ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AU Khr }} Cronokinesis :: Locked Time

    ลำดับตอนที่ #3 : Introduction : Dance of the witch

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 56




    Introduction

    Dance of the witch

     

    ห้าร้อยกว่าปีก่อน

    เสียงของป่าที่ถูกแหวกออกและเสียงตะโกนโวยวายของผู้คนนับสิบดังลั่นน่าหนวกหูจนสามารถปลุกให้หญิงสาวที่หลับสนิทจนถึงเมื่อครู่ตื่นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

    ดวงตาคู่สวยตวัดออกไปมองนอกหน้าต่าง สิ่งแรกที่มองเห็นคือกลุ่มคนนับสิบที่กำลังถือคบไฟเดินตรงมายังบ้านของเธอพร้อมกับตะโกนด่าทอด้วยคำหยาบคายต่างๆนาๆ และที่จับใจความได้ชัดเจนที่สุดคือคำว่า แม่มดแค่คำๆนี้เธอก็พอจะสรุปได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

    เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมากว่าสิบครั้งได้ ด้วยสาเหตุเดิมๆ และเหตุผลเดิมๆที่หญิงสาวคิดว่ามันไร้สาระสิ้นดีหากแต่กลุ่มคนเหล่านั้นกลับยึดติดกับมันราวกับจะเป็นจะตาย

    ก็เพราะพวกนั้นคิดว่าเธอเป็นแม่มด

    แม่มดคือคนที่จะทำเรื่องร้ายๆอย่างการทำให้ผู้หญิงแท้งลูก พืชพันธุ์ไม่โต ไปจนถึงการฆ่าคน ดังนั้น เมื่อเกิดเรื่องอะไรร้ายๆขึ้นในเมือง ผู้คนจึงโทษแม่มดไว้ก่อน มันเป็นสัจธรรมของมนุษย์ผู้ไร้ที่พึ่ง

    และคำว่า แม่มดทำให้เธอถูกยัดข้อหาต่างๆนาๆมากมายจนเธอชักจะระอา

    วันนี้เอาเรื่องอะไรมาให้อีกละ?

    มิเชลี มัวเร่ เอโฟรไดท์หรือ แม่มดในคำกล่าวหาคิดอยู่ในใจด้วยอารมณ์ที่แกมหงุดหงิดเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำเงินคู่งามหรี่ลงเพราะอารมณ์ที่ขุ่นมัว เสียงตะโกนคำด่าหยาบคายดังใกล้เข้ามาทุกที จนกระทั่งมันหยุดลงที่หน้าบ้านของเธอ แสงจากคบไฟทำให้บริเวณโดยรอบนั้นสว่างวาบ ไม่ช้า คนเหล่านั้นก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้งด้วยถ้อยคำที่รุนแรงกว่าเดิม แน่นอนว่าจงใจส่งมาให้ถึงเธอ

    ออกมาซะ!!! นังผีดิบ!!!!”

    คิดว่าทำเรื่องชั่วๆแล้วจะลอยนวลได้งั้นเหรอ!!?”

    นังแพศยา!!!! ออกมาเดี๋ยวนี้!!!!!!”

    อีแม่มด!!!!!!!”

    เสียงหลายเสียงแย่งกันตะโกนจนจับใจความแทบไม่ได้ นั่นทำให้มิเชลีถอนหายใจอย่างแรงด้วยความอารมณ์เสียก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง สองขาพาร่างบางเดินไปยังหน้าประตูบ้านที่มีเสียงน่ารำคาญดังผ่านมาเป็นระยะๆ เธอเสยผมสีทองของตัวเองไปด้านข้างอย่างลวกๆ ก่อนจะเปิดประตู

    มีอะไร?”

    ทันทีที่ปรากฏร่างของหญิงสาวที่ถูกกล่าวหา ชาวบ้านที่ตะโกนเมื่อครู่ถึงกับเงียบกริบ ผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่มีใครปริปากออกมา ดวงตาสีอความารีนหรี่ลงพลางมองปราดไปเบื้องหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยเสียงขรึม

    ถ้าไม่มีอะไรแล้วจะมาถึงนี่ทำบ้าอะไร?”

    ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนพูดจาหาเรื่อง แต่เป็นเพราะตอนนี้เธอกำลังหงุดหงิดและรำคาญทำให้พูดอะไรแบบนั้นออกไป น้ำเสียงนิ่งเรียบไม่กลัวอะไรของเธอทำให้ชาวบ้านหลายคนถึงกับผงะ คำขนานนามน่ากลัวๆไปจนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นี้แล่นเข้ามาในสมอง ตามมาด้วยความคิดที่ว่าเธออาจทำร้ายพวกเขาด้วยเวทมนต์ที่เธอมีก็ได้ แม่มดน่ะทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว!!

    ม มันก็ต้องมีอยู่แล้ว!!!!” ชาวบ้านที่ตั้งสติได้ตะโกนขึ้น เอาละ นังแม่มด ยอมสารภาพมาซะดีๆว่าเจ้าฆ่าลูกสาวของท่านปิแอร์!!!”

    ใช่!!!!! ใช่!!!!!!”

     เมื่อมีคนเริ่ม ชาวบ้านคนอื่นก็เริ่มใจกล้า ท่าทางไร้มารยาทเมื่อครู่นี้ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง ไม่ช้า คำกล่าวหาต่างๆนานๆก็ถูกสาดใส่มิเชลีราวกับตอไม้ที่ถูกสาดน้ำใส่

    เจ้าทำให้ข้าต้องแท้งลูก!!!!”

    เจ้าฆ่าลูกชายข้า!!!!”

    ใช่!!! แล้วเจ้าก็ทำให้เมียข้าป่วยจนตายด้วย!!!!”

    ลูกสาวข้าที่หายไปโดนเจ้าเอาไปฆ่าแล้วใช่มั้ย!!! นังปีศาจ!!!”

    แล้วคดีฆาตกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมืองน่ะ ฝีมือเจ้าสินะ!!!!!”

    แล้วคำกล่าวหาก็ถูกพ่นออกมาเป็นสิบ ป่าที่เคยเงียบสงบอื้ออึงไปด้วยเสียงที่ดังลั่นของเหล่าผู้บุกรุก มิเชลียืนมองกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน

    “…ข้าไม่เห็นรู้เรื่องอะไรพวกนั้นสักนิด

    นั่นเป็นดั่งการราดน้ำมันบนกองเพลิง เหล่าชาวบ้านตะโกนใส่เธออีกครั้ง ดวงตาหลายคู่วาวโรจน์ด้วยความโกรธที่ราวกับต้องการฉีกหญิงสาวตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ

    โกหก!!!!!”

    มันเกิดขึ้นเพราะเป็นฝีมือแม่มด!!! และแม่มดก็คือเจ้าไม่ใช่รึไง!!!!!?”

    ฆ่าคนงั้นเหรอ?”

    มิเชลีพ่นลมหายใจสั้นๆ เธอพอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าทำไมพวกนั้นถึงคิดว่าเธอเป็นแม่มดเพราะเธอไม่แก่และไม่ตายนั่นเอง

    เธอไม่แก่และไม่ตายก็จริงอยู่ แต่ไม่ได้เป็นเพราะเวทย์มนต์อะไรดั่งที่ถูกกล่าวหา มันเป็นเพราะความสามารถที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิดต่างหาก

    มิเชลี มัวเร่ เอโฟรไดท์เธอเกิดมาพร้อมกับพลังในการควบคุมกาลเวลาทุกรูปแบบ ทั้งการย้อนเวลาการเดินทางผ่านไปมาในโลกคู่ขนานต่างๆ และการลบเวลา ด้วยความสามารถนี้เอง ที่ทำให้เธอสามารถลบเวลาที่เธอแก่และตายออกไปได้ ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพกึ่งอมตะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกว่ากี่สิบปี เธอก็ไม่แก่ลง และเป็นบ่อเกิดของคำกล่าวหานั่นเอง

    เธอก็ไม่รู้ว่าพลังนี้มันมาได้ยังไง แต่มันไม่ใช่เวทย์มนต์แน่นอน เธอสาบานได้

    เสียงของชาวบ้านยังคงดังเสียดหูไปเรื่อยๆ ทำให้หญิงสาวเผลอหัวเราะเสียงต่ำด้วยความขบขันในเนื้อความที่ถูกกล่าวออกมา เธอเค่นยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะตัดสินใจตัดบทสนทนาที่น่ารำคาญนี่ลงเสียที

    ข้าขอยืนยันคำเดิม ข้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวก้องอะไรกับเรื่องพวกนั้นแม้แต่น้อย…”

    หนอย!!! เลิกโกหกซะที!!!!”

    เพราะว่าถ้าเป็นฝีมือข้าจริงๆละก็…” ดวงตาสีน้ำเงินมีประกายบางอย่างวาบขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มแสยะที่มุมปาก รอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนถึงกับสะดุ้งเฮือก

     

    คิดว่าจะมีศพให้เห็นรึไง?”

    .

    .

    .

     

    เวลามันผ่านมาหลายร้อยปีแล้วแต่สำหรับเธอ มันก็แค่กาลเวลาที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

    เธอคือแม่มดผู้หญิงที่ไม่วันแก่และตายเจ้าของดวงตาเพชรโฮปที่ต้องสาป

    ใช่นี่คือตัวเธอ

    แต่บัดนี้ หญิงสาวผู้ถูกกล่าวขานเช่นนั้นกลับกำลังยืนอย่างโดดเดี่ยวหน้าหลุมศพหลุมหนึ่ง สุสานในขณะนี้เงียบเชียบ ใบหน้าสวยยังคงเรียบนิ่ง แต่ดวงตาสีน้ำเงินของเธอกลับทอประกายของความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน มือเรียวค่อยๆวางช่อกุหลาบสีแดงสดลงบนป้ายหลุมศพสีขาวสะอาดตรงหน้า สายลมพัดพาเส้นผมสีทองเป็นประกายของเธอให้พลิ้วไปตามแรงของมันอย่างช้าๆ

    คนที่นอนอยู่ข้างใต้นั้น คือคนที่เธอรักที่สุด

    ร่างบางค่อยๆคุกเข่าลง ก่อนจะใช้มือสัมผัสตัวอักษรที่ถูกสลักเป็นชื่อของ คนๆนั้นอย่างแผ่วเบา แม้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด แต่ความเศร้าของเธอนั้นมากกว่าที่น้ำตาจะสามารถระบายได้เสียอีก

    เขาตายไปต่อหน้าต่อตาเธอ

    ตายโดยที่เธอช่วยอะไรไม่ได้เลย

                มือเรียวลูบไล้ชื่อบนป้ายหินนั้นเบาๆ ดวงตาคู่สวยยังคงแสดงออกถึงความเจ็บปวดอย่างเหลือล้ำ ความเจ็บปวดที่แม่มดแห่งกาลเวลาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีมัน

                ผ่านไปสามวันแล้วนับจากวันที่เขาตาย แต่เหตุการณ์ทั้งหมดยังคงฉายชัดในความทรงจำของเธอราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้น ทั้งๆที่เธอเห็นการตายของผู้คนมามากมาย แต่ไม่มีความตายที่ทำให้เธอรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดได้ขนาดนี้มาก่อน

                รักมากก็ยิ่งเจ็บมากคำกล่าวนี้ไม่เกินจริงเลยสักนิด

                ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนี้อีกนายจะต้องไม่เป็นอะไร…”

                ไม่มีเสียงตอบจากความเงียบสงบ

    สัญญาด้วยพลังทั้งหมดของฉันเลย

    สายลมพัดมาอีกระลอก มันพัดผ่านร่างบางที่คุกเข่าอยู่ไปอย่างช้าๆ ราวกับต้องการเป็นสักขีพยานต่อคำสัญญาที่เกิดขึ้น หญิงสาวแย้มยิ้มเศร้า ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบา แต่ทว่าแน่วแน่

     

     

     

    ฉันรักนายนะจีรักที่สุดเลย…”

     

     

    Riposa,Riposa in pace

    หลับใหลเถิดขอจงหลับใหลอย่างสงบ

    Dolce amore,in pace

    ที่รักหลับให้สบายเถอะนะ

    --------------------------------

    โอ้ เยส!!!! (#อัลไล!!)

    เห็นมั้ยคะ!!! กอลลั่มแต่งดราม่าได้แล้ว!!!! อะไรนะ? มันยังดราม่าไม่พอ? ….อ่า กอลลั่มแต่งดราม่าสุดๆได้แค่นี้แหละค่ะ (?)
    ปล. นางเอกหล่อมั้ยคะ (#ผิด!)

    ท่านผู้ชมที่รัก คนที่กลัวว่าเรื่องนี้จะโศกเศร้าโศกาน้ำตาแตกขอจงดีใจไว้ กอลลั่มชอบใช้บทนำหลอกลวงประชาชนค่ะ!!!!!

     

     

     :) Shalunla   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×