ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปฐมบทแห่งแดร็กคิวล่า(แค่เริ่มต้นชีวิตก็บัดซบแล้ว)
เห็นอาคารโบราณสีเหลืองมั้ยครับ... นี่แหละบ้านที่แดร็กคิวล่าตัวจริงเกิดล่ะ!!
เนื่องจากเค้าท์แดร็กคิวล่าเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มากในโลกแห่งจินตนาการจนเกิดเป็นกระแสแวมไพร์ที่ระบาดอย่างรวดเร็ว และมีสาวๆ หนุ่มๆ ช่างฝันอีกมากมายที่หยิบเอาปีศาจตนนี้มาต่อยอดจนกลายเป็นของใหม่ อาทิ "แวมไพร์สุดหล่ออย่างเอ็ดเวิร์ด" หรือ "คู่แวมไพร์เกย์อย่างหลุยกับเลเตส" หรือต่อยอดของเก่าให้บรรเจิดยิ่งกว่าอย่าง "บราม สโตรกเกอร์แดร็กคิวล่า(เล่นโดยแกรี่ โอลด์แมน)", มังกะอย่าง "เฮลซิ่ง" ที่อธิบายชีวิตวัยเยาว์ของแดร็กคิวล่าอย่างซื่อสัตย์ต่อประวัติศาสตร์ยิ่งนัก นิยายอย่างเรื่อง "The Historien" ของอลิซาเบธ คอสโตว่า ซึ่งซามมาเอลเกือบจะฉีกหนังสือทิ้งในตอนจบ(อะไรวะ กุตามมาแทบตาย ทำไมจอมแวมไพร์จบง่ายขนาดนี้?) หรือหนังแอคชั่นสุดแนวอย่าง "แวน เฮลซิ่ง" ซึ่งแวนได้กลายเป็นมนุษย์หมาป่าซัดกับแดร็กคิวล่าในตอนท้าย ตามด้วยเรื่องล่าสุดที่ทำให้ประวัติศาสตร์บิดเบี้ยวจนน่าโมโห(แม้จะยอมรับว่าดูสนุก)อย่าง "Dracula Untold" โดยลุค อีแวนส์ ที่สำคัญคือเกือบทุกเรื่องชี้ไปแนวเดียวกันว่า "วลาด เทเปส" ได้ละทิ้งพระเจ้าและกลายเป็นแวมไพร์ นับเป็นแนวทางที่น่าหดหู่ เพราะวลาดตัวจริงเป็นคริสเตียนที่แน่วแน่ในพระเจ้าอย่างที่คริสเตียนทุกวันนี้ไม่สามารถเลียนแบบได้ และพระองค์สวรรคตโดยกำไม้กางเขนแน่นในพระหัตถ์
ผมย่อมไม่กล้าพูดว่าตัวเองรู้จักแดร็กคิวล่าดีที่สุด แต่ด้วยความที่เป็นนักประวัติศาสตร์สมัครเล่นซึ่งจริงจังในการศึกษา(ถึงขั้นบ้าไปเลย)จึงกล้าที่จะพูดว่า "อย่างน้อยก็รู้มากกว่าคนทั่วไป" และการที่ซามมาเอลศึกษาประวัติศาสตร์แบบไม่มีธง ทำให้ไม่มีอคติหรือกรอบที่ชัดเจนด้วย เลยมักเห็นอะไรที่คนอื่นเขาไม่เห็น และตอนนี้ได้เวลาเข้าสู่เนื้อหาบทความกันแล้ว ในยุคกลาง โรมาเนียถูกแบ่งออกเป็นสามอาณาจักร(สามก๊ก) อันประกอบไปด้วย "ทรานซิลวาเนีย" ซึ่งเป็นรัฐกึ่งอิสระใต้ควบคุมของฮังการี, "มอลดาเวีย" ซึ่งอยู่ทางตะวันออก, และ "วัลลาเคีย" ซึ่งเป็นพระเอกของเรา วัลลาเคียเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานที่สุดในสามรัฐ ในช่วงแรกๆ อยู่ภายใต้การควบคุมของโรมและต่อมาก็ฮังการี จนกระทั่งเมื่อชาวเติร์กได้เข้ามาบุกเบิกดินแดน(อืมมม... เติร์กนี้เก่งเนอะ ทั้งโจโฉและเจงกิสข่านก็เป็นลูกครึ่งเติร์ก) ด้วยเหตุผลการเมืองบางอย่างในกลุ่ม "บาซารับ" ได้หลบหนีและเข้ามาในวัลลาเคียและกลายเป็นคริสเตียนก่อนจะกลายส่วนหนึ่งราชวงศ์ บาซารับตั้งตัวเป็นพระมหากษัตริย์และได้ทรงประกาศเอกราชให้กับวัลลาเคียโดยสมบูรณ์จนได้รับการยกย่องเป็น "บาซารับมหาราช" และเป็นต้นราชวงศ์บาซารับ
ราชวงศ์บาซารับสืบทอดพระราชอำนาจต่อกันมาจนในรัชกาลของพระเจ้ามีเซอา(Mircea)พระองค์มีโอรสอย่างเป็นทางการสามพระองค์คือ "มิเฮีย", "อเล็กซานดรู", และ "วลาด" ซึ่งเราจะข้ามสองพระองค์แรกไปก่อน แต่จะขอพูดถึงสองพระองค์หลังคือ อเล็กซานดรูซึ่งได้เป็นกษัตริย์ในเวลาต่อมา และเจ้าชายวลาด--พระอนุชาร่วมพระมารดาเดียวกัน โดยเฉพาะวลาดที่เกิดมาอย่างเพอร์เฟ็คหาใครจะเหมือน ทั้งหล่อลากดินและเป็นอัศวินที่เก่งโคตรๆ งานนี้สาวๆ จึงกรีดกันทั้งวัลลาเคียและเลยไปถึงประเทศข้างเคียง ทำให้วลาดมีโอรส-ธิดาทั้งในและนอกสมรสผุดขึ้นมากมายราวกับเห็ด
แล้วในปี ค.ศ. 1431 พระองค์ก็ได้รับบัตรเชิญจากสมเด็จพระจักรพรรดิ์สมันด์ บาโธรี่ แห่งจักรวรรดิ์โรมันอันศักดิ์สิทธิ์--เชิญพระองค์เข้าร่วมกับภาคีอัศวินที่เรียกกันว่า "ภาคีมังกร(the Order of Dragon)" ตอนนี้หลายคนอาจจะเอ๋ออยู่ แต่กับผู้อ่านที่แม่นประวัติศาสตร์จะรู้ว่า ปีนี้เป็นปีที่ฌานดาร์ค(โจน ออฟ อาร์ค)ถูกเผาทั้งเป็น และนามสกุล "บาโธรี่" ก็คือนามสกุลของ "อลิซาเบธ บาโธรี่" ผู้อื้อฉาวและโด่งดัง... ครับ ภาคีมังกรเป็นภาคีอศวินที่ถูกก่อตั้งเพื่อพิทักษ์คริสจักรพร้อมๆ กับกลุ่มอัศวินเทมปร้า ความแตกต่างคือสมาชิกของเทมปร้าจะเป็นชนชั้นสูงทั่วๆ ไป แต่ภาคีมังกรเป็นราชวงศ์ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในภาคีมังกรนั้นน่ากลัวยิ่งนัก นั่นคือ "สมาชิกของภาคีเชื่อว่าพวกเขาเป็นสายเลือดของพระเยซู" งานนี้ไม่บอกก็คงรู้ "ใครบ้างจะเป็นศตรูกับภาคีมังกร?" เพราะความเชื่อนี้เป็นอันตรายต่อการคงอยู่ของโบสถ์ และในภายหลังความเชื่อของภาคีมังกรก็ถูกตัดสินว่า "นอกรีต" งั้น... วลาดทำไง? เพราะองค์ปฏิเสธความเชื่อนอกรีตนี้หรือไม่? คำตอบคือพระองค์เข้าร่วมภาคีทันทีและกลายเป็น "วลาด มังกร(Vlad Dracul)"
พระเจ้าอเล็กซานดรูซึ่งชังพระอนุชาจนไม่อยากจะมองหน้าอยู่แล้ว พอรู้เข้าก็พิโรธจนถึงกับสั่งเนรเทศออกจากประเทศทันที!!
ไม่ใช่แค่ไล่ธรรมดานะครับ พูดให้ถูกคือ "จะฆ่าทั้งครอบครัวถ้ายังเสนอหน้าอยู่ในวัลลาเคีย" วลาดดราคูลจึงต้องรีบย้ายบ้านด่วน เหตุผลของการเนเทศนั้นไม่ทราบว่าพระทนความคิดนอกรีตของพระอนุชาไม่ไหว หรือเพราะวลาดทรงไปกิ๊กกับพวกคาทอริคทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นออโธด๊อกซ์ หรือ เพราะกลัวว่าอนุชาจะอาศัยอำนาจนอกประเทศมาแย่งบัลลังก์ตาม แต่วลาดก็ไม่ได้วอรี่มากนัก พระองค์แพคกระเป๋าแล้วพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่ทรานซิลวาเนีย ในปีนั้นพระองค์ได้อภิเสกครั้งที่สองกับเจ้าหญิงวาซิลลีซ่า มูซัส--พระราชนัดดาของกษัตริย์แห่งมอลดาเวีย แม้จะไม่รู้ว่านอกจากเมียแต่งแล้วยังรับเมียน้อยเข้าบ้านในปีเดียวกันด้วยหรือไม่ แต่... ปีที่วลาดหอบหิ้วครอบครัวออกจากประเทศ นั้นหนึ่งในพระชายาของพระองค์กำลังทรงครรภ์อ่อนๆ อยู่ และผู้ที่อยู่ในพระครรภ์ของเธอก็คือ "วลาด เทเปส" หรือ "เจ้าชายแดร็กคิวล่า" ของพวกเรา
พระเยซูต้องถูกเนรเทศออกจากประเทศของตัวเองตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่เพราะเฮโรดกลัวเด็กที่เกิดมาจะกลายเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าตน--จนต้องไปประสูตรในคอกม้าฉันใด วลาด เทเปสเองก็ต้องถูกเนรเทศจากประเทศของพระองค์เองฉันนั้น เพียงแต่ความน่าเศร้าเกิดขึ้นมากกว่า เพราะอย่างน้อยพระเยซูก็อยู่ในสภาพจวนคลอดแล้ว แต่วลาดเทเปสกลับต้องถูกเนรเทศทั้งๆ ที่พึ่งจะเป็นวุ้น แถมคนที่จะสั่งฆ่าก็ไม่ใช่คนอื่นอย่างเฮโรด หากแต่เป็นสมเด็จพระปิตุลา(ลุง)แท้ๆ ที่เกิดจากพระมารดาเดียวกันกับวลาดดราคูลผู้เป็นพระบิดา(ใจดำเหลือเกิน)
อย่างไรก็ตาม พระเอกของเราไม่ได้เกิดในคอกม้าครับ แต่เกิดในบ้านสีเหลืองแห่งหนึ่งในทรานซิลวาเนีย ณ ปี ค.ศ. 1431, วันอาทิตย์ที่ 4 พฤจิกายน, พงศาวดารเล่มหนึ่งกล่าวถึงพระองค์อย่างน่าสนใจว่า "พระนางได้ถูกพาไปในอีกไม่กี่เดือน หลังจากมีพระประสูตรกาลทารกซึ่งมีดวงเนตรของมรกตในตอนกลางวันและทองคำในตอนกลางคืน" ข้อความนี้คนส่วนใหญ่ตีความว่าวลาดเทเปสทรงมีพระเนตรสีเขียวในตอนกลางวันและสีทองในตอนกลางคืน.. จะบ้าเรอะ! ใช่ที่ไหนกัน!! ต้องเข้าใจนะครับว่าข้อความนี้เป็นการเขียนแบบมีนัยยะสำคัญซ่อนเร้น เพราะใช้ข้อความที่เป็นปริศนา
ประการแรก "พระนางถูกพาไป" ชัดเจนว่าหมายถึงความตาย "ในอีกไม่กี่เดือน" ถัดมา มันจึงเป็นเรื่องแปลกที่ในอินเตอร์เน็ตระบุว่า เจ้าหญิงวาซิลลิซ่าเป็นแม่ของทั้ง "วลาดนักเสียบ" และ "ราดูสุดหล่อ(Radu the handsome)" เพราะราดูสุดหล่อประสูตรหลังวลาดหลายปี ไม่มีทางที่จะประสูตรจากแม่ของวลาดที่ตายไปในอีกไม่กี่เดือนหลังคลอดวลาดได้เลย เว้นแต่จะเป็นพี่น้องฝาแฝด และเอกสารประวัติศาตร์ก็ระบุชัดว่า "วลาดเทเปส(นักเสียบ)ทรงเป็นญาติสนิทของสเตฟานมหาราช เพราะพระมารดาของพระองค์เป็นพระมาตุฉา(ป้า)แท้ๆ ของสเตฟาน ฉะนั้น พงศาวดารตอนนี้ต้องการจะบอกว่า "แท้จริงแล้ววลาดและราดูเป็นพี่น้องคนละแม่กัน" หรือถ้าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน "ราดูก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ อย่างที่ใครๆ คิด" และ "ถ้าราดูเกิดจากวาซิลลีซ่าจริง วลาดอาจเป็นโอรสนอกสมรส" หรือ "วลาดดราคูลอาจจะรับผู้หญิงสองคนซึ่งเป็นพี่น้องกัน-มาเป็นชายาพร้อมกันสองพระองค์"
ประการที่สอง "ทารกซึ่งมีดวงเนตรของมรกตในตอนกลางวันและทองคำในตอนกลางคืน" ในที่นี้หมายถึงทารกสองคน(ฝาแฝด) ทั้งยังบอกลำดับการประสูตรชัดเจน กลางวันไม่ได้หมายถึงเกิดก่อนแต่หมายถึงเด็กผู้ชาย วลาดทรงมีดวงเนตรสีเหมือนมรกต(ตามที่ปรากฏในบันทึกร่วมสมัย) ฉะนั้นพระองค์ทรงเป็นพระเชษฐาฝาแฝดของเด็กอีกคนที่ประสูตรทีหลังและมีดวงตาสีทอง นี่คือหนึ่งเรื่องที่คนส่วนใหญ่แทบไม่เคยพูดถึง นั่นคือ "แดร็กคิวล่ามีพระขนิษฐาฝาแฝด--เป็นเจ้าหญิงที่มีดวงเนตรสีทอง"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น