ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last of your expectation

    ลำดับตอนที่ #5 : การกลับมาของศาสตราจารย์สเนป

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      16
      1 ส.ค. 54

    "ผะ--ผู้คุมวิญญาน" โรซี่พูดเสียงสั่น  เธอเคยเห็นมันมาแล้วเมื่อบ๊อกการ์ดกลายร่างเป็นผู้คุมวิญญานเมื่อเผชิญหน้ากับแฮร์รี่เมื่อปีก่อน "ของจริงน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ"

    "ไม่ใช่!" ทอมคำราม "พวกมันคือยมทูต(โซลเชเซอร์)!"

    "ยม?" สกอร์ปิอัสยังไม่ทันตั้งตัว  พวกมันก็พุ่งเข้าหาเค้าราวกับห่าพายุ

    "สกอร์!!"

    เสียงกรีดร้องดังก้อง  และทอมที่พยายามช่วยพวกน้องๆ เด็กทั้งสี่คนจนมุมอยู่ท่ามกลางสิ่งมีชีวิตพิศดารที่มีพลังกดดันรุนแรง  พวกเค้าสังเกตเห็นว่ามันมีดวงตา  ผิดดกับพวกผู้คุมวิญญานลิบลับ  ตาสีแดงของพวกมันส่องประกายเจิดจ้าจนน่าขนลุก  วูบหนึ่งทอมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนอนตายอยู่บนพื้นห้องโถงของฮอกวอร์ต  เค้าสะบัดหัวอย่างรุนแรงเพื่อเตือนตัวเองว่านั่นไม่ใช่เค้า 'หลวงแม่ลูเครเซียบอกชั้น  ชั้นเป็นโฮโมนครูซ  ชั้นไม่ใช่โวลเดอร์มอร์  นั่นเป็นแค่ความทรงจำซ้อนทับของร่างหลัก' แล้วตะโกนสุดเสียง

    "ชั้นไม่ใช่โวลเดอร์มอร์! ชั้นยังไม่ตาย! พวกแกไม่มีสิทธิมาตามวิญญานของชั้น! ชั้นจะต้องกลับไปโดยมีชีวิตอยู่! กลับไปที่โบสถ์! กลับไปหาเซเวอรัสของชั้น!"

    แต่การเสกผู้พิทักษ์กลับถูกปฏิเสธ  ความทรงจำไหลบ่ามาเป็นชุดๆ จากความทรงจำของเค้า  เคลื่อนไปหาความทรงจำของโวลเดอร์มอร์  พวกน้องๆ อยู่ในภาวะพร้อมแล้วสำหรับการถูกนำพาววิญญานออกจากร่าง  เด็กทั้งสามอยู่ในสภาพเหมือนคนที่กำลังยอมแพ้ต่อทุกสิ่ง  ทอมมองออกไปที่ฮอกวอร์ต  แต่ไม่เห็นหนทางที่จะตีฝ่าออกไป  เค้ามีแต่ต้องถอยให้ลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในป่าตต้องห้าม  ทว่าป่าต้องห้ามกลับไม่ใช่ป่าต้องห้าม  มันกลายเป็นป่าที่ลึกลับน่ากลัวอย่างสุดจะบรรยาย

    ทอมและเด็กทั้งสามมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว  ต้นไม้ที่ผิวดูเหมือนเป็นเนื้อเยื่อของสัตว์หรือมนุษย์  ทอมพยายามสลัดความกลัวเพื่อร่ายคาถาผู้พิทักษ์อีกครั้ง

    แต่แล้วทุกอย่างกับต้องยากลำบากยิ่งกว่าเดิม  ทอมรู้สึกโดดเดี่ยวและพ่ายแพ้  เค้ามองไปที่โรซี่และอัลที่กอดกันอย่างหวาดกลัว  และสกอร์ที่อ้าปากค้างเหมือนคนตาย  วิญญาณค่อยๆ ล่องลอยออกจากปากที่เปิดอ้า

    "ไม่... ไม่ใช่ สกอร์! โอ้พระเจ้า! สกอร์!" ทอมครวญคราง

    แล้วคราวนี้  พวกมันบางส่วนจากไป  อีกส่วนกำลังเคลื่อนเข้าไปสู่เด็กอีกสองคนและคราวนี้  พวกเค้าทั้งสามเห็นเคียวที่น่ากลัว  และมันกำลังจะฟันลงมาที่พวกเค้า

    แสงจ้าเบิกทางและขับไล่ความมืดออกไป... เด็กๆ เห็นบางสิ่งที่สวยงามอย่างสุดจะบรรยาย  มันเหมือนกวาง  กวางตัวเมีย... มันเดินย่างเท้าเข้ามอย่างงดงาม  และสิ่งที่พวกเด็กๆ เห็นต่อมาก็ทำให้ต้องตะลึงงัน

    ชายหนุ่มที่มีอายุระหว่างยี่สิบห้าถึงสามสิบปี  ผมสีดำยาวประบ่าและเป็นมันเยิ้ม จับคู่กับเสื้อผ้าและดวงตาสีดำดุจรัตติกาลที่ว่างเปล่าราวกับไม่มีชีวิตจิตใจ  เค้าเดินเข้ามาลูบหัวผู้พิทักษ์รูปกวางตัวเมียอย่างรักใคร่

    "เซเวอรัส" ทอมครางเบาๆ  แต่ผู้มาใหม่ไม่ได้สนใจเค้า  หากเดินไปหาอัลและโรซี่  ทรุดลงมองดูเด็กชาย  ก่อนจะดึงเข้ามาสู่อ้อมกอด

    และเสียงกระซิบที่แผ่วเบา "แฮร์รี่"
    ------------------------------------

    กองเอกสารมากมายถูกดยนโครมบนโต๊ะทำงานของแฮร์รี่  ผู้ซึ่งตกใจสุดขีดและเงยหน้าขึ้นมอง  เฮอร์ไมโอนี่ วิสลี่ย์ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาของผู้ชนะ  ก่อนจะแผดเสียงดังให้รอนที่กำลังดื่มกาแฟและแฮร์รี่หน้าหม้อที่กำลังซดชาร้อนพ่นพรวดเครื่องดื่มที่กำลังดื่มออกมาพร้อมๆ กัน

    "โพทาเรียส!! แฮร์รี่! คนตระกูลเรเวนคลอที่ยังมีชีวิตอยู่หลังการล่มสลายของศาสตร์มืดเปลี่ยนมาใช้นามสกุลโพทาเรียส!" เธอเปิดเอกสารที่หามาแทบตายออก "นี่ไง เอเวดัส เรเวนคลอ ทายาทคนสุดท้ายประกาศเปลี่ยนนามสกุลเป็นโพทาเรียสต่อหน้าหัวหน้าบ้านเวทมนตร์ทั้งสี่ของฮอกวอร์ต  แน่ล่ะ! แต่เราไม่เคยได้ยินนามสกุลโพทาเรียสเลยเพราะพวกนี้สืบนามสกุลโดยนับผู้หญิงเป็นหลัก   แต่กระนั้นก็มีคนตระกูลโพทาเรียสเข้าเรียนสองคน  เป็นผู้หญิงทั้งคู่  คืออะโพดิตี้ที่ถูกส่งเข้าบ้านกริฟฟินดอร์และไดอาน่าที่เข้าบ้านเรเวนคลอ!! และอะโฟดิตี้ก็หายสาปสูญหลังการตายของไดอาน่า!!" ไม่พูดเปล่าเฮอร์ไมโอนี่หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาให้ทั้งสองอ่าน "นี่เป็นข้อมูลที่ชั้นหาเจอ  อะโฟดิตี้มีความสัมพันธ์ก่อนวัยกันควรกับลูกชายคนเดียวของอัสลันเทีย  มัลฟอย ชื่อ เอรีส! และให้กำเนิดลูกแฝดขึ้นมาที่หอกริฟฟินดอร์--"

    "เธอไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหน?!" รอนงงจัด

    "น้องสาวของคุณย่าของเนวิลล์ไง!" เธอบอกเค้า "แค่หาข้อมูลว่าเอรีส  มัลฟอยเข้าเรียนเมื่อไหร่ก็พอแล้ว  เพราะที่เหลือก็แค่หาคนที่เรียนที่ฮอกวอร์ตช่วงนั้นเราก็จะรู้ทั้ง" ไม่พูดเปล่า  เธอนำขวดเล็กๆ ออกมาด้วย "ใช้น้ำยาสัจจะรีดออกมาก็พอ"

    "น้ำยาสัจจะ!" รอนโวยสุดเสียง "มันผิดกฎหมายนะ! เธอทำแบบนี้ได้ยังไง!"

    "เงียบน่าตาบ๊อง" เธอหันไปหาเพื่อนอีกคน "ศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์ขอให้เปิดเป็นความลับเพราะมันเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียมาก  และให้ทุกคนทำปฏิญาณเพื่อจะไม่เปิดเผยเรื่อง  แต่หลังดัมเบิ้ลดอร์ไป  เวทมนตร์ก็คลายลง  จึงมากพอที่รีดความจริงด้วยน้ำยาสัจจะ"

    "น้องสาวของคุณนายลองบัทท่อมบอกชื่อเด็กแฝดมั้ย" แฮร์รี่ถาม

    "บอก, คนพี่ชื่อ 'ลูเซียส' แปลว่า 'แสงสว่าง' ส่วนคนน้องชื่อ 'ลูเครเซีย' แปลว่า 'เปล่งประกาย' เห็นบอกว่าเป็นชื่อที่พ่อเด็กตั้งให้  แล้วเด็กสองคนก็ถูกเลี้ยงที่หอกริฟฟินดอร์จนกระทั่งแม่ของพวกเค้าหายไป"

    "ชื่อของลูเซียสแปลว่าแสงสว่างหรอกเหรอ" แฮร์รี่จับคาง "ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลย"

    "ใช่... ชั้นว่าเราคงต้องคุยกับหลวงแม่ลูเครเซียยาวแล้วล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ว่า

    แต่แล้วบานประตูก็เปิดผ่างออกพร้อมกับร่างของเดรโกที่วิ่งเข้ามา  รอนรีบชักไม้กายสิทธิ์ทันทีเพื่อจะสาปหากอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อและถาม "นายมีปัญหาอะไร"

    "ไม่ได้ยุ่งกับนายแล้วกันวิสลี่ย์"

    "ว่าไงนะ"

    "รอน" แฮร์รี่คำรามในคอ  ก่อนจะกระแอมเบาๆ "มีอะไรเหรอมัลฟอย"

    "มีอะไรบางอย่างเกิดที่สุสาน... ศพมากมายหายถูกอะไรบางอย่างขุดขึ้นมาและกว่าครึ่งหายไป... รวมทั้งศพของศาสตราจารย์สเนปด้วย"

    "อะ... อะไรนะ" แฮร์รี่อ้าปากค้าง







    ทอมมองดูชายหนุ่มที่กำลังลูบหัวอัลบัสซึ่งหลับสนิทบนตัก  ใบหน้าซีดเซียวมีรอยยิ้มอบอุ่น  แต่กระนั้นกลิ่นอายรอบๆ ตัวกลับเย็นเยือก  เค้ามองเห็นแผลเหวอะหวะที่คอของอีกฝ่ายที่ใหญ่พอจะทำให้เค้าแน่ใจว่าชายคนนี้ไม่มีทางรอดชีวิตจากการกัดคราวนั้น  ไม่ว่ารอยกัดจะเป็นของอะไรก็ตาม  และเมื่อจ้องลึกลงไปเค้าก็ยิ่งพิศวงเกี่ยวกับเหตุผลที่ชายคนนี้ยังเดินไปเดินมาได้

    ชายคนนี้ไม่มีวิญญาณ!

    ทอมเคยเรียนเกี่ยวกับการถูกพรากวิญญานเมื่อปีหกในวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดมาแล้ว  พวกเค้าจะยังมีชีวิตแต่ไม่สามารถรับรู้และเคลื่อนไหวอะไรได้  เหมือนกับสกอร์ปิอัสตอนนี้  แต่ชายที่หน้าตาเหมือนบาทหลวงเซเวอรัส  สเนปคนนี้ไหงยังเดินไปเดินมาได้ทั้งๆ ที่ไม่มีวิญญาน  ทว่า  ความทรงจำของเค้ายังอยู่  และจิตใจของเค้าก็ไม่ได้ถูกพรากไปพร้อมกับวิญญาน

    ทอมเคยได้ยินนิทานเกี่ยวกับเครื่องรางยมทูตเมื่อนานมาแล้ว  หลวงพ่อเอรีสเล่าให้เค้ากับเซเวอรัสฟัง  มันหินก้อนหนึ่งที่ทำให้คนตายคืนชีพ  และหนึ่งในสามพี่น้องได้ใช้มันคืนชีพให้คนรัก  ทว่ามันเหมือนมีเส้นกั้นบางๆ ระหว่างทั้งคู่อยู่  และในที่สุดเค้าก็ฆ่าตัวตายเพื่อไปอยู่กับเธอจริงๆ

    หญิงที่น่าสงสารคนนั้นก็คงเหมือนกับชายหนุ่มตรงหน้าเค้า... เหมือนยังมีชีวิตอยู่แต่ตายแล้ว!

    ตาย?!

    จริงสิ  เค้าไม่เห็นการหายใจของอีกฝ่ายเลย! คนตรงหน้าคือศพเดินได้ที่ยังคงเดินอยู่เพราะจิตใจยังไม่ได้ถูกพรากออกไปพร้อมวิญญาน  เพราะงั้นเค้าจึงยังเดินอยู่ได้ด้วยความรักและความทรงจำที่ยังหลงเหลือ

    อัลลืมตาตื่นขึ้นมาและผวาตกใจสุดขีดเมื่อเห็นคนตรงหน้า  รอยยิ้มที่อ่อนโยนและมือที่เย็นราวกับน้ำแข็งได้ประคองหน้าเค้าไว้  มันทำให้เค้าและจะครางออกมาเพราะความหวาดกลัว  ก่อนจะนึกได้ว่าชายคนนี้ช่วยพวกเค้าไว้  เค้ารีบปลุกโรซี่ที่หลับข้างๆ ก่อนจะหันไปปลุกสกอร์ปิอัส  แต่ว่า...

    "ไม่มีประโยชน์หรอก" ทอมบอก "เค้าถูกพรากวิญญานไปแล้ว  เราทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น"

    "สกอร์... ไม่จริง" อัลคราง "สกอร์.. สกอร์!"

    เสียงร้องไห้ของอัลทำให้ผู้มาจากแดนมรณะจมในความเศร้าไปได้  เค้าพยายามยื่นมืดเข้ามาปลอบ  ทว่า นั่นทำให้โรซี่นึกออก  เธอเข้าไปเขย่าร่างของชายตรงหน้า

    "จริงสิ! คุณพอจะช่วยเราได้มั้ยคะ! เราต้องเอาวิญญานของสกอร์คืน!" แววตาของโรซี่เป็นประกายเจิดจ้ามากจนทอมรู้สึกประทับใจในความเฉลียวฉลาดของเด็กหญิง  และชั้นทำให้ชายที่ปราศจากวิญญานมองเธออย่างงงงวย เหมือนเค้ากำลังนึกอะไรออกช้าๆ และกระซิบออกมา

    "เกรนเจอร์?"

    "เอ๋?" โรซี่งง  นั่นมันนามสกุลเก่าของแม่เธอนี่  แล้ว...? เธอเห็นเค้ามองไปที่ร่างของสกอร์ที่นอนกับพื้น

    "เดรโก?" อีกครั้ง  ที่เรียกชื่อคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่  ก่อนจะมาอีกชื่อ "วิสลี่ย์อยู่ไหน?"

    โรซี่อ้าปากค้าง  ก่อนที่ทอมจะนึกขึ้นได้ "จริงสิ! โรซ! เธอหน้าเหมือนแม่เธอตอนเด็กๆ ใช่มั้ย  แล้วอัลก็หน้าเหมือนคุณพอตเตอร์  ส่วนสกอร์ก็เหมือนคุณมัลฟอยตอนเด็ก  ลงตัวพอดี  ชายคนนี้คือศาสตราจารย์สเนป!"

    ไปกันใหญ่  ศาสตราจารย์สเนปตายไปเป็นชาติแล้วไม่ใช่เรอะ  แต่ยังไม่ทันที่จะมีคำเฉลยใดๆ ร่างค่อนข้างสันทัดของศาสตราจารย์สเนปก็ลุกขึ้น  พลางกระซิบ "วิญญาน... ต้องไปเอาวิญญานคืนให้เดรโก" แล้วก็เดินจากไปโดยไม่ร่ำไม่ลา

    "เค้าจะไปไหนนะ" อัลมองซ้ายมองขวา "เค้าทิ้งเราเหรอ"

    "เค้าบอกว่าเค้าจะไปเอาวิญญานคือให้สกอร์" ทอมพูดจริงจัง "ไปกันเถอะ  อาจจะช่วยอะไรเค้าได้บ้าง"








    ทอมมองไปรอบๆ อย่างขนลุกเกรียว  มีสกอร์ปิอัสอยู่บนหลัง  ตามมาด้วยอัลบัส เซเวอรัส พอตเตอร์  และโรซี่  วิสลี่ย์  เด็กทั้งสองจับชายเสื้อคลุมของเค้าไว้แน่นจนทอมกลัวว่ามันจะขาดหากมีการวิ่งหนีเกิดขึ้น  ส่วนที่นำหน้าอยู่คือศาสตราจารย์ที่ยังเดินได้ทั้งๆ ที่เป็นศพไปนานแล้ว  ในมือของพวกน้องๆ มีไม้กายสิทธิ์อยู่ด้วย  แต่เห็นแก่พระเจ้าเถอะ! มันไม่มีประโยชน์สำหรับการต่อสู้หรอก! เพราะเด็กๆ ไม่ได้มีความรู้ในศาสตร์มืดพอที่จะโจมตีหากถูกยมทูตบุกเข้ามาดูดวิญญานอีกรอบ!

    แล้วพวกเค้าก็มองเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่  ที่มีใบหน้าของคนมากมายผลุดขึ้นมา  พวกเค้าเห็นใบหน้าของสกอร์และศาสตราจารย์สเนปก็ดึงมันออกมา  มันกลายเป็นดวงวิญญานและคืนสู่ริมฝีปากของสกอร์ปิอัส  ทุกคนเฮอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าสกอร์ปิอัสค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ

    แต่แล้วพื้นกับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับมีใครทำอะไรให้ยักษ์ใหญ่โกรธ  สเนปหันมาสั่งเด็ก "มากับชั้น" และเด็กๆ ก็รีบตามออกไปทันที "แล้วห้ามหันไปมองข้างหลังเด็ดขาด"

    ไม่มีใครขัดคำสั่งแม้แต่คนเดียว  เด็กๆ รีบโกยอ้าวสุดๆ ตัวราวกับจะไปแข่งโอลิมปิก  แสงสว่างจ้าเปิดทางให้พวกเค้า  ข้างบน! พวกเด็กรีบปืนขึ้นไปบนต้นไม้ที่ยืนต้นตายในความมืดเพื่อไปให้ถึงท้องฟ้าสีครามที่ยังเห็นอยู่  ทอมร่ายเวทย์และบังเกิดเชือกยาวๆ ที่พุ่งออกไปด้านนอกที่ถูกมัดเป็นปมไว้ตลอดทาง  แล้วหันกลับไปเพื่อระวังหลังให้

    "พวกเธอถอดรองเท้าออกซะแล้วปีนขึ้นไป!"

    เด็กๆ ยังไม่เข้าใจคำสั่งของทอมซะทีเดียว  โชคดีที่โรซี่ฉลาดพอที่จะถอดรองเท้าออกและคว้าเชือกเป็นคนแรก  เธอใช้มือกำเหนือปมเชือก  และใช้นิ้วโป้กับนิ้วชี้ของเท้าคีบเชือกที่เหนือปม  ทำให้เธอปืนขึ้นไปได้อย่างไม่ต้องกลัวตกแม้จะค่อนข้างช้าตามประสาเด็กผู้หญิง  และก็ทำให้เด็กชายอีกสองคนเริ่มฉลาดรู้จักทำตามบ้าง  และทอมเป็นคนที่ปีนขึ้นไปเป็นคนสุดท้ายตามก้นอัล

    "ทอม! แล้วศาสตราจารย์สเนปล่ะ?!"

    "เราช่วยเค้าไม่ได้  เค้าตายไปนานแล้ว!" ทอมพยายามบอก

    "แต่เค้าก็อุส่าห์ช่วยเรา! เราจะทิ้งเค้าไม่ได้นะฮะ!"

    เด็กชายพูดถูก  เค้าหันกลับลงไปข้างล่าง  และเห็นฝูงยมทูตที่กำลังพยายามผ่านเข้ามาแต่ถูกสเนปขวางเอาไว้  มันเป็นภาพที่น่ากลัวจริง  ภาพของยมทูต--สิ่งมีชีวิตจากต่างภพที่รูปร่างเหมือนผู้คุมวิญญานแต่น่ากลัวกว่า  กำลังรุมแทะทึ้งอีกฝ่ายที่แม้จะเป็นคนตายก็ยังดิ้นรนสุดชีวิต

    วูบหนึ่ง  เค้าเห็นอดีตอาจารย์สอนปรุงยาของฮอกวอร์ตเป็นบาทหลวงเซเวอรัส--พี่น้องคริสเตียนที่เค้ารักที่สุด!

    "เซเวอรัส! มาทางนี้!!" ทอมตะโกนแล้วยิงเวทมนตร์ออกไปอย่างรุนแรง
    ------------------------------------------

    บราเทอร์เซเวอรัส  สเนปทำพระคัมภีร์ตกลงกับพื้น  พลางลุกขึ้นและเดินออกไปที่ประตูด้วยท่าทางงุงง  ทำให้เจ้าอาวาสอดไม่ได้ที่จะถาม

    "เซเวอรัส  เกิดอะไรขึ้นเหรอ"

    "เมื่อกี้"

    "อะไร?"

    "ผมได้ยินเสียงทอม"

    "ทอมเหรอ?"

    "ครับหลวงพ่อ  เค้ากำลังเรียกผม" บาทหลวงคนอื่นๆ ลุกขึ้นทันทีแล้วกรูไปหาพระรุ่นน้อง  พลางเอามือจับตามเนื้อตามตัวของอีกฝ่ายและเอามืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเพื่อวัดไข้  เซเวอรัสกระซิบเบาๆ "ผมไม่ได้ป่วยนะ"

    "เธอได้ยินทอมเหรอ  ได้ยินว่ายังไง"

    "เค้าบอกว่า... เซเวอรัส  มาทางนี้"

    หลวงพ่อเอรีสเอามือจับคางอย่างใช้ความคิด  ก่อนจะมีรอยหวาดหวั่นปรากฏในดวงตา  เค้าลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาหาเซเวอรัส  จ้องลึกเข้าไปข้างในและใบหน้าก็เริ่มโชกด้วยเหงื่อทั้งๆ ที่มันยังหนาวอยู่

    "วันแห่งพันธสัญญาของไนจัส อะโพคาลิฟ มาถึงแล้ว"









    ทอมลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นหิมะ  ข้างๆ เค้าคือสเนปที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อเค้าลุกขึ้น  เค้าก็เห็นเด็กๆ ที่นอนอยู่ด้วยกัน  ทอมพยายามทบทวนทุกอย่าง  เค้าต่อสู้กับยมทูตเพื่อช่วยสเนป  แล้วใช้คาถาเอ๊กซีโอดึง--สเนปให้ลอยมาหาแล้วคว้าตัวไว้ก่อนประตูมิติจะปิดลง  วินาทีที่เค้ามองเห็นดวงตาของสเนป  เค้าเหมือนเห็นว่ามีโบสถ์อยู่ในดวงตาคู่นั้นและหลวงพ่อเอรีสที่มองตรงเข้ามาในสภาพเหงื่อโชก  มันคืออะไร?

    ทอมรีบปลุกทุกคนให้ตื่นและแน่นอน  บอกให้ทุกคนรู้ว่ามันไม่ใช่ฝัน  พวกเค้าพึ่งตะลุยยมโลกมาจริงๆ และอัลที่รีบปลุกสเนปราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก

    และสเนปก็ลืมตาตื่นขึ้นมา  เค้าลุกขึ้นและเช็ดน้ำตาให้อัล  ผู้ซึ่งผวากอดเค้าไว้ทันที "ดีจังที่คุณไม่เป็นอะไร"

    เป็นดิ... ที่คอนั่นไง... ทอมคิด

    "เราพาเค้าออกมาแล้วคิดจะทำไงต่อไป" โรซี่ถาม "ถ้าพาเค้าเข้าไปในฮอกวอร์ตทุกคนต้องแตกตื่นแน่"

    "แล้วจะให้พาไปไหน  กระท่อมของแฮกริดเหรอ?" สกอร์ถาม "ยังไงเราก็ต้องพาเค้าไปที่ฮอกวอร์ตกับเรา  แต่คงต้องจัดการกับแผลน่าสยดสยองที่คอนั่นก่อน"

    "แล้วจะทำไงดีล่ะ" อัลถามอย่างกังวล

    "ก็ต้อง... แอบพาเข้าไป... เราต้องการแผนที่ของเจมส์กับเฟรด" โรซี่ว่า "หรือไม่ก็คาถาพลางตาดีๆ ซักบท  เพราะเราต้องให้เค้าเข้าไปโดยไม่มีใครรู้"

    "ชั้นว่าเราปัดกวาดเพิงโหยหวนดีๆ ดีกว่านะ  แล้วเอาเค้าไปไว้ที่นั่น" ทอมออกความเห็น "แต่การที่เรานำคนตายออกมาด้วยจะมีผลยังไงพวกเธอคงเตรียมใจไว้แล้วนะ"

    "ยังไงก็ต้องสู้ฮะ  เพราะเราจะไม่ทิ้งคนที่ช่วยเราหรอก" อัลยืนยัน

    "แล้ว... เราจะต้องเผชิญกับมันเร็วแค่ไหนฮะ" สกอร์ปิอัสถามอย่างหวาดหวั่น

    "นับแต่นี้เป็นต้นไป" ทอมบอก "เราต้องไปกันได้แล้ว"






    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×