ร้านขายความฝัน
ร้านขายความฝัน
ผู้เข้าชมรวม
127
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รู้ไหมครับการใช้ชีวิตอยู่ในความฝันนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเลยทีเดียว ผมจะเล่าเรื่องงราวส่วนหนึ่งในชีวิตผมให้ฟังละกันนะครับเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องไร้สาระสักนิดหนึ่ง แต่กระผมก็หวังว่าพวกคุณจะเพลิดเพลินไปกับมัน ผมขอเรียกมันว่า ‘นิทานระหว่างนอน’ ละกันนะครับ………
-เรื่องนี้เกิดขึ้น ตอนที่ผมอายุประมาณ17-18เห็นจะได้ ผมเกิดในครอบครัวแสนธรรมดาที่มีพ่อเป็นนักธุรกิจและมีแม่เป็นแม่บ้าน ผมอยู่โรงเรียนสหะฯ แห่งหนึ่งในตัวเมือง ชีวิตของผมดำเนินไปอย่างราบรื่น ตอนนั้นผมอยู่ม.5 ผมก็ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่น เที่ยว เล่นเกมส์ ไปเพิ่มแอลกอฮอลให้ร่างกายบ้างบางวัน และ อยู่กับแฟน.. ชีวิตของผมมีอยู่แค่นี้เหระครับ
จนกระทั่งวันหนึ่ง.. แฟนของผมได้มาขอเลิกกับผม ด้วยเหตุผลที่ว่า แฟนใหม่ของเธอนั้นร่ำรวยกว่าผมและเป็นคนมีความสามารถซะด้วย ไม่เหมือนกับผม ที่เที่ยวและเล่นไปวันๆ ผมพยายามรั้งเธอแบบสุดชีวิตแต่ว่าก็ไม่สำเร็จ การขาดเธอไปสำหรับผมมันเหมือนขาดส่วนหนึ่งในชีวิตที่เคยมีมาตลอด มันทำให้ผมรู้ศึกเคว้งคว้างมาก
ผมพยายามทำใจและบอกตัวเองอยู่ตลอดว่า เธอไปดีแล้ว(ไม่ได้หมายถึงตายนะครับ) แต่ใจจริงแล้วผมก็ยังทำใจไม่ได้เสียทีจนกระทั่ง... วันที่24 ธันวาคม วันคริสต์มาสอีฟ วันนั้นเป็นวันที่ผมรู้สึกว่าหิมะในปีนี้หนาวกว่าในทุกๆปี
ผมเดินเล่นในเมืองเพื่อหาอะไรมาทำให้ผมไม่ต้องไปคิดเรื่องแฟนเก่าของผมอีก รอบๆเมืองมีการจัดเตรียมงานฉลองวันคริสต์มาสกัน ข้างทางลายล้อมไปด้วยต้นสนและไฟประดับประดาอยู่เต็มเมืองไปหมด แต่สีสันต่างๆในเมืองนั้นก็ไม่สามารถทำให้จิตใจของผมแจ่มใจได้
เว้นเสียแต่สิ่งที่ผมเดินไปพบเข้าระหว่างทาง ผมพึ่งสังเกตุว่าตัวเองเดินมาในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน เส้นทางที่ลายล้อมไปด้วยต้นไม้ไร้ใบที่ถูกเกล็ดหิมะปกคลุมอยู่ แต่ในที่นั้นเอง ผมก็เหลือบไปเห็นร้านร้านหนึ่ง ซึ่งมองดูเผลินๆอาจจะเห็นว่าเป็นแค่ร้านตัดผมธรรมดาๆร้านหนึ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้ว่านี้ไม่ใช่ร้านตัดผมทั่วไปก็คือ ป้ายชื่อร้าน ‘ร้านขายความฝัน’ เป็นชื่อร้านที่ดึงดูดใจของผมมาก ใจหนึ่งผมมองมันว่าเป็นร้านตัดผมธรรมดาที่ตั้งชื่อให้โก้เก๋พอที่จะดึงดูดลูกค้าเท่านั้น แต่อีกใจหนึ่งของผมก็อยากเข้าร้านนี้เพื่ออยากซื้อความฝันซักอันเหมือนกัน(ผมคิดเล่นๆ)
ผมตัดสินใจ.... เดินเข้าไปในร้าน เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเมื่อผมเปิดประตูเขาไป “สวัสดีครับ ร้านขายความฝันยินดีต้อนรับ” เสียงทักทายที่เป็นมิตรของเจ้าของร้านนั้นพูดกับผม แต่เมื่อผมเข้ามาในร้านก็เป็นอย่างที่ผมคิดในนี้มีรูปร่างเหมือนร้านตัดผมทุกอย่างแต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือเจ้าของร้าน
เขาเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้า... นั้นสิเขาเดินมาหาผมด้วยใบหน้ายังไงนะ สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือ หมวกหัวกวางที่เขาสวมใส่นั้นเอง มันปกปิดใบหน้าของเขาไว้อย่างมิดชิดจนผมไม่สามารถแยกเพศหรืออายุได้เลย
เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ผมจึงถามในสิ่งที่ผมคาใจอยู่ “ทำไมช่างตัดผมถึงสวมหัวกวางละ แบบนี้ไม่ทำผมของลูกค้าแหว่งหรือไง” เขาผงะเล็กน้อยก่อนที่จะหัวเราะแบบเอามือปิดปากเหมือนกับว่าไม่อยากให้เสียงนี้ไปรบกวนใครอย่างนั้น
ผ่านไปซักพักเขาหยุดหัวเราะแล้วหันมาหาผม “สิ่งแรกที่คุณควรรู้คือที่ผมสวมหัวกวางเพราะว่านี่เป็นเทศกาลคริสต์มาส พูดถึงคริสต์มาสก็ต้องนึกถึงกวางใช่ไหมละ” จริงๆแล้ววันคริสต์มาสผมนึกถึงแซนต้ามากกว่านะ ผมคิดในใจ
เจ้าของร้านชูมือขึ้นมาทำนิ้วเป็นเลข2 “และสิ่งที่2ที่คุณควรรู้ก็คือ ที่นี่ไม่ใช่ร้านตัดผม แต่เป็นร้านขายความฝันต่างหาก”น้ำเสียงของเจ้าของร้านดูจริงจังมาก แต่นั้นกลับทำให้ผมหัวเราะแทน ผมหัวเราะได้ไม่ถึงแอะซะด้วยซ้ำ เจ้าของร้านก็เอานิ้วชี้ของเขาไว้ที่ปากแล้วก็บอกให้ผมเงียบ
ผมก็สงสัยมาตั้งแต่มะกี้แล้วว่าเค้าไม่อยากให้เสียงไปรบกวนใครหรือปล่าวผมจึงถามเขาไปตรงๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า“ตามผมมาสิครับคุณลูกค้า” จากนั้นเขาก็เดินไปยังประตูหลังร้านที่ซึ่งถูกม้านปิดเอาไว้ สิ่งที่ผมเห็นหลังจากที่เขาเปิดม่านทรงโตนั้นออกแล้วก็คือ เตียงจำนวนหนึ่งราวๆ5-6เตียง ซึ่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่ใหญ่มาก มีคนนอนอยู่บนเตียงนั้นจำนวนหนึ่ง
“นี่เป็นสิ่งที่ทำให้คุณไม่อยากให้ผมเสียงดังสินะ”ผมถามเจ้าของร้าน เขาพยักหน้าตอบรับ “แล้วคุณ ไม่คิดจะลองซักหน่อยเหรอครับ การซื้อความฝันนะครับ” เขาจ้องมาที่ผมแล้วทำมือไปทางอีกห้องหนึ่งที่อยู่ก่อนประตูที่ถูกม่านปิดไว้
ผมเดินตามเขาเข้าไปในห้องที่เหมือนกับห้องเก็บของขนาดเล็กและแคบ “คุณอยากได้ฝันแบบไหนละครับ” เจ้าของร้านหัวกวางหันมาถามผม “คุณมีฟันแบบไหนแนะนำผมบ้างละครับ”ผมถามเขาไปตรงๆ เขาเอามือลูกคางหัวกวางของเขาเหมือนกำลังนึกคิดอยู่
“ฝันก็มีหลายแบบนะครับและคนที่อยากฝันก็มีหลายประเภทซะด้วยสิ”เขาเริ่มอธิบาย “เอาเป็นว่าคนส่วนมากที่อยากจะฝันนั้นส่วนมากก็อยากจะฝันในเรื่องที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน เช่นการใช้ชีวิตอยู่ในเพศตรงขามกับเขา หรือว่าอยากฝันในเรื่องการแก้แค้น เรื่องกามอารมณ์ หรือสิ่งที่เขาอยากเป็นที่สุด” เขาเปิดลิ้นชักตู้หนึ่งออกแล้วคุ้ยหาอะไรบางอย่าง
“แต่ว่าความฝันยังไงก็เป็นความฝัน มันสามารถสร้างความสุขไว้ได้แค่ชั่วครู่เท่านั้น”เขาหยุดอธิบายหลังจากทำท่าเหมือนเจอของที่เขาหาในลิ้นชักนั้นแล้ว “แล้วคุณละอยากฝันแบบไหนเหรอครับ” เจ้าของร้านหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมกับยื่นกระดาษใบหนึ่งในมือเขาให้ผม
‘กฎการบริการขายความฝัน’ สิ่งนี้ถูกเขียนไว้ตรงหัวกระดาษเป็นตัวหนังสือที่ใหญ่และโดดเด่นที่สุดในม้วนกระดาษนี้ ผมหยิบมันจากมือเจ้าของร้านแล้วอ่านมัน.. ผมอ่านจนจบแล้วตีความได้ว่า ความฝันนี้เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ฝันนี้จะอยู่ได้แค่12ชั่วโมงเท่ากับเวลาหลับสูงสุดของมนุษย์เท่านั้นแล้วเราก็จะตื่นขึ้นมาเหมือนเดิม
เราสามารถเลือกความฝันของเราเองซึ่งเป็นฝันไหนก็ได้ตามที่เราปรารถนา ซึ่งการใช้บริการนั้นเราได้เก็บจากท่านไปแล้วทุกๆครั้งที่ท่านฝัน ผมยังงงๆประโยคนี้อยู่เล็กน้อยแต่นี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมาขัดขวางความฝันผมได้ เพราะผมยังไม่สามารถลืมเธอได้
“ถ้าเป็นฝันถึงคนที่เรารักละ” ผมพูดพร้อมยื่นกระดาษคืนให้เขา “โอ๋หมายถึงแบบ ม๊อตตามะกันสินะครับ”เขาทำมือข้างหนึ่งเป็นรูปOK และอีกข้างเป็นนิ้วชี้ เข้าๆออกๆมือที่เป็นรูป OK “แค่อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนก็พอแล้วเหระ”เมื่อผมพูดเสร็จเขาก็เลิกทำมือแบบนั้นแล้วเอามือไขว้หลัง
“คุณนี่อ่อนไหวกว่าที่ผมคิดอีกนะครับ” เขาพูดพลางเปิดลิ้นชักตู้ยาวชั้นบนสุดแล้วหยิบสิ่งที่เหมือนเข็มฉีดยาที่ทำจากเหล็กทั้งแท่งมาให้ผม ซึ่งมีน้ำข้างในหลอดเป็นน้ำสีชมพู “อันนี้สำหรับความรักในราตรีนี้”เขาพูดและบรรยายวิธีใช้ของมันให้ผมฟังแล้วพาผมไปยังห้องหลังม่านนั้นอีกครั้ง
“นี่เป็นงานหลักของคุณเหรอ ผมไม่เห็นมันจะได้อะไรตอบแทนเลยนิ” เขาส่ายหน้า “นี่เป็นแค่งานอดิเรกในช่วงวันหยุดเท่านั้นเหระครับ”เขาพูดและพาผมมาที่เตียงในห้องหลังม่านเตียงหนึ่ง “ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยละก็เรียกผมได้ที่หน้าร้านนะครับ”เขาเดินห่างออกไปจากเตียงที่ผมนอนอยู่แต่ก่อนที่จะพ้นประตูม่านนั้นเขาก็หันกลับมาหาผม
“อ่อ ราตรีสวัสดิ์นะครับ”แล้วเขาก็ปิดม่านนั้นลง ตอนนี้เหลือแต่ผม กับเข็มฉีกยา ถ้าไม่รวมหมู่ประชาชนเพื่อนมนุษย์ที่หลับอยู่รอบๆผมละก็นะ ผมยังทวนกลับมาถามตัวเองอีกทีว่าผมเชื่อเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไงเรื่องแบบนี้ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ถ้ามีก็คงดังกระจุยกระจายไปแล้ว
แต่ว่าผมก็มาไกลถึงขนาดนี้แล้ว ซักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั๊ง ผมแทงมันเข้าไปที่ท้ายทอยของผม ซักพักผมก็รู้สึกเหมือนมีของเหลวไหลเข้ามาทางท้ายทอยของผม ผมรู้สึกได้ทันทีว่ามันไหลเข้ามาในตัวผมหมดทั้งหลอดแล้ว ผมจึงดึงมันออกมาจากคอของผม
จู่ๆความรู้สึกง่วงๆก็เข้ามาครอบงำดวงตาของผม มันหนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆจนหนังตาของผมปิดสนิท ผมล้มตัวลงนอนกับเตียงทันที แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที...
“วันนี้เราจะไปกินข้าวที่ไหนกันดี”เสียงหวานๆที่อยู่ข้างๆหูผมนั้นเป็นเสียงที่คุ้นเคยและน่าคิดถึง ผมหันไปตามเสียงแล้วพบว่าแฟนเก่าของผมยืนควงแขนผมอยู่ ผมมองไปรอบๆแล้วก็พบว่าตอนนี้ผมอยู่ในโรงเรียนของผม
หอนาฬิกาของโรงเรียนบอกเวลาผมว่าตอนนี้เป็นตอนเที่ยง “นี่ตะเอง เราจะไปกินข้าวที่ไหนกันดีเนี่ย เค้าหิวแล้วนะ” เธอกระตุกไหล่ผมอีกทีแล้วทำตาบ่องแบ้วใส่ผม มันเป็นมุขที่เธอใช้กับผมทุกทีในตอนที่เธออยากได้อะไรก็ตาม ซึ่งมันก็ได้ผลทุกที
“งั้นซื้อข้าวแล้วไปกินกันที่ใต้ต้นสนประจำโรงเรียนไหม”ผมชวนเธอซึ่งเธอก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย หลังจากที่เราซื้อข้าวกันเสร็จเราก็ไปนั่งกินข้าวกันตามสถานที่ๆนัดหมาย เธอป้อนข้าวผม ผมป้อนข้าวเธอ ผมเริ่มรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้สัมผัสมันมานาน
หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็คุยกันตามประสาคู่รัก ซักพักหนึ่งเธอก็เข้ามาซบไหล่ผม นั้นยิ่งทำให้ผมมีความสุขมากขึ้นมากเลย “เราไม่ได้ทำแบบนี้กันมานานละเนอะ”ผมพูดออกไป “บ้าเหรอ เราก็ทำแบบนี้เป็นประจำนิ แล้วก็จะทำแบบนี้ตลอดไปด้วย”เธอพูดพลางขยับเข้ามาชิดผมมากกว่าเดิมเสียอีก ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้
เมื่อผมรู้สึกตัวอีกที เราก็มาอยู่กันที่ทะเลแล้ว มันทำให้ผมมึนงงเล็กน้อย แต่ก็นะมันเป็นความฝันนี่น่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ผมแค่ตามน้ำไปเรื่อยๆ ความสุขของผมก็จะกลับมาอีกครั้ง “นี่ตะเองมาช่วยขนของหน่อยสิ เราจะอาบแดดกันไม่ใช่เหรอ”เสียงน่ารักๆของเธอฉุดผมออกจากความคิดไร้สาระ
“อื่ม กำลังจะไปจ๊ะ”ผมพูดแล้ววิ่งไปช่วยเธอขนของ เมื่อขนของเสร็จ เธอขอตัวไปเปลี่ยนชุดซึ่งผมเป็นผู้ชายแถมใส่กางเกงเล่นน้ำไว้อยู่แล้วด้วยเลยนั่งรอเธออยู่เฉยๆ “เสร็จแล้วละ ฉันเอาลูกบอลชายหาดมาด้วยนะ” ผมหันไปหาเธอ เธอสวมชุดบิกินนี่ที่น่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น และเป็นชุดที่ผมเคยขอร้องไห้เธอใสเมื่อเราคบกันเมื่อก่อน
ผมลงไปเล่นน้ำกับเธอเราสาดน้ำใส่กัน เลยบอลชายหาดและแข่งกันดำน้ำ ผมรู้สึกได้เลยว่าเธอกลับมารักผมเหมือนเดิมแล้ว เราเล่นน้ำด้วยกันจนเหนื่อย เราก็เปลี่ยนชุดกัน เธอชวนผมไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ผมก็ตอบตกลงไปทันที
การดูพระอาทิตย์ตกดินกับคนที่เรารักมันช่างเป็นอะไรที่สุขมาก “พรุ่งนี้เราจะเที่ยวไหนกันดีนะ” ผมหันไปหาเธอแต่แล้ว รอบตัวผมก็มืดไปหมด ผมยังไม่ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ผมคิดเลย ความสุขของผมผ่านไปเร็วเกินไป ผมยังรู้สึกอยากมีความสุขอยู่เลยนะ และแล้ว.....
‘พึบ’ ดวงตาของผมเบิกโตขึ้นมาอีกครั้ง ผมสังเกตเห็น เพดานสีเท่าซีด ผมลองหยิกตัวเองแล้วก็พบว่าผมกลับมายังโลกแห่งความจริงอีกครั้งแล้ว ทั้งๆที่ผมกำลังไปได้สวยแท้ๆ ผมเหลือบไปยังเตียงรอบตัวผมแล้วผมว่าคนที่นอนอยู่รอบๆผมหายไปเยอะเลยทีเดียวตอนนี้เหลือแค่คน2คนเท่านั้น
ผมกำลังคิดอยู่ว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นนะมันเป็นความจริงรึปล่าว เพราะมันมีความสุขแบบที่บางครั้งในความจริงก็เทียบไม่ได้ ผมจึงหยิบโทรศัพมือถือขึ้นมาโทรหาเธอ
เธอรับสายแต่คนที่พูดกับผมกลับไม่ใช่เธอ “ฮัลโหล สวัสดีครับ” ผมแทบพูดไม่ออกที่ไอ้คนที่รับสายคือแฟนใหม่ของเธอ “ถ้าจะขอสายแอนนี่ละก็ เธอออกไปซื้อของนะครับ เธอลืมมือถือไวนะครั...” ผมกดวางสายทันทีโดนไม่ฟังที่เขาพูดจนจบ
ผมอยากอยู่กับเธอ คุยกับเธอ สัมผัสเธออีกครั้ง ผมรู้ดีว่าตอนนี้ในชีวิตจริง เธอคงมีความสุขกับแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว แค่ในความฝัน แค่ในความฝันก็พอที่พบขอมีความสุขกับเธออีกครั้งหนึ่ง อยู่กับเธอให้นานกว่านี้อีกซักนาทีก็ยังดีผม อยากฝันถึงเธออีกครั้ง
เมื่อคิดแบบนี้ได้ผมก็ผมจึงนึกถึงคำพูดของเจ้าของร้านได้ว่าถ้ามีอะไรเขาจะอยู่หน้าร้าน ผมจึงวิ่งออกไปหาเขาทันทีเพื่อที่จะ.... ได้ฝันอีกรอบ และเมื่อผมไปถึงที่เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ผมมองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เจอ แต่จู่ๆประตูบานน้อยที่อยู่ตรงนั้นก็เปิดออกมา
เขาเดินออกมาจากประตูข้างๆกับประตูทางเขาซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นห้องอะไร แต่ร่างของชายสวมหัวกวางเดินออกมาเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคาบเลือด “อ่อ ขอโทษที่ ที่ออกมาในสภาพที่ไม่เหมาะสมนะ เป็นฝันที่น่าคิดถึงใช่ไหมละครับ ทีนี้คุณก็รู้แล้วสินะครับว่าควรจะทำยังไงต่อ” เจ้าของร้านพูดกับผมแต่ผมก็ไม่ค่อยได้ฟังเขาเท่าไหร่
“ผมยังต้องการมันอยู่”ผมคิดว่าเขาคงจะสงสัยว่าผมพูดเรื่องอะไรตามแบบฉบับของละครหรืออะไรทำนองนี้ แต่ว่าเจ้าของร้านกลับถอนหายใจแล้วพึมพำออกมา “น้ำยาความฝันอีกแล้วสินะ” ผมพยักหน้าอย่างไม่รีรอ “ผมบอกคุณแล้วนะ ว่ายังไงนี่มันก็เป็นแค่ ควา...”ผมไม่รอฟังเขาพูดจบหรอกผมต้องการที่จะฝันถึงเธออีก อีก อีก อีก และอีก
ผมเลยตัดบทการพูดของเขาซะ “ แค่!! เอามันมาให้ผมก็พอแล้ว!!” ผมรู้ตัวดีว่าผมตวาดใส่เจ้าของร้านไปแต่ตอนนั้นผมควบคุมตัวเองไม่ได้ “งั้นกรุณารอซักครู่นะครับ” เขาเดินไปยังห้องเก็บของอีกครั้งแล้วกลับออกมาพร้อมเข็มฉีดยาเหล็กอีกครั้ง “นี่สำหรับอีกความฝันหนึ่งของคุณครับ ราตรีสวัสดิ์”เจ้าของร้านพูดพร้อมส่งมันมาให้ผม ผมไม่รอช้ารีบวิ่งกลับเข้าไปที่เตียงของผม แล้วเริ่มต้นฉีดยาเข้าไปที่ต้นคอทันที
ผมตื่นขึ้นมาแต่ความฝันนั้นไม่ได้ต่อจากฝันอันเก่าของผม แต่ก็ยังเป็นฝันเกี่ยวกับผมและแฟนเก่าอยู่ดี ขวดแล้วขวดเล่า ฝันแล้วฝันเล่า ผมก็ยังไม่รู้สึกพอใจซักทีผมเสพเจ้าความฝันนี้มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ กินข้าวมื้อสุดท้ายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าความสุขที่ผมมีตอนนี้มันยังไม่พอสำหรับผม
หลังจากที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมาจากฝันอันที่เท่าไหร่ไม่รู้ผมจำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆคือ ผมไม่สามารถขยับแขนและขาของผมได้ ร่ายกายของผมอ่อนเพรียและไม่มีแรง ผมเหลือบไปเห็น เจ้าของร้าน มานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเตียงผม แล้วเหมือนกับระบายอะไรบางอย่างกับผม
“ครั้งนี้ก็ไม่มีใครผ่านเลยซักคนอีกแล้ว” น้ำตาซึมออกมาจากหัวกวางของเขาไม่ขาดสาย “ผมต้องการมันอะ..อีก” ผมอ้อนวอนเจ้าของร้านอีกทีหนึ่ง แต่เขาคงไม่เสียเวลากับชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว “ผมหมดความสนุกกับคุณแล้วละนะ สุดท้ายมนุษย์ก็หนีไม่พ้นตัณหา ของตัวเองงั้นสินะ” เขาพยุงตัวผมที่ไม่มีเรียวแล้วแม้แต่จะกระดิกนิ้วเลยซักนิ้ว สิ่งที่ผมทำได้อย่างเดียวคือเปล่งเสียงออกมาผ่านลำคอเท่านั้น
“มนุษย์นะยอมแลกทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ต้นอยากได้ ทั้งๆที่มันเป็นแค่ความสุขเพียงชั่วคราวและหาได้ใช่ความสุขที่แท้จริงไม่” เขาพยุงผมเข้าไปในห้องข้างๆของประตูทางเขาที่เขาเคยออกมาพร้อมกับคราบเลือดมากมายในตอนนั้น
“ความฝันนะมันก็ดีอยู่หรอกนะครับ แต่ถ้าเรามัวแต่ฝันไม่ยอมทำอะไรเลยแบบเนี่ย ฝันของคุณจะเป็นจริงไหมละครับ การจบปรักอยู่กับฝันแบบคุณนะไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะครับ” เขาวางผมไว้ที่โต๊ะยาวๆ เหมือนโต๊ะผ่าตัดหมอที่ทำจากไม้ แต่มีคราบเลือดอยู่เต็มไปหมด
“การทำให้ความฝันเป็นจริงต่างหากที่เป็นเรื่องที่ดีที่สุด ทั้งๆที่ผมสร้างยานี้ขึ้นมาเพื่อแค่ให้คนมีจินตนาการมากขึ้นเหระเห็นฝันที่ตัวเองได้เป็นอย่างที่ฝันแล้วมีแรงบันดานใจที่จะทำฝันนั้นให้เป็นจริง... แต่มนุษย์นั้นหาได้เป็นแบบที่ผมนึกภาพไว้ไม่” เขาล๊อกแขนล๊อกขาผมติดกับโต๊ะไม้
“พอเห็นตัวเองประสบผลสำเร็จก็พึ่งพอใจที่แค่เห็น ทั้งๆที่นั่งไม่ใช่ความจริงเลยด้วยซ้ำ” เขาหยิบมีดอีโต้เล่มโตที่ดูเหมือนเอาไว้สับเนื้อหมูเป็นชิ้นๆได้ภายในฉับเดียวออกมา “คุณนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกค้ารายอื่นๆในวันนี้เลย” เขาจับแขนผมแล้วก็เอามีดมาเล็งๆไว้ตรงบริเวรต้นแขน
“พบขอพูดกับคุณเป็นครั้งสุดท้ายในโลกนี้นะ ความสำเร็จนะ มันเกิดจากสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่สิ่งที่เราคิด ฉันคงหมดหวังกับพวกมนุษย์ที่เป็นเหมือนๆกันหมดแล้วสินะ” เขาง้างมีดขึ้นเหนือศรีษะ “คุณทำแบบนี้ทะ ทำไม”ผมใช้แรกเฮือกสุดท้ายถามเขา “เพื่อความสนุกนะ ก็..มันเป็นงานอดิเรกนี่หน้า”หลังพูดจบเขาก็ตะบันตัดฉับลงมาที่แขนของผม เลือดของผมกระฉูดออกมาเหมือนน้ำพรุในเทศกาล
ผมเปร่งเสียงไม่ออกสักเอะความเจ็บปวดของผมมันเกิดขนานับ เขาตะบันลงมีดลงบนตัวผมอย่างเมามันส์ คำสุดท้ายที่ผมได้ยินจากปากเขาก็คือ “อ่อ ถ้านายอยากรู้นะว่าฉันหั่นพวกนายไปทำไม ถ้านายเคยไปที่เมืองไทยละก็นะ ก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดในโลกนะ เจ้าของร้านที่นั้นนะ เขารับเนื้อคนไปทำเป็นเนื้อที่นั้นในราคาสูงมากเลยละ หวังว่าเนื้อของนายคงถูกปากใครซักคนน่ะนะ”หลังพูดจบเขาก็ลงมีดครั้งสุดท้ายที่คอหอยของเหยือของเขา
.
.
.
‘ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ’ เสียงนาฬิกาปลุกของผมดังขึ้ผมเหลือบไปดูเวลาและหยิบเข็มฉีดยานั้นขึ้นมาไว้ในมือ ผมตื่นขึ้นมาในบ้านของผม ‘เหมือนเช่นเคย’ ผมลุกขึ้นไปเปิดคอมแล้วพิมพ์ผลจากการลองยาตัวใหม่ที่ผมพึ่งฉีดเข้าตัวเองมะกี้นี้เองลงไปในคอมของผม
อ่อ!! ผมลืมบอกไป จริงๆแล้วสิ่งที่คุณเห็นทั้งหมดนั้นไม่ใช่ตัวเองผมหรอกนะครับ ผมนะอยู่แค่บทนำเรื่องข้างต้นนั้นเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่คุณเห็นนั้น คือเรื่องราวของลูกขาผมรายหนึ่งซึ่งผมทำการทำลองนำสมองของเขามาสกัดเป็นยาตัวใหม่ที่อยู่ในแท่งฉีดยาเหล็กเหมือนเดิม
เพราะว่าร้านนั้นเขารับซื้อแค่เนื้อมนุษย์อะนะ เขาไม่สมองมนุษย์ ผมเลยนำสมองของเขามาทดลองยาตัวใหม่ซะเลยปรากฏว่ามันได้ผล ยาตัวใหม่สำเร็จ นั้นคือการฉายความทรงจำของคนที่เราฉีดเขามาที่ตัวเราให้เราเห็นความทรงจำของเขาได้นั้นเอง
ก็อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นเหระนะครับนี่เป็นแค่ ‘นิทานระหว่างนอน’ เท่านั้นเอง แล้วคุณที่ได้เห็นตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมทำอะไรเอาแต่ฝันเฟื่องไปวันๆแล้วไม่ยอมลงมือทำไปละยังละครับว่าจะเจอกับอะไร
ณ จุดนี้ผมคิดว่าคมอาจจะยังหวังในตัวมนุษย์อย่างพวกคุณอยู่อีกซักนิดว่าจะมีใครผ่านด่านของผมไปได้รึปล่าวนะ ผ่านตัณหาทั้งหมดทั้งมวลที่เป็นเพียงมโนภาพสู่ความจริงนั้นนะ ถ้าวันใดคุณเจอร้านขายความฝันของผมเข้าละก็มา อุดหนุนกันด้วยนะครับ
ทางเลือกนะมันมีอยู่แค่2ทางคือฝันไปวันๆและทำฝันให้เป็นจริง ในวาระโอกาสสุดท้ายนี้ผมจึงอยากจะถามพวกคุณ หลังจากที่คุณได้อ่าน นิทานระหว่างนอนของผมจบแล้วว่า
.
.
“แล้วคุณละ จะเลือกแบบไหน”
Fin
ป.ล. ร้านต่างๆที่อยู่ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สมมุติขึ้นมาเฉยๆนะครับ
ผลงานอื่นๆ ของ MarutaDreaM ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ MarutaDreaM
ความคิดเห็น