ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic All anime สหายหลุดโลก

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 1 in LSK :: ผู้พิทักษ์คนที่หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 57


    Chapter 1 in LSK :: ผู้พิทักษ์คนที่หนึ่ง

     

                            วิหารเทพอัศวิน

                ร่างของหัวหน้าเทพอัศวินผู้สง่างามเดินทอดน่องสง่างามเมื่อกลับมาจากการเฝ้าพระราชาหมูตอนที่แสนจะน่ารักน่าตบ รอยยิ้มพิมพ์ใจฉายอยู่บนใบหน้าอ่อนวัยแลดูสง่างามและน่ายกย่อง

                หางตาปรายมองรอบกายเล็กน้อยเพื่อส่องสาวๆ อย่างแนบเนียนตอนนี้เขาอยากจะกลับห้องอันแสนสุขจะแย่แล้ว!

                แต่คิดจริงๆ หรือว่าคนอย่างเกรเซียส ครีอุสจะโชคดี

     

                ตูม!! เสียงระเบิดดังลั่นสนั่นหวั่นไหวทำเอาคนเกือบโดนทับบี้แบนเป็นปลาหมึกแผ่นอย่างครีอุสก้าวขาไม่ออกเลย เมื่ออยู่ๆ เพดานบนหัวมันดันทลายลงมาเนี่ยสิ

                “บาดเจ็บไหมขอรับ ท่านหัวหน้า!” อาเดร์วิ่งเข้ามาหาเขาก่อนตะโกนถามด้วยความตื่นตระหนกตรงตระหนกตรงหน้าของพวกเขามีซากเพดานกองอยู่นอกจากนั้นยังตลบไปด้วยฝุ่นอีกด้วย

                “อะ อะไรน่า?!” สมาชิกหน่วยเทพครีอุสนามเอ็ดเอ่ยออกมาอย่างไม่ไว้ใจเมื่อมองเห็นบางสื่งที่อยู่ใจกลางซากขนาดใหญ่ หน่วยเทพอัศวินครีอุสชักดาบออกมาเพื่อป้องกันหากนั่นเป็นอมนุษย์หากแต่สิ่งนั้นกลับไม่ใช่อมนุษย์

     

    แต่เป็นร่างที่หมดสติของเด็กหนุ่มผมสีทองสว่าง

     

    .

    .

    .

    .

     

                “เด็กนี่คือเด็กที่หล่นลงมาจากฟ้า?”  เทพอัศวินเทมเพสเอ่ยถามก่อนวางผ้าขนหนูเปียกลงบนหน้าผากมนของเด็กหนุ่มที่ยังคงหลับไหล หนังหนาจริงวุ้ยเพดานทลายลงมาแต่กลับไม่มีแผลหรือบาดเจ็บเลยสักนิด

                “ใช่แล้วละ นอกจากนี้ข้ายังสัมผัสได้ถึงพลังมืดจางๆ จากตัวเขาด้วย” หนึ่งในแมลงสาปหมายถึงคนที่ตีเท่าไหร่ไม่ตายอย่างครีอุสเอ่ยออกมาให้สั้นและห่างไกลจากเทพพระเจ้าแห่งแสงสว่างมากที่สุด และด้วยคำพูดนั้นทำให้เทพอัศวินเคเรสที่อยู่ข้างกายขมวดคิ้ว “หมายความว่าเขาอาจเป็นคนของวิหารแห่งความมืด”

                “ข้าเองก็ไม่แน่ใจเราคงต้องเรียกประชุมกันแล้วละ” เสียงถกเถียงกันไกลออกไปและเสียงปิดประตูเองก็เงียบหายไปได้พักหนึ่ง ดวงเนตรสีเลือดก็เปิดขึ้น!

     

                อย่างแรกที่เด็กหนุ่มผมสีทองสว่างทำหลังจากการเปิดลูกตากลมๆ สีแดงขึ้นมาได้คือการส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองอย่างตกตะลึง เขาจับๆ ลูบๆ ขยี้เรือนผมของตนเองก่อนไล่ลงไปจับใบหน้าที่เหมือนกับคาแรคเตอร์ประจำตัวที่คิดขึ้นเองอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

                            นี่มันเกิดอะไรขึ้นฟะ???!

     

                ในที่สุดท่านก็ได้ยินเสียงของข้า นายท่าน เสียงที่ดังจากในสมองเรียกให้ต้องชะงักวูบ เสียงนั้นเหมือนกับเสียงตอนที่เขาปวดหัวแทบระเปิด “นาย นายเป็นใคร?”

                ข้าเป็นภูติหนังสือประจำกายของท่าน มีชื่อว่า อเล็กซิท ขอรับ

                “อเล็กซิท? ภูติหนังสือ?” สมองเหมือนถูกคนด้วยทัพพี ความสับสนมึนงงกับความมั่วส่วนตนมันผสมปนเปกันจนบ้าไปแล้ว

                ข้ามีเรื่องคุยกับท่านขอรับ

                “เดี๋ยวเลย ก่อนอื่นฉันขอถามว่า นายอยู่ไหนฟะ?” เขาเอ่ยออกไปอย่างเซ็งจิต เขาอยู่ตรงนี้ มันอยู่ไหนฟะ?

                ท่านพูดอะไรน่ะขอรับ ข้าก็ข้างกายท่านมาตั้งนานแล้วนะขอรับ?

     

                            หะ?

                เขามองซ้ายมองขวาเงยหน้ามองเพดานก้มมองลงพื้นยันห้อยหัวก้นชี้ฟ้าเพื่อหาอีกฝ่าย! สุดท้ายก็ไม่เห็นใครอยู่ดี

    “ถ้าจะกวนช่วยดูคนหน่อยได้ไหม? ฉันไม่ว่างมาเล่นกับนายนะเฮ้ย”

                …ถ้ามันไม่บ้าเขาก็ตาบอดละวะงานนี้

    แต่แล้วเสียงละเหี่ยใจก็ดังขึ้น ข้ายังไม่มีร่าง ท่านมองเห็นข้าก็แปลกแล้วขอรับ

    เฮ้ย…?

    “นายเป็นผีเรอะ!!!?” นี่ตูคุยกับผีเรอะ!!?

    บ้าเหรอขอรับ! ข้าเป็นภูติหนังสือนะขอรับ ไม่ใช่วิญญาณ!’ฟังแล้วเป็นงงๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เห็นบ้าๆ แบบนี้เขาก็กลัวผีนะเฮ้ย!

    แต่ท่านจะเห็นข้าได้ขอรับ ขอเพียงท่านฟังเรื่องที่ข้าจะพูดต่อไปนี้เขาว่าถ้าผีหมดห่วงก็จะไป เพราะงั้นถ้าทำให้ไอ้พี่บ้าที่คุยกับเขาอยู่นี่หมดห่วงได้เขาก็จะฟังละวะ!

    “ว่ามาสิ”

    สมเป็นนายท่านเลยขอรับ!’ ถึงผีจะชมแต่ก็ไม่ได้ดีใจหรอกนะเฮ้ย แล้วที่ว่าสมเป็นตูนี่ยังไง?

     

     

    ก่อนอื่นเลย ข้าจะเล่าที่มาที่ไปนะขอรับ เรื่องมันมีอยู่ว่ามนุษย์อย่างพวกท่านจะมีภูติหนังสืออย่างพวกข้าเลือกไปพักพิงอยู่เพื่อดูดซับพลังชีวิตจากจินตนาการของพวกท่านขอรับ ยิ่งผู้เป็นนายมีพลังในการจินตนาการมากเพียงใด ภูติหนังสือจะยิ่งแข็งแกร่งขอรับ พอฟังถึงตรงนี้ขนเจ้ากรรมก็ดันลุกเกลียวขึ้นมาทันทีมิน่าเขาถึงรู้สึกว่าเหมือนโดนตัวอะไรตามตลอด “นี่นายมาสิงฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ?”

    ตั้งแต่ที่ท่านเริ่มเขียนนิยายตอนป.4นั่นละขอรับ

     

                ตั้งแต่ตอนนั้นเลยเรอะ?!

     

     

                ‘ช่วงเวลา 7 ปีที่ข้าอยู่กับท่าน ในหัวของท่านเต็มไปด้วยจินตนาการจนข้าไม่รู้เลยว่าจะเลือกดูดซับจากตรงไหนก่อนดี ไม่ว่าจะช่วงเวลาตื่นหรือความฝัน อ้าก!!! หมายความว่าไอ้บ้านี่มันรู้เรื่องในหัวเขาหมดเลยน่ะสิ! แม้ว่าจะมีในตอนที่เข้าวัดจะมีความคิดอัปมงคลบ้างแต่นั่นก็เป็นจินตนาการที่สุดยอดขอรับ

                กรี๊ซซซซ!!! เลิกเผาได้แล้ว เลิกเผาเขาได้แล้ว!!!

     

                “หุบปากนะ อเล็กซิท!” ทนอายต่อไปไม่ไหวจนต้องตะโกนห้าม ทำเอาผู้ที่กำลังเคลิ้มกับการพล่ามชะงักวูบ ขอ ขออภัยขอรับ นายท่าน

                “เรื่องนั้นไม่ต้องพูดได้ไหม? ข้ามประเด็นบ้างก็ได้นะขอละ”อายเป็นนะเฟ้ย ได้ขอรับ พวกเราภูติหนังสือจะต่างแสวงหาผู้เป็นนายที่เหมาะสมกับการดูดซับพลังงานให้ตรงกับคณสมบัติของตนเอง เพื่อที่จะส่งพลังของตัวเองไปปกป้องโลกแห่งจินตนาการขอรับ เสียงที่ดูเศร้าลงทำให้เด็กหนุ่มใจไม่ดีเลย ภูติหนังสือนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 จำพวกขอรับ นั่นคือภูติสีแซปไฟร์และภูติสีทองขอรับภูติสีแซปไฟร์นั้นเกิดจากจินตนาการอันแรงกล้าของมนุษย์ขอรับ พวกข้ามีชีวิตอยู่ได้และอยู่เพื่อมนุษย์ขอรับ อีกขณะหนึ่งภูติสีทองเกิดจากความชิงชังอันแรงกล้าขอรับ

                “ความชิงชัง?”

                ขอรับข้าคิดว่าท่านคงรู้จักพวกที่แอนตี้เรื่องราวของจินตนาการใช่ไหมขอรับ? ภูติสีทองเกิดจากคนพวกนั้นขอรับเด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “นายหมายถึงพวกแอนตี้โอตาคุ?”

                ประมาณนั้นขอรับ อ่า อันนี้เขาพอรู้เลยละ ข้อความพวกนั้นเขาสัมผัสความมืดมัวของอะไรบางอย่างได้เลย นอกจากนั้นแล้วภูติหนังสือสีทองยังแตกต่างจากภูติสีแซปไฟร์ตรงที่พวกเขาจะขอยืมพลังจากมนุษย์แล้วฆ่าทิ้งเมื่อหมดประโยชน์ขอรับ หรือไม่ก็เปลี่ยนมนุษย์เป็นภูติหนังสือ

                “เฮ้ย? แบบนั้นมันผิดไม่ใช่เหรอ?” มันผิดปกติเกินไปแล้ว

                ขอรับ พวกเขาต้องการลบเรื่องราวในโลกจินตนาการ และข้ามไปโลกมนุษย์เพื่อให้โลกทั้งสองมีเพียงภูติหนังสือขอรับ

                ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือดไปถนัดตา ทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือฝันแต่มันกลับทำให้เขาขนลุกขึ้นมา “กำลังอำเล่นใช่ไหม? เป็นไปไม่ได้หรอกนี่เป็นความฝันแน่นอน!” ว่าจบก็รีบลุกขึ้นจากเตียงพยายามตั้งสติให้ตัวเองตื่นแต่ก็ไม่สำเร็จ

                มันไม่ใช่ความฝัน ตัวท่านก็มิใช่หรือขอรับ?

                ในหัวของเด็กหนุ่มโหวงไปหมด มือไม้สั่นอย่างหวาดผวา “ถ้า ถ้าไม่ใช่ความฝันก็หมายความว่า เรื่องที่นายเล่ามามันจะเกิดขึ้นจริง”

                ใช่ขอรับ แต่บัดนี้ภูติประจำเรื่องได้เลือกท่านแล้ว ท่านมีคุณสมบัติพอที่จะแก้ไขเรื่องราวทั้งหมด…’ เสียงนั้นอยู่ใกล้หูของเขามากขึ้น พร้อมกับสัมผัสของผิวเนื้อผ้าที่เกิดจากการใช้แขนโอบรอบคอของเด็กหนุ่ม

    “ขอได้โปรดตัดสินใจ นายข้า ข้าพร้อมเป็นพลังให้แก่ท่าน”

     

                เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นว่ามีแขนของใครบางคนโอบรอบคอของเขาอยู่ และเมื่อหันไปมองใบหน้าที่อยู่ใกล้จนผมของอีกฝ่ายเขาให้เขารู้สึกจักจี้ก็ทำให้เขาตกตะลึงร่างสูงโปร่งที่สวมชุดดูคล่องแคล่วและประดับด้วยเกราะเล็กน้อยเพื่อสามารถป้องกันตนเองจากของมีคมได้ แต่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มตกกตะลึงได้มากที่สุดคือใบหน้าและเรือนผมแสกของอีกฝ่ายต่างหาก ซึ่งนั่นเขามั่นใจว่าจำไม่ผิดแน่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาเป็นตัวละครที่เด็กหนุ่มชื่นชอบมากที่สุดตั้งแต่แรกเห็นใน Sengoku Basara เป็นตัวละครใหม่ในภาค 4 ที่เพิ่งออกมาใหม่ให้เขาเสียเงินเล่น

                “ชิชิมะ ซาคอน”

                “ไม่ใช่หรอกขอรับข้าอเล็กซิทเองขอรับ ข้าเลือกใช้ร่างนี้จากสมองของท่านโดยตรงขอรับ” ใบหน้ายิ้มแย้มชวนกำเดาพุ่งห่างออกไปจากเขา ก่อนที่ร่างนั้นจะมาชันเข่าตรงหน้า

                “หากท่านต้องการหลีกหนีไปข้าจะพาท่านกลับ แต่หากท่านต้องการสู้ไปพร้อมกันก็ขอจงเอ่ยนามของตนออกมาเพื่อทำสัญญาเป็นนายอย่างแท้จริงขอรับ” ดวงเนตรคู่นั้นปิดลงพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นเพื่อรอคำตอบที่อาจกลับมาทำร้ายตัวเองหากคนๆ นี้ปฏิเสธเขาตัวเขาคงได้สลายไปแน่ เพราะมนุษย์ที่มีคลื่นพลังตรงกับเขาตอนนี้มีเพียงเด็กคนนี้เท่านั้น แต่เขาจะไม่บอกออกไปเพื่อเป็นการบังคับอย่างแน่นอน

     

                “ชื่อนามแฝงในการเขียนนิยายได้ไหม? มันดูดีกว่ากันเยอะเลย” แล้วคำตอบที่ได้จากเด็กหนุ่มก็ทำเอาร่างที่ชันเข่าอยู่หลุดยิ้มออกมาอย่างดีใจ

                สมกับเป็นคนที่เขาเฝ้ามองมาตลอด7ปี

     

                “ตามประสงค์ของท่านเลย นายท่าน”

                “อย่าตามใจให้มากนัก ฉันยิ่งนิสัยเสียอยู่ด้วย”

                “รู้อยู่แล้วละขอรับ”

     

    ร่างเรือนผมสีทองจ้องมองผสานกับภูติหนังสือของตนเองก่อนเอ่ยออกมา

     

    “จากนี้ไปนายกับฉันจะสู้ร่วมกัน แม้มันจะเป็นเพียงฝันร้ายก็ตาม”

     

    “ท่านมิได้ฝันไปหรอกขอรับ มันคือความจริงที่ท่านอยู่ตรงหน้าข้าเวลานี้ นายท่าน”

     

    มือขวาของเด็กหนุ่มถูกจับโดยมือที่สวมเกราะแขนของภูติหนังสือประจำกาย เพื่อวางหลังมือของผู้เป็นนายลงบนหน้าผากของตนเอง

    “ได้โปรดขานนามของท่านเพื่อผูกมัดคำสาบาน”

     

    “เฟเซเนีย รีเซ็ท”

     

    เกิดแสงสว่างสีฟ้าขึ้นที่มือขวาของเด็กหนุ่มซึ่งสัมผัสกับหน้าผากมนของภูติหนังสือหนุ่ม ปรากฏรอยสักดาวหกแฉกขึ้นหลังมือของเขาพร้อมกับบนหน้าผากของอเล็กซิท การทำพิธีสาบานถือว่าสัมฤทธิ์ผลแล้ว

    “จากนี้เป็นต้นไปข้า อเล็กซิท ภูติแห่งการลงทัณฑ์จะเป็นภูติรับใช้ท่านเพียงผู้เดียว”

     

    “นายข้าเฟเซเนีย รีเซ็ท”


    TBC.

     

    เริ่มไม่มั่นใจว่านี่มันพิธีสาบานภูติหรือการขอแต่งงาน =__=*** #อึนแปบ สำหรับการีครั้งนี้เนื้อเรื่องแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงนะครับ ใครที่อ่านมันแรกไปจะมาเจอภาคที่ได้รับการกรองจากสมอง(ที่ไม่สมประกอบ)ใหม่อีกครั้งครับ เลยอยากบอกว่าอันแรกอะลืมๆ มันไปเถอะครับ ;___; ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ แล้วก็ถ้าสนใจร่วมสนุกก็สมัครตัวละครได้เลยนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×