ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last of your expectation

    ลำดับตอนที่ #24 : การพบกันของเพื่อนเก่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 518
      9
      5 พ.ย. 54

    ...เธอเป็นนางฟ้าของผม  เธอสวยงาม  และเป็นแสงสว่างสำหรับชีวิต...

    แต่ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิแตะต้องเธอได้  ขณะที่นอนอยู่กับพื้น  ท่ามกลางเลือดที่แผ่กระจายออก  ผู้ชายที่เหมือนเธอมากคนหนึ่งกำลังมองผมอยู่  และผมหวังให้เค้าฆ่าผมซะตอนนี้

    แต่แล้วผมก็ตื่นขึ้นมาในห้องแห่งหนึ่ง--โบสถ์!? ผมออกไปและพบหลวงแม่ลูเครเซียที่กำลังเย็บเสื้อคลุมของผมอยู่  ก่อนจะรีบไปอย่างเงียบๆ ไม่ให้ใครถามไถ่อะไร กระนั้นก็ไม่พ้นอยู่ดี "เซเวอรัส จะไปไหน!?" เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมา บบทหลวงหนุ่มที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของเค้าสมัยเรียนที่โรงเรียนมักเกิ้ล

    "อเล็กซ์"

    "กลับไปนอนต่อเลย  นายเจ็บเกินกว่าเราจะปล่อยให้นายไปได้"

    "เห็นแก่พระเจ้าเถอะ ให้ชั้นไปซะที!"

    อเล็กซ์ชะงัก  ก่อนจะกระซิบเบาๆ "นายกำลังเปลี่ยนไป"

    "ชั้นไม่เคยเปลี่ยน"

    "นายเปลี่ยน... นายคิดจะทำอะไรกับชีวิตของนาย!?"

    คิดจะทำอะไรงั้นเหรอ?... หลังจากลิลี่ทิ้งเค้าไปแล้ว... เธอไปรักกับพอตเตอร์  เธอจะไม่กลับมา... เค้าคิดถึงตอนที่เค้าจะไปหาเธอ  และ  พระเจ้า  เค้าเห็นเธอกับพอตเตอร์  พอตเตอร์ขอเธอแต่งงานและเธอก็รับปาก  เซเวอรัสน้ำตาร่วงพราวเมื่อคิดถึงตอนนี้  เค้าไปหาเธอ  ขอให้เธอออกมาเธอ  เธอปฏิเสธ เค้าสิ้นสติลงที่หน้าประตูนั่นเอง  ก่อนจะลากสังสารกลับไปให้พ่อยำต่อที่บ้าน  แล้วรู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้ที่มานอนอยู่ที่โบสถ์

    พระเจ้า... ขอเธอคืนมาได้มั้ย!?

    ให้ทุกอย่างมันจบลงเถอะ  แล้วเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม!

    ไม่เช่นนั้น  ตัวตนของผม!

    แค่ให้มีตัวตนอยู่เฉยๆ ผมคงทนไม่ได้!?!

    "งั้นก็เปลี่ยนตัวเองสิ!"

    เซเวอรัส สเนปลืมตาขึ้นและพบความจริงว่าตนอยู่ที่ไหน  ท่ามกลางเหล่าผู้เสพความตายที่รายล้อม เจ้าแห่งศาสตร์มืดอยู่ตรงหน้าเค้า  ลิลี่พยายามขับไล่ใสส่งเค้ามาเป็นผู้เสพความตายเพื่ออะไร  เพราะเธอเกลียดคนอ่อนแออย่างเค้าเหรอ!?

    แต่เค้าไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันชั่งดูงดงามเหลือเกิน...

    ถ้าเค้าเป็นแบบนั้น ลิลี่จะหันกลับมามองเค้ามั้ย!?

    วินาทีนั้นเค้าเลือกที่จะตอบรับลอร์ด โวลเดอร์มอร์ และกลายเป็นผู้เสพความตาย...!

    และอีกสามวันต่อมา เค้าก็ได้ยินคำพยากรณ์ที่นำเธอไปสู่ความตาย...!?

    ชีวิตของเค้าไม่มีอะไรเลยนอกจากกากเดนอันปรักหักพัง

    ไม่มีอะไรเลยซักอย่างที่คู่ควรจะเป็นเจ้าของวิญญานดวงนั้น!!









    แสงจากไม้กายสิทธิ์พุ่งใส่ยมทูตที่พุ่งเข้าหาวิญญานของตนและของคนรักที่หลับอยู่ในร่างเด็กชาย  สเนปกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มยมทูตขนาดใหญ่  เช่นเดียวกับกลุ่มบาทหลวง  หลวงแม่ลูเครเซีย อาร์เทมีสและอะพอลโล่ที่โจมตีคู่ต่อสู้ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  รวมทั้งพวกบาทหลวงมักเกิ้ลที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากสวดมนตร์

    "อดทนหน่อย  เราต้องอยู่กันจนถึงเช้า!" เอรีสตะโกนออกมา

    สเนปไม่แน่ใจว่าทำไมตนถึงชอบศาสตร์มืดนัก  เพราะมันลึกลับ  สวยงาม หรือเพราะมันเป็นตัวตนที่เค้าฝันหา กับบาทหลวงเซเวอรัส, สเนปมองไปยังตัวเองอีกคนหนึ่ง--ตัวจริงของเค้า--สมัยที่ยังไม่มีศาสตร์มืดและฮอกวอร์ต  พยายามปกป้องอัลไว้ในอ้อมแขน  ไม่ใช่เพราะเป็นวิญญานของลิลี่  แต่จะลิลี่หรือไม่เค้าก็ปกป้องเท่ากัน  ตัวเค้าในอดีตไม่เคยติดอันดับให้ใคร

    "พระเจ้า" บาทหลวงอลันครางออกมา

    "อย่าสวดภาวนา!" เสียงตะโกนอย่างเข้มงวดของสเนปทำให้บาทหลวงคนอื่นๆ หันมา  ไม่มีพระเจ้าในชีวิตเค้ามานานแล้ว "ถ้ามัวแต่เอามือประสานกันจะทำอะไรได้  ถ้าจะให้ดีไปหาไฟมาจุดไล่ดีกว่า!"

    นั่นทำให้ทุกคนได้สติ  พวกบาทหลวงพยายามหาท่อนฟืนสำหรับไฟ  และจากนั้นก็จุดไฟขึ้นด้วยเวทย์ของลูเครเซีย  สำหรับการต่อสู้จนถึงเช้า ขณะที่ฝาแฝดแบล็กมองดูเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร

    ความมืดเวิ้งว้าง  ไม่มีซักทางที่จะอยู่รอดได้!

    ยกเว้น... คนที่สู้!

    แต่หลายชั่วโมงต่อมา  บางสิ่งก็ทำให้ทุกคนตะลึง  เมื่อความมืดคลี่คลายทั้งๆ ที่ยังไม่ทันสว่าง

    "เกิดอะไรขึ้นนะ  ทำไมพวกมันไป" อัลพูดขึ้นงง

    "เหมือนพวกมันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว" เอรีสกระซิบ

    "ที่นี่เหรอคะ" ลูเครเซียถาม

    "ไม่... ที่ฮอกวอร์ต" เจ้าอาวาสส่ายหัว "ขอให้ชั้นผิดเถอะ"
    --------------------------------

    แสงสว่างในยามเช้าได้ขับไล่มืดในวันนั้น  แต่วันนี้ล่ะ? พวกมันขยายตัวออกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่  เมื่อยมทูตตัวหนึ่งก้าวออกมา  ทั้งๆ ที่ยังไม่เช้า  และภาพประหลาดก็ปรากฏต่อสายตาของทุกคนที่มองออกไปนอกหน้าต่าง

    ร่างของยมทูตตนหนึ่งกลายเป็นผู้หญิง.... ผู้หญิงที่เหมือนเซเวอรัส สเนป ทีแรกทุกคนคิดว่าเป็นไนจัส  แต่ก็พอจะสังเกตความแตกต่างได้  ผู้หญิงตรงหน้ามีจมูกที่ตรงและคมเป็นสันสวยงาม  เป็นความสูงที่จัดว่าค่อนข้างสูงสำหรับผู้หญิงและผอมบางมาก  เฟรย์ตะโกนออกไป

    "ไอรีน!? นั่นเธอเหรอ!?"

    ไม่มีคำตอบ... ผู้หญิงคนนั้นจากไปเงียบๆ ทอมกระโดดลงจากหน้าต่าง  วิ่งตามออกไป "จอมมาร! กลับมา!" อาเทน่าเรียก  แต่ไม่มีการกลับแม้แต่น้อย  ทอมวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นโดยไม่หันหลังกลับมา  สู่ป่าต้องห้าม

    เด็กหนุ่มหอบ... หยุดหอบ  และมองเธอที่มองกลับมา  ดวงตาของเธอมีสีดำที่เยือกเย็นว่างเปล่า  ดวงตาที่ทอมรู้จักดีสมัยที่ยังเป็นโวลเดอร์มอร์  ดวงตาของศาสตราจารย์เซเวอรัส  สเนป

    แม่ของศาสตราจารย์สเนป  แม่เซเวอรัส!

    "ไอรีน  นี่ชั้นเอง"

    "ไอรีน?" เธอทวนเบาๆ "นั่นเป็น ชื่อของชั้นเหรอ"

    "จำชั้นไม่ได้เหรอ... ชั้นเอง  ทอม มาโวโร่ ริดเดิ้ล... ชั้นมาเพื่อขอโทษเธอ"

    "ขอโทษ?"

    "ใช่  ขอโทษ"

    ขอโทษที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอ!

    "ขอโทษเรื่องอะไร?" เธอถาม  แพขนตากระพริบ  พึ่งจะรู้ว่าเธอมีดวงตาที่สวยขนาดนี้

    "ทำไมเธอกลายเป็นยมทูตได้"

    "เหตุผลที่ชั้นเป็นยมทูตเหรอ..." เธอกระซิบ "ไม่รู้สิ" พลางยกแขนขึ้นมา "นี่อาจจะเป็นคำตอบก็ได้" กระดุมเสื้อคลุมสีดำของเธอถูกปลดออก  เผยให้เห็นรอยแผลหน้ากลัวที่หน้าอก  ทอมตะลึงมอง  เค้าเริ่มนึกออก  เค้าสั่งให้ผู้เสพความตายจับตัวเฟรยา แม่ของเจมส์ พอตเตอร์มา  บีบให้ไอรีนจำนนและสวามิภักดิ์  เธอบอกเธอไม่สามารถทำได้เพราะว่าเธอทำปฏิญาณไม่คืนคำแล้วว่าจะไม่ใช่เวทมนตร์อีก  แต่เธอก็ตัดสินใจใช้เวทย์ครั้งสุดท้าย  ที่จะจบชีวิตทั้งเธอและผู้เสพความตายคนอื่นๆ

    เอมิเรียฆ่าเธอ!

    มือที่มาจากความไม่มีตัวตน  ดึงเสื้อคลุมที่เปิดอ้าเข้าปิดและติดกระดุมให้ ยมทูตอีกตนหนึ่งนั่นเอง  เธอกลายเป็นผู้หญิงสาว  ผมสีขาวและตาสีน้ำเงิน  ซึ่งทำให้ทอมถึงกับอ้าปากค้างเพราะเคยรู้จักเธอมาแล้วจากการ์ดกบช๊อกโกแล็ค แต่มันก็ไม่ใช่รูปที่เหมือนตัวจริงของเธอ  ทอมต้องไปจนถึงห้องโดมของฮอกวอร์ตที่ไม่ค่อยมีคนเข้าไปจึงได้เห็นตัวจริงของเธอ  ซึ่งภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ตรงกับรูปนั้นไม่ผิด  ผู้หญิงที่สวยและดูเยือกเย็นราวราชินีหิมะในนิทานของแอนเดอร์สัน

    โรวีน่า เรเวนคลอ!?

    "ไม่ใช่ยมทูตทุกตนที่จะมีความทรงจำสมัยเป็นมนุษย์ ทายาทแห่งสลิธีรีน  เจ้าเสียเวลาเปล่าแล้ว"

    "เรเวนคลอ" ทอมไม่อยากเชื่อ "นั่นคุณเหรอ"

    "เป็นข้า  หาผิดตัวไม่"

    "คุณเป็นยมทูต!? เป็นไปได้ยังไงกัน!"

    "เพราะข้าเลือกที่จะเป็น" เธอก้าวออกมาหาเค้า "ตอนนี้ข้ามาเอาวิญญานของเค้ากลับไป"

    "อะวาดรา เคดราฟร่า!"

    เสียงผู้หญิงดังก้องพร้อมกับลำแสงสังหาร ร่างของเรเวนคลอเพียงกระเด็นไป  แต่ไม่เป็นอันตรายเพราะยมทูตคือคนที่ตายไปแล้ว  ทอมหันขวับและพบกับจตุราชาที่วิ่งเข้ามา  ก่อนจะได้ยินเสียงไลชา "จอมมาร! มาหลบหลังข้า!"

    ทอมไม่มีเวลาจะมารักนวลสงวนตัวเอาป่านนี้  เค้ารีบวิ่งไปหลบหลังไลชาทันที  ก่อนจะพบว่าเรเวนคลอยืนขึ้นช้าๆ "ไม่เจอกันนานนะเจ้าขันทีเฒ่า  เจ้าช่างงามเสียจริงๆ จนเมื่อกี้ข้าเกิดคิดว่าเจ้าเป็นผู้หญิงจริงๆ ซะอีก"

    ขันที?... เดี๋ยว!? จริงสิ! จะว่าไปแล้ว! ไลชาเคยบอกว่าเอมิเรียพิการนี่นา!?

    "เอมิเรียไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็น ขันทีงั้นเหรอ!?!" เค้าโพล่งออกมา "ถ้างั้นอาเทน่าก็เป็นผู้หญิงคนเดียวในจตุราชาสิ!"

    จตุราชาคนอื่นๆ หันไปมองทอมพร้อมกัน ก่อนที่อาเทน่าจะตั้งหลักได้เป็นคนแรก "โรวีน่า  ข้าคงให้เจ้าเอาจอมมารไปไม่ได้หรอกนะ"

    "ก๊อดริก! นั่นเจ้าเหรอ!" เธออุทาน "ร่างใหม่สวยไม่ใช่เล่นนะ!"

    อาเทน่าทำท่าทางเซ็งๆ เหมือนชายหนุ่ม "ไนจัสให้ข้าดูแลเค้า... เจ้าอย่าได้ขัดพระประสงค์ของเทพธิดาแห่งเราเลยนะ"

    "ประสงค์ของไนจัสเหรอ" เธอทำเสียงก้อง "ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย"

    "โรวีน่า! เจ้าไม่รู้เหรอว่าศัตรูของเราเป็นใคร!"

    "รู้สิ" เธอกระซิบ "ความเขลาไง"

    "ความเขลาเหรอ!?" อาเทน่าคาดไม่ถึง  เรเวนคลอพูดต่อไป

    "ตอนแรกข้าก็หมายปกป้องโลกเวทมนตร์เช่นเจ้า  แต่เมื่อข้าตายและสัมผัสโลกแห่งความตายข้าก็เข้าใจ  ว่าการมีชีวิตเป็นเรื่องที่โง่สิ้นดี  ทำไมเราต้องปกป้องโลกที่ไม่จริงแบบนี้ด้วย"

    "อะไรนะ... โลกที่ไม่จริง  นี่เจ้า" อาเทน่าพยายามเชื่อมทุกอย่างเข้าหากัน ก่อนจะนึกได้ "อะโพคาลิฟ-ฟาฝังตัวในหัวใจใครแล้วเหรอ!?"

    "ใช่..."

    "โรวีน่า... นี่เครียดนะ... คนๆ นั้นเป็นใคร!?"

    "ข้าจำเป็นต้องบอกก๊อดริกด้วยเหรอ...?" เธอพูดอย่างว่างเปล่า

    "โรวีน่า! ข้าเป็นเพื่อนเจ้านะ! เราสาบานอะไรไว้ในวันที่สร้างฮอกวอร์ต! เจ้าลืมแล้วเหรอ!" อาเทน่าตะโกน

    "ข้าไม่ลืมก๊อดริก แต่ข้าตัดสินใจผิดคำสาบาน!"

    อาเทน่าตะลึง "เจ้าว่าไงนะ!"

    "เสียใจสหายรัก  เราเดินคนละทางแล้ว... ทุกอย่างต้องจบ!"

    แล้วเธอก็ไป  ไปพร้อมกับไอรีน อาเทน่า แบล็กหันกลับไปด้วยใบหน้าซีดเผือด "เราต้องกลับไปแล้ว! มีใครบางคนถูกปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างลงไปแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นใคร! เราต้องหาให้พบและทำลายมันซะ!"








    ...เค้ากำลังจมลง...

    แฮร์รี่มองไปรอบๆ ที่มีแต่ความมืดอย่างหวาดกลัว  มันเกิดอะไรขึ้น  เค้าตาบอดเหรอ  ทำไมมันมืดสนิทแบบนี้!?

    เสียงฝีเท้าเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ดวงตาสีเขียวเหลือบไปเห็นและเบิกกว้าง  เมื่อเห็น "แขก" ที่ไม่ได้รับเชิญ  เด็กผู้ชาย  อายุไม่เกินสิบเอ็ดปี--ผมสีดำยุ่งเหยิง--ตาสีเขียว และ รอยแผลเป็นที่หน้าผาก--รูปสายฟ้า  เหมือนเค้าไม่มีผิด

    ตัวเค้าในวัยเด็ก!?

    "เธอ..." แฮร์รี่พูดไม่ออก "เธอคือชั้นเองเหรอ!"

    "เด็กชายผู้ถูกเลือก..." แม้แต่เสียงก็เหมือนเค้าในวัยเด็กไม่ผิดเพี้ยน "นามของข้าคืออะโพคาลิฟ-ฟา"

    "อะโพคาลิฟ-ฟา" แฮร์รี่ทวนคำเบาๆ  บ้าชัดๆ นั่นมันตัวเค้าเองไม่ใช่รึไง!

    "ใช่... อะโพคาลิฟ-ฟา" เด็กชายตอบ "เป็นวิวรณ์บทสุดท้ายนั่นแหละ!"

    "หมายความว่าไง"

    "ความหวังสุดท้ายของเจ้า(the last of your expectation)...  ความหวังสุดท้ายของโลก!"

    โลกเรียกร้องสิ่งใดเล่า  วันพิพากษา หรือ การรอดจากวันพิพากษา!?

    "แฮร์รี่!!!"

    แฮร์รี่ลืมตาทันที่และพบคนมากมายรายล้อมเค้า เค้ารีบลุกขึ้นมาและมองไปรอบๆ "เด็กคนนั้นไปไหนแล้ว!?"

    "เด็กเหรอ?" ซิเรียสถามงุงง "เด็กไหน?"

    "เด็กผู้ชาย... ที่เหมือนผม..."

    แต่เมื่อเห็นจตุราชากลับมาพร้อมทอม  เค้าก็เลือกที่จะเปลี่ยนใจ

    "แฮร์รี่.. เมื่อกี้นาย--" เนวิลล์ถาม

    "ไม่รู้สิ  ชั้นคงฝัน"
    ---------------------------------

    ลูเซียสนั่งอยู่ตามลำพัง  ขณะที่มองดูร่างที่ยังมีชีวิตแต่ในสภาพตายทั้งเป็นของแม่ ที่ต่างก็ไม่ไม่แตกต่างกับร่างมากมายที่กองทับถมกันอยู่ราวกับจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าเกิดมาทำไมกัน  ระหว่างที่เอามือปาดน้ำตาเงียบ  มือๆ หนึ่งก็วางบนไหล่

    "ลูเครเซีย" ลูเซียสสูดลมหายใจ "มาเมื่อไหร่"

    "เมื่อกี้..." เธอบอก

    "งั้น  พ่อกับพวกเซเวอรัสก็กลับมาแล้วสินะ"

    "ค่ะ  พึ่งมาถึง  ก็ไปหาป้าอาเทน่าทันที  ส่วนเซเวอรัสน่ะ  มาถึงก็กัดกับซิเรียสใหญ่  โชคดีที่ทุกคนมาขวางไว้"

    "ทำไมรู้ว่าชั้นอยู่นี่"

    "ไม่รู้หรอก  แค่ว่า... พอดีอยากจะเห็นแม่  แต่พี่มาก่อนซะอีก"

    "ขอโทษที่มาก่อน"

    "ไม่เป็นไร" ลูเครเซียพูดเบาๆ ก่อนจะใช้ความคิดบางอย่างสะกิดใจคู่สนทนา "เธอนามสกุลเรเวนคลอ... แต่ไม่สามารถใช้นามสกุลนี้ได้เลยเปลี่ยนไปใช้นามสกุลอื่น  พี่ลูเซียส  พี่ว่ามันแปลกๆ มั้ย"

    "อะไร?"

    "พี่รู้มั้ยว่าเซเวอรัส สเนปสืบสายเลือดมาจากใคร"

    "...มีคนบอกว่าเค้ามีความเกี่ยวพันธ์กับเฮก้า  ฮัพเฟิลพัฟ ชั้นไม่แปลกใจอีกเมื่อคิดถึงวันที่ได้เห็นใบหน้าของฮัพเฟิลพัฟในห้องลับของตระกูล  มันคือใบหน้าเดียวกับมานาเกีย  พริ้นซ์--ยายของเซเวอรัส"

    "คิดแบบนี้นะ  พ่อเราแต่งงานกับคนที่ใช้นามสกุลเรเวนคลอ  เราคือทายาทเรเวนคลอ, ทอมเป็นทายาทคนสุดท้ายของซัลลาซาร์ สลิธีรีน  เซเวอรัสเป็นทายาทของฮัฟเฟิลพัฟ และคู่แฝดแบล็ก, ลูกพี่ลูกน้องของเรา--ลูกชายและลูกสาวของก๊อดริก กริฟฟินดอร์กับคนที่เป็นลูกบ้านกริฟฟินดอร์  เท่ากับพวกเค้าเป็นทายาทกริฟฟินดอร์  พี่คิดว่ามันหมายความว่ายัง!"

    "เธอพูดก็ถูก! ทำไมชั้นไม่คิดเลย!" จากนั้นทั้งสองก็จับจ้องไปบนกองซากของคนที่ต้องเป็นเครื่องสังเวยให้แก่เสาค้ำฮอกวอร์ต ลูเซียสพูดอย่างน่ากลัว "เราต้องค้นให้รู้ว่าคนพวกนี้เป็นอย่างที่เราคิดหรือไม่! ลูเครเซีย! มากับพี่! มันต้องมีบันทึกรายชื่อคนที่เป็นเครื่องสังเวยบ้างล่ะ!"









    "คุณต้องไปพูดกับอาเทน่า!" เจมส์ พอตเตอร์คำราม

    "กอดเธอและจูบเธอซะ" โรซี่ชี้หน้า "จะให้ทวดเฟรย์มาแย่งภรรยาคุณไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้เหรอ!?"

    "ซิเรียส เราไม่อยากผิดหวังในตัวคุณมากไปกว่านี้" อัลเอาบ้าง "ไปง้อเธอเดี๋ยวนี้นะ!" เค้าฉุนมากหลังจากได้ฟังพฤติกรรมของซิเรียสจากปากของทุกคน

    "ลูกก็ลูกคุณ เมียก็เมียคุณ ชกปากคนที่มือปลาหมึกแล้วดึงเธอมากอดก็สิ้นเรื่อง!" สกอร์ปิอัสก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน

    "คุณเป็นพ่อทูลหัวของพ่อหนู  เท่ากับเป็นปู่หนูด้วย  แต่ถ้าคุณเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้  หนูจะถือว่าหนูไม่มีปู่แบบคุณ!" แม้แต่ลิลี่ก็ไม่ยอมรับพฤติกรรมแบบนี้ของซิเรียสเช่นกัน

    "เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิ ซิเรียส แบล็ก!" ฮิวโก้ วิสลี่ย์ตบท้าย

    ส่วนซิเรียส  เค้านั่งตะลึงโดยไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอ้าปากเหมือนพยายามจะพูดอะไรซักอย่าง  ก่อนจะหุบลงโดยไม่มีแม้แต่เสียงคราง  เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะโดนเด็กรุ่นหลานรุมด่าแบบนี้  พลางหันไปมองรอบข้างอย่างขอตัวช่วย

    "แย่นะแบล็ก  โดยเด็กด่าแบบนี้" สเนปเหน็บแนม "เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว  ใครโดนเด็กด่านับว่าน่าอายมาก"

    "พูดยังก่ะเราไม่เคยโดนเด็กด่ายังงั้นแหละ" บราเทอร์เซเวอรัสพูดตามประสาซื่อ "สมัยยังอยู่ในร่างเดียวกันในฐานะอาจารย์สอนปรุงยาผมว่าเราโดนเด็กด่าประจำนะ"

    ซิเรียสระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีชัยชนะ  ขณะที่สเนปหน้าเป็นสีเขียวขึ้นมาทันทีพลางหันไปหาตัวเองอีกคนหนึ่งอย่างโมโห  มีอย่างที่ไหนพูดอะไรขายหน้าตัวเองแบบนี้!?  แต่ก็เปลี่ยนเรื่องพูด "จริงเหรอที่ว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัล..?"

    "เรื่องจริง!" พวกอาจารย์พูดพร้อมกัน

    "กับศาสตราจารย์ทีลอนี่ย์เนี่ยนะ? มันเป็นไปได้ยังไง?"

    "พวกหล่อนคบกันหลังคุณตายไปหกปี!" ศาสตราจารย์บินส์พูดเป็นคนแรก

    "คืนนั้นพวกหล่อนฉลองปีใหม่กัน" เนวิลล์ตาม

    "แล้วไวท์ก็ทำพิษนิดหน่อย  พวกหล่อนตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยที่ห้องนอนของมิเนอร์ว่า  ทีแรกก็เหมือนจะลืมๆ แต่สุดท้ายลงเอยกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้" มาดามพรอมฟีย์สรุป

    "ผมว่าพวกหล่อนคงแอบชอบกันมานานแล้วแต่ทำเก็กไปงั้นเอง" แฮกริดออกความเห็น

    "มักกอนนากัลกับทีลอนี่ย์เนี่ยนะ  ไม่น่าเชื่อเลย" สเนปกับซิเรียสรำพึงออกมาพร้อมๆ กันโดยไม่ได้นัดหมาย  แถมเหมือนกันเปี๊ยบ  ก่อนจะหันไปมองกันและกันอย่างโมโหที่บังอาจพูดเหมือนกัน และหันหน้าหนีไปคนละทาง  แฮร์รี่ถอนใจเมื่อนึกได้ถึงคำพูดของลูปิน 'บางทีเราอาจจะไม่มีวันเป็นเพื่อนสนิทกันได้  เพราะมันมีความขมขื่นมากเกินไป' แต่กระนั้นก็เหมือนจะเห็นความหวังลางๆ เมื่อเห็นกับตาว่าบางครั้งพวกเค้าก็ใจตรงกัน







    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×