Spirit Controller
คุณเคยได้สัมผัสกับวิญญาณรึเปล่า แล้วถ้าในวันหนึ่งคุณสามารถที่จะควบคุมวิญญาณได้ ถ้าวิญญาณอยู่ภายใต้การควบคุมของคูณ คุณจะใช้มันทำอะไร? ถ้าคุณกลายเป็น Spirit Controller!
ผู้เข้าชมรวม
125
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ปฐมบทแห่งพันธะสัญญา
15.45 โรงเรียนประจำมัธยมนิวยอร์ก
เสียงกริ่งดังสนั่นไปทั่วอาณาเขตโรงเรียน เป็นสัญญาณเตือนให้นักเรียนทุกคนรู้ว่าเวลาเรียนของวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เด็กนักเรียนชายหญิงพากันกรูออกมาจากประตูราวกับสายน้ำที่ไหลออกจากท่อที่ถูกเปิดออก ท้องฟ้าเริ่มครึ้มลงเหมือนฝนกำลังจะโปรยหยดน้ำลงมาบนพื้นดินที่ระอุตลอดทั้งวัน
เด็กนักเรียนชายผมดำมันคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องอาจารย์ประจำชั้น เขาหมุนลูกบิดสีทองมันวาวพร้อมกับดันบานประตูไปข้างหน้า
“มาแล้วหรือคิง!” เสียงของอาจารย์ประจำชั้นดังออกมาจากหลังเก้าอี้ตัวใหญ่สีดำ เป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย ควันที่ลอยออกมาเหนือเก้าอี้ทำให้เดาได้ว่าเขากำลังสูบบุหรี่อยู่
“พอดีผมไปช่วยอาจารย์แอนนาเก็บอุปกรณ์วิทยาศาสตร์อยู่ครับ” เสียงเด็กหนุ่มกล่าวเชิงแก้ตัวพองาม “ขอโทษด้วยครับ”
“คราวหลังอย่าให้ช้ากว่านี้แล้วกัน” อาจารย์ผู้ชายค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยังคงคีบบุหรี่ไว้ในมือ เสื้อเชิร์ตสีขาวดูยับยู่ยี่เหมือนไม่ได้รีดกางเกงขายาวสีดำมันจากผ้ามัสลินดูเปรอะคราบบางอย่าง
“ครับ อาจารย์บลูเชอร์” คิงตอบรับ จับจ้องที่ตัวอาจารย์อยู่พักหนึ่งก่อนที่ร่างนั้นจะเดินออกจากห้อง
เป็นแบบนี้แทบจะทุกครั้งที่คิงเข้ามาทำความสะอาดห้องพักอาจารย์ประจำชั้น เขาจะได้เจอกับสภาพอาจารย์ที่ดูไม่ได้ ตั้งแต่หัวจรดเท้า สภาพห้องที่รกรุงรังเหมือนกองขยะในโรงเรียน อันที่จริงน่าจะเหมาะกว่าถ้าจะเปลี่ยนป้ายหน้าห้องจาก “ห้องอาจารย์ประจำชั้นเป็นห้องเก็บขยะ”
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลลงมาข้างแก้ม มือขวาถือไม้ถูพื้นสีเงินซึ่งในขณะนี้เขาได้ใช้มันเป็นไม่ค้ำยันตัวเขาเองไปแล้ว เขามองตัวเองในกระจกบานโตที่ติดอยู่กับฝาผนัง ผมดำมันยุ่งไม่เป็นทรง เสื้อยืดสีดำที่ใส่กับกางเกงยีนส์มีร่องรอยฝุ่นเปรอะทั่วตัว บนบานกระจกมีคำเตือนติดห้ามเคลื่อนย้ายกระจก
“เสร็จซะที!” คิงร้องออกมาพร้อมกับก้าวยาวๆอย่างเร่งรีบเพื่อกลับไปที่หอพักชาย แต่ขาของเขาเดินไปเตะขาตู้เก็บหนังสือของอาจารย์เข้าทำให้กองหนังสือที่จัดวางเป็นชั้นอย่างดีล้มลงมาราวกับตึกถล่ม
พลั่ก! “โอ๊ย!” หนังสือเล่มหนาปกแข็งสีแดงเพลิงเล่มหนึ่งร่วงลงใส่หัวของเขาอย่างจังจนหน้าคะมำ เขารีบนำมือกุมศีรษะดูว่ามีเลือดหรือไม่ แต่สายตาเขาไปหยุดอยู่ที่หน้าปกสีแดงเพลิงของหนังสือเล่มนั้น
มันเป็นภาพที่เหมือนมีใครสักคนวาดขึ้นเองแต่ทว่ามีความลึกลงไป มองผิวเผินเหมือนเป็นห้วงอวกาศสีแดงเข้มหมุนวนอยู่ตลอดเวลา เขานั่งจับจ้องราวกับถูกมันสะกดจิต กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็นึกขึ้นได้ว่าจะต้องรีบกลับหอพัก
ผู้ชายสองคนกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากันในร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งใจกลางกรุงนิวยอร์ก ชายคนแรกดูมีอายุมากกว่าชายคนที่สอง และดูจะผ่านอะไรมามากกว่าเช่นกัน ทั้งคู่กำลังสนทนากันในบางเรื่องซึ่งสำคัญต่อคนทั้งสอง
“ผมคิดว่าคุณควรจะพิจารณาดูนะครับ” ชายคนที่สองกล่าวเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง “คิดดูนะ คุณก็เหลือเวลาอีกไม่กี่ปีจะเกษียณอายุแล้ว ภรรยาคุณตอนนี้ก็ป่วยหนัก ลูกสาวคุณที่เรียนอยู่เกรดสิบก็เป็นโรค คุณน่าจะให้เวลากับพวกเขาให้มากกว่านี้” ชายคนที่สองหว่านล้อม
“ผมเข้าใจดี คุณบลูเชอร์” ชายคนแรกเอ่ยเสียงแหบห้าว “แล้วผมก็รู้ปัญหาของผมดี ผมสามารถที่จะแก้ไขปัญหาของผมได้โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น และอีกอย่าง ผมไม่ต้องการจะจะสละตำแหน่งให้ใครทั้งๆที่ไม่หมดวาระหรอก” ชายอายุมากพูดยิ้มนิดๆ “เอาล่ะ ผมว่าเราคงเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายนะ”
“สตีฟท์!” ชายผู้น้อยเรียกเสียงแข็ง จ้องใบหน้าที่มีริ้วรอยของชายอายุมากกว่า “คุณแน่ใจแล้วหรือ?”
“ก็แน่สิ” การตอบรับทำให้การสนทนายุติลงเพียงเท่านั้น ชายสูงอายุก้าวออกจากร้านกาแฟในขณะที่ฝนตกลงมาทันทีทันใด ชายแก่บ่นพึมพำเล็กน้อยก่อนจะใช้เสื้อคลุมเดินฝ่าสายฝนที่ร่วงพรูลงมาจากฟากฟ้า สายตาที่ชราลงทำให้เขามองเห็นไม่ถนัดเหมือนเมื่อก่อน มีแสงไฟวาบขึ้นที่ทางซ้ายของเขา ชายแก่จ้องมองอย่างตระหนกตกใจ ก่อนที่จะพุ่งพรวดหลบการเคลื่อนที่เข้ามาของรถบรรทุกขนาดใหญ่ แต่ทว่า แสงนั้นมันกลับเลี้ยวเข้ามาหาร่างของเขาราวกับรถปีศาจ เขามองไม่เห็นคนขับรถ จนกระทั่งที่เขาพยายามจะดันตัวลุกขึ้นอีกที.....แต่ไม่ทันซะแล้ว
ในร้านกาแฟชายหนุ่มวัยสามสิบกำลังดูเหตุการณ์ที่ระทึกขวัญนั้นอย่างจดจ่อ ก่อนที่เขาจะยิ้มมุมปากพลางเอามือขึ้นมากุมที่สร้อยคอรูปร่างแปลกประหลาดบนหน้าอกเสมือนมีชีวิต ดวงตาสีแดงจากสร้อยรูปหัวกะโหลกส่องแสงวาววับ
“จงลงสู่ ประตู!”
ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวขนาดเล็กที่มีแสงสลัว เตียงรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มุมห้องถูกเก็บอย่างมีระเบียบ ข้างๆคือโต๊ะทำงานสีเทาสูงสามฟุตระเกะระกะไปด้วยหนังสือเล่มเล็กใหญ่ แสงที่ส่องออกมาจากโน๊ตบุ๊คที่เปิดอยู่บนโต๊ะทำให้เห็นหน้าของเด็กหนุ่มซึ่งกำลังจ้องสิ่งของบางอย่างในมือของเขา เขานิ่งราวกับถูกหนังสือเล่มนั้นสะกดจิต
หนังสือสีแดงเพลิงที่ภาพหนาปกหมุนวนอยู่ค่อยๆถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา อันที่จริงหนังสือเล่มนี้ไม่ควรจะมาอยู่ในห้องนอนของเขาเสียด้วยซ้ำ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาตัดสินใจขโมยมันมา
“คัมภีร์...วิญญาณ” คิงพูดเบาๆในลำคอพลางกวาดสายตาไปที่ตัวหนังสือใหญ่สีดำ ลายเส้นโบราณของหนังสือเล่มนั้น คิงเผยอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “คัมภีร์วิญญาณเหรอ” เขาพูดซ้ำพร้อมกับเปิดหน้าถัดไปด้วยความสงสัยใครรู้ที่พลุ่งพล่านออกมาจากจิตใจ และแล้วสายตาของเขาก็มาหยุดกึกอยู่บนหัวข้อสีแดง
ข้อตกลง
1.เมื่อคุณเปิดหนังสือเล่มนี้แล้ว คุณไม่สามารถที่จะปิดจนกว่าจะจบหน้าสุดท้าย ถ้าฝ่าฝืนคุณจะเสียชีวิตทันที
2.หนังสือเล่มนี้คือเครื่องบันทึกพันธะสัญญาระหว่างผู้ควบคุมกับสปิริต และเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิหากทำลาย ผู้ที่ทำลายจะเสียชีวิต
3.หากต้องการสร้างพันธะสัญญาระหว่างสปิริตกับผู้ควบคุมให้เปิดไปที่หน้า99 หากไม่ต้องการให้เปิดไปที่หน้า100
4.ทุกสิ่งที่กล่าวมาหากคุณฝ่าฝืนแม้แต่ข้อเดียวคุณจะพบกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
“ตายเลยหรอ” คิงกล่าวอย่างแปลกประหลาดใจกับข้อความที่เห็น ในใจเขาก็คิดว่าคงจะเป็นเรื่องอะไรที่ไร้สาระแน่นอน แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งในหนังสือเล่มนั้น นี่เขากลัวเรื่องไร้สาระในหนังสือเล่มนั้นได้อย่างไรกัน? หรือเขาจะเป็นโรคจิตไปแล้ว “ถ้ายอมรับให้เปิดไปหน้า99” เขาทำตามที่ตัวเองพูดอกมา ในใจยังไม่ละจากความสงสัย เมื่อมาถึงหน้า99 เขาก็เห็นตัวหนังสือสีแดงตัวใหญ่เขียนไว้บนหัวว่า “พันธะสัญญา”
พันธะสัญญา
ชื่อ/นามสกุล :
วัน/เดือน/ปี เกิด :
กรุณาอ่าน
1.ก่อนที่คุณจะขีดเขียนสิ่งใดๆลงไป คุณต้องแน่ใจว่าคุณเต็มใจที่จะทำ
2.เมื่อคุณเต็มใจที่จะเป็นผู้ควบคุม จะมีสปิริตประจำตัวคุณ
3.หลังจบการทำพันธะสัญญา 24 ชั่วโมง ของที่ใช้เรียกสปิริตจะปรากฏ ณ จุดที่คุณเห็นเมื่อคุณหลับ
4. 48ชั่วโมงหลังจากทำพันธะสัญญา ถ้าคุณไม่สามารถเรียนสปิริตได้ คุณจะถูกกลืนกิน วิญญาณที่อยู่ภายในตัวคุณจะสาบสูญ
5.สปิริตที่คุณสามารถควบคุมอยู่ในอำนาจควบคุมของคุณทุกประการ
6.หากคุณเสียชีวิตลงในขณะที่เป็นผู้ควบคุม สปิริตจะเป็นอิสระตามเดิมทุกประการ
7.คุณไม่สามารถทำลายหรือฆ่าสปิริตได้
8.สปิริตมีพัฒนาการในตัวเอง
9.ทุกครั้งที่เรียกสปิริตต้องสวมใส่ของที่ใช้เรียกติดตัวเสมอ
10.ในการเรียกสปิริต ให้เรียกชื่อของสปิริตของคุณด้วยความชัดเจน
(....................................)
-----------------------------
ลงลายมือเพื่อพันธะสัญญา สปิริต เอ็มเพอโร่
คิงไล่สายตาตัวหนังสือสีดำมาจนถึงตัวสุดท้าย เขายิ้มมุมปากนิดๆ ในใจจริงเขายังไม่ต้องการเชื่อในสิ่งที่เพิ่งอ่านจบไป เขามองนาฬิกาสีดำที่ข้อมือซ้ายมันบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรง เขาควานหาปากกาในกระเป๋าเรียนที่วางอยู่ข้างเตียงเพือที่จะขีดเขียนลงไปในหน้านั้น ถึงเรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่ถ้าลองเล่นๆดูก็คงไม่ผิดอะไรหรอก จริงไหม?
“เอาเป็นว่า...ฉันเต็มใจก็แล้วกัน”
ผลงานอื่นๆ ของ ตัดวงเดือน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ตัดวงเดือน
ความคิดเห็น