ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last of your expectation

    ลำดับตอนที่ #7 : ผู้เสพความตายสีน้ำเงิน

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 54


    "อัล" เสียงของสกอร์ดังขึ้นหลังจากผ่านช่วงเวลาระทึกใจ(จับสเนปอาบน้ำ)มาหมาดๆ หันออกไปจากภาพของศาสตราจารย์สเนปที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีผ้าผืนใหญ่ห่อรอบๆ ร่างกาย  และมีสีชมภูแต้มบนแก้มนิดหน่อย  ก่อนที่จะกลายเป็นแดงกล่ำทั้งหน้าเมื่อสกอร์ปิอัสถามคำถามที่โดนเข้าไปเต็มๆ หนึ่งดอก "นายคงไม่ได้กำลังคิดอกุศลกับศาสตราจารย์สเนปหรอกนะ?"

    "บ้า!" อัลตกใจ "ใครจะไปคิดอะไรแบบนั้นได้!"

    "นายรู้เหรอว่าชั้นพูดเรื่องอะไร?"

    อัลอ้าปากค้าง... เอาล่ะสิ! ถ้าหาว่าสกอร์มีความคิดเกี่ยวกับเค้าเรื่องนั้นก็ไม่เท่ากับว่ากำลังยอมรับรึไง?!  กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าสกอร์ปิอัสช่างฉลาดเหลือเกิน  แม้จะดูไม่ว่องไวเท่ากับโรซี่แต่ก็ฉลาดมาก! บางทีเค้าอาจจะฉลาดกว่าพ่อแม่ของเค้าในสมัยที่อายุเท่ากัน! และแน่นอนว่าฉลาดกว่าอัลมากด้วย!

    สกอร์ปิอัสหัวเราะเบาๆ  ก่อนจะหลุบตาลงด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย "ชั้นน่ะ  เป็นคนตระกูลมัลฟอยที่ถูกคนทั้งประเทศต่อต้าน  เลยกลายเป็นคนชั่งสังเกตไปโดยปริยายน่ะ  เพราะต้องคอยระวังว่าจะไปเหยียบตาปลาใครรึเปล่า  หากพลาดพลั้งขึ้นมาก็มีแต่จะทำให้คนเกลียดมากขึ้น"

    "ขอโทษนะ!" อัลก้มหน้าลงอย่างเสียใจ

    "อะไรกัน  ทำไมนายต้องขอโทษด้วยล่ะ!"

    อัลไม่ตอบ... แต่เค้าคิดมานานแล้ว  ถ้าไม่ใช่เพราะแฮร์รี่กลายเป็นวีรบุรุษสกอร์คงไม่ต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้...

    "พวกเธอ!" โรซี่มาพอดีพร้อมกับอาหารที่จัดเรียบร้อยแล้ว "มื้อเที่ยง!"

    "อื้อ!" สกอร์ร้องบอก "จะไปเดี๋ยวนี้และ!" แล้วหันไปหาอัล "เราไปกันเถอะ"

    "แล้วศาสตราจารย์สเนปล่ะ!?!"

    "คนตายไม่ต้องการอาหารหรอก"

    เด็กสามคนนั่งทานอาหารด้วยกัน  ไม่นานนักทอมก็โผลเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าหนึ่งชุด  แถมไม่พูดพร่ำทำเพลง  โผล่มาก็โซ้ยเอาโซ้ยเอาเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน  เด็กสามคนนั่งมองทอมกินเอากินเอา  และในที่สุดโรซี่ก็ส่งน้ำฟักทองให้กับทอมที่กำลังตีอกตัวเองเพราะอาหารติดคอ  ทอมรับไปกระเดือกรวดเดียวหมด

    "โอ้! เกือบตาย!!"

    "ทำไมมาช้านักล่ะคะ" โรซี่ถาม "แล้วเสื้อผ้าชุดเดียวจะพอเหรอคะ"

    "มีเรื่องนิดหน่อย" พูดพลางเช็ดปาก "พ่อแม่ของเธอกับอัลอยู่ที่โบสถ์"

    "เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ!?"

    "ชั้นไม่รู้  แต่เราต้องพาศาสตราจารย์สเนปไปที่โบสถ์"

    อัลนึกได้ว่าพ่อของเค้าเป็นมือปราบมาร  บางทีสิ่งที่พวกเค้าพึ่งผ่านมันไปเมื่อข้าวนี้อาจจะทำให้กระทรวงเวทมนตร์ระแคะระคายบางอย่างก็ได้  ถ้างั้น! เซเวอรัสอาจจะปลอดภัยหรือเป็นอันตรายก็ได้!! อัลไม่ทันสังเกตว่าสิ่งที่ขึ้นมาในหัวเป็น 'เซเวอรัส' ไม่ใช่ 'ศาสตราจารย์สเนป' เค้าถามอย่างเป็นห่วงทันที

    "เป็นไปได้มั้ยครับว่าการที่เซเวอรัสลุกขึ้นมาเดินแบบนี้  กระทรวงเวทมนตร์จะตีความเป็นอะไรที่ต้องกำจัด!!"

    "ชั้นไม่รู้  แต่ว่าหลวงแม่ให้ชั้นมาพาศาสตราจารย์ไป  รวมทั้งพวกเธอด้วย" ทอมพูดอย่างใช้ความคิด "ชั้นได้นำจดหมายมาส่งให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลในการขออนุญาตกลับบ้านและพาพวกเธอไปด้วยแล้ว  มีรายเซ็นต์ยินยอมจากพ่อของพวกเธอสองคนด้วย  แต่สำหรับสกอร์  ชั้นคงต้องแอบพาออกไป  ว่าแต่" พูดพลางนึกได้ "เธอสนิทกับอาจารย์ถึงขั้นเรียกชื่อต้นตั้งแต่เมื่อไหร่!?!?"

    สกอร์ปิอัสกับโรซี่หันไปมองอัลบัสพร้อมๆ กัน  หน้าเจ้าตัวแดงกล่ำขึ้นอย่างประหลาด  สกอร์ปิอัสยิ่งไม่ไว้ใจท่าทางไม่ชอบมาพากลของเพื่อนสนิทมากขึ้น

    หมอนี่ต้องคิดอะไรกับศาสตราจารย์สเนปแน่ๆ!!









    เด็กสามคนกับเด็กหนุ่มอีกหนึ่งพ่วงมาด้วยศพอีกหนึ่ง( - -")  เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปตามเส้นทางที่ตกลงกันไว้  เพื่อไปสู่กุญแจนำทางทาง  และก็ต้องอึ้งกิ่มหมีเมื่อเห็นว่ากุญแจนำทางคือ 'หีบเสื้อผ้าของสกอร์ปิอัส'  เด็กชายผมสีเงินหันมามองหน้าเด๋อด๋า "เอ๋! ทำไมล่ะฮะ!?!?"

    "ก็หลวงแม่บอกว่าให้เอาเธอมาด้วยนี่  รวมทั้งเสื้อผ้า!"

    แต่โรซี่คิดว่าคำตอบของทอมดูไม่ค่อยมีความรับผิดขอบเท่าไหร่...(-"-)

    "ไม่ต้องถามมาก  รีบสัมผัสกุญแจนำทางเร็วๆ เข้า!!" ทอมรีบบอกทุกคนทำตาม  แล้วก็คว้าเอวของศาสตราจารย์สเนปที่ตอนนี้ดูเหมือนบาทหลวงเซเวอรัสไม่มีผิดเพราะดันแต่งชุดของเซเวอรัสคนนั้นซะด้วย  ก่อนจะแตะที่กุญแจนำทาง  เดินทางสูโลกมักเกิ้ล
    --------------------------------------------

    บานประตูห้องรับแขกเปิดออกพร้อมกับร่างของทอม โลกิ ริดเดิ้ล มีศพเดินได้อย่างศาสตราจารย์สเนปพ่วงมาด้วย  และยังมีเด็กสามคนคือโรซี่  อัลบัส และสกอร์ปิอัสตามหิ้วปินโตอยู่ไม่ห่าง  ทั้งสี่คนกับหนึ่งซากอยู่ในสภาพสะบักสะบอมซกมกเพราะดันตกลงมาที่กองขยะพอดี(ไม่น่าจับศาสตราจารย์สเนปอาบน้ำเล้ย)

    แฮร์รี่ที่นั่งดื่มชาถึงกับทำถ้วยชาตกแตก  แถมโดนรอนพ่นน้ำชาใส่หน้าจนเปียก  ก่อนจะกระโดดสุดตัวเพราะยัยเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังรินชาดันตกใจยนถ้วยชาขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาใส่ตักของบุรุษที่ครั้งหนึ่งคือเด็กชายผู้รอดชีวิต(ซวยไปนะหม้อ)  บาทหลวงเซเวอรัสลุกขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นกับตาว่าซากที่อยู่ตรงหน้ามันช่างเหมือนตัวเองราวกับโขกออกจากแม่พิมพ์เดียวกัน

    เค้าจำได้ที่หลวงแม่ลูเครเซียบอกว่าเค้าคือโฮโมนครูซ  แต่ว่า...

    ความรู้สึกที่ได้เห็นคนที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นร่างหลักนี้มันอะไรกัน...!

    "นี่พวกเธอไปลุยอะไรมาเนี่ย" หลวงแม่ถาม

    "ผมตกลงที่ถังขยะพอดี" ทอมบอก

    "ชั้นว่าชั้นบอกเธอดีแล้วนะเรื่องการเสกกุยแจนำทางนะ!"

    "ผมไม่เคยทำได้สมบูรณ์แบบ!  หลวงแม่ก็รู้!"

    "โอยย!" อเล็กซ์เกาหัว "เธอที่มันต่างจากตอนเป็นโวลเดอร์มอร์ลิบลับจนชั้นไม่อยากเชื่อเลย!"

    "ก็ผมไม่ใช่โวลเดอร์มอร์!!"

    คำตอบสุดท้ายบอกชัดทอมโกรธมาก  โกรธจริงๆ  ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าเพราะอะไร  การที่เค้ามีชื่อทอม ริดเดิ้ล เหมือนโวลเดอร์มอร์  แถมหน้าตาเหมือนกัน  เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน  แล้วดันไปอยู่สลิธีรีนเหมือนกันมันทำให้ทุกคนทำกับเค้าราวกับว่าเค้าเป็นตัวแทนของโวลเดอร์มอร์ และ ทุกคนอยากทำแบบนี้นานแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้เลยต้องมาทำกับเค้าที่หน้าเหมือนกัน

    "ขะ  ขอโทษ" อเล็กซ์นึกได้ "ทอม... ขอโทษ"

    ทอมอึกอักแล้วเดินออกไปจากต่อหน้าทุกคน  เซเวอรัสเรียกตาม "ทอม! ไปไหนนะ!"

    "อาบน้ำ" ทอมพูดเบาๆ "ผมรู้สึกสกปรกนิดหน่อย"

    ทอมไปแล้ว  เซเวอรัสหันไปหาหลวงแม่ลูเครเซียอย่างขออนุญาต  และเมื่อเธอพยักหน้าเค้าก็รีบขอบคุณก่อนตามไป  ก่อนไปยังหันไปมองศาสตราจารย์สเนปราวกับอยากจะถามอะไรบางอย่าง  แต่ก็ยอมออกไปเงียบ

    "พวกเธอก็น่าจะพากันไปอาบน้ำได้แล้วนะ"

    "ครับ/ค่ะ!!" เด็กสามคนบอกแล้วรีบออกไป

    "เดี๋ยว!"

    "เอ๊ะ!?"

    "พาศาสตราจารย์สเนปไปด้วย"

    "ครับ/ค่ะ" เด็กทั้งสามบอกแล้วรีบพาสเนปออกไป  ลูเครเซียถอนใจพลางหันไปหาแขกผู้มีเวทมนตร์ทั้งสาม

    "พอใจแล้วรึยัง?"

    ไม่มีใครตอบเพราะมัวแต่อึ้ง  แต่ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ที่สมองทำงานไวกว่าเพื่อนก็ยิงคำถาม "ทำไมร่างของศาสตราจารย์สเนปถึงได้มีสภาพเหมือนตอนตายใหม่ๆ ไม่มีผิด?"

    "ชั้นบอกแล้วว่าจะบอกคุณแน่ๆ แต่รอซักพักก่อน"

    "อีกคำถาม... ทำไมหลวงพ่ออเล็กซ์ถึงบอกว่า 'ทอมต่างจากตอนเป็นโวลเดอร์มอร์' ไปได้"

    คำถามนั้นทำให้แฮร์รี่และรอนนึกได้  น่าตกใจที่เฮอร์ไมโอนี่สติดีขนาดนั้น  กาลเวลาไม่เคยทำให้สติปัญญาของเธอลดลงเลย  มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ  และอเล็กซ์รีบบอก

    "ก็ไม่มีอะไร  ผมแค่เผลอเพราะเค้าเหมือนโวลเดอร์มอร์"

    "คุณเคยเห็นโวลเดอร์มอร์สมัยหนุ่มๆ ด้วยเหรอ?"

    อเล็กซ์ไม่ตอบ  ลูเครเซียลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง "คุณพอตเตอร์, คุณและคุณนายวิสลี่ย์, พวกคุณรู้จักที่นี่มั้ย"

    "ถ้าคุณถามนอกจากว่ามันเป็นโบสถ์ล่ะก็... ไม่" แฮร์รี่บอก "ทำไม"

    "ที่นี่คือย่านช่างปั่นฝ้าย  สมัยก่อนลิลี่  เอฟเวนส์--แม่ของคุณเคยมาที่โบสถ์แห่งนี้  และการมาของเธอเปลี่ยนชีวิตของเซเวอรัส สเนป--ผู้ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนปรุงยาของพวกคุณไปตลอดกาล" เธอหันมามองคนทั้งสาม "เซเวอรัสเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับอเล็กซ์  และทีแรกเค้าไม่ได้คิดจะเป็นพ่อมด  แต่ตั้งใจจะเป็นบาทหลวงน่ะ"

    "สเนปนี่นะอยากเป็นบาทหลวง!?" รอนว่า  เค้าคงไม่มีวันเชื่อถ้าเค้าไม่รู้ทีหลังว่าสเนปรักแม่ของแฮร์รี่  อันที่จริงแม้จะได้ยินตอนนี้ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี

    "ศาสตราจารย์สเนปเลือกเป็นพ่อมดเพราะแม่ของผมเหรอ!?" แม้จะรู้แล้วว่าความรักที่สเนปมีต่อแม่ของเค้ามันลึกซึ้งแต่ก็ไม่นึกว่ามันจะเริ่มต้นเร็วขนาดนั้น "พวกเค้ารู้จักกันเมื่อไหร่ฮะ!"

    "ตอนที่ลิลี่มาที่นี่และเซเวอรัสได้เห็นเธอพวกเค้ามีอายุหกขวบ... ลิลี่แบ่งขนมให้เซเวอรัสกิน  ไม่ได้สนใจว่าเซเวอรัสเป็นเด็กที่ถูกทุกคนรังเกียจเพราะมีแม่เป็นผู้หญิงแปลกประหลาดที่ลือกันว่าเป็นแม่มด  และเค้าก็เป็นเด็กที่ยากจนมาก  ตอนนั้นไม่มีใครสนใจเซเวอรัสแม้แต่อเล็กซ์" ลูเครเซียหันไปหาอเล็กซ์ที่ดูอับอายขึ้นมาทันที "แต่พ่อของชั้นเป็นพ่อทูลหัวของเซเวอรัส  ก็เลยดูแลเซเวอรัสมาตลอด  แน่นอนว่า  นั่นทำให้เซเวอรัสมีความรู้สึกดีๆ กับลูเซียส  เพราะรู้ว่าลูเซียสเป็นพี่ชายฝาแฝดของชั้น"

    เธอสารภาพแล้ว  ว่าเธอเป็นน้องสาวของลูเซียส  มัลฟอย  ซึ่งแปลว่าเธอเป็นอาของเดรโก!

    "เซเวอรัสเรียนโรงเรียนประถมเดียวกันกับลิลี่  แต่ลิลี่ไม่เคยสังเกตเห็นเค้าจนกระทั่งวันที่เค้ารวบรวมความกล้าแนะนำตัวกับเธอ  หลังเหตุการณ์ในวันนั้นลิลี่สังเกตเห็นเป็นครั้งแรกว่าเค้าเรียนห้องเดียวกับเธอ"

    แฮร์รี่อึ้ง... ไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากขนาดนั้น!  แฮร์รี่เริ่มจำสิ่งที่เห็นเมื่อสิบเก้าปีก่อนได้  ในความทรงจำของสเนป! สเนปแนะนำตัวกับลิลี่ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณเก้าหรือสิบปี! ห่างจากครั้งแรกที่พบกันตั้งสามหรือสี่ปี!

    เวลานี้เค้าตระหนักชัดว่าตอนนั้นหัวใจของเด็กน้อยเป็นอย่างไรในการรวบรวมความกล้าเพื่อคุยกับเธอครั้งแรกก่อนจะถูกเธอปฏิเสธ  แม้ทั้งคู่จะกลายเป็นเพื่อนกันในเวลาต่อมา  แต่การถูกปฏิเสธครั้งแรกนั้นเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันลบล้างได้!  และการพูดแนะนำตัวกับใครซักคนที่ตนเองชอบมากที่สุดทั้งๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรนั้น  มันต้องใช้ความกล้าหาญมากเพียงใด  แฮร์รี่ไม่สามารถจินตนาการได้เลยแม้แต่น้อย

    ในเวลานั้น  แฮร์รี่นึกเจ็บปวดเป็นครั้งแรกสำหรับความรู้สึกที่เคยมีต่อสเนปแม้ว่าเค้าจะไม่ได้เกลียดสเนปอีกแล้วก็ตาม  แฮร์รี่เคยสงสารสเนปเมื่อเห็นการกลั่นแกล้งของพ่อและเพื่อนพ่อในความทรงตำของสเนป  แต่เค้าไม่เคยรู้สึกผิดที่รู้สึกเกลียดสเนปมาก่อนที่จะรู้ความจริง  อย่างมากก็แค่สงสาร  ทว่าตอนนี้เค้ารู้สึกผิดอย่างสุดจะบรรยาย

    เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เค้าตระหนักว่าเค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับแม่มากพอ... ขณะที่เค้าชื่นชมพ่อและเพื่อนๆ ของพ่อทุกคน  ผู้พิทักษ์ของเค้าคือกวางตัวผู้  เค้าชอบซิเรียสและรีมัสเพราะทั้งคู่คือเพื่อนรักของพ่อ  แต่แม่ล่ะ  เค้าไม่เคยสนใจเพื่อนรักของแม่  เค้าไม่เคยแม้แต่จะหาคำตอบว่าใครคือเพื่อนที่แม่รักมากที่สุด  และน่าขำ... เวลานี้หัวใจของแฮร์รี่ดิ่งวูบเมื่อนึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร... ทำไมไม่มีใครหลุดปากบอกเค้าซักคนว่า "สเนปกับแม่ของเค้าเป็นเพื่อนสนิทกัน!"  ดัมเบิ้ลดอร์น่ะใช่  เพราะสเนปขอร้องไว้  แต่คนอื่นล่ะ?  แฮกริด, ศาสตราจารย์มักกอนนากัล, อาจารย์ทุกคน ซีเรียส ลูปิน แล้วก็อีกมากมาย  มันแปลกเกินไปที่ไม่มีใครบอกเค้าเกี่ยวกับแม่ของเค้า  อย่างน้อยที่สุดเพื่อนที่แม่รักที่สุดน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเค้าควรบอกแฮร์รี่  เหมือนที่บอกว่าซิเรียสคือเพื่อนรักของพ่อ!

    ถ้าแฮร์รี่รู้แต่แรกว่าสเนปกับแม่เป็นเพื่อนสนิทกันแล้วเค้าถามสเนป... ความสัมพันธ์ของพวกเค้าคงไม่แย่ขนาดนั้น... อย่างน้อยที่สุดสเนปก็คงปรานีเค้าบ้างเหมือนที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อเค้า!

    "ชั้นว่าเรารอพวกเค้าก่อนแล้วก็คนอื่นๆ จากนั้นเราจะมาคุยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้พร้อมๆ กัน..." ลูเครเซียบอกเรียบๆ










    และแล้วเซเวอรัสก็ต้องมาจับเซเวอรัสอีกคนหนึ่งอาบน้ำ  แม้ว่าจะอาบไปแล้วก็ตาม.... มันเป็นความรู้สึกที่แปลกที่อยู่ก็มีคนหน้าตาเหมือนตัวเองโผล่มาทั้งๆ ที่ไม่เคยมีพี่น้องฝาแฝดที่ไหนมาก่อน  แต่แผลที่คอของอดีตอาจารย์สอนปรุงยาดูแปลก  ให้ความรู้สึกที่เย็นเยือกพิกล  เค้าไม่ถูกอีกฝ่ายสนใจแม้แต่น้อย  มีเพียงเค้าที่สนใจอีกฝ่าย

    พวกเค้ามีรอยแผลเป็นที่เหมือนกัน  หัวกระโหลกที่มีงูไหลเลื้อยออกจากปาก  และตำหนิต่างๆ บนร่างกายไม่ว่าจะไฝปานหรือรอยแผลเป็นล้วนเหมือนกันหมด

    โดยไม่รู้ตัว  เหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง  บาทหลวงหนุ่มยกมือขึ้นลูบก้านคอตัวเองช้าๆ  ก่อนจะตระหนกวูบว่าเหมือนจะพบว่ามีแผลเหวอะหวะที่เปียกชุ่มเลือดอุ่นอยู่ตรงนั้น!!  และนั้นทำให้เซเวอรัสหน้าซีด  ผวายืนขึ้นส่องกระจก  แต่ไม่มีอะไรบนคอของเค้าแม้แต่น้อย   ในช่วงเวลาที่กำลังโล่งใจนั้น! ดวงตาของเค้ากลับมองเห็นภาพของสถานที่ซึ่งเค้าไม่รู้จักแต่ก็เหมือนคุ้นเคย!  เค้าเห็นใบหน้าที่เหมือนมีแต่กระโหลกในความมืด  และบางสิ่งตกลงมาพร้อมกับงูตัวใหญ่  และเสียงที่น่ากลัวดังขึ้น "ฆ่าซะ!" และพริบตานั้นงูตัวใหญ่ก็พุ่งเข้ากัดที่คอเรียวระหง  บาทหลวงหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่สาหัสและล้มลงไปนอนกับพื้น

    หัวของเค้าสั่นสะเทือนเพราะมันฟาดกับศพมีชีวิตที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้น  เค้าหันควับไปรอบๆ อย่างได้สติ  เค้ายังอยู่ในห้องน้ำและสายน้ำอุ่นก็ยังไหลไม่ขาดสาย

    "ขอโทษนะ... หนาวรึเปล่า!" บาทหลวงรีบปิดน้ำแล้วดึงเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อรอบๆ ร่างของศาสตราจารย์สเนป  ผู้ซึ่งไม่สนใจเค้าแม้แต่น้อย

    บาทหลวงเซเวอรัสจับศาสตราจารย์สเนปแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของเค้าเองสมัยที่ยังมีชีวิต  มันดูเหมาะกับเค้ามากกว่าที่คิด  อาจจะเพราะชายคนนี้เป็นพ่อมดจึงเหมาะกับสีดำ  แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สนใจที่สุด  ที่สนใจคือสิ่งที่เค้าเห็นเมื่อกี้  คือวินาทีที่อีกฝ่ายตายใช่หรือไม่  เซเวอรัสรู้สึกสงสารชายที่หน้าเหมือนเค้าจับใจ

    "เป็นภาพที่งดงามนะ  ไม่คิดว่าจะเห็นการแบ่งภาคในลักษณะนี้ได้"

    เซเวอรัสหันขวับ  เค้าพบว่าคนตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาคล้ายแฮร์รี่  พอตเตอร์  แต่มีข้อผิดพลาดที่จงใจให้เกิดความแตกต่าง  ชายคนนี้มีดวงตาสีฟ้า  ไม่สวมแว่น  ไม่มีแผลเป็นรูปสายฟ้า  จมูกโด่งกว่าแฮร์รี่  คิ้วดกดำกว่า  ผมยุ่งๆ เหมือนกันแต่ด้านหลังไว้ยาวจนถึงเอวและรวบไว้   แววตาของเค้าดูคุ้นเคยอย่างประหลาดและเสียงของศาสตราจารย์สเนปที่ดังขึ้นเป็นครั้งแรก!

    "พะ--พอตเตอร์! แก!!"

    "ผิดนิดหน่อยนะ  เจ้าซากศพ  ชั้นคือเฟรย์  เมอร์กัน  ไม่ใช่เจมส์  พอตเตอร์!"










    เสียงดังที่ทำให้โบสถ์สั่นสะเทือนส่งผลให้ทุกคนตกใจและตัดสินใจวิ่งไปตามหาที่มาของเสียง  ทั้งอัลบัส โรซี่ สกอร์ปิอัส และทอมเป็นคนกลุ่มแรกที่วิ่งไปถึงที่หมายทั้งๆ ที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย  จากนั้นก็เป็นเหล่าบาทหลวงและพวกผู้วิเศษที่เป็นแขกสำคัญในวันนี้  ข้าวของในห้องของบาทหลวงเซเวอรัสกระจักกระจาย  แต่ร่างของเซเวอรัสกลับอยู่ในกำมือของชายที่บุกรุกเข้ามา  ภายนอกเหมือนจะมีอายุประมาณสี่สิบปี  แต่แท้จริงแล้วจิตแห่งผู้วิเศษสามารถสัมผัสได้ว่าอายุของชายคนนี้จวนเจียนจะเหยียบร้อยปีอยู่แล้ว  และหน้าตาที่เหมือนแฮร์รี่ก็ทำให้พวกแฮร์รี่พิศวง

    "อย่าพยายามอีกเลย  เจ้าซากศพเดินได้" ชายคนนั้นเยาะเย้ย "ไม้กายสิทธิ์ไม่ทำร้ายวิญญานของเจ้าของหรอกถ้าต้องเลือกระหว่างร่างกายกับวิญญาน!"

    "แกเป็นใครนะ!!!" รอนชูไม้กายสิทธิ์ "ปล่อยหลวงพี่เดี๋ยวนี้นะ"

    เวทมนตร์จากไม้กายสิทธิ์เสกเชือกกลางอากาศรัดรอบร่างของบาทหลวงเซเวอรัสแล้วกระชากให้ฟาดลงกับพื้น  ก่อนจะถลกแขนเสื้อเพื่อแสดงให้เห็น 'สัญลักษณ์สีน้ำเงิน' ที่เหมือนกับตรามารของผู้เสพความตาย  และพูดขึ้น

    "ขอแนะนำตัว... ชั้นคือหนึ่งในจตุราชาที่ทำพันธะสัญญากับลอร์ดโวลเดอร์มอร์  เป็นผู้เสพความตายที่สูงขั้นที่สุดจนได้รับตรามารสีน้ำเงิน  ชื่อเฟรย์  เมอร์กัน"

    "นาย.... ทำไมนายกลับมาได้" ลูเครเซียแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น

    "ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ... ลูเครเซีย  มัลฟอย" เฟรย์  เมอร์กันยิ้ม






    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×