คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่2/2 เหมือนดีแต่เหมือนเดิม
ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันต่อ เก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างอัญญิศาก็ถูกเลื่อนออกมาก่อนที่คนมาใหม่อย่างปราณต์จะนั่งลง นั่นสร้างความงุนงงให้กับอัญญิศาและบุรินทร์เป็นอย่างมาก
“พี่ปราณต์ มาได้ไงเนี่ย” เป็นบุรินทร์เสียงอย่างนั้นที่เอ่ยทักคนตรงหน้าก่อน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้อัญญิศาที่แอบตำหนิเขาในใจต้องเบิกตา
กว้างขึ้น ปราณต์กับบุรินทร์รู้จักกันงั้นเหรอ
“นี่เอื้อม เป็น…” ไม่ทันที่จะได้แนะนำอัญญิศาให้กับลูกพี่ลูกน้องได้รู้จัก แต่ปราณต์ก็แทรกขึ้นมาก่อน
“เป็นแฟนกู” ไม่ว่าเปล่าแต่ปราณต์ยังวาดวงแขนไปโอบไหล่เล็กเข้าหาตัว บุรินทร์ที่ได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นยิ่งทำให้อัญญิศาทำตัวไม่ถูก
“อ่า…โลกกลมจังเลย” บุรินทร์ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับคนทั้งคู่
“อะ…เอ่อ พี่บอยกับพี่ปราณต์รู้จักกันด้วยเหรอคะ” อัญญิศาแก้สถานการณ์ พร้อมกับขยับออกจากอ้อมแขนของปราณต์เพื่อที่จะได้กลับมานั่งได้อย่างปกติ
“พี่กับพี่ปราณต์เป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ พี่สั่งเพิ่มสิผมกับเอื้อมสั่งไปแล้ว” บุรินทร์ตอบคำถามน้องก่อนประโยคหลังจะหันไปพูดกับปราณต์พร้อมกับหยิบเมนูอาหารให้กับญาติผู้พี่
“พี่เอาเหมือนเดิมแล้วกัน” ปิดเมนูอาหารในมือแล้ววางมันลงก่อนจะหันไปบอกกับอัญญิศา ซึ่งอัญญิศาก็พยักหน้ารับและบอกเมนูอาหารกับพนักงานของร้าน
“คุณย่าสบายดีนะคะพี่บอย ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กรุงเทพก็ไม่มีโอกาสกลับไปเที่ยวหาเลย” ระหว่างรออาหารที่สั่งไปอัญญิศาก็เริ่มชวนบุรินทร์คุยอีกครั้ง เพื่อที่จะทำลายบรรยากาศอันแสนอึดอัดนี้ลง
“ยังแข็งแรงและขี้บ่นเหมือนเดิม ทุกวันนี้ยังถามถึงเอื้อมอยู่เลย”บุรินทร์ว่าพลางหัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องราวสมัยเด็กที่เขากับอัญญิศามักจะโดนคนเป็นย่าบ่นอยู่บ่อยครั้ง
“ฝากบอกท่านด้วยนะคะว่าเอื้อมจะหาว่าไปกลับไปเที่ยวหา แต่กลับไปอีกครั้งจะยังจำเอื้อมได้อยู่หรือเปล่านะ”
“นั่นสิ พี่เองก็เกือบจะจำเราไม่ได้” เสียงกระแอมของปราณต์ดังขึ้นทำให้ประโยคสนทนาของทั้งคู่หยุดลง
“แล้วนี่พี่ปราณต์กับเอื้อมคบกันนานหรือยัง ไม่เห็นจะพามาเปิดตัวหลานสะใภ้คนใหม่กับคุณย่าเลย” บุรินทร์หันไปถามญาติผู้พี่บ้าง แต่กลับทำให้รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าหวานเมื่อครู่ค่อย ๆ คลายลง
“สักพักแล้ว แล้วนี่ลงมาทำอะไรที่กรุงเทพ เหมยกับเด็ก ๆ ไม่มาด้วยเหรอ” ปราณต์เปลี่ยนเรื่องและไม่ลืมเอ่ยถามถึงน้องสะใภ้และหลานชายฝาแฝดจอมซน
“ผมมาประชุมเลยไม่ได้พาเด็ก ๆ มาด้วย” ปราณต์พยักหน้ารับกับคำตอบของญาติผู้น้อง พอดีกับที่พนักงานของร้านยกอาหารมาเสิร์ฟ บทสนทนาจึงจบลงเพียงเท่านั้น และเมื่อทานข้าวกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ ซึ่งแน่นอนว่าอัญญิศานั้นนั่งรถกลับพร้อมปราณต์ เพราะสาวเจ้าเลือกที่จะทิ้งรถของตนเองไว้ที่นี่และโกหกเขาว่านั่งแท็กซี่มา
“พี่เข้าไปคุยเรื่องของเรากับพ่อเอื้อมได้ไหม” อัญญิศาว่าขึ้นหลังจากที่กลับมาถึงห้องพักในเวลาบ่ายสามโมง หล่อนคิดและชั่งใจมาหลายวันแล้วว่าจะลองคุยกับปราณต์อีกรอบ เป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วที่ไม่ได้ติดต่อบิดาและเลือกจะหอบผ้าหอบผ่อนออกจากบ้านตามค่ำเอ่ยไล่ของคนเป็นพ่อในวันนั้น ตั้งแต่เล็กจนโตหล่อนถูกตีกรอบชีวิตมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือการใช้ชีวิตไม้เว้นแม้แต่การเลือกคู่ชีวิต วันนั้นท่านเลือกที่จะไล่หล่อนออกจากบ้านประกาศตัดความสัมพันธ์พ่อลูกต่อหน้าทุกคนในบ้าน เพียงเพราะว่าหล่อนไม่ยอมหมั้นกับคนที่ท่านเลือกให้
“ไม่เห็นแก่เอื้อมก็ถือว่าเห็นแก่ลูกของเราได้ไหม” ประโยคนั้นทำให้ปราณต์ที่กำลังปลดเน็กไทออกจากคอตั้งหันขวับมายังเจ้าของร่างบางที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“หมายความว่ายังไงเอื้อม”
ฝาก Ebook ใจไม่ลืมรัก ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น