คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ผู้เสพความตายสีน้ำเงิน
"อัล" เสียงของสกอร์ดังขึ้นหลังจากผ่านช่วงเวลาระทึกใจ(จับสเนปอาบน้ำ)มาหมาดๆ หันออกไปจากภาพของศาสตราจารย์สเนปที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีผ้าผืนใหญ่ห่อรอบๆ ร่างกาย และมีสีชมภูแต้มบนแก้มนิดหน่อย ก่อนที่จะกลายเป็นแดงกล่ำทั้งหน้าเมื่อสกอร์ปิอัสถามคำถามที่โดนเข้าไปเต็มๆ หนึ่งดอก "นายคงไม่ได้กำลังคิดอกุศลกับศาสตราจารย์สเนปหรอกนะ?"
"บ้า!" อัลตกใจ "ใครจะไปคิดอะไรแบบนั้นได้!"
"นายรู้เหรอว่าชั้นพูดเรื่องอะไร?"
อัลอ้าปากค้าง... เอาล่ะสิ! ถ้าหาว่าสกอร์มีความคิดเกี่ยวกับเค้าเรื่องนั้นก็ไม่เท่ากับว่ากำลังยอมรับรึไง?! กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าสกอร์ปิอัสช่างฉลาดเหลือเกิน แม้จะดูไม่ว่องไวเท่ากับโรซี่แต่ก็ฉลาดมาก! บางทีเค้าอาจจะฉลาดกว่าพ่อแม่ของเค้าในสมัยที่อายุเท่ากัน! และแน่นอนว่าฉลาดกว่าอัลมากด้วย!
สกอร์ปิอัสหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหลุบตาลงด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย "ชั้นน่ะ เป็นคนตระกูลมัลฟอยที่ถูกคนทั้งประเทศต่อต้าน เลยกลายเป็นคนชั่งสังเกตไปโดยปริยายน่ะ เพราะต้องคอยระวังว่าจะไปเหยียบตาปลาใครรึเปล่า หากพลาดพลั้งขึ้นมาก็มีแต่จะทำให้คนเกลียดมากขึ้น"
"ขอโทษนะ!" อัลก้มหน้าลงอย่างเสียใจ
"อะไรกัน ทำไมนายต้องขอโทษด้วยล่ะ!"
อัลไม่ตอบ... แต่เค้าคิดมานานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะแฮร์รี่กลายเป็นวีรบุรุษสกอร์คงไม่ต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้...
"พวกเธอ!" โรซี่มาพอดีพร้อมกับอาหารที่จัดเรียบร้อยแล้ว "มื้อเที่ยง!"
"อื้อ!" สกอร์ร้องบอก "จะไปเดี๋ยวนี้และ!" แล้วหันไปหาอัล "เราไปกันเถอะ"
"แล้วศาสตราจารย์สเนปล่ะ!?!"
"คนตายไม่ต้องการอาหารหรอก"
เด็กสามคนนั่งทานอาหารด้วยกัน ไม่นานนักทอมก็โผลเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าหนึ่งชุด แถมไม่พูดพร่ำทำเพลง โผล่มาก็โซ้ยเอาโซ้ยเอาเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน เด็กสามคนนั่งมองทอมกินเอากินเอา และในที่สุดโรซี่ก็ส่งน้ำฟักทองให้กับทอมที่กำลังตีอกตัวเองเพราะอาหารติดคอ ทอมรับไปกระเดือกรวดเดียวหมด
"โอ้! เกือบตาย!!"
"ทำไมมาช้านักล่ะคะ" โรซี่ถาม "แล้วเสื้อผ้าชุดเดียวจะพอเหรอคะ"
"มีเรื่องนิดหน่อย" พูดพลางเช็ดปาก "พ่อแม่ของเธอกับอัลอยู่ที่โบสถ์"
"เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ!?"
"ชั้นไม่รู้ แต่เราต้องพาศาสตราจารย์สเนปไปที่โบสถ์"
อัลนึกได้ว่าพ่อของเค้าเป็นมือปราบมาร บางทีสิ่งที่พวกเค้าพึ่งผ่านมันไปเมื่อข้าวนี้อาจจะทำให้กระทรวงเวทมนตร์ระแคะระคายบางอย่างก็ได้ ถ้างั้น! เซเวอรัสอาจจะปลอดภัยหรือเป็นอันตรายก็ได้!! อัลไม่ทันสังเกตว่าสิ่งที่ขึ้นมาในหัวเป็น 'เซเวอรัส' ไม่ใช่ 'ศาสตราจารย์สเนป' เค้าถามอย่างเป็นห่วงทันที
"เป็นไปได้มั้ยครับว่าการที่เซเวอรัสลุกขึ้นมาเดินแบบนี้ กระทรวงเวทมนตร์จะตีความเป็นอะไรที่ต้องกำจัด!!"
"ชั้นไม่รู้ แต่ว่าหลวงแม่ให้ชั้นมาพาศาสตราจารย์ไป รวมทั้งพวกเธอด้วย" ทอมพูดอย่างใช้ความคิด "ชั้นได้นำจดหมายมาส่งให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลในการขออนุญาตกลับบ้านและพาพวกเธอไปด้วยแล้ว มีรายเซ็นต์ยินยอมจากพ่อของพวกเธอสองคนด้วย แต่สำหรับสกอร์ ชั้นคงต้องแอบพาออกไป ว่าแต่" พูดพลางนึกได้ "เธอสนิทกับอาจารย์ถึงขั้นเรียกชื่อต้นตั้งแต่เมื่อไหร่!?!?"
สกอร์ปิอัสกับโรซี่หันไปมองอัลบัสพร้อมๆ กัน หน้าเจ้าตัวแดงกล่ำขึ้นอย่างประหลาด สกอร์ปิอัสยิ่งไม่ไว้ใจท่าทางไม่ชอบมาพากลของเพื่อนสนิทมากขึ้น
หมอนี่ต้องคิดอะไรกับศาสตราจารย์สเนปแน่ๆ!!
เด็กสามคนกับเด็กหนุ่มอีกหนึ่งพ่วงมาด้วยศพอีกหนึ่ง( - -") เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปตามเส้นทางที่ตกลงกันไว้ เพื่อไปสู่กุญแจนำทางทาง และก็ต้องอึ้งกิ่มหมีเมื่อเห็นว่ากุญแจนำทางคือ 'หีบเสื้อผ้าของสกอร์ปิอัส' เด็กชายผมสีเงินหันมามองหน้าเด๋อด๋า "เอ๋! ทำไมล่ะฮะ!?!?"
"ก็หลวงแม่บอกว่าให้เอาเธอมาด้วยนี่ รวมทั้งเสื้อผ้า!"
แต่โรซี่คิดว่าคำตอบของทอมดูไม่ค่อยมีความรับผิดขอบเท่าไหร่...(-"-)
"ไม่ต้องถามมาก รีบสัมผัสกุญแจนำทางเร็วๆ เข้า!!" ทอมรีบบอกทุกคนทำตาม แล้วก็คว้าเอวของศาสตราจารย์สเนปที่ตอนนี้ดูเหมือนบาทหลวงเซเวอรัสไม่มีผิดเพราะดันแต่งชุดของเซเวอรัสคนนั้นซะด้วย ก่อนจะแตะที่กุญแจนำทาง เดินทางสูโลกมักเกิ้ล
--------------------------------------------
บานประตูห้องรับแขกเปิดออกพร้อมกับร่างของทอม โลกิ ริดเดิ้ล มีศพเดินได้อย่างศาสตราจารย์สเนปพ่วงมาด้วย และยังมีเด็กสามคนคือโรซี่ อัลบัส และสกอร์ปิอัสตามหิ้วปินโตอยู่ไม่ห่าง ทั้งสี่คนกับหนึ่งซากอยู่ในสภาพสะบักสะบอมซกมกเพราะดันตกลงมาที่กองขยะพอดี(ไม่น่าจับศาสตราจารย์สเนปอาบน้ำเล้ย)
แฮร์รี่ที่นั่งดื่มชาถึงกับทำถ้วยชาตกแตก แถมโดนรอนพ่นน้ำชาใส่หน้าจนเปียก ก่อนจะกระโดดสุดตัวเพราะยัยเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังรินชาดันตกใจยนถ้วยชาขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาใส่ตักของบุรุษที่ครั้งหนึ่งคือเด็กชายผู้รอดชีวิต(ซวยไปนะหม้อ) บาทหลวงเซเวอรัสลุกขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นกับตาว่าซากที่อยู่ตรงหน้ามันช่างเหมือนตัวเองราวกับโขกออกจากแม่พิมพ์เดียวกัน
เค้าจำได้ที่หลวงแม่ลูเครเซียบอกว่าเค้าคือโฮโมนครูซ แต่ว่า...
ความรู้สึกที่ได้เห็นคนที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นร่างหลักนี้มันอะไรกัน...!
"นี่พวกเธอไปลุยอะไรมาเนี่ย" หลวงแม่ถาม
"ผมตกลงที่ถังขยะพอดี" ทอมบอก
"ชั้นว่าชั้นบอกเธอดีแล้วนะเรื่องการเสกกุยแจนำทางนะ!"
"ผมไม่เคยทำได้สมบูรณ์แบบ! หลวงแม่ก็รู้!"
"โอยย!" อเล็กซ์เกาหัว "เธอที่มันต่างจากตอนเป็นโวลเดอร์มอร์ลิบลับจนชั้นไม่อยากเชื่อเลย!"
"ก็ผมไม่ใช่โวลเดอร์มอร์!!"
คำตอบสุดท้ายบอกชัดทอมโกรธมาก โกรธจริงๆ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าเพราะอะไร การที่เค้ามีชื่อทอม ริดเดิ้ล เหมือนโวลเดอร์มอร์ แถมหน้าตาเหมือนกัน เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน แล้วดันไปอยู่สลิธีรีนเหมือนกันมันทำให้ทุกคนทำกับเค้าราวกับว่าเค้าเป็นตัวแทนของโวลเดอร์มอร์ และ ทุกคนอยากทำแบบนี้นานแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้เลยต้องมาทำกับเค้าที่หน้าเหมือนกัน
"ขะ ขอโทษ" อเล็กซ์นึกได้ "ทอม... ขอโทษ"
ทอมอึกอักแล้วเดินออกไปจากต่อหน้าทุกคน เซเวอรัสเรียกตาม "ทอม! ไปไหนนะ!"
"อาบน้ำ" ทอมพูดเบาๆ "ผมรู้สึกสกปรกนิดหน่อย"
ทอมไปแล้ว เซเวอรัสหันไปหาหลวงแม่ลูเครเซียอย่างขออนุญาต และเมื่อเธอพยักหน้าเค้าก็รีบขอบคุณก่อนตามไป ก่อนไปยังหันไปมองศาสตราจารย์สเนปราวกับอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ยอมออกไปเงียบ
"พวกเธอก็น่าจะพากันไปอาบน้ำได้แล้วนะ"
"ครับ/ค่ะ!!" เด็กสามคนบอกแล้วรีบออกไป
"เดี๋ยว!"
"เอ๊ะ!?"
"พาศาสตราจารย์สเนปไปด้วย"
"ครับ/ค่ะ" เด็กทั้งสามบอกแล้วรีบพาสเนปออกไป ลูเครเซียถอนใจพลางหันไปหาแขกผู้มีเวทมนตร์ทั้งสาม
"พอใจแล้วรึยัง?"
ไม่มีใครตอบเพราะมัวแต่อึ้ง แต่ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ที่สมองทำงานไวกว่าเพื่อนก็ยิงคำถาม "ทำไมร่างของศาสตราจารย์สเนปถึงได้มีสภาพเหมือนตอนตายใหม่ๆ ไม่มีผิด?"
"ชั้นบอกแล้วว่าจะบอกคุณแน่ๆ แต่รอซักพักก่อน"
"อีกคำถาม... ทำไมหลวงพ่ออเล็กซ์ถึงบอกว่า 'ทอมต่างจากตอนเป็นโวลเดอร์มอร์' ไปได้"
คำถามนั้นทำให้แฮร์รี่และรอนนึกได้ น่าตกใจที่เฮอร์ไมโอนี่สติดีขนาดนั้น กาลเวลาไม่เคยทำให้สติปัญญาของเธอลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ และอเล็กซ์รีบบอก
"ก็ไม่มีอะไร ผมแค่เผลอเพราะเค้าเหมือนโวลเดอร์มอร์"
"คุณเคยเห็นโวลเดอร์มอร์สมัยหนุ่มๆ ด้วยเหรอ?"
อเล็กซ์ไม่ตอบ ลูเครเซียลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง "คุณพอตเตอร์, คุณและคุณนายวิสลี่ย์, พวกคุณรู้จักที่นี่มั้ย"
"ถ้าคุณถามนอกจากว่ามันเป็นโบสถ์ล่ะก็... ไม่" แฮร์รี่บอก "ทำไม"
"ที่นี่คือย่านช่างปั่นฝ้าย สมัยก่อนลิลี่ เอฟเวนส์--แม่ของคุณเคยมาที่โบสถ์แห่งนี้ และการมาของเธอเปลี่ยนชีวิตของเซเวอรัส สเนป--ผู้ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนปรุงยาของพวกคุณไปตลอดกาล" เธอหันมามองคนทั้งสาม "เซเวอรัสเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับอเล็กซ์ และทีแรกเค้าไม่ได้คิดจะเป็นพ่อมด แต่ตั้งใจจะเป็นบาทหลวงน่ะ"
"สเนปนี่นะอยากเป็นบาทหลวง!?" รอนว่า เค้าคงไม่มีวันเชื่อถ้าเค้าไม่รู้ทีหลังว่าสเนปรักแม่ของแฮร์รี่ อันที่จริงแม้จะได้ยินตอนนี้ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี
"ศาสตราจารย์สเนปเลือกเป็นพ่อมดเพราะแม่ของผมเหรอ!?" แม้จะรู้แล้วว่าความรักที่สเนปมีต่อแม่ของเค้ามันลึกซึ้งแต่ก็ไม่นึกว่ามันจะเริ่มต้นเร็วขนาดนั้น "พวกเค้ารู้จักกันเมื่อไหร่ฮะ!"
"ตอนที่ลิลี่มาที่นี่และเซเวอรัสได้เห็นเธอพวกเค้ามีอายุหกขวบ... ลิลี่แบ่งขนมให้เซเวอรัสกิน ไม่ได้สนใจว่าเซเวอรัสเป็นเด็กที่ถูกทุกคนรังเกียจเพราะมีแม่เป็นผู้หญิงแปลกประหลาดที่ลือกันว่าเป็นแม่มด และเค้าก็เป็นเด็กที่ยากจนมาก ตอนนั้นไม่มีใครสนใจเซเวอรัสแม้แต่อเล็กซ์" ลูเครเซียหันไปหาอเล็กซ์ที่ดูอับอายขึ้นมาทันที "แต่พ่อของชั้นเป็นพ่อทูลหัวของเซเวอรัส ก็เลยดูแลเซเวอรัสมาตลอด แน่นอนว่า นั่นทำให้เซเวอรัสมีความรู้สึกดีๆ กับลูเซียส เพราะรู้ว่าลูเซียสเป็นพี่ชายฝาแฝดของชั้น"
เธอสารภาพแล้ว ว่าเธอเป็นน้องสาวของลูเซียส มัลฟอย ซึ่งแปลว่าเธอเป็นอาของเดรโก!
"เซเวอรัสเรียนโรงเรียนประถมเดียวกันกับลิลี่ แต่ลิลี่ไม่เคยสังเกตเห็นเค้าจนกระทั่งวันที่เค้ารวบรวมความกล้าแนะนำตัวกับเธอ หลังเหตุการณ์ในวันนั้นลิลี่สังเกตเห็นเป็นครั้งแรกว่าเค้าเรียนห้องเดียวกับเธอ"
แฮร์รี่อึ้ง... ไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากขนาดนั้น! แฮร์รี่เริ่มจำสิ่งที่เห็นเมื่อสิบเก้าปีก่อนได้ ในความทรงจำของสเนป! สเนปแนะนำตัวกับลิลี่ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณเก้าหรือสิบปี! ห่างจากครั้งแรกที่พบกันตั้งสามหรือสี่ปี!
เวลานี้เค้าตระหนักชัดว่าตอนนั้นหัวใจของเด็กน้อยเป็นอย่างไรในการรวบรวมความกล้าเพื่อคุยกับเธอครั้งแรกก่อนจะถูกเธอปฏิเสธ แม้ทั้งคู่จะกลายเป็นเพื่อนกันในเวลาต่อมา แต่การถูกปฏิเสธครั้งแรกนั้นเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันลบล้างได้! และการพูดแนะนำตัวกับใครซักคนที่ตนเองชอบมากที่สุดทั้งๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรนั้น มันต้องใช้ความกล้าหาญมากเพียงใด แฮร์รี่ไม่สามารถจินตนาการได้เลยแม้แต่น้อย
ในเวลานั้น แฮร์รี่นึกเจ็บปวดเป็นครั้งแรกสำหรับความรู้สึกที่เคยมีต่อสเนปแม้ว่าเค้าจะไม่ได้เกลียดสเนปอีกแล้วก็ตาม แฮร์รี่เคยสงสารสเนปเมื่อเห็นการกลั่นแกล้งของพ่อและเพื่อนพ่อในความทรงตำของสเนป แต่เค้าไม่เคยรู้สึกผิดที่รู้สึกเกลียดสเนปมาก่อนที่จะรู้ความจริง อย่างมากก็แค่สงสาร ทว่าตอนนี้เค้ารู้สึกผิดอย่างสุดจะบรรยาย
เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เค้าตระหนักว่าเค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับแม่มากพอ... ขณะที่เค้าชื่นชมพ่อและเพื่อนๆ ของพ่อทุกคน ผู้พิทักษ์ของเค้าคือกวางตัวผู้ เค้าชอบซิเรียสและรีมัสเพราะทั้งคู่คือเพื่อนรักของพ่อ แต่แม่ล่ะ เค้าไม่เคยสนใจเพื่อนรักของแม่ เค้าไม่เคยแม้แต่จะหาคำตอบว่าใครคือเพื่อนที่แม่รักมากที่สุด และน่าขำ... เวลานี้หัวใจของแฮร์รี่ดิ่งวูบเมื่อนึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร... ทำไมไม่มีใครหลุดปากบอกเค้าซักคนว่า "สเนปกับแม่ของเค้าเป็นเพื่อนสนิทกัน!" ดัมเบิ้ลดอร์น่ะใช่ เพราะสเนปขอร้องไว้ แต่คนอื่นล่ะ? แฮกริด, ศาสตราจารย์มักกอนนากัล, อาจารย์ทุกคน ซีเรียส ลูปิน แล้วก็อีกมากมาย มันแปลกเกินไปที่ไม่มีใครบอกเค้าเกี่ยวกับแม่ของเค้า อย่างน้อยที่สุดเพื่อนที่แม่รักที่สุดน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเค้าควรบอกแฮร์รี่ เหมือนที่บอกว่าซิเรียสคือเพื่อนรักของพ่อ!
ถ้าแฮร์รี่รู้แต่แรกว่าสเนปกับแม่เป็นเพื่อนสนิทกันแล้วเค้าถามสเนป... ความสัมพันธ์ของพวกเค้าคงไม่แย่ขนาดนั้น... อย่างน้อยที่สุดสเนปก็คงปรานีเค้าบ้างเหมือนที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อเค้า!
"ชั้นว่าเรารอพวกเค้าก่อนแล้วก็คนอื่นๆ จากนั้นเราจะมาคุยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้พร้อมๆ กัน..." ลูเครเซียบอกเรียบๆ
และแล้วเซเวอรัสก็ต้องมาจับเซเวอรัสอีกคนหนึ่งอาบน้ำ แม้ว่าจะอาบไปแล้วก็ตาม.... มันเป็นความรู้สึกที่แปลกที่อยู่ก็มีคนหน้าตาเหมือนตัวเองโผล่มาทั้งๆ ที่ไม่เคยมีพี่น้องฝาแฝดที่ไหนมาก่อน แต่แผลที่คอของอดีตอาจารย์สอนปรุงยาดูแปลก ให้ความรู้สึกที่เย็นเยือกพิกล เค้าไม่ถูกอีกฝ่ายสนใจแม้แต่น้อย มีเพียงเค้าที่สนใจอีกฝ่าย
พวกเค้ามีรอยแผลเป็นที่เหมือนกัน หัวกระโหลกที่มีงูไหลเลื้อยออกจากปาก และตำหนิต่างๆ บนร่างกายไม่ว่าจะไฝปานหรือรอยแผลเป็นล้วนเหมือนกันหมด
โดยไม่รู้ตัว เหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง บาทหลวงหนุ่มยกมือขึ้นลูบก้านคอตัวเองช้าๆ ก่อนจะตระหนกวูบว่าเหมือนจะพบว่ามีแผลเหวอะหวะที่เปียกชุ่มเลือดอุ่นอยู่ตรงนั้น!! และนั้นทำให้เซเวอรัสหน้าซีด ผวายืนขึ้นส่องกระจก แต่ไม่มีอะไรบนคอของเค้าแม้แต่น้อย ในช่วงเวลาที่กำลังโล่งใจนั้น! ดวงตาของเค้ากลับมองเห็นภาพของสถานที่ซึ่งเค้าไม่รู้จักแต่ก็เหมือนคุ้นเคย! เค้าเห็นใบหน้าที่เหมือนมีแต่กระโหลกในความมืด และบางสิ่งตกลงมาพร้อมกับงูตัวใหญ่ และเสียงที่น่ากลัวดังขึ้น "ฆ่าซะ!" และพริบตานั้นงูตัวใหญ่ก็พุ่งเข้ากัดที่คอเรียวระหง บาทหลวงหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่สาหัสและล้มลงไปนอนกับพื้น
หัวของเค้าสั่นสะเทือนเพราะมันฟาดกับศพมีชีวิตที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้น เค้าหันควับไปรอบๆ อย่างได้สติ เค้ายังอยู่ในห้องน้ำและสายน้ำอุ่นก็ยังไหลไม่ขาดสาย
"ขอโทษนะ... หนาวรึเปล่า!" บาทหลวงรีบปิดน้ำแล้วดึงเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อรอบๆ ร่างของศาสตราจารย์สเนป ผู้ซึ่งไม่สนใจเค้าแม้แต่น้อย
บาทหลวงเซเวอรัสจับศาสตราจารย์สเนปแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของเค้าเองสมัยที่ยังมีชีวิต มันดูเหมาะกับเค้ามากกว่าที่คิด อาจจะเพราะชายคนนี้เป็นพ่อมดจึงเหมาะกับสีดำ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สนใจที่สุด ที่สนใจคือสิ่งที่เค้าเห็นเมื่อกี้ คือวินาทีที่อีกฝ่ายตายใช่หรือไม่ เซเวอรัสรู้สึกสงสารชายที่หน้าเหมือนเค้าจับใจ
"เป็นภาพที่งดงามนะ ไม่คิดว่าจะเห็นการแบ่งภาคในลักษณะนี้ได้"
เซเวอรัสหันขวับ เค้าพบว่าคนตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาคล้ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่มีข้อผิดพลาดที่จงใจให้เกิดความแตกต่าง ชายคนนี้มีดวงตาสีฟ้า ไม่สวมแว่น ไม่มีแผลเป็นรูปสายฟ้า จมูกโด่งกว่าแฮร์รี่ คิ้วดกดำกว่า ผมยุ่งๆ เหมือนกันแต่ด้านหลังไว้ยาวจนถึงเอวและรวบไว้ แววตาของเค้าดูคุ้นเคยอย่างประหลาดและเสียงของศาสตราจารย์สเนปที่ดังขึ้นเป็นครั้งแรก!
"พะ--พอตเตอร์! แก!!"
"ผิดนิดหน่อยนะ เจ้าซากศพ ชั้นคือเฟรย์ เมอร์กัน ไม่ใช่เจมส์ พอตเตอร์!"
เสียงดังที่ทำให้โบสถ์สั่นสะเทือนส่งผลให้ทุกคนตกใจและตัดสินใจวิ่งไปตามหาที่มาของเสียง ทั้งอัลบัส โรซี่ สกอร์ปิอัส และทอมเป็นคนกลุ่มแรกที่วิ่งไปถึงที่หมายทั้งๆ ที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย จากนั้นก็เป็นเหล่าบาทหลวงและพวกผู้วิเศษที่เป็นแขกสำคัญในวันนี้ ข้าวของในห้องของบาทหลวงเซเวอรัสกระจักกระจาย แต่ร่างของเซเวอรัสกลับอยู่ในกำมือของชายที่บุกรุกเข้ามา ภายนอกเหมือนจะมีอายุประมาณสี่สิบปี แต่แท้จริงแล้วจิตแห่งผู้วิเศษสามารถสัมผัสได้ว่าอายุของชายคนนี้จวนเจียนจะเหยียบร้อยปีอยู่แล้ว และหน้าตาที่เหมือนแฮร์รี่ก็ทำให้พวกแฮร์รี่พิศวง
"อย่าพยายามอีกเลย เจ้าซากศพเดินได้" ชายคนนั้นเยาะเย้ย "ไม้กายสิทธิ์ไม่ทำร้ายวิญญานของเจ้าของหรอกถ้าต้องเลือกระหว่างร่างกายกับวิญญาน!"
"แกเป็นใครนะ!!!" รอนชูไม้กายสิทธิ์ "ปล่อยหลวงพี่เดี๋ยวนี้นะ"
เวทมนตร์จากไม้กายสิทธิ์เสกเชือกกลางอากาศรัดรอบร่างของบาทหลวงเซเวอรัสแล้วกระชากให้ฟาดลงกับพื้น ก่อนจะถลกแขนเสื้อเพื่อแสดงให้เห็น 'สัญลักษณ์สีน้ำเงิน' ที่เหมือนกับตรามารของผู้เสพความตาย และพูดขึ้น
"ขอแนะนำตัว... ชั้นคือหนึ่งในจตุราชาที่ทำพันธะสัญญากับลอร์ดโวลเดอร์มอร์ เป็นผู้เสพความตายที่สูงขั้นที่สุดจนได้รับตรามารสีน้ำเงิน ชื่อเฟรย์ เมอร์กัน"
"นาย.... ทำไมนายกลับมาได้" ลูเครเซียแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
"ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ... ลูเครเซีย มัลฟอย" เฟรย์ เมอร์กันยิ้ม
TBC.
ความคิดเห็น