ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    PSYCHO HOTEL

    ลำดับตอนที่ #2 : PSYC HO HOTEL 2..............Highway to hell

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 116
      1
      16 พ.ค. 54

                            PSYCHO HOTEL

    บทที่ 2

    Highway to hell

    : GTW

     

    ภายในรถมีแต่เสียงเพลงกระหึ่มไม่ขาดระยะ คนในรถพากันนั่งเงียบไป แต่ละคนจมอยู่กับความคิดของตนเอง

    ในที่สุดเทียนสีก็เอ่ยปากทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนั้นขึ้นว่า

    อาถรรพ์ศุกร์ 20 วันนี้วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม สิงหาสับ

    อะไรกันนางแบบสาวฟังแล้วต้องค้านขึ้นมาทันที

    เคยได้ยินแต่ศุกร์ 13 ฝันหวาน นี่ศุกร์ 20 อะไรกัน

    ศุกร์ 20 ฝันร้ายไง ฝันร้ายเลยล่ะตอนนี้ สิงหาสับของแท้

    ท่าทางจะเป็นฝันร้ายจริงๆ เพราะพอพูดขาดคำสายฝนก็กระหน่ำลงมาทันทีชนิดไม่ลืมหูลืมตา รถเก๋งคันงามต้องชะลอความเร็วลงอีกอย่างช่วยไม่ได้ คนขับสาวสบถอย่างฉุนเฉียวเพราะการเดินทางมีอันช้าลงไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่เทียนสีแอบยิ้มอย่างพอใจ

    มันวันอะไรกันนี่

    เทียนสีบ่นอย่างหัวเสียกึ่งหนักใจ

    หลงทางยังไม่พอ มาเจอรถเกือบชนตาย มาเจอฝนอีก จะเจออะไรหนักกว่านี้ไหมนี่
    แทนที่จะปลอบใจให้กำลังใจแม่สาวสวยย้อนยุคกับพูดเสียงหนักแน่นจริงใจแบบหน้าตาเฉยว่า

    ฉันกลัวว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายเท่านั้น สงสัยต้องเจออะไรหนักกว่านี้แน่เลย

    ให้กำลังใจกันดีมากนะเทียนสีขบกรามกรอด

    ที่ปัดน้ำฝนทำงานด้วยความเร็วเต็มพิกัดแต่ยังไม่ทันกับการปัดสายน้ำอันกระหน่ำหนักเสียงสายฝนกระทบภายนอกตัวรถกลบเสียงเพลงจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงต้นไม้ข้างข้างโค่นล้มครืนขวางถนนลงมาเฉียดท้ายรถไปอย่างหวุดหวิด ยังพอมองเห็นเปลวไฟลูกท่วมด้วยการมอง
    จากกระจกหลัง

    เกือบไปแล้ว....

    นางแบบยุคหินเป่าลมออกจากปากอย่างใจหายใจคว่ำ ยื่นมือออกไปจะเร่งความดังของเสียงเพลง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ดีๆ เสียงเพลงก็เร่งระดับความดังขึ้นเองแบบไม่มีใครทำอะไร

    I'm on the highway to hell
    Highway to hell
    Highway to hell
    Highway to hell
    I'm on the highway to hell
    Highway to hell

    And I'm goin' down,all the waa-ay-aay, wohh
    M-on the highway to hell

    บ้าชะมัด....

    คนขับมหาเสน่ห์ร้องอย่างขัดใจ  แถมยังถึงช่วงเป็นเพลงซึ่งมีเนื้อหาอันน่าสยองเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เหลือเกิน

    มีเสียงดังรุนแรงเหมือนเครื่องซักผ้ากำลังปั่นทำงานอยู่เต็มพิกัดออกมาจากเครื่องเล่นวิทยุซีดี และก่อนจะทำอะไรต่อไป แผ่นซีดีก็โผล่พรวดออกมาจากเครื่องเล่นทั้งที่ยังไม่ได้กดปุ่มอะไรสักนิด พร้อมกับการหลุดหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงแบบไม่น่าเป็นไปได้ราวกับเป็นกงจักรนรก

     นางแบบยุคหินได้แต่ปากอ้าตาค้าง เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ใครจะคิดว่าแผ่นซีดีเพลงจะกลายเป็นอาวุธร้ายตัดคอคนได้ ความตกใจทำให้ตัวแข็งมือแข็งขาแข็ง จับพวงมาลัยค้าง แสงไฟจากด้านเพดานรถเห็นประกายซีดีแวววาวราวคมมีดนรก

    ในวินาทีแห่งความเป็นตาย มือของใครคนหนึ่งยื่นออกมาจากด้านเบาะหลังรถ ใช้นิ้วทั้งห้าบีบจับแผ่นซีดีมรณะไว้อย่างแม่นยำรวดเร็วราวประกายไฟ สะกดสกัดการพุ่งและหมุนเอาไว้ได้อย่างเฉียบขาดราวเป็นหัตถ์เทพเจ้า

     

    สาวนู NUAOFFYHUB นั่นเองที่ลุกขึ้นมาช่วยให้คนขับสาวเซ็กซี่รอดพ้นจากอาการคอขาดอย่างหวุดหวิดหวาดเสียว

    สาวเทียนสีได้สติเมื่อเห็นสาวคนขับนั่งตัวแข็ง กลัวรถจะตกถนน ตะโกนสุดเสียงจนลั่นรถว่า

    ยัยนางแบบ เบรคเร็ว

    คนขับเจ้าเสน่ห์ตกใจหายตัวแข็งเหยียบเบรคแทบจะทันทีเหมือนกันเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจนแก้วหูแทบแตก เสียงเบรคดังสนั่นท่ามกลางเสียงสายฝนกระหน่ำหนัก รถสะดุดลงกะทันหัน เทียนสีไม่ทันระวังตัวหัวโหม่งเข้ากับคอนโซลรถรอบสองอย่างจัง

     โป๊ก ! “

    โอ้ย!”

    ดาวนับร้อยนับพันกระจายเต็มหน้า ความรู้สึกของสาวลูกครึ่งเหมือนถูกหมัดเด็ดมึนชาไปชั่วขณะก่อนอาการเจ็บหนักๆ บริเวณหน้าผากจะเริ่มถามหา หันไปทำตาเขียวจะต่อว่าคนขับ แต่ก็ต้องอ้าปากค้าง

     

    สาวนูยังคงค้างคาอยู่ในท่าเดิม รักษาอิมเมจความเท่ในการยื่นมือมาช่วยเพื่อนเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่น่าแปลกใจคือนัยน์ตาทั้งสองข้างยังหลับสนิท สีหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สมอะไรทั้งนั้น

    สาวนูขยับนิ้วบิดครั้งหนึ่ง เสียงดังกร๊อบ แผ่นซีดีแตกออกเป็นเสี่ยงๆร่วงพรูพร่างพรมเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พลังแฝงอันน่ากลัวของเธอสามารถระเบิดออกมาได้กระทั่งเวลาละเมอ

    ยัยนูนี่ละเมออีกแล้ว....

    เสียงอรุสาบ่นออกมาจากหลังรถอย่างเหนื่อยหน่าย ดูเหมือนจะไม่มีอะไรทำให้เธอตื่นเต้นตกใจได้ง่ายๆ สาวนักประดิษฐ์อัฉริยะดึงสาวนูล้มหงายลงไปนอนต่อตามเดิมก่อนบอกว่า

    นี่ขนาดละเมอนะ ยังละเมอช่วยเพื่อนได้ รู้หรือยังว่าทำไมฉันไม่กล้าดึงแผนที่ออกมาจากเบาะยัยนี่นั่งทับอยู่

    รู้แล้ว

    เทียนสีบอกเสียงอ่อยๆ เอามือบีบหน้าผากตัวเองไปมา กลัวว่าการกระแทกหนักๆแบบนี้จะส่งผลให้อาการกลาวความเร็วกำเริบหนักขึ้นมากกว่าเดิม

    ว่าแต่เมื่อกี้มันอะไร ยัยนางแบบ เธอติดเครื่องเสียงรถมาจากไหน นี่มันซีดีสังหารชัดๆ

    ประโยคหลังหันไปถามคนขับสาวผู้ยังมีสีหน้าท่าทางตื่นตกใจไม่หาย นางแบบย้อนยุคส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น ตอบด้วยเสียงเหมือนจะร้องไห้ว่า

    ฉันไม่รู้ มันก็ติดมากับรถตั้งแต่ซื้อมาแล้ว ทุกทีมันก็ไม่เคยเป็นแบบนี้

    ว่าแล้วก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ เพราะเหมือนว่าเป็นต้นเหตุให้เพื่อนและตัวเองมีอันเป็นไป

    ภายนอกตอนนี้สายฝนกระหน่ำหนัก แสงไฟจากหน้ารถแทบจะไม่ช่วยให้มองเห็นถนนได้เลย เสียงฟ้าคำรนคำรามกึกก้องจนแผ่นดินสะท้านสะเทือนเป็นระยะสลับกับแสงวูบวาบของอสนีบาตโบยสะบัดตวัดกราดเกรี้ยวบนท้องฟ้า

    เทียนสีจ้องมองนางแบบหลงยุคด้วยความสงสาร ในบรรดาเพื่อนทั้งหมด นางแบบเป็นคนขี้แยมากกว่าใคร

    โอ๋ๆๆ อย่าร้อง   เอ่ยอย่างปลอบใจแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวเพื่อนอย่างสงสารทั้งที่ตัวเองยังเจ็บหัวไม่หาย

    หยุดร้องได้แล้ว ไม่มีใครว่าอะไร หยุดร้องแล้วจะซื้อปลาทูให้กิน

    บ้า....ฉันไม่ใช่แมวนะเธอ

    อ้าว..ขอโทษ ลืมตัวไป นึกว่าแมว

    เทียนสีว่าหน้าตาเฉย แต่ก็ทำให้นางแบบหัวเราะทั้งน้ำตา หยุดร้องไห้ ตั้งสติกลับมาเป็นสาวผู้สง่างามอีกครั้ง

    มันเวลาเท่าไรกันแล้วนี่

    เทียนสีบ่นพึมพึมกับตัวเอง ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา แต่แล้วก็ทำหน้าตาประหลาดใจหันมาบอกคนขับสาวสวยว่า

    นาฬิกาฉันหยุดเดิน อะไรกันนี่ ซื้อมาตั้งแพง มาเสียง่าย ๆ แบบนี้เซ็งเป็ดเลย

    คนขับสาวยกข้อมือดูนาฬิกาของตนเองดูบ้างอย่างไม่ตั้งใจ แล้วก็ร้องเสียงดัง

    เฮ้ย...นาฬิกาของฉันก็หยุดเดินเหมือนกัน มันเรื่องบ้าอะไรกัน ซื้อมาก็แพงเหมือนกัน

    เสียงเนือยๆใสๆ ของอรุสาดังแว่วมาจากด้านหลังว่า

    เฮ้ย...นาฬิกาของฉันก็หยุดเดินเหมือนกัน มันเรื่องบ้าอะไรกัน ซื้อมาก็แพงเหมือนกัน

    นางแบบสาวขบกราม หันไปมองด้านหลัง ทำหน้าดุเสียงดุว่า

    ยัยสา เธอมันจะสบายมากไปแล้วนะ เล่น COPY คำพูดคนอื่นมาวางเฉยแบบนี้ มันจะขี้เกียจไปแล้วนะที่รัก อีกอย่างฉันไม่เคยเห็นเธอใส่นาฬิกาเลย มาทำเป็นลอกเลียนคำพูดคนอื่น

    อ้อ..เหรอ

    อรุสายื่นหน้าบ้องแบ้วออกมาทำหน้าตาตื่นแบบไม่รู้ไม่ชี้ไม่สน ก่อนจะเอียงคอยิ้มหวาน เชิดหน้าทำตาปรือ ยกมือแตะริมฝีปากส่งจูบให้สองสาวคนละที เหมือนผู้เข้าประกวดนางงามส่งจูบให้ท่านผู้ชม อย่างน่าหมั่นใส้แกมน่าหัวเราะ แล้วหงายหลังลงไปนอนกอดตุ๊กตาหมีต่อไปไม่รู้ไม่สนอะไรทั้งนั้น

    ยัยบ้า

    นางแบบสาวค้อนขวับ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้กับความบ้าๆบอๆของอรุสา  ส่วนเทียนสียังคงโคลงหัวไปมาอย่างเสียดายนาฬิกาแพงระยับซึ่งมาเสียอย่างไม่น่าเป็นไปได้

    ไม่น่ามาเสียชีวิตแบบนี้เลย..ไปสู่สุคติเถิดนะติ๊กตี้

    อะไรติ๊กตี้ นางแบบถามอย่างสงสัย

    ก็นาฬิกาของฉันไง มันชื่อติ๊กตี้

    คราวนี้นางแบบย้อนยุคมองหน้าเทียนสีอย่างงงๆ หัวโหม่งคอนโซลไปสองทีถึงกับตั้งชื่อให้นาฬิกาเลยหรือ ท่าทางชักไม่ค่อยดีแล้ว

    ทำไมไม่ชื่อติ๊กต่อก ลองเลียบเคียงถามดู

    จะบ้าเหรอ เธอ นั่นมันชื่อออกไปทางตัวผุ้ นาฬิกาของฉันตัวเมียนะเธอ

    นางแบบสาวฟังแล้วทำท่าจะเป็นลม

    เธอรู้ไหม ติ๊กตี้ของฉันราคาเท่าไรเทียนสีถามขึ้นมา

    คงไม่แพงไปกว่านาฬิกาของฉันหรอกน่านางแบบยิ้มกริ่มมั่นใจในนาฬิการาคาแพงของตนเอง ใส่กรีดกรายข่มถนนแฟชั่นนาฬิกามานับครั้งไม่ถ้วนไม่อายใคร

    เธอซื้อมาเท่าไร

    ห้าสิบบาท ต่อแทบตาย ราคาจริงมันตั้ง ห้าสิบบาทห้าสิบสตางค์แน่ะ ดีว่าฉันเป็นนักเจรจาว่าความ กล่อมลิงจนหลับมาแล้ว ต่อราคาแค่สามชั่วโมงคนขายเลยใจอ่อนยอมลดให้

    เทียนสีปากจะต่อล้อต่อเถียง แต่สายตามองเห็นนาฬิกาบริเวณคอนโซลหน้ารถโดยบังเอิญ แล้วก็หน้าซีดลงทันที

    นาฬิกาของรถยนต์เวลาก็หยุดนิ่ง นาฬิกาทั้งหมดในรถหยุดนิ่งบอกเวลาเที่ยงคืนพอดี !

    สาวเทียนสีนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ขณะนางแบบเองก็เริ่มรับรู้ความผิดปกติ...  ความผิดปกติราวกับมาพร้อมกับพายุด้านนอก ราวกับมาจากความบิดเบี้ยวของกาลอวกาศ หรือมาจากนรกก็สุดจะคาดเดา

    นางแบบสาวลองหยิบโทรศัพท์(ราคาแพงระยับ) ขึ้นมาลองโทรออกดู  คำตอบคือความอ้างว้างจนน่ากลัว ไม่มีคลื่นโทรศัพท์แม้สักนิด ราวกับหลุดออกมาอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์

    เพื่อตอกย้ำความเป็นจริง สาวลูกครึ่งค่อยดึงโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา กดโทรออกแบบส่ง ๆ ไม่สนใจว่าเป็นเบอร์ของใคร แล้วยกโทรศัพท์แนบหูอย่างตั้งใจ ท่ามกลางการจ้องมองอย่างลุ้นสุดชีวิตของโชเฟอร์สาว

    มีคลื่นไหมถามเสียงสั่น สาวเทียนสีไม่ตอบในทันที เอียงหูฟังอย่างตั้งใจสักพักก่อนส่ายหน้าตอบว่า

    ไม่รู้สิ

    แล้ว ทำไม แค่นี้ยังดูไม่ออก

    ก็แบตหมด จะรู้ได้ยังไง

    ยัยบ้า !!!!”

    นางแบบสาวหันมาโวยวายแต่ทันใดนั้นเอง สายตาบังเอืญมองเห็นเงาตะลุ่มอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังของตัวรถห่างออกไปในระยะไม่กี่เมตรจากแสงสว่างวาบของอสนีบาตก่อนจะกลืนหายไปในความมืด

    ไม่รู้ว่าเธอมองเห็นอะไร แต่ที่แน่ๆ รถเก๋งคันงามพุ่งทยานออกจากบริเวณนั้นด้วยความรวดเร็วเพราะความตื่นตระหนกของคนขับ  ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโวยวายของสาวเทียนสีผู้แพ้ความเร็ว


    +++++


    แพรวดาว..!!! เธอซักผ้ายังไง ไม่สะอาดเลย แบบนี้ก็โดนแขกต่อว่าตายซิ

    เสียงแหลมสูงอย่างไม่พอใจของหญิงสาวหน้าตาดี ในชุดเสื้อผ้าราคาแพงนำสมัยผู้กำลังใช้แว่นขยายประจำตัวส่องตรวจตราดูเสิ้อผ้าซึ่งพับวางซ้อนกันเอาไว้อย่างเป็นระเบียบในห้องสีขาวสะอาดสะอ้าน ราวกับเป็นห้องพักในโรงพยาบาล

    แต่นี่ไม่ใช่ห้องในโรงพยาบาล เป็นห้องซักรีดของโรงแรมหรูหราระดับห้าดาว ที่อกเสื้อด้านซ้ายมีป้ายพลาสติกเล็กๆ กลัดและเขียนบอกว่า ปลายเดือน กันยา หัวหน้าแม่บ้าน

    แพรวดาว หญิงสาวร่างสันทัด ตัวเล็ก หน้าตาสวยน่ารักแบบปราศจากการตกแต่ง ในชุดพนักงานโรงแรมสีเขียวสดใจ มีสีหน้าท่าทางวิตกกังวลอึดอัด การซักผ้ารีดผ้าครั้งนี้เธอตั้งใจทำเต็มที่ แต่ยังดูเหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของปลายเดือน ผู้เป็นหัวหน้า

    เธอมาดูนี่...

    ปลายเดือนดึงแขนแพรวดาวให้เข้ามาใกล้ ใช้แว่นขยายส่องดูผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดพลางบอกด้วยเสียงเข้มๆ

    นี่ๆๆๆ เธอดู เห็นอะไรไหม

    แพรวดาวก้มหน้ามองผ่านแว่นขยายครู่หนึ่งอย่างตั้งใจแล้วหันมาบอกด้วยน้ำเสียงเบาแฝงแววเกรงอกเกรงใจว่า

    ไม่เห็นมีอะไรนี่คะคุณปลายเดือน ผ้าก็ดูสะอาดดี

    เธอนี่แย่จริงๆ...ดูใหม่ !  ตั้งใจดูหน่อย เห็นจุดดำๆ เล็กๆ จนแทบมองไม่เห็นนั่นไหม มันอาจจะเป็นเชื้อราก็ได้ เธอตั้งใจจะทำให้แขกผู้มาพักที่นี่โดนเชื้อรากินตายทั้งเป็นหรือไง ที่นี่ไม่ใช่โรงงานผลิตอะฟลาท๊อกซีนนะ เอาไปซักใหม่ รีดใหม่เลยเธอ

    แต่..

    กฏข้อที่ 1 ห้ามเถียง

    น้ำเสียงเฉียบขาดชองปลายเดือน ทำให้แพรวดาวไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ค่อยๆดึงผ้าปูที่นอนเจ้าปัญหาออกมาอย่างระมัดระวัง

    ทั้งหมดนั่น...ไม่ใช่ผืนนี้ผืนเดียว ป่านนี้เชื้อราไม่ระบาดเต็มไปหมดแล้วเหรอ เอาไปซักใหม่ให้หมด นำไปผึ่งแดดอย่างน้อยสองชั่วโมง แถวลานตากผ้าหลังแรม

    แพรวดาวหันไปมองนาฬิกาผนังห้อง

    มันชี้บอกเวลาเที่ยงวันพอดี และเข็มนาฬิกาหยุดนิ่งค้างคาอยู่เช่นนั้นราวกับว่ากาลเวลาหยุดเคลื่อนที่ไปแล้ว

    ค่ะ...

    เธอรับคำง่ายๆ ก่อนบรรจงหยิบผ้าปูที่นอนมาวางเรียงลงบนตะคร้าใหญ่ เพื่อเตรียมนำผ้าปูที่นอนทั้งหมดไปซักใหม่อีกครั้ง ปลายเดือน มองแล้วพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อไม่เห็นอาหารโต้เถียงขัดแย้งจากอีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่วายออกคำสั่งมาอีก

    เสร็จแล้วไปเช็ดโต๊ะในห้องอาหาร ใช้ผ้าสีขาวเท่านั้น ผ้าผืนหนึ่งเช็ดอย่าเกิน 1 นาที ก็ให้เปลี่ยนผ้าซะ จะได้สะอาด ผ้าที่เช็ดจะต้องผ่านการอบไอน้ำอย่างน้อย 5 นาที อย่าให้มีคราบไคลเหลือเด็ดขาด เดี๋ยวฉันจะไปตรวจ

    ค่ะ คุณปลายเดือน

    ดีมาก พูดจารู้เรื่องแบบนี้ จะได้อยู่ทำงานนานๆ   ระวังอยู่ในสัตว์ป่ามาเพ่นพ่านในโรงแรม เมื่อวานฉันเห็นมดแดงตัวเล็กๆตัวหนึ่งอยู่ในห้องรับแขก เธอจะให้แขกที่มาพักโดนมดแดงรุมกัดกินตายทั้งเป็นเลยหรือไง ระวังด้วย

    พูดจบหัวหน้าแม่บ้านผู้เข้มแข็งก็เดินออกจากห้องไป แพรวดาวยกมือปาดเหงื่อ จ้องมองผ้าในตะกร้า แต่เรื่องแค่นี้เธอจะยอมแพ้ไม่ได้และจะไม่มีวันยอมแพ้เพื่ออนาคตข้างหน้าต้องสู้ต่อไป

    อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อน แต่แพรวดาวยิ้มอย่างพอใจ อากาศร้อนแบบนี้ตากผ้าดีหลือเกิน อะไรจะมีความสุขมากไปกว่าการมองดูหรือโลกแล่นไปบรรดาผ้า ซึ่งแขวนตากบนราวลวดไหวพลิ้วปลิวไสวอยู่ท่ามกลางแสงแดดและสายลม มันเป็นภาพเดงามไม่ไกลเกินใจฝัน จนเห็นแล้วอยากซักแล้วซักอีก ตากแล้วตากอีก

    แต่อย่างไรอากาศก็ร้อนจนเกินกว่าจะยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดนาน ๆ หญิงสาวหลบเข้ามาอยูใต้ร่มเงาของต้นสนริมลานตากผ้าเฝ้ามองภาพงดงามนั้นต่อไป

    นอกจากวันนี้แสงแดดจะแรงกล้าแล้ว สายลมยังพัดค่อนข้างแรง กรรโชกเป็นระยะ ผ้าปูที่นอนผืนหนึ่งหลุดออกจากราวตากผ้าถูกลมหอบปลิวม้วนขึ้นไปในอากาศลอยไกลออกไป

    แพรวดาวใจหายวาบ

    สำหรับคนซักผ้าแล้ว โศกนาฏกรรมน่ากลัวอย่างหนึ่งคือผ้าซึ่งผ่านการซักล้างมาเป็นอย่างดีและพากเพียร ถูกลมพัดลงไปคลุกฝุ่น ทำลายความสะอาดหอมกรุ่นลงไปด้วยธุลีดินจนหมองคล้ำดำเสียหาย ดังนั้นหญิงสาวร่างบอบบางรีบวิ่งตามผ้าปูที่นอนผืนนั้นทันที อย่างไรก็ต้องรับให้ได้ก่อนตกลงพื้น

    ราวกับเป็นการกลั่นแกล้งของลมฟ้าอากาศ ผ้าผืนนั้นพลิกไหววูบวาบไกลออกไปประหนึ่งจะเย้ย ห่างออกไปจากลานตากผ้าเข้าไปในราวป่าด้านหลังของโรงแรม เป็นพื้นที่ค่อนข้างรกชัฏปกคลุมไปด้วยวัชพืชนานาชนิด เป็นบริเวณรกร้างเปล่าเปลี่ยววังเวงอย่างน่าประหลาดแม้แต่เวลากลางวันก็ตาม

    หญิงสาวไม่มีเวลาขบคิดเรื่องพวกนี้ ใจคอมุ่งติดอยู่กับผ้าเจ้กกรรมซึ่งอยู่ไม่ห่างเท่าไร น่าจะตามทันในไม่ช้า

    แต่น่าเสียดาย ในที่สุดผ้าปูที่นอนล่องเวหาผืนนั้นก็ตกวูบลงบนพื้นจนได้ราวกับมีมือมองไม่เห็นจับกระชากลง

    ลงไปพาดอยู่กับอะไรบางอย่าง

    ไม่ได้ลงไปคลุกฝุ่น

    แพรวดาวยิ้มดีใจ อย่างน้อยก็ไม่ได้ลงไปเปื้อนฝุ่นดิน แต่ตกลงไปคลุมอยู่กับบางสิ่งซึ่งมองไม่ถนัดนัก เมื่อหญิงสาวค่อย ๆ ดึงผ้าออกมาพับเก็บ จึงพบว่าสิ่งนั้นคือป้ายหินบนหลุมฝังศพนั่นเอง

    นั่นเป็นครั้งแรกที่แพรวดาวรู้ว่าด้านหลังของโรงแรมเป็นสุสาน !

    และเริ่มรู้ตัวเองว่ากำลังยืนอยู่ในเขตของสุสานขนาดใหญ่ มีป้ายบนหลุมฝังศพเรียงเป็นแนวยาวมากมาย สีขาวของป้ายผ่านกาลเวลาจนหม่นมัวยิ่งทำให้บรรยากาศน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

    หญิงสาวเริ่มขนลุกเกรียวอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่ยังเป็นเวลากลางวัน แต่ที่นี่ดูเหมือนจะมีอะไรแปลกๆ  และน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

    -------

     

    นางแบบหยุดรถก่อน !”

     

    เสียงตวาดลั่นของสาวเทียนสีทำให้คนขับสาวรีบเลี้ยวรถเข้าข้างทางจอดรถโดยยังไม่ยอมดับเครื่อง

    ทำไม โชเฟอร์สาวหันมาถามเพื่อน

    เธอนั่นแหละ ทำไม... ทำไมอยู่ดีๆก็ขับรถออกมาเร็วแบบจะเป็นจะตาย ฉันจะขาดใจตายแล้วรู้ไหม

    นางแบบหลงยุคไม่ตอบในทันที ยกมือลูบหน้าตาไปมาราวกับคนจะพยายามตั้งสติ แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อจ้องมองไปยังเบื้องหน้า

     อะไรของเธออีก....แต่จะอะไรก็ตาม ห้ามขับรถพรวดพรวดแบบนั้นอีก

    เทียนสี ..เธอไม่รู้สึกหรือไง กระซิบเสียงลั่น

    อะไรของเธออีก

    ดูรอบๆนอกรถสิ

    สาวลูกครึ่งมองออกไปนอกรถ ตอนแรกความรู้สึกช้า เลยไม่เข้าใจว่าเพื่อนหมายถึงอะไร แต่อึดใจต่อมาก็ปากตาค้างไปอีกคน

    ช้างนอกไม่มีวี่แววของพายุฝนเลยแม้แต่น้อย

    ตอนนี้รถจอดอยู่ริมถนนอันกระจ่างสว่างไปด้วยแสงแดดในยามเที่ยงวันอันสดใสและท้องฟ้าสีคราม สองฝากผั่งถนนเต็มไปด้วยความเขียวขจีของตันไม้ ถนนทอดตัวยาวเหยียดไปในความร่มรื่นของพรรณไม้ใหญ่น้อยมากมายรายรอบ

    นี่มันบ้าอะไรกัน..

    เทียนสีครางแผ่วโหย   นางแบบสาวฝืนยิ้มพลางบอกว่า

    ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันบ้าอะไรกัน แต่เราต้องไปต่อกันแล้ว

    เทียนสีมองนาฬิกา มองท้องฟ้าอย่างไม่เข้าใจ เมื่อครู่ยังอยู่ท่ามกลางค่ำคืนแห่งพายุฝนบ้าคลั่ง อยู่ดีๆก็หลุดออกมาอยู่ในบริเวณกลางวันแดดจ้าสว่างไสว แบบนี้มันยิ่งกว่าอยู่ในฝันร้าย

    แล้วที่ว่าไปไหน คือจะไปไหน

    สาวลูกครึ่งถามอย่างไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกัน ความรู้สึกของเธอตอนนี้ทั้งงุนงง ทั้งสงสัยแกมหวาดกลัว ปนเปกันไปหมด ในชีวิตไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แปลกประหลาดพิสดารแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

    ก็ไปข้างหน้า

    โชเฟอร์สาวหุ่นดีตอบแบบไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกัน รู้แต่ว่าต้องไปต่อไป

     

    ทำไมต้องไปข้างหน้าเทียนสีถามอีก

    ก็แล้วทำไมจะต้องไปข้างหลัง

    แล้วทำไมจะไปข้างหลังไม่ได้

    ก็แล้วทำไมต้องไปข้างหน้าไม่ได้

    นี่ๆๆๆ... เสียงพูดแบบคนง่วงนอนของอรุสาดังขัดขึ้นมา

    พวกเธอจะไปข้างหน้าข้างหลังหรือจะไปข้างๆ ก็ไปเถอะ ฉันอยากนอนพักเตียงนุ่มๆแอร์เย็นๆ อาบน้ำอาบท่าแล้วนอนให้สบายสักคืน เอ้ะ..หรือว่าสักวัน น้ำเสียงของอรุสา มีแววแปลกใจ เมื่อยกมือขยี้ตาพลางมองออกไปข้างนอกรถ แล้วเห็นแสงแดดจ้า

    นี่พวกเราขับมานานจนถึงเวลากลางวันแล้วเหรอสงสัยหลับนานไปหน่อย ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย  แต่ยังไม่หายง่วงเลย นอนต่อล่ะนะ

    ว่าพลางล้มตัวลงนอนกอดตู๊กตาหมีสีขาวต่อไปไม่สนใจโลกภายนอก ทั้งเทียนสีและนางแบบย้อนยุคมองหน้ากันแล้วส่ายหัวอย่างเอือมระอากับคนหลังรถทั้งสอง

     

    สองคนนั่นดูท่าไม่สนโลกจริงๆ ยัย NU  นี่ก็อีกคน นอนหลับไม่ยอมตื่นขึ้นมาจนมาถึงตอนนี้ เชื่อเขาเลย

    ทันใดนั้นเองเสียงห้วนๆของสาวนูก็ดังขึ้นแทรกขึ้นมาว่า

    พวกเธอสองคนอย่ามานินทาฉันนะ ฉันหลับของฉันอยู่ดีๆ แล้วทำไมต้องมานินทากันด้วย

    อ้าว ยัยนู ตื่นมาตอนไหน เทียนสีถามอย่างแปลกใจพลางหันไปดูสาวนู แต่แล้วก็ทำหน้างงหนักเข้าไปอีก เพราะแม่สาวจอมนอนสยบโลก ยังนอนหลับตาสนิท ท่าทางไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลยสักนิด

    ฉันละเมอ....เสียงดังออกมาจากปากคนนอนหลับ

    คนละเมอรู้ตัวว่าตัวเองละเมอด้วยเหรอ บ้าชัดๆสาวผู้แพ้ความเร็วโวยวาย

    ไม่รู้ล่ะ บ้าก็บ้า แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังละเมอ

    อ่า....ตอนนี้เธออยู่ในความฝันใช่ไหม ยัยหนู

    เทียนสีถามแบบหยั่งเชิง

    ใช่...ฉันกำลังฝัน

    ฝันว่าอะไร

    ฝันว่ากำลังหลับอยู่หลังรถของยัยนางแบบ แล้วฉันก็หลับละเมอคุยกับพวกเธออยู่

    อ่า..ฝันแม่นขนาดนี้ งั้นบอกหน่อยว่าหวยงวดนี้ออกอะไร

    สาวนูละเมอยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางตอบว่า

    รางวัลที่ออก ประจำวันที่ 1 กันยายน ข้างบน 56 ข้างล่าง 11 รับรองถูก

    สาวเทียนฟังแล้วยิ้มแค่นๆ เพราะเหตุการณ์ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคมเท่านั้น แล้วยัยนูจะละเมอรู้อนาคตได้แม่นขนาดนั้นเลยทีเดียวเชียว จ้างให้ก็ไม่เชื่อ

    แล้วเมื่อไรเธอจะละเมอตื่นเสียดี

    คงอีกหลายตอนล่ะเธอ

    นางแบบสาวหลงยุคฟังแล้วปวดจิต รีบตัดบทด้วยกันขับรถออกไปทันที  ก่อนประสาทจะเสียหายไปมากกว่านี้

     

    -----------

    แพรวดาวหอบผ้าปูที่นอนกลับมาโรงแรม เดินเข้าทางด้านหลัง กะว่าจะตรงไปยังห้องซักผ้าเพื่อเอาผ้าปูที่นอนไปซักเพราะว่ามันเลอะเทอะสกปรก และถ้าปลายเดือน หัวหน้าแม่บ้านมาเห็นเข้าคงต้องกรีดกันลั่นโลก เพราะปลายเดือนเป็นคนรักความสะอาดยิ่งชีพ

     

    กรี๊ดๆๆๆ.....................

     

    เสียงกรี๊ดดังลั่นโลกจริงๆ แม่สาวปลายเดือนบังเอิญเดินสวนออกมาจากประตูห้องซักผ้ารีดผ้าพอดี เธอเห็นผ้าปูที่นอนสกปรกในระยะประชิดห่างออกไปไม่กี่เมตรเท่านั้น สีหน้าท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความสยดสยองสะพรึงกลัวจนตัวลั่น

    แพรวดาว เธอเอาของสกปรกเข้ามาทำไม เธอจะทำให้ทุกคนในโลกนี้เป็นโรคระบาดตายกันทั้งโลกเลยหรือไง เอาออกไปไกลๆ เผาทำลายอย่าให้เหลือซาก เสร็จแล้วราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสามรอบ เธอไปอาบน้ำผสมยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยสามชั่วโมง เสร็จแล้วมารายงานตัวกับฉัน

    แต่...

    นี่เธอยังจะมาเถียงอีกหรือไง พูดแค่นี้ยังจะมาเถียง เถียงคำไม่ตกฟากเลยนะเธอ ฉันพูดแค่นิดเดียว ทำไมเธอต้องมาเถียงฉันมากมายขนาดนี้ นึกว่าฉันจะมีเวลามาฟังเธอเถียงทั้งวันเลยหรือไง  ฉันไม่ว่างมากขนาดนั้นหรอกนะ มาถึยงฉอดๆๆอยู่ได้ไม่เหนื่อยหรือไง นึกว่าฉันไม่มีปากเหรอ อยากถูกไล่ออกเพราะข้อหาพูดมากหรือไง เข้าใจที่ฉันพูดไหม

    ค่ะ

    ดีแล้ว..

    หัวหน้าแม่บ้านจอมเฮี๊ยบยิ้มมุมปาก   

    และจำไว้ ต่อไปอย่ามาพูดมาก ต่อล้อต่อเถียงแบบคอเป็นเอ็นแบบนี้ แขกไปใครมาเขาจะตกใจ ว่าทำไมพนักงานของเราไม่มีมารยาท ทั้งสกปรกทั้งชอบเถียง เอาไหม ยาแก้เจ็บคอ ฉันมีนะ...ถ้าเธอจะพูดมากกับฉันมากมายขนาดนี้.... ไปจัดการให้เรียบร้อยตามที่ฉันสั่ง

    แพรวดาวถอยออกมาจากห้องซักผ้า ก่อนปลายเดือนจะเป็นลมเพราะเธอเป็นโรคแพ้ความสกปรกประดับสูง ในใจนึกเสียดายผ้าปูที่นอนเพราะความจริงมันก็ไม่ได้สกปรกเลอะเทอะอะไรมากมาย เอามาเข้าเครื่องซักผ้าหน่อย ขี้คร้านจะขาวใหม่สะอาดเอี่ยมออกมาจากเครื่องซัก

    แต่ตำสั่งของหัวหน้าแม่บ้านเป็นสิ่งมิอาจปฏิเสธได้

    พื้นดินซึ่งง่ายต่อการขุดฝั่งกลบก็คงจะหนีไม่พ้นบริเวณพื้นดินในสุสาน นี่เราจะต้องกลับไปยังสุสานอันน่ากลัวอีกแล้วหรือ แพรวดาวคิดอย่างอ่อนใจ ขณะเดินหาจอบจากพวกพนักงานคนทำสวนจนได้แล้วเดินแบกจอบราวกับเป็นช่าวสวนจอมขยันกำลังมุ่งหน้าสู่เทือกสวนไร่นา

    อากาศตอนกลางวันค่อนข้างร้อนจัด แพรวดาวเหงื่อเริ่มไหลขณะเหวี่ยงจอบขุดหลุมบนพื้นดินบริเวณทางเข้าสุสาน

    พี่ๆๆขุดหลุมจะฝั่งใครหรือคะพี่

    เสียงดังๆของใครบางคนอยู่ก้านหลังทำให้หญิงสาวหันไปมอง เจ้าของเสียงเป็นคนซึ่งคุ้นหน้าตากันเป็นอย่างดี   นั่นเป็นหญิงสาวผู้เลยช่วงเลยความเป็นเด็กสาวมาได้ไม่กี่ปี จันทร์พันฝัน สาวน้อยคนดูแลลานจอดรถของโรงแรมนั่นเอง  เธออยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบง่ายๆและดูคล่องแคล่วปราดเปรียว  แต่กลับมานั่งอยู่บนป้ายจารึกหลุมศพใกล้ๆ ตอนไหนก็ไม่รู้

    แพรวดาวเห็นจันทร์พันฝันบ่อยแต่ไม่ค่อยมีโอกาศเสวนากันมากนัก เพราะมัวแต่ซักผ้า

    อ้าว...... หญิงสาวหันไปทักทายสั้นๆ และรอยยิ้ม ไม่กล้าพูดมากเพราะยังขวัญหนีกับการอบรมของปลายเดือนอยู่

    สาวจันทร์ยิ้ม กระโดดลงจาป้ายหลุมฝังศพและเดินตรงมาใกล้พลางมองดูหลุมอย่างสนอกสนใจก่อนหันมาถามว่า

    สงสัยโดนแม่บ้านปลายเดือนเล่นงานอีกแล้วใช่ไหมคะ

    ใช่..แต่เธอรู้ได้ไง

    ก็เห็นคุยพี่กับปลายเดือนคุยกันอยู่ เดาว่าคงถูกเทศนาอยู่แน่ๆ

    เดาได้เก่งนี่

    แพราวดาววางจอบลง ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ หันไปมองจันทร์พอฝัน แกล้งถามว่า

    แล้วจะช่วยไหมนี่

    ก็ถึงตามมานี่ไง

    ตอบพลางสาวเฝ้าลานจอดรถมืออาชีพก็คว้าจอบขึ้นมา ยกมือทำสัญญาณให้มือซักผ้าอาชีพถอยออกไป แล้วเริ่มต้นขุดหลุมต่อไปอย่างทะมัดทะแมง อีกฝ่ายมองอย่างพอใจกับน้ำใจของสาวจันทร์ ถึงจะเป็นสาวลานจอดรถก็ตาม ถึงจะไม่ได้แต่งตัวสวยๆเหมือนสาวลานเบียร์ก็ตาม ขอให้น้ำใจดีก็ใช้ได้

    เป็นไง งานหนักไหม

    แพรวดาวชวนคุย

    ที่จริงก็ไม่เท่าไหรค่ะพี่ รถจอดเยอะแยะก็จริง แต่ดูเหมือนรถพวกนั้นจอดยู่นานแล้ว แทบไม่มีคันไหนเคลื่อนย้ายออกไปเลย

    คำพูดของจันทร์พอฝันทำให้หญิงสาวคิดอะไรบางอย่างได้ หลังจากหมกมุ่นอยู่กับเครื่องซักผ้ามานานจนแทบจะไม่ได้คิดเรื่องอื่น มันก็น่าแปลก บริเวณลานจอดรถมีรถจอดยู่หลายสิบคัน ราวกับมีคนมาพักมากมายในโรงแรม แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าโรงแรมอันเงียบสงบเหลือเกินราวกับไร้แขกมาพัก วันๆเจอแต่เครื่องซักผ้าเท่านั้น

    แล้วอีกย่างก็น่าแลกอีกนะพี่ โรงแรมนี้มีสุสานอยู่ด้านหลัง ใกล้ๆแค่นี้เอง มันผิดธรรมชาติอยู่นะหนูว่า

    เลิกเรียกพี่ได้ไหม ฟังดูแล้วแก่พิลึก

    หญิงสาวบอกพลางหัวเราะพลางอย่างไม่ซีเรียสอะไรมากมาย เป็นแค่การคุยหยอกล้อกันเล่นเท่านั้น แต่อีกฝ่ายกลับบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

    โอ...ไม่ได้หรอกค่ะ หนูติดปาก เจอใครต่อใครก็จะเรียกพี่ตลอด ไม่รู้เป็นไง คุณหมอบอกว่าโรคนี้รักษายากด้วย ค่ะพี่

    กรรม.....แพรวดาวนึกขำในใจ คนแบบนี้ก็มีในโลก

    ขุดได้ที่แล้ว เอาผ้าปูที่นอนลงไปเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาแอลกอฮอล์กับยาฆ่าเชื้อมา

    แพรวดาวบอกแล้วหันหลังกลับเดินตรงมายังโรงแรมเพื่อหาอุปกรณ์สิ่งของจำเป็นในการทำลายผ้าเจ้าปัญหาผืนนั้น

    สาวแพรวดาวเดินจากไปแล้ว จันทร์พอฝันยังคงก้มหน้าก้มตาขุดต่อไปจนจอบกระทบกับวัตถุบางอย่างแข็งๆ คล้ายเป็นกล่องอะไรสักอย่าง ตอนแรกหนูจันทร์คิดว่าอาจเป็นชิ้นส่วนของโลงศพแต่พอสังเกตดูแล้วไม่ใช่

    มันเป็นกล่องโลหะสลักลวดลายแปลกๆเต็มไปหมด ความกว้างประมาณไม่เกินคืบ หนาประมาณสามนิ้วและมีความยาวประมาณหนึ่งฟุต

    ใครเอาอะไรมาฝั่งแถวนี้.....คิดอย่างแปลกใจ หยิบขึ้นมาวางบนพื้นดินอย่างระมัดระวัง อยากรู้ก็อยากรู้ อยากเห็นก็อยากเห็น กลัวก็กลัวว่าเปิดออกมาแล้วจะเจอคำสาบมรณะ สุดท้ายเลยวางไว้เฉยๆ เอาผ้าปูที่นอนเจ้าปัญหาม้วนแล้วโยนลงไปในหลุม แต่แล้วสาวจันทร์ก็ต้องตกใจสุดชีด

    ผ้าผืนนั้นแทนที่จะลงไปดีๆ มันกลับม้วนตัวดัวขวับแล้วไหลลื่นราวกับชีวิตแล้วพลิกพลิ้วลอยขึ้นไปในอากาศ เลื้อยหายไประหว่างป้ายหลุมฝังศพต่อหน้าต่อตาราวกับเป็นมายาภาพ

    พี่ๆๆๆ กลับมาหาหนูก่อน....

    สาวจันทร์ร้องเสียงหลง โบกไม้โบกมือเหมือนกำลังจัดรถราให้จอดถูกที่ถูกทาง

    อะไรมันจะเฮี้ยนขนาดนี้ แต่เฮี้ยนแบบนี้เราแย่ จะบอกพี่แพรวดาวว่าอย่างไรดี บอกว่าพี่ผ้าปูที่นอนเลื้อยหนีไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้พี่คนไหนใครเขาคงเชื่อหรอก

    เหตุการณ์ทั้งหมดตกยู่ภายใต้สายตาของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งใช้กล้องส่องทางไกลดูเหตุการณ์ตลอดเวลา จากชั้นที่ห้าซึ่งเป็นห้องพักชั้นบนสุดด้านหลังของโรงแรม เธอเป็นหญิงสาวสูงโปร่งผิวขาวหมวยสวยเก๋ เจ้าของหนังสือแนวเขย่าขวัญลึกลับหลายเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่ารูปร่างน่าตาอย่างเธอจะเป็นเจ้าของนิยายแนวสั่นประสาท น่าจะเหมาะกับงานแนวพีเรียดย้อนยุคมากกว่า หรือไม่ก็แนวรักหวานแหววแจ๋วใส

    มน ต้นไม้ นักเขียนสาวผู้แอบทิ้งครอบครัว หนีมาหลบมุมเขียนนิยายตามลำพัง ป่านนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าคนในครอบครัวพากันตามหาเธอให้ทั่วไป ทั้งในห้องน้ำ ห้องนอน ห้องนั่ง  ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์  ในลิ้นชัก ในตู้เสื้อผ้า ในตู้เซฟ แต่ทุกคนก็ล้วนผิดหวัง ราวกับว่ามนต้นไม้หายไปจากโลกนี้แล้ว

    ความจริงเธอไม่ได้ตั้งใจดูความเคลื่อนไหวของสาวแพรวดาว ในช่วงแห่งจินตนาการกำลังมืดดำเขียนนิยายไม่ออก หญิงสาวใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูท้องฟ้าพื้นดินไปเรื่อยๆ หาแรงบันดาลใจมาเขียนหนังสือ

    ภาพหญิงสาวแบกจอบเดินไปยังสุสานกลางเปลวแดดเป็นภาพชวนให้เกิดแรงบรรดาลใจนิยายแห่งฆาตกรรมเร้นลับ เธอเลยจับตามองอย่างสนใจ

    มนต้นไม้พยายามจดจำใบหน้าท่าทางของคนทั้งสองเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลตัวละครทางเขียนเขียน

    แต่เธอก็สังเกตเห็นความผิดปกติอย่างหนึ่ง นอกจากสองคนผู้กำลังขุดหลุมจัดการเผาห่อผ้าปริศนา เธอยังสังเกตเห็นมีเงาดำชนิดหนึ่งเคลื่อนไหวหลบๆซ่อนๆ อยู่รอบๆ คนทั้งสองราวกับกำลังสังเกตความเป็นไปของสาวแพรวดาวอยู่อย่างเงียบๆ  แต่ดูแล้วก็ยังไม่มีทีท่าคุกคามทำอันตรายคนทั้งคู่แต่อย่างไร

    แต่จังหวะผ้าเลื้อยหนี สาวหมวยมองไม่ถนัดนักเพราะมัวแต่สนใจเงาประหลาด เลยทำให้พลาดภาพสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ มนต้นไม้วางกล้องส่องทางไหลลง เดินไปยังประตูห้องแต่ยังไม่ยอมเปิดง่ายๆ ตามสัญชาตญาณระแวดระวังภัยก่อนมองสังเกตผ่านทางเลนส์สังเกตการณ์ตรงประตู ดูภาพของคนอยู่นอกห้อง

    สาวหัวหน้าแม่บ้านคนงามแต่นิสัยเฉียบขาดรักความสะอาดแบบเหลือแสน ปลายเดือน กันยา นั่นเอง ใบหน้าของเธอสงบเงียบเรียบเฉยแต่แฝงแววจริงจังตลอดเวลา

    มนต้นไม้ไม่อยากเปิดประตูออกไปพูดคุยกับใครในตอนนี้ สมองกำลังทำงานอยากเขียนหนังสือมากกว่า จึงกดปุ่มส่งเสียงผ่านเครื่องขยายเสียงออกไปยังลำโพงซึ่งติดอยู่ด้านบนของประตูด้านนอกห้อง

    มีธุระอะไรคะ

    คุณมนต้นไม้ใช่ไหมคะ

    เสียงของหัวหน้าแม่บ้านปลายเดือนย้อนถามกลับมาผ่านทางลำโพงโต้ตอบเหนือกรอบประตูด้านในห้องเช่นกัน

    ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ

    คุณมนต้นไม้ คุณโชคดีเป็นหนึ่งในหลายคนซึ่งได้รับโปรโมชั่นพิเศษของทางโรงแรม ให้กินอาหารเย็นฟรีมื้อเย็น ที่ห้องอาหารของโรงแรม เวลา 17.30 นาฬิกา งานเริ่ม หวังว่าคุณคงไม่ปฏิเสธนะคะ

    ไม่พลาดอยู่แล้วค่ะ

    นักเขียนสาวยิ้มแป้นทันทีเมื่อได้ข่าวดีว่าจะมีรายการกินฟรี และหันไปมองนาฒิกาแขวนข้างผนังอย่างไม่ตั้งใจ มันชี้บอกเวลาเที่ยงวันพอดี และเข็มของมันนิ่งสนิทเหมือนค้างคาบอกเวลาเที่ยงวันอยู่อย่างนั้นมานานแล้ว

    ว่าแต่เป็นงานอะไรคะ

    ขออภัย ทางเราต้องการปิดเป็นความลับ บอกคุณมนไม่ได้ค่ะ

    แล้วเราจะไปตรงเวลาไหมนี่....หญิงสาวคิดอย่างเซ็งจิต นาฬิกาข้อมือก็ตายสนิทเหมือนกัน แถมชี้บอกเวลาเที่ยงวันเหมือนกันราวกับเป็นความบังเอิญอันน่าขนลุก

    เจอกันตอนเย็นค่ะ คุณมน

    เสียงขรึมๆออกเย็นชาจริงจังของปลายเดือนย้ำมาอีกครั้ง ก่อนเดินไปหายลับไปจากมุมมองของเลนส์ตาปลาตาแมว

    อยู่ดีไม่ว่าดี...หญิงสาวคิดยิ้มกริ่มในใจ  ทะลึ่งมาให้เรากินฟรี...ขณะหันเข้าหาโน๊ตบุ๊ดตัวโปรดอีกครั้ง การได้กินฟรีเป็นแรงจูงใจในการเขียนนิยายได้เช่นกันโดยไม่ได้สังหรณ์ใจแม้แต่น้อยว่าค่ำคืนนี้ต้องไม่ผ่านไปอย่างสงบเงียบเรียบร้อยแน่นอน

     

    +++++

     

    นี่ๆๆ ยัยสา

    เสียงของนางแบบสาวลั่นมาจากด้านคนขับ

    หยิบน้ำให้สักขวดที ขับรถจนคอแห้งแล้ว

    น้ำอาราย.....

    เสียงของอรุสายังคงฟังแล้วเหมือนคนงัวเงียไม่สร่าง

    แล้วมีน้ำอะไรติดรถมาบ้างล่ะยะที่รัก

    มีน้ำเปล่า..และก็..

    เสียงค้นกุกกักอยู่ครูหนึ่ง แล้วอรุสาก็ยื่นมาบอกอย่างผู้ชนะว่า

    และมีน้ำหวานอยู่ขวดหนึ่ง

    ไชโย...........

    ทั้งนางแบบหลุดโลก สาวเทียนสี ร้องพร้อมกันอย่างดีใจ กระทั่งสาวนูก็ยังละเมอร้องไยโยออกมาเช่นกัน

    ก็แค่น้ำ พวกเธอเป็นอะไร ทำท่าดีใจแทบตาย

    อรุสายังคงยื่นหน้ามาถามอย่างสงสัย เพราะน้ำหวานขวดเดียวไม่น่าจะพากันดีใจผิดปกติขนาดนี้

    ไหนๆๆลองชิมสิ

    สาวลูกครึ่งผู้แพ้ความเร็วดึงขวดน้ำหวานมาจากมือของอรุสา ยกขึ้นดื่ม แล้วทำหน้าตาซาบซึ้งปลาบปลึ้มจนสุดบรรยาย น้ำตาคลอ ขณะรำพึงออกมาแผ่วเบา

    รสหวาน....หวานดีจริงๆ

    นางแบบสาวโชเฟอร์หันมาดึงขวดน้ำหวานไปยกขึ้นดื่มบ้าง แล้วก็ยิ้มจนตาปรือ ยิ้มหวาน และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแสนหวานว่า

    หวาน....หวานมาก..หวานชื่นใจ อยากกินตับหวาน  หวานจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก สาวนูละเมอแบบหวาน ๆ ยื่นมือออกมาคว้าขวดน้ำหวานไปดื่มบ้างแล้วก็ยังหลับตา ละเมอยิ้มอย่างแสนหวานเช่นกัน น้ำเสียงละเมอก็แสนหวานปานกินน้ำตาลมาทั้งโลกว่า

    โอ...หวานจนทนไม่ไหวแล้ว โอย หวานจนถึงกึ๋น ถึงเซ่งจี้ เบาหวานจะกินแล้ววว

    อรุสามองหน้าคนโน้นที คนนั้นที แล้วเอ่ยถามขึ้นมาแบบคนงงจัด

    นี่พวกเธอเป็นอะไรไป อะไรมันจะหวานมากหวานมายขนาดนี้

    แต่แล้วสาวสาก็ทำหน้าตกใจ เพราะฟังชัดเลยว่าเสียงพูดของตัวเองก็หวานหยาดเยิ้มเช่นกัน ทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มน้ำหวานเลยสักนิด หรือว่าจะเป็นเพราะโรคหวานระบาดไปทั่วคันรถแล้ว

     

    อดทนเอาไว้ ...

     

    นางแบบสาวหลงยุคกัดฟันอย่างแสนหวาน

     

    ไม่มีอะไร อยากให้เรื่องมันออกแนวหวานบ้าง พวกเราเลยหวานกันเป็นกันอย่างนี้ไม่เป็นไร โน่น ไชโย...ฉันว่าฉันเห็นคล้ายๆโรงแรมนะ

    ทุกคนพากันหันตาหวานไปมองทันที

    ใช่แล้ว.....เป็นโรงแรมตั้งคระหง่านอยู่ท่ามกลางความเขียวขจีของแมกไม้เด่นเป็นสง่าดูแล้วทั้งน่ากลัวและคงความงามแบบคลาสสิกในเวลาเดียวกัน  ป้ายหน้าโรงแรมเป็นสีทองเปล่งประกายแวววาวเขียนบอกชื่อโรงแรมชัดเจน

     

    PSYCHO HOTEL


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×