทธิ์ แต่ไม่เจอ  แล้วก็ต้องร้องสุดเสียงที่หัวโขกกับพื้นเพราะกางเกงได้หลุดออกไปเรียบร้อย "แว๊กกกกกกกกกกก!! อย่านะเฟ้ยยยย!!" เพราะตอนนี้ไลชาโบกไม้กายสิทธิ  ทำให้เสื้อผ้าของเค้าที่เหลือขาดเป็นริ้วๆ

    แต่กลับต้องพิศวง  เมื่อคนที่เค้าคิดว่ากำลังจะทำมิดีมิร้ายแนบหัวลงกับอกของเค้า  ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น...!?

    "น่ะ... นาย!"

    "อบอุ่นเหลือเกิน..." ไลชาพึมพำ "ไม่ได้อบอุ่นแบบนี้มาสองพันปีแล้ว"

    "นาย... ไม่ได้คิดทำอะไรชั้นเหรอ?" งุงจนพูดไม่ออกแล้ว

    "ก็อยากจะทำ... แต่บางทีก็ไม่แน่ใจ" ไลชาถอนใจ "ถ้าท่านสามารถทำให้ความปรารถนาของข้าเป็นจริงได้  ข้าจะไม่ทำอะไรท่านก็ได้"

    "นาย... ต้องการอะไร"

    "อยาก... ตาย"

    ทอมสะอึก  คนๆ นี้อยากตายเหรอ!? แต่เดียวก่อน!? จะว่าไป... เค้าอยู่มามากกว่าสองพันปี! ทอมตัดสินใจที่จะ "ทำไมคุณมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนั้น"

    "ต๊ายยยยย! เมื่อก่อนไม่รู้จักถาม... ทั้งๆ ที่อยากเป็นอมตะ" ไลชาแนบชิดก่อนจะบอก "เมื่อก่อนข้าเป็นมักเกิ้ล... เกิดที่โรมย่ะ  แล้วก็มีโอกาสได้เห็นการประหารนักโทษที่เยรูซาเร็มเพราะไปขายตัวให้พวกทหาร"

    โห... งั้นหมอนี่ขี่ผู้ชายมากี่คน  ตลอดเวลามากกว่าสองพันปี!?

    "คุณเป็นมักเกิ้ล... แล้วทำไมมีเวทมนตร์  ไหนจะอายุยืน"

    "เมื่อเรามีอายุที่ยืนยาวพอ  การสะสมเวทมนตร์ก็เป็นสิ่งเป็นไปได้... ข้าถูกสาปให้มีชีวิตอยู่พร้อมกับบาปเมื่อข้าเตะตัดขาเค้าลมลงโดยไม่คิดซักนิดว่าเค้าจะมีอำนาจพอที่จะสาปชั้นได้"

    "เตะตัดขา.. นักโทษประหารน่ะเหรอ"

    "ใช่... นักโทษประหาร  เค้าบอกว่าชั้นจะต้องอยู่ไปจนกว่าวันที่เค้าจะกลับมา"

    "มีอำนาจขนาดนั้นแต่ยอมโดนประหารเหรอ!? เป็นไปได้ยังไงกัน!?" ทอมคาดไม่ถึง  ก่อนจะถาม "ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน!?"

    "ตอนที่เค้าถูกประหาร ป้ายบอกชื่อว่า กษัตริย์ของชาวยิว"

    ไลชาหันไปจากทอมผู้ซึ่งกำลังตะลึงสุดขีดก่อนจะแผดเสียงร้องเพราะถูกคาบของสำคัญ  เค้าพยายามดิ้นให้พ้นจากปากของเจ้ากระเทยสองพันปีที่ช่วยให้เค้าถึงสวรรค์ก่อนจะตกใจยิ่งกว่าเมื่อบานประตูเปิดผ่างออกมาพร้อมกับเด็กชายและเด็กหญิง  เวรล่ะสิ! ผู้เห็นเหตุการณ์ดันเป็นสกอร์ปิอัสกับโรซี่!! และเด็กทั้งเหมือนจะตกใจกับภาพตรงหน้าก่อนจะกระแอมเสียงดัง "ขอโทษนะ พวกคุณกำยุ่งอยู่สินะ" สกอร์ปิอัสว่าก่อนที่โรซี่จะค้าน "ไม่ได้นะ  ห้ามทำให้ทอมอาย! ขอโทษนะทอม! เราไม่รบกวนนะ!"

    "แว๊กกกกกกกกก!! เดี๋ยว! พวกเธอเข้าใจผิด! มาช่วยชั้นก่อนเด้!"








    "แล้วตกลงคุณไปอยู่กับเจ้ากระเทยนั่นในสภาพเปลือยได้ยังไง" สกอร์ปิอัสถามหลังจากทอมแต่งตัวแล้ว

    "เจ้ากระเทยนั่นลวนลามชั้น! เธอก็เห็นมาตลอด!"

    "แต่ตอนนั้นท่าทางของคุณไม่เหมือนกำลังขัดขืนนะ" โรซี่ชี้

    "ก็ตอนนั้นกำลังฟังเรื่องของหมอนั่นอยู่นี่นา!" ทอมบ่น "มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งจนลืมตัว" ก่อนจะ "เอ๊ะ!?"

    "อะไรเหรอ!?!" สกอร์ปิอัสกับโรซี่พูดพร้อมกัน

    "ดูสิ" ทอมชี้ไปที่ดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว "นี่เป็นสัญญานเตือนว่าพวกมันกำลังจะมาอีกครั้ง  ปกติ  ถ้าเป็นผู้คุมวิญญานสถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมันเข้าใกล้ประมาณหนึ่งเมตร  ซึ่งมากพอที่จะรู้สึกได้แล้ว  แต่นี้  เรายังไม่รู้สึก  แต่ดอกไม้กลับเตือนแล้ว..."

    "พวกยมทูตใช่มั้ยฮะ!?" สกอร์ปิอัสตกใจมาก

    "ไม่ผิดแน่"

    "คนอื่นอยู่ที่ไหน?" โรซี่นึกได้ "แล้วอัลกับบราเทอร์เซเวอรัสล่ะ!?"
    ------------------------------------------

    เสียงตะโกนของทอมกับโรซี่และสกอร์ปิอัสที่บอกให้ทุกคนเตรียมตัวสำหรับการตั้งรับอีกครั้งดังก้องด้วยคาถาโซโนรัส  เพราะยมทูตกำลังจะมาอีก  ซิเรียสและเจมส์ได้เข้ามารวมกับพวกแฮร์รี่ที่ห้องโถงรวมถึงอาจารย์ทั้งหลายที่ไม่มีใครสงสัยเด็กสามคนเลยซักนิดหลังจากการรับมือกองทัพยมทูตในครั้งนั้น

    "พวกสเนปไปไหน!" แฮร์รี่มองหาอย่างกังวล

    "ไม่ต้องกังวลหรอกนะ  พวกเค้าเขี้ยวพอ" รอนพูดพลางบุ้ยเบ้ไปทางเดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่พอใจเพราะสองคนนี้เริ่มติดกันเป็นปาท่องโก๋ทุกขณะ  แอทโทรเรียก็ดูจะไม่พอใจเหมือนกัน

    "ซิเรียส" เจมส์ถามเบาๆ "มองหาอาเทน่ากับฝาแฝดอยู่เหรอฮะ"

    "บ้า! ชั้นไม่สนใจพวกนั้นหรอก! ชั้นแค่กังวลเรื่องยมทูตต่างหาก!"

    เจมส์ไม่ถามอะไรอีก แต่เค้ารู้นะ ซิเรียสน่ะ  กำลังเป็นห่วงภรรยาและลูกชายกับลูกสาวที่หายไป  ตอนนี้เค้าเห็นชัดว่าซิเรียสดูโล่งอกขึ้นมาทันทีเมื่อจตุราชามาถึงที่หมาย "พวกมันมาที่นี่ไม่ใช่เพราะเซเวอรัส  เพราะเซเวอรัสไม่ได้อยู่ที่นี่" อาเทน่าบอกทุกคน "บางทีมันอาจจะมาเพราะอะโพคาลิฟ-ฟา"

    "อะโพคาลิฟ-ฟาสั่งให้พวกมันมาเหรอฮะ" แฮร์รี่ถาม

    "เปล่า" อาเทน่าตอบ "แต่เพราะไนจัสมาที่นี่  อะโพคาลิฟ-ฟาเลยพลอยตื่นตัวด้วย"

    "ลูกของเธอไปไหน" ซิเรียสถามโดยไม่สนใจจะฟังเรื่องอื่น

    "พวกเค้าไปตามหาลิลี่ เอฟเวนส์"

    ทุกคนหันมามองอย่างตกใจ  แต่อาเทน่าไม่คิดจะอธิบาย  ทันใดนั้น  เฟรย์ เมอร์กันก็ขยับเข้ามาจับไหล่และมองอาเทน่าด้วยสายตาเป็นเจ้าของแม้ว่าอาเทน่าจะไม่ทันเห็นก็ตาม  แต่คนที่เห็นก่อนใครคือซิเรียสที่พุ่งเข้าไปแบบลืมตัว

    "นี่นายอย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียของคนอื่นเค้าได้มั้ย!?!"

    "เจ๋ง!" เจมส์ดีดนี้วอย่างชอบใจ แต่แทนที่ซิเรียสจะแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของต่อเมื่อทุกคนหันมามองบ้าง  เค้ากลับได้สติและสงบเสงี่ยมถอยออกมา

    "ตามมารยาทก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ"

    เจมส์ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างข่มขื่นใจ 'เจ้าบ้าซิเรียส!' เค้าแทบจะกระโดดปล้ำซิเรียสลงกับพื้นแล้วรัวโชกซักร้อยหมัด 'ทำไมทำบ้าๆ แบบนี้! ไม่สมเป็นลูกชายเลย ทำไมไม่ดึงอาเทน่ามากอดแล้วชกหน้าหมอนั่นซะ! นั่นมันเมียคุณไม่ใช่เหรอ! แล้วฝาแฝดก็เป็นลูกของคุณกับเธอ!' เมื่อก่อนเค้าสงสารซิเรียสที่เป็นแพะมาสิบสามปีเพราะเจ้าปีเตอร์ เพ็ตติกรู  แต่ตอนนี้เค้ารู้สึกสมน้ำหน้าที่ซิเรียสอยู่ในอัซคาบันทั้งๆ ที่ไม่มีความผิด  เพราะเห็นชัดว่าซิเรียสไม่ได้ติดคุกเพราะอีกฝ่ายเจ้าเล่ห์กว่า แต่ติดคุกเพราะโง่บรรลัย

    แฮร์รี่มองลูกชายอย่างงุงงขณะที่เฟรย์ เมอร์กันมองเจมส์ด้วยความเอ็นดู  เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร  เจมส์ชั่งเหมือนกับเจมส์ พอตเตอร์อีกคนหนึ่งเหลือเกิน  เค้ารู้สึกเหมือนลูกชายของน้องสาวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง  และซิเรียส! ท่าทางเค้าดูลำบากใจ  เห็นได้ชัดว่าซิเรียสก็เรียนรู้ในเวลาอันรวดเร็วว่าเจมส์ ซิเรียส พอตเตอร์คนนี้เหมือนเพื่อนรักของเค้ามากกว่าแฮร์รี่หลายเท่า  ซึ่งแปลว่าเค้าคงนึกออกเหมือนกันว่าเด็กชายผมแดงใส่แว่นกำลังคิดอะไรอยู่

    "นายไม่ได้หยิ่งหรอก  ซิเรียส" เมอร์กันท้าทาย "แต่นายไม่มีความกล้าพอที่จะทวงสิทธิของตัวเองเลยทำท่าหยิ่งไปยังงั้นเอง  นายได้อยู่บ้านกริฟฟินดอร์เพราะเรียกร้องที่จะอยู่  ไม่ได้อยู่เพราะคุณสมบัติ!"

    "ว่าไงนะ!" ซิเรียสคำราม

    "พอที!" อาเทน่าตวาดทั้งคู่

    "ท่านเงียบบ้างเถอะ!" เป็นครั้งแรกที่เฟรย์ขึ้นเสียงกับอาเทน่าอย่างไม่พอใจ  และทำให้ทั้งไลชาและเอมิเรียยิ้มอย่างเป็นปลื้ม  สำหรับทั้งสอง  แบล็กไม่คู่ควรกับอาเทน่าที่เป็นกริฟฟินดอร์ที่พื้นคืนชีพแม้แต่น้อย "แบล็ก! นายไม่สมควรอยู่บ้านกริฟฟินดอร์หรอก! เพราะนายมีแต่ความกล้าที่ไร้สาระและก้าวร้าว! แต่นั่นแหละ  เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไป  การคัดนักเรียนเข้าบ้านจึงต้องมีความอลุ่มอล่วยมากขึ้น! ความกล้าของเด็กกริฟฟินดอร์ที่แท้จริงคือความกล้าในสิ่งที่ถูกต้อง! กล้าในสิทธิของตัวเอง! ไม่ใช่กล้าเพื่อจะรังแกคนไม่มีทางสู้เหมือนที่พวกนายสี่คนรุมรังแกเซเวอรัส สเนปที่อ่อนแอและมีแค่ตัวเค้าเองคนเดียว!"

    รอนกับเฮอร์ไมโอนี่และเนวิลล์หันไปมองแฮร์รี่อย่างตกใจ  และแฮร์รี่ ไม่สามารถสบตาของใครได้เลย เพราะมันคือความจริงที่เค้าได้รู้ตอนเรียนปีห้าและไม่คิดจะเล่าให้ใครฟัง  ส่วนซิเรียส  มองไปรอบๆ อย่างจนตรอก

    "กริฟฟินดอร์ที่แท้จริงคืนคนที่กล้าก้าวออกมาปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า" เอมิเรียพูดเบาๆ "แต่นอกจากลิลี่ เอฟเวนส์แล้ว... ชั้นไม่เคยเห็นใครในบ้านกริฟฟินดอร์ก้าวออกมาปกสเนปเลย  ไม่ว่าจะลูปินผู้แสนดี หรือดัมเบิลดอร์ผู้น่าเคารพ"

    "พอแล้ว!" อีกครั้งที่ทุกคนหันไปตามเสีย มิเนอร์ว่า  มักกอนนากัลยืนอยู่ตรงนั้น "การที่ดัมเบิ้ลดอร์ไม่ช่วยก็เพราะสเนปไม่ได้ร้องเรียนให้มีการช่วยเหลือเค้า  ซ้ำยังปกป้องคนที่ทำร้ายเค้า  ไม่ใช่เพราะดับเบิลดอร์ไม่สนใจ" และยังที่มันที่ทุกคนจะเคลียร์เกี่ยวกับคำตอบ  อาเทน่าก็พูดขึ้นอีกครั้ง

    "เรามาเตรียมรับมือพวกยมทูตได้แล้ว" เธอพูดพลางชี้ให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวที่ปรากฏยังท้องฟ้าจำลองบนเพดานของห้องโถงใหญ่









    มวลยมทูตเคลื่อนไหวอยู่เหนือฟ้าของหมูบ้านฮอกมีดส์และฮอกวอร์ต  ขณะที่ทุกชีวิตต่างรับมือกับความน่าสะพรึงกลัวที่เคลื่อนเข้ามา  แต่เหนือท้องฟ้าขึ้นไปมากพอที่จะมองเห็นภาพรวมทั้งหมด  ร่างในชุดสีดำกำลังลอยอยู่โดยไม่มีใครเห็นหรือรับรู้ได้  กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนพรม--มองดูการเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่เหนือความสามารถของเธอ

    ผู้หญิงที่เสียวิญญานของเธอไปเพื่อให้หลานชายของเธอได้มีชีวิตอยู่จนกว่าวันสำคัญจะมาถึง

    ผู้หญิง... ที่ใครๆ ก็เชื่อว่าตายไปแล้ว...!?

    ใช่ ความจริงเธอก็ตายไปแล้ว...

    "ทำไมไม่ให้ชั้นตาย"

    "ก็แค่แป๊บเดียวที่ชั้นให้เธอมีชีวิตอีกครั้ง  แป๊บเดียวจริงๆ"

    หญิงสาวเอามือลูบหน้า "แต่ชั้นทรมาน... ทรมานจริง" ก่อนจะคำรามต่อบุคคลที่ทรงอำนาจจนไม่สามารถต่อการได้ "เรียกชั้นกลับมาเพื่ออะไร!?"

    "เธอไม่ยากพบผู้ชายที่เธอรักและรักเธออีกเหรอ"

    เธอส่ายหน้า "มันจบแล้ว เค้าตายแล้ว เหมือนกับชั้นในตอนนั้น  ทุกอย่างจบแล้ว"

    "เค้ากลับมายังโลก... เพื่อหน้าที่สำคัญ"

    อีกครั้งที่เธอส่ายหน้า "แต่เค้าก็ไม่เค้าที่ชั้นรัก... เค้าได้เปลี่ยนไปแล้ว"

    "แลกเป็นสอง... คนที่เธอรักกับคนที่รักเธอ"

    วินาทีนั้นหญิงสาวมองอย่างตกใจ "ร่างแยกกับวิญญานเหรอ... คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร!?"

    "ยังไงเค้าก็ต้องสังเวยวิญญานอยู่แล้ว เพียงแต่ชั้นคาดไม่ถึงว่าคนที่เธอรักจะเป็นเซเวอรัสที่แสนจะน่ารักคนนั้นแทนที่จะเป็นเซเวอรัสที่เย็นชาแต่ก็มั่นคงในความรัก  ทั้งๆ ที่เซเวอรัสที่เย็นชาคือเซเวอรัสที่รักเธอแท้ๆ"

    ......................................................................................

    ...........................................................

    ......................................

    .......................................................

    ...ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ  ที่ชั้นรู้สึกว่าเธอพิเศษ...

    คนที่เธอรัก  เป็นผู้ชายรูปร่างเล็ก  สูงพอๆ กับเธอ  แต่ระหว่างเค้ากับเธอกลับเหมือนมีกำแพงขนาดใหญ่ที่ฝ่าเข้าไปหากันไม่ได้  เค้ามีบุคลิกที่เย็นชาและรังเกียจเดียจฉันท์ผู้อื่นเป็นกำแพงขนาดใหญ่ที่กั้นไม่ให้เธอได้เข้าไปหาผู้ชายที่เธอรัก  ผู้ชายที่อ่อนโยนและให้อภัยได้ตลอด  เธอไม่รู้ว่าเธอรักคนๆ นั้นเมื่อไหร่  แต่เมื่อเธอรู้จักอีกด้านหนึ่งของเซเวอรัส สเนป

    ในสายตาของเธอ... เค้าเหมือนกับเทวดา...

    "ลิลี่, เธอชอบถั่วงอกเหรอ?"

    "หา!?"

    "ไม่ใช่เหรอ" เซวีเกาหัว

    "ไม่... เธอไปได้ยินมาจากไหน"

    "ก็... ผู้คนเค้าลือกันแบบนั้น" เทวดาของเธอเกาหัว, เทวดาที่เธอเห็นแค่คนเดียว "ชั้นก็ว่าอยู่นะว่าตั้งแต่คบกันมาไม่เห็นว่าเธอจะชอบถั่วงอกตรงไหนเลย" เค้าพยายามหาเหตุผล "บางทีผู้คนคงลือกันเพราะเห็นพอตเตอร์เอาถั่วงอกมาฝากเธอกองใหญ่มั้ง"

    ลิลี่ไม่อยากบอกเค้าตรงๆ ว่าทั้งหมดเป็นความซื่อบื้อของเจมส์นั่นเอง  เธอไม่ได้พูดว่าเธอชอบถั่วงอก  แต่คนที่พูดคือปีเตอร์ เพ็ตติกรูต่างหาก... คำว่า 'ถั่วงอก' หมายถึงเซเวอรัส สเนป, มันเป็นศัพท์ปีเตอร์บัญญัติขึ้นตอนปีสาม  เพราะรูปร่างผอมบางขาวซีดจนเหมือนก้านไม้เล็กๆ กับศีรษะใหญ่ส่อแววฉลาดและรองเท้าผ้าใบคู่เบ่อเริ่ม  ทั้งหมดเป็นลักษณะธรรมดาทั่วไปของเด็กยากจนขาดสารอาหาร  แต่เพ็ตติกรูกลับมีจิตนาการต่ำมองว่ามันเหมือนกับถั่วงอก  เมื่อเธอบอกกับเค้าว่าให้เจมส์เลิกกวนเธอเพราะเธอไม่ชอบเค้า  และเมื่อปีเตอร์ถามว่า "อย่าบอกนะว่าเธอชอบสเนป" เธอก็เลยตอบเค้าตรงๆ ว่าเธอชอบแบบนั้นจริงๆ เจ้าปีเตอร์ก็พุ่งไปบอกนายเหนือหัวทันที่ว่า "ลิลี่ เอฟเวนส์ ชอบ ถั่วงอก"

    "เอฟเวนส์! เธอชอบถั่วงอกเหรอ!?" ตอนนั้นเจมส์ดูตกใจมาก ก่อนจะลดเสียงลง "ฉะ... ชั้นก็ชอบเหมือนกัน"

    มันคนละถั่วงอกแล้ว อีตาบ้า... (-"-)

    ตอนนั้นเธอนึกได้ว่าถ้าเธอแก้ความเข้าใจผิดในเจ้าแว่นหัวฟู  เพื่อนรักของเธอต้องแย่แน่ๆ จึงพยายามสงบปากสงบคำเอาไว้  หลังจากนั้นข่าวลือก็ไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งในฐานะเด็กสาวที่ป๊อบที่สุดในโรงเรียน  เธอจึงได้รับพัสดุเป็นถั่วงอกมาหลายวันติดต่อกัน

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดด! ทำไมโรงเรียนนี้ไม่มีคนฉลาดเลยยะ!?

    "คงลำบากใจมากสินะ ทำไมไม่ทิ้งซะล่ะ" เซวีขำเมื่อเล่าให้เค้าฟังเรื่องที่มีคนส่งถั่วงอกมาให้เธอติดต่อกันถึงสองสัปดาห์

    "ใครกันยะที่เป็นคนบอกว่าอาหารเป็นสิ่งมีค่าให้กินอย่างมีคุณค่าและคิดถึงคนที่ไม่มีกินด้วย!" ลิลี่บ่น  ก่อนจะหัวเราะ "กินถั่วงอกจนเบื่อเลยสินะ!" เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอแบ่งมันไปให้เค้าบ่อยๆ

    "เอาไปบริจาคแล้ว  แล้วเธอจัดการกับถั่วงอกที่เหลือยังไง"

    "ส่งไปในครัว" ลิลี่บอกพลางบ่นอุบ "อาหารวันนี้ถึงมีแต่ถั่วงอกไง!"

    สองคนหัวเราะด้วยกันก่อนจะหยุดเมื่อเห็นเรกูรัส แบล็กมาหยุดและขอคุยด้วย  ลิลี่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมลดละเซวีไม่ตกลง  ตอนนั้นแววตาของคนที่เธอรักเปลี่ยนไป  กลายเป็นแววตาของผู้ชายที่รักเธอ  ท่าทางเย็นชาบอกชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ในสายตา  แต่ลิลี่  เธอมีมารยาทพอสำหรับเรื่องนี้

    "ไปคุยกันเถอะ"

    "แต่ลิลี่! เธอก็รู้ว่า!"

    "ไม่เป็นไรหรอก  เค้าห่วงเธอไม่ใช่เหรอ" ใช่.... ขอเพียงช่วยเธอจากความทุกข์ทรมานได้! ต่อให้เธอต้องกลายเป็นผู้เสพความตายชั้นก็ยินดีที่จะ--! "เราต้องดีกับเพื่อนที่หวังดีกับเราสิ"

    มือของเซวีกำมือเธอไว้แน่น "เธอ... อยากให้ชั้น! เป็นผู้เสพความตายรึไง!" เสียงเบาแค่กระซิบแต่ก็จริงจัง "เพื่อจะทิ้งชั้นไปหาพอตเตอร์เหรอ!?!"

    ความจริง... ชั้นกำลังคิดว่า  ถ้าชั้นคบกับเจมส์จะดีกว่ามั้ย! ถ้ามันต้อนเธอให้จนมุมและเลือกเป็นผู้เสพความตาย!?

    เธอรู้ว่าเธอบ้าที่พยายามต้อนเพื่อนรักให้เป็นผู้เสพความตาย! แต่เธอไม่ได้คิดร้ายกับเค้า!

    เธอหวัง ว่าความมืดจะเปลี่ยนเค้า แล้วจากนั้นเธอจะช่วยเค้าจากโวลเดอร์มอร์!

    "ถ้าชั้นหวังให้เธอเป็น ขอให้มั่นใจว่าชั้นหวังดีกับเธอ!"

    "หรือเธอ  เห็นว่าชั้นสู้พอตเตอร์ไม่ได้!" ไม่มีคำตอบจากเด็กสาว เค้าจากไปเงียบๆ พร้อมกับเรกูรัส!

    "เพราะเธอพูดว่า... รักคือการสิ้นหวัง" ลิลี่พูดโดยไม่มีใครได้ยิน






    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×