ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last of your expectation

    ลำดับตอนที่ #4 : สิ่งที่คาดการไม่ได้

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 54


    แฮร์รี่  รอน  เฮอร์ไมโอนี่ และ จินนี่นั่งล้อมวงกันอยู่ตรงหน้านายและนางวิสลี่ย์โดยมีเดรโกเป็นแขกรับเชิญ  นายอาเธอร์  วิสลี่ย์หยิบดูรูปแต่ละใบอย่างตื่่นตระหนก  เช่นเดียวกับนางวิสลี่ย์ที่เทียวหยิบรูปนั้นรูปนี้ขึ้นมาดู  ในที่สุดอาเธอร์ที่เหงื่อตกซิกๆ กับถามเสียงแหบแห้ง "พวกเธอไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน"

    "โบสถ์ในย่านสลัม--ตรอกช่างปั่นฝ้ายน่ะครับ" แฮร์รี่บอก "คุณรู้จักคนในรูปใช่มั้ยครับ"

    "รู้สิ... บางคนชั้นก็จักรู้ดีเลยด้วยซ้ำ  อย่างเช่นคนนี้" เค้าหยิบรูปของคุณและคุณนายพริ้นซ์ให้ทุกคนดู "นี่เป็นพ่อมดที่ดัมเบิ้ลดอร์นับถือมากที่สุดคนหนึ่ง... เค้าเป็นพ่อของไอลีน  พริ้นซ์, แม่มดยอดนักกีฬาที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์  ฮอกวอร์ต"

    "ไอลีน พริ้นซ์!" เฮอร์ไมโอนี่อุทาน "คุณบอกว่าเค้าเป็นพ่อของไอลีน  พริ้นซ์เหรอคะ!"

    "อะไรเหรอเฮอร์ไมโอนี่" รอนดูงงๆ ก่อนจะได้รับคำเฉลยที่ทำให้ทั้งรอนและแฮร์รี่รู้ว่าตัวเองโง่มากเพียงใด

    "นี่พวกเธอไม่มีสมองบ้างรึไง  ไอลีน  พริ้นซ์ก็คือแม่ของสเนปไง! เพราะเธอแต่งงานกับมักเกิ้ล  เลยทำให้สเนปเป็นเจ้าชายเลือดผสม!"

    เจ้าชายเลือดผสม! ใช่แล้ว! นั่นเป็นเหตุผลที่เค้ารู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อของโลกิ   พริ้นซ์ที่ไหนมาก่อน  เพราะเค้านามสกุลพริ้้นซ์  เป็นนามสกุลเก่าของแม่สเนป!  แฮร์คิดอยู่กับตัวเอง ทำไมเค้าโง่ขนาดนี้ เพราะงั้นโลกิถึงได้ดูคล้ายสเนป  ก็เค้าเป็นคุณตาของสเนปนี่นา!

    "เธอบอกว่าศาสตราจารย์สเนปเป็นลูกชายของไอลีน  พริ้นซ์เหรอ!" คุณนายวิสลี่ย์ดูจะตกใจไม่แพ้กัน "มิน่าล่ะ  ชั้นก็ว่าอยู่ว่า ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เหมือนไอลีน  พริ้นซ์จนราวกับเป็นเวอร์ชั่นผู้ชายของเจ้าหล่อน  ที่แท้ก็เป็นลูกชายของหล่อนนั้นเอง  ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกก็คงไม่มีใครแปลกใจหรอกว่าทำไมทั้งคนที่เราก็รู้ว่าใครกับดัมเบิ้ลดอร์ถึงได้เชื่อใจสเนปนัก"

    ไอ้เรื่องที่ดัมเบิ้ลดอร์เชื่อสเนปมันโอเคอยู่หรอก(แม้ว่าเหตุผลจริงๆ จะไม่ใช่แบบนั้น)เพราะเค้านับถือตาของสเนปเป็นการส่วนตัว  แต่กับโวลเดอร์มอร์นี่มันมาเกี่ยวอะไรด้วย?  เดรโกดูจะว่องไวกว่าคนอื่น "พ่อผมเคยบอกว่าอาจารย์ที่จอมมารนับถืออย่างแท้จริงก็คือโลกิ  พริ้นซ์... แต่กระนั้นเค้าก็ข้ามความรู้สึกส่วนตัวด้วยการฆ่าโลกิ  พริ้นซ์ในเวลาต่อมาเพื่อที่เค้าจะไม่สามารถมีความรักได้" แฮร์รี่หันขวับ  'ฆ่าเพื่อให้ตนไม่สามารถรักใครได้  นี่โลกิสำคัญต่อโวลเดอร์มอร์ขนาดนั้นเลยเหรอ?' เดรโกพูดต่อไป "คุณรู้มาตลอดใช่มั้ยครับว่าพ่อของพ่อ  ปู่ที่แท้จริงของผมไม่ใช่ เบริฟรอท  มัลฟอย  แต่เป็น  เอรีส  มัลฟอย"

    อาเธอร์ถอนใจ "โดยสัตย์จริง  ชั้นก็พึ่งรู้ว่าลูเซียสเป็นลูกเอรีสก็คราวนี้เอง... ที่ผ่านมาชั้นคิดว่าเอรีสที่หายสาบสูญไปอาจจะมีลูเครเซียเป็นลูกสาวคนเดียวจริงๆ ก็ได้แม้จะเคยได้ยินเรื่องลูกแฝดของตระกูลมัลฟอยก็ตาม  ถ้าเธอจะเข้าใจ  ชั้นไม่ได้รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อเธอหรอกนะ  เราอายุห่างเกือบๆ สิบปีเลยล่ะ  ชั้นไม่ได้รู้จักเอรีสเป็นการส่วนตัว  แต่รู้ว่าเค้าเป็นผู้นำตระกูลมัลฟอยอย่างถูกต้อง  เพราะสืบสายเลือดจากอัสลันเทีย  มัลฟอย, ในขณะที่เบริฟรอทเป็นน้องชายคนละแม่  สิทธิในสมบัติของครอบครัวมัลฟอยจึงมีได้แค่ตามกฏหมาย  แต่ไม่สามารถมีจริงๆ ได้  เพราะตระกูลนี้มีความลับหลายอย่างที่สงวนไว้สำหรับผู้นำตระกูลที่แท้จริงเท่านั้น  พออัสลันเทียตายแถมลูกชายหายสาบสูญก็จบกันสิ"

    "ถ้างั้น  หลวงแม่ลูเครเซีย  ก็เป็นป้าของผมสินะ" เดรโกสับสน "มันจะเป็นไปได้ยังไง"

    "แต่ว่า  หล่อนเหมือนลูเซียส  มัลฟอย--พ่อของเธอจริงๆ นะ  แต่กระนั้น" เฮอร์ไมโอนี่พยายามใช้ความคิด "ชั้นก็ไม่เข้าใจเกี่ยวกับนามสกุลเรเวนคลออยู่ดี... พวกเธอเป็นลูกหลานของโรวีน่า  เรเวนคลอ  แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านสลิธีรีนได้ล่ะ?"

    เดรโกส่ายหน้า  พ่อเคยบอกเค้าว่าเค้าอาจจะถูกส่งไปอยู่เรเวนคลอหรือกริฟฟินดอร์ก็ได้ถ้าไม่มีหัวใจของมัลฟอยที่มากพอ  และพยายามให้เค้าทระนงในความเป็นสลิธีรีน  ทำไม? เพราะพ่อรู้เหรอว่าเค้าสามารถถูกส่งเข้าบ้านเรเวนคลอได้...

    "แต่  ในโลกนี้ยังมีคนนามสกุลเรเวนคลออยู่เหรอ  ชั้นไม่เห็นรู้มาก่อนเลย" จินนี่ว่า  ทำให้ทุกคนเริ่มจนมุมไปใหญ่
    -----------------------------------------------

    หลังจากจมอยู่ในกองงานที่กระทรวงและกองข้อมูลอยู่เป็นเดือน  ในที่สุดแฮร์รี่ก็เดินทางไปที่ฮอกวอร์ตตามจดหมายเชิญที่ถูกส่งมาด้วยเหตุผลบางประการ  มันคืองานคริสมาสต์ยืนสู่เหย้า  เค้าได้พบทั้งรอน และเฮอร์ไมโอนี่  รวมถึงจินนี่ที่มารออยู่แต่แรกแล้ว  และเวลานั้น  เค้ามีโอกาสได้พบกับเดรโกและแอสโทเรีย  มัลฟอยรวมถึงพ่อแม่ของเค้า ลูเซียสและนาซิสซา  เค้าเห็นอดีตศิษย์เก่ามากมายหลายคนที่เค้าไม่เคยเห็น  ออกจะงงที่เห็นมักเกิ้ลด้วย และ เมื่อมินอร์ว่า  มักกอนนากัลได้บอกเกี่ยวกับเหตุผลของการจัดงานเค้าก็พอจะเข้าใจ  พวกเค้าถูกเชิญมาเพื่อปรับทัศนะคติต่อกัน  เพื่อสกอร์ปิอัสที่กลายเป็นเหยื่อ  และสลิธีรีนที่แทบไม่มีที่ยืนบนแผ่นดิน  เค้าแอบยิ้มที่เห็นรอนดูไม่พอใจเมื่อเห็นภรรยาเดินไปทักทายเดรโก  และอาเธอร์วิสลี่ย์ที่พยายามจะญาติดีกับลูเซียส

    แล้วทุกอย่างก็เหมือนกับถูกหยุดเวลาไว้  เค้าคิดว่าเห็นโวลเดอร์มอร์ในวัยหนุ่มเปิดประตูออกมาอย่างดีใจ  และอ้าปากค้างที่เห็นว่าร่างที่อยู่ที่ประตูใหญ่คือบาทหลวงกลุ่มหนึ่ง!

    "มักเกิ้ลๆ" พวกผู้วิเศษบอกต่อๆ กันเมื่อเห็นบาทหลวงเดินมองทุกอย่างอย่างตะลึงพรึงเพริด  และวูบ  ทุกคนอยู่ในภาวะตกใจสุดขีดเมื่อได้เห็นว่าหนึ่งในบาทหลวงพวกนั้นมีหนึ่งคนที่หน้าตาเหมือนกับศาสตราจารย์สเนปยังกับโขกออกจากแม่พิมพ์เดียวกัน

    "ทอม!!" อัล โรซี่  และ สกอร์ปิอัสเรียกอย่างดีใจแล้ววิ่งไปหา "นี่ใช่มั้ย  เซเวอรัสของนาย!"

    "ใช่! นี่แหละ เค้าล่ะ!" เด็กที่เหมือนโวลเดอร์มอร์สมัยหนุ่มบอก "เซวี่ฮะ! นี่อัล กับโรซี่ และ สกอร์! พวกเค้าเป็นเพื่อนของผม!"

    "ยินดีที่ได้รู้จัก... ผมเซเวอรัส  สเนป"

    เหมือนถูกหมัดหนักๆ อัดเข้าที่ปลายคางกันทุกคน  ชื่อเหมือนกันแล้วยังหน้าเหมือนกันอีก  อัลรีบวิ่งกับมาหาแฮร์รี่แล้วพาไปหาเด็กหนุ่มทั้งสอง "พ่อครับ! นี่ทอมครับ!"

    "ทอม โลกิ ริดเดิ้ลครับ!" ทอมโค้งให้ก่อนจะเหมือนตะลึงมองดู "เรา... เคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า"

    ไม่พูดเปล่า... ทั้งแฮร์รี่และทอมต่างก็ดูตื่นตระหนกกับการพบกัน  เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย  ราวกับได้พบกับคนที่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน! อเล็กซ์สะดุดวูบ  เค้ารู้ดีว่าเซเวอรัสไม่สามารถจำได้แน่นอน  เพราะเซเวอรัสคนนี้เป็นเซเวอรัสที่มีความทรงจำเพียงแค่เก้าปีก่อนจะเข้าเรียนที่ฮอกวอร์ตเท่านั้น!

    แต่กับทอมที่มีความทรงจำตนถึงวันที่ดวลกับแฮร์รี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกล้างความทรงจำออกล่ะ!

    แต่ทุกสิ่งถูกขัดจังหวะโดยผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนพระ  ดูคล้ายเวอร์ชั่นผู้หญิงของลูเซียส มัลฟอย บางสิ่งบอกแฮร์รี่และพรรคพวกทันที่ว่านี่คือลูเครเซีย  มัลฟอย! วูบหนึ่งที่ลูเซียสละสายตาจากอาเธอร์  วิสลี่ย์มามองดูพี่น้องผู้หญิงที่พลัดพรากจากกันมานานของเค้า  เค้ารู้สึกถึงมือเย็นเฉียบของลูกชายที่เกาะกุม  เดรโกรู้แล้ว! เค้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?

    "เธอต้องเคยเห็นเค้าอยู่แล้วทอม  จำไม่ได้เหรอว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ดังขนาดไหน  มีรูปของเค้าการ์ดที่แถมมากับกบช๊อกโกแล็คด้วยนะ  จริงมั้ยคุณพอตเตอร์"

    "คุณ เอ่อ.." แฮร์รี่เว้นจังหวะ  รอให้เธอบอก

    "ลูเครเซีย  โพทาเรียส  ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" ว่าแล้วก็หันไปที่เด็กหนุ่มที่กำลังงงกับสายตาของผู้คน "นี่คือเซเวอรัส  สเนป... เค้าเป็น..." เธอระมัดระวัง  แต่มันอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด  เพราะมันคือการรับรองคุณสมบัติพิเศษของคุณยายของเค้าซึ่งมันได้ส่งผ่านและไหลเวียนอยู่ในร่างของเค้า "มนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุ  แต่ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย"

    "เล่นแร่แปรธาตุเหรอ!?!" เฮอร์ไมโอนี่อุทาน  และเสียงแซดๆ ดังขึ้นทั้งห้องโถงของฮอกวอร์ต  แฮร์รี่หันไปมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างขอคำตอบ  และเจ้าหล่อนก็โพร่งออกมาทันที "นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก!"

    "ทำไมเป็นไปไม่ได้?" แฮร์รี่ถาม

    "แฮร์รี่  เธอไม่เคยสนใจการปรุงยาเพราะตอนนั้นเธอเกลียดศาสตราจารย์สเนป  แต่ศาสตราจารย์สเนปก็เคยพูดเรื่องโฮโมนครูสมาแล้วถ้าเธอจะจำได้  มันคือการเล่นแร่แปรธาตุมนุษย์!  สร้างมนุษย์ด้วยศาสตร์แห่งการปรุงยา เป็นเรื่องที่ผิดศิลธรรมที่สุดในยุคโบราณ! หลวงแม่ลูเครเซีย!" เธอหันไปยังลูเครเซีย  มัลฟอย ที่เวลานี้อ้างว่านามสกุลโพทาเรียส "ในฐานะนักบวช  คุณต้องมีความคิดสิว่า  การพยายามทำตัวเป็นพระเจ้าของมนุษย์ไม่สามารถทำได้ มันเป็นการดูหมิ่นพระเจ้า  แล้วคุณก็พยายามสร้างโฮโมนครูสรึไง!"

    "โวลเดอร์มอร์ต่างหากที่ต้องการสร้าง  และเค้าต้องการมนุษย์ที่แท้จริง  ไม่ใช่โฮโมนครูส..." คำตอบของเธอทำให้เกิดเสียงแซดๆ ดังไปทั่ว  แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเธอโกหก  ทว่า  เพื่ออะไรกันล่ะ?!  ลูเครเซียพูดต่อไป "ไม่งั้นเค้าจะกล้าฆ่านักปรุงยาที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์เหรอคะ  เพราะเค้ารู้ว่าเมื่อได้สิทธิ์ในไม้กายสิทธิ์ที่เค้าคิดเอาเองว่าเซเวอรัส สเนปอีกคนหนึ่งครอบครองแล้วเค้าก็ยังต้องการความสามารถระดับเดียวกับเฮก้า ฮัพเฟิลพัฟผู้ยิ่งใหญ่ในการช่วยให้เค้าเป็นอมตะอย่างแท้จริง  เพราะฉะนั้นเค้าจึงวางแผนการเล่นแร่แปรธาตุมนุษย์เพื่อสร้างศาสตราจารย์ยอดนักปรุงยาคนใหม่และดันสัมเร็จซะด้วย  น่าเสียดายเค้าตายซะก่อน  เลยไม่มีโอกาสได้เห็นผลงานของตัวเอง"

    "คุณ... ดูจะรู้เรื่องโลกเวทมนตร์มากเหลือเกินนะ" เฮอร์ไมโอนี่พยายามทำให้เธอเผยตัว  แต่ลูเครเซียมีประสบการณ์ชีวิตโชกชนกว่าจึงไม่หลงกล

    "ค่ะ  โบสถ์ของเราอยู่ใกล้บ้านของศาสตราจารย์สเนป  ศาสตราจารย์สเนปรับศีลล้างบาปที่นั้น  เมื่อเค้าสนิทกับเรา  เราเลยพลอยรู้เรื่องโลกเวทมนตร์ไปด้วย  เมื่อคราวที่โวลเดอร์มอร์เอาครอบครัวของเค้าและเด็กผู้หญิงที่ชื่อเอฟเวนส์มาเป็นเครื่องต่อรองให้เค้าร่วมงานกับฝ่ายมืด  เราเลยพลอยถูกบีบคั้นและมีโอกาสรู้เรื่องไปด้วย  ทอมเองก็เป็นผลิตผลของความพยายามที่จะเป็นอมตะของโวลเดอร์มอร์  เค้าสร้างเด็กบริสุทธิ์ขึ้นจากเลือดเนื้อของเค้า  แล้วเปลี่ยนเด็กๆ ให้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงชีวิต  อืม... ชั้นไม่แน่ใจ  แต่ฟังดูแล้วเซเวอรัส กับ ทอมคนนี้  ถ้าพูดให้มักเกิ้ลอย่างเราเข้าใจ  ก็คือการโคลนนั่นเอง"

    คำอธิบายที่ไร้ข้อสงสัยทำให้เฮอร์ไมโอนี่เลือกที่จะยอมแพ้  เอรีส  มัลฟอยลอบมองผลงานของลูกสาวในเงามืดอย่างพอใจ  เพราะคำตอบที่เสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้นนั้นสมบูรณ์ไร้ที่ติ  มันคลายความสงสัยของทุกคนในนี่เกี่ยวกับเซเวอรัส และ ทอม รวมทั้งตัวทั้งสองที่ถูกยัดเยียดให้เป็นโมโมนครูสเองก็เชื่อสนิทและไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของตนอีกต่อไป

    "ทำไมคุณไม่บอกผมว่าความทรงจำที่ผมมีเป็นของคนอื่น"

    "ชั้นคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาน่ะ  เซเวอรัส"

    "หลอกผมได้สนิทเลยนะ" เซเวอรัสถอนใจ "ผมคิดว่าตัวเองเสียความทรงจำหรืออะไรทำนองนั้นเอง"

    "ก็ชั้นยังไม่แน่ใจว่าถ้าบอกว่าเธอไม่ใช่เซเวอรัส สเนปที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นมนษย์เหมือนคนอื่น  แต่เป็นเด็กโคลนนิ่งโดยกรรมวิธีของพวกใช้เวทมนตร์เธอจะยอมรับได้แค่ไหน"

    "ถ้างั้น  ความรู้สึกหลายอย่างที่สะสมมาตลอดก็ไม่ใช่ของผม  แต่เป็นของโวลเดอร์มอร์ใช่มั้ยครับ!" ทอมถามอย่างโล่งใจ

    "ใช่" ลูเครเซียบอก  แม้ว่ามันจะโกหก  แต่คงจะดีที่สุดแล้ว

    "ผม... กลัวมาตลอด  ว่าตัวเองอาจจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง  กลัวว่าความจริงผมนี่แหละคือโวลเดอร์มอร์" ทอมพูดทั้งน้ำตา

    "เด็กโง่" ลูเครเซียว่าและเซเวอรัสก็ดึงทอมเข้ามากอด "ขอโทษนะ  ชั้นไม่รู้ว่าเธอต้องอยู่อย่างทรมานจนกระทั่งศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกชั้น  ชั้นควรจะบอกคนทุกคนแต่แรก  พวกเค้าจะได้ไม่ขับไสไล่ส่งเธอ... แน่สิ  ใครจะทำได้ถ้ารู้ว่าเธอคือเหยื่อที่เกิดมาเพื่อเป็นเครื่องสังเวยสำหรับจอมปีศาจ"

    แฮร์รี่มองทอมอย่างเห็นใจ... และจากนั้นก็หันไปมองเจมส์ที่เริ่มย่องหนีเพราะอัลเริ่มฟ้องเป็นชุดๆ ถึงความเกเรของพี่ชาย  ก่อนจะตวาดลั่น  งานนี้ต้องอบรมกันยาวแล้ว

    "แว๊กกกกกกกกกกก! ผมขอโทษครับพ่ออออออออ!"








    เช้าที่แจ่มใส  อัลวิ่งไปท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลนพร้อมกับโรซี่  ไปยังทอมและสกอร์ที่เดินคุยกันอย่างมีความสุข  พวกเค้าได้ถูกย้ายกลับไปที่หอสลิธีรีนแล้วโดยการยอมรับของทุกคน  เมื่อลูเครเซียได้เปิดเผยเรื่องน่าเศร้า  ไม่มีใครไม่เห็นใจเด็กที่น่าสงสารที่คงไม่มีโอกาสโตมาได้ถ้าแฮร์รี่ไม่สามารถพิชิตเจ้าแห่งศาสตร์มืด  และเป็นทอมที่ช่วยให้ทุกคนยอมรับสกอร์ปิอัสในคืนวันคริสมาสนั้นเอง  แล้วพวกเค้าก็เริ่มร้องเพลงคริสมาสต์ที่เรียนจากทอมด้วยกัน  มันเป็นเพลงในโบสถ์  เสียงของทอมเป็นโทนเสียงสูงที่ใสราวกับพระเอกในละครโอเปร่า

    "พ่อแม่ของพวกเธอล่ะ?" ทอมถามอัลกับโรซี่

    "กลับไปหมดแล้วค่ะ" โรซี่ว่า "แล้วพวกเซเวอรัสล่ะคะ"

    "กลับไปเมื่อเช้านี้เหมือนกัน"

    "ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีโฮโมนครูสอยู่ในโลกจริงๆ ผมคิดว่า--" อัลถูกตัดบททันทีโดยมือที่ยกขึ้นของทอม  พวกเด็กๆ มองไปในทางเดียวกัน

    "นายคิดว่าเหมือนคุณนาซิสซา  มัลฟอยมั้ย" ทอมถามสกอร์ปิอัส

    "ฮะ  คล้ายคุณย่าจริงๆ ด้วย  แต่ผมเธอเหมือนกับ.."

    "เหมือนคุณแม่ลูเครเซียใช่มั้ย"

    "ใช่... แต่ว่าทำไม?"

    "อะโฟดิตี้  เรเวนคลอ"

    "เอ๋?"

    "นั่นต้องเป็นคุณแม่ของหลวงแม่ลูเครเซียแน่ๆ!!"

    "ทอม! รอเดี๋ยว!" เด็กทั้งสามตะโกนพร้อมกัน  แล้ววิ่งตามทอมที่วิ่งนำออกไปก่อน  สู่ป่าต้องห้าม แต่ทอมคิดอะไรไม่ออกนอกจากผู้หญิงคนนั้น  เพราะถึงเค้าจะไม่รู้ทั้งหมดแต่เค้าก็รู้  รู้ว่าหลวงแม่ลูเครเซียเป็นเลือดผู้เศษบริสุทธิ์  เค้ารู้ว่านามสกุลจริงของเธอคือมัลฟอย  นามสกุลเดียวกับสกอร์ปิอัส  เค้ารู้ว่าเธอเป็นย่าเล็กของสกอร์ปิอัสเพราะเธอเป็นน้องสาวฝาแฝดของลูเซียส  นั่นคือเหตุผลสำคัญที่เธอคงความสาวตลอดเวลาอันยาวนานแม้จะไม่เคยเรียนโรงเรียนเวทมนตร์มาก่อน

    เด็กทั้งสามวิ่งตามไปจนทันแล้ว  ทอมยืนตะลึงมองหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ในป่าต้องห้ามตามลำพัง  เธอสวมชุดสีขาวสะอาดและมีใบหน้าที่ว่างเปล่า  แต่อะไรบางอย่างที่เป็นแสงที่ดูเหมือนจะกระจายจากมือและเท้าของเธอทำให้เธอดูมะลังมะเลืองเหมือนไม่มีอยู่จริง  มีผู้หญิงมากมายที่ลูเซียสสามารถแต่งงานด้วยได้  แต่ทำไมจึงเป็นนาซิสซา  แบล็ก, หรือลูเซียสจะรู้ว่าแม่ของเค้าเป็นใคร  เพราะนาซิสซา  แบล็กนั้นคล้ายอะโฟดิตี้  เรเวนคลอมาก  และเสียงเรียกของเธอเมื่อเห็นหน้าของสกอร์ปิอัส

    "ลู... ลูเซียส! ลูเซียสของแม่!"

    สกอร์ปิอัสรู้สึกเหมือนถูกสะกดนิ่ง  ผู้หญิงคนนี้เรียกหาปู่ของเค้า  ทำไม  ที่สำคัญน้ำตาของเธอช่างเหมือนกับน้ำตาของคนที่เป็นแม่  แต่กระนั้น  บางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหว  นำความเย็นเยือกที่น่าสะพรึงกลัวมาให้... เด็กหนุ่มและเด็กน้อยทั้งสามมองไปรอบๆ อย่างตกใจ  มันเป็นสิ่งที่ดูเหมือนผู้คุมวิญญาน  แต่ไม่ใช่ผู้คุมวิญญาน  เพราะแรงกดดันมันมากกว่าหลายเท่า  น่าหวาดผวากว่า  ทอมหน้าซีดเมื่อเค้าย้อนนึกถึงความทรงจำน่ากลัวในวัยเด็ก  เมื่อพวกมันโผล่มาไล่ล่าเค้ากับเซเวอรัส  พวกมันไล่ล่าเค้ากับเซเวอรัสมาตลอดนับแต่จำความได้

    ยมทูต!






    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×