ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮองเฮาตำหนักเย็น krislay

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ สี่

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 64




    ตอนที่ ๔




    หลังจากที่เหล่านางกำนัลจากฝ่ายห้องเสื้อกลับไปแล้วอี้ชิงก็กลับเข้ามาอยู่ภายในห้องก่อนจะบอกให้ซื่อซื่อเอาพวกชุดของเขาในตู้ออกมาพร้อมกับด้ายและเข็มเพื่อซ่อมชุดเพราะอีกไม่นานอากาศคงจะหนาวกว่านี่

    ถึงแม้เสื้อผ้าพวกนี้จะดีกว่าตอนที่เขาใส่เมื่อตอนอยู่ที่บ้านก็ตามแต่เพราะสภาพที่ชำรุดแบบนี้ก็ทำให้อี้ชิงอดไม่ได้ที่จะซ่อมชุดพวกนี้อีกครั้ง

    “ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”

    อู๋หมิงเดินเข้ามาบอกก่อนที่อี้ชิงจะชะงักงานในมือแล้วเงยหน้ามองอู๋หมิงที่ทำสีหน้าลำบากใจ

    “เขาคงมาเพราะเรื่องเมื่อเช้า”

    อี้ชิงพึมพำออกมาเบาๆ

    “หากฮองเฮาไม่อยากพบฝ่าบาท ข้าจะไปบอกฝ่าบาทว่าท่านไม่ค่อยสบาย”

    “ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก ฝ่าบาทคงแค่รู้สึกเสียหน้าเท่านั้น บางทีอาจจะมาต่อว่าข้าแล้วก็กลับไปก็ได้”

    อี้ชิงบอกแล้วเก็บเข็มเข้ากล่องแล้วลุกขึ้นยืนโดยมีซื่อซื่อช่วยประคอง

    “ท่านจะไปพบฝ่าบาทจริงๆหรือเพคะ”

    “ข้าคงต้องไป หากไม่ไปฝ่าบาทอาจจะกริ้วแล้วลงโทษพวกเจ้าก็ได้”

    อี้ชิงตอบก่อนจะออกเดินโดยมีซื่อซื่อประคองตามด้วยอู๋หมิงที่เดินตามอยู่ไม่ห่าง

    “ถวายพระพรฝ่าบาท”

    อี้ชิงโค้งคำนับเมื่อเดินเข้ามาที่โถงรับรองที่ตอนนี้ได้มีร่างสูงใหญ่ในชุดมังกรสีแดงนั่งอยู่ที่เก้าอี้พร้อมด้วยขันทีคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆและหัวหน้าฝ่ายช่างเสื้ออีกหนึ่งคนที่อี้ชิงเห็นนางเมื่อช่วงสาย

    “นางบอกข้าว่าเจ้าไม่ต้องการตัดชุดใหม่”

    อี้ฝานพูดถามก่อนจะมองอี้หมิงนิ่ง

    “ข้าไม่ได้ออกไปที่ใด ใยต้องมีชุดสวยๆใส่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ชิงตอบ

    “ข้าสั่ง ไม่ใช่ให้เจ้ามาเถียงข้าแบบนี้”

    อี้ฝานลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าอี้ชิง

    “ข้ามิได้เถียง หากแต่มันคือความจริง ข้าโดนกักบริเวณอยู่เพียงแค่ตำหนักเย็นเท่านั้น หากจะต้องใส่ชุดหรือแต่งตัวไปก็ไม่มีใครเห็น”

    อี้ชิงตอบทำเอาอี้ฝานรู้สึกเสียหน้า ที่อี้หมิงเถียงเขาแบบนี้คงเป็นเพราะโกรธที่ต้องโดนกักบริเวณคงอยากจะให้เขามีคำสั่งให้ยกเลิกการกักบริเวณแล้วคืนยศให้

    “ที่เจ้าทำตัวประชดประชันแบบนี้เพราะต้องการให้ข้ายกเลิกคำสั่งกักบริเวณและคืนยศให้เจ้ากลับมาใช่หรือไม่”

    อี้ชิงเงยหน้ามองคนตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วเขาเพียงแค่พูดตามสิ่งที่เขาเห็นตั้งแต่เขามาอยู่ที่ร่างนี้แล้วต่างหากเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่ตอนนี้ถึงจะมีสภาพเก่าไปบ้างขาดบ้างแต่ก็ยังพอซ้อมได้ดีกว่าที่บ้านเขามากด้วยซ้ำ แล้วทำไมฝ่าบาทต้องคิดว่าเขาประชดด้วยเล่า อี้ชิงไม่เข้าใจจริงๆ

    “ข้ามิได้มีความคิดแบบนั้น”

    “แต่ที่เจ้ากำลังพูดอยู่นั้น ก็เหมือนกำลังบอกให้ข้ายกเลิกการกักบริเวณ อภัยโทษให้เจ้าแล้วคืนยศให้”

    อี้ฝานรู้ดีว่าอี้หมิงเป็นคนแบบไหนตำแหน่งฮองเฮายังคงว่างอยู่เพราะถึงแม้เขาจะอยากปลดอี้หมิงออกจากตำแหน่งฮองเฮาแล้วแต่งตั้งใครขึ้นมาแทนอี้หมิงแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไทเฮาทำให้ตำแหน่งฮองเฮาจึงยังเหมือนเป็นตำแหน่งของอี้หมิงอยู่

    “ข้ารู้ว่าท่านไม่ยินดีเท่าไรที่จะทำแบบนั้น และฝ่าบาทข้าพอใจที่จะสวมใส่เสื้อผ้าพวกนี้และอยู่ที่นี้ ขอบพระทัยที่ทรงห่วง”

    อี้ชิงตอบแล้วโค้งให้อี้ฝานก่อนที่อี้ฝานจะหันไปมองขันทีคนสนิท

    “ปิดประตู”

    “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

    อี้ชิงมองอี้ฝานอย่างสงสัยก่อนที่ขันทีที่ติดตามอี้ฝานมาด้วยจะปิดประตู

    “วัดตัวฮองฮา”

    อี้ฝานหันไปพูดบอกนางกำนัลก่อนที่อี้ชิงจะเบิกตาโตอย่างตกใจ

    “แต่. . .”

    หัวหน้าช่างเสื้อมีสีหน้าลำบากใจก่อนที่ชิงจะยื่นมือไปตรงหน้านาง

    “งั้นข้าจะทำเอง ส่งที่วัดมาให้ข้า”

    อี้ฝานพูดบอกก่อนที่หัวหน้าช่างเสื้อจะส่งเชือกวัดให้อี้ฝาน

    “ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าไม่ต้องการตัดชุดใดๆทั้งนั้น”

    “นั้นคือเรื่องของเจ้า เดินมาตรงหน้าข้า”

    อี้ฝานพูดบอกเมื่ออี้ชิงขยับถอยไปด้านหลัง

    “ไม่”

    “เจ้าจะทำตามที่ข้าบอกโดยที่ไม่ต้องเถียงข้าได้หรือไม่”

    “ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ท่านสั่งคือสิ่งที่ข้าไม่ต้องการ”

    อี้ชิงพูดบอกเขาไม่เข้าใจว่าฝ่าบาทต้องการอะไรทำไมถึงต้องทำแบบนี้ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจใยดีฮองเฮาที่ถูกกักอยู่ที่ตำหนักเย็นเลยด้วยซ้ำ หรือแค่ต้องการเอาชนะเขาก็เท่านั้น

    อี้ฝานเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามและยังมีท่าทีจะหนีทำให้เขาต้องเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

    อี้ชิงเมื่อเห็นว่าฝ่าบาทขยับเข้ามาใกล้ก็ถอยห่างออกมาอย่างระวังกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาทำอะไรตัวเขาหรือไม่

    หมับ!

    เป็นอี้ฝานที่เร็วกว่าเมื่อเห็นอี้ชิงเผลอก็จับแขนเล็กเอาไว้พร้อมกับออกแรงดึงอีกฝ่ายให้ขยับเข้ามาใกล้

    “ท่านจะทำอะไร”

    อี้ชิงถามอย่างตกใจมือเล็กก็พยายามแกะมืออีกฝ่ายออกจากแขนตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล

    “ข้าจะวัดตัวให้เจ้าอย่างไรละ”

    “ข้าไม่วัด ข้าบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการชุดใหม่ ทำไมท่านพูดไม่รู้เรื่องเช่นนี้กัน”

    อี้ฝานเลิกคิ้วมองอี้หมิงเมื่อได้ยินท้ายประโยคที่กำลังว่าเขาส่วนบ่าวไพร่ก็ต่างเบิกตากว้างอย่างตกใจกับประโยคของอี้หมิง

    “เจ้าว่าข้า”

    “ใช่ ข้าว่าท่านนั้นแหละ”

    อี้ชิงพูดบอกก่อนจะดึงแขนออกจากมืออี้ฝานเมื่ออีกฝ่ายเผลอแล้วขยับถอยไปยืนกับซื่อซื่อและอู๋หมิง อี้ชิงเซเล็กน้อยแต่ดีที่อู๋หมิงจะช่วยประคองเอาไว้ทันไม่ทำให้อี้ชิงต้องลมลงไปกับพื้นเสียก่อน

    “เชิญท่านกลับไปเถอะ ข้าเหนื่อยอยากพักผ่อน”

    อี้ชิงพูดบอกเพราะเหมือนกับว่าร่างกายนี้จะยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรแค่เขาออกแรงเล็กน้อยก็เหมือนจะเป็นลมให้ได้

    “เจ้า. . .”

    อี้ฝานชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างโมโหแต่เมื่อเห็นใบหน้าเล็กซีดเผือกเหมือนจะเป็นลมก็ไม่อยากจะต่อว่าอะไรอีกฝ่ายอีก

    “ได้ หากเจ้าไม่ต้องการตัดชุดใหม่ข้าจะให้นางกำนัลตัดชุดให้เจ้าใหม่แล้วค่อยเอามาให้เจ้าแล้วกัน”

    พูดจบประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออกอี้ชิงโค้งให้อีกฝ่ายก่อนที่ร่างสูงของอี้ฝานจะเดินออกไปตามด้วยนางกำนัลและขันทีคนสนิท

    เมื่อฝ่าบาทจากไปบ่าวทั้งสองก็รีบพยุงอี้ชิงให้นั่งลง

    “เจ้าไปรินชามาให้ฮองเฮาเร็ว”

    ซื่อซื่อพูดบอกก่อนที่อู๋หมิงจะรีบไปเทชาใส่แก้วแล้วนำมาให้อี้ชิงดื่ม

    “ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะให้ข้าไปตามหมอหลวงมาตรวจดีหรือไม่”

    ซื่อซื่อถามก่อนที่อี้ชิงจะยกมือโบกปฏิเสธแล้วยกชาขึ้นดื่มช้าๆ

    “ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก คงจะแค่ออกแรงมากไปเท่านั้น พวกเจ้าไม่ต้องห่วง”

    อี้ชิงยิ้มให้ทั้งสอง

    “ฝ่าบาทจะต้องโกรธท่านมากแน่ๆ ที่ท่านพูดแบบนั้น”

    “ช่างเขาเถอะ ในเมื่อเขาไม่ได้สนใจใยดีอี้หมิงอยู่แล้ว ให้เขาโกรธจนไม่ต้องสนใจข้าไปเลยก็ยิ่งดี เจ้าไม่คิดแบบนั้นหรือ”

    อี้ชิงว่า เพราะเขาจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือนี้ของอี้หมิงที่นี้พอเมื่อนานวันเข้าเขาอาจจะขอให้ฝ่าบาทขับเขาออกจากวังขับออกจากที่นี้และเขาจะไปตามหาท่านย่าและน้องๆและใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่นั้น 

    บ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิด

    “แต่. . .”

    “เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก เรื่องแค่นี้คงไม่ทำให้ฝ่าบาททรงลงโทษข้าหรอก”

    อี้ชิงยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นยืน

    “วันนี้เจ้าจะทำอะไรเป็นมื้อเที่ยงละซื่อซื่อ”

    “ข้าได้ยินจากคนครัวเมื่อตอนเช้าว่าฝ่าบาททรงให้คนมาส่งอาหารมาให้ท่านแล้วนางกำนัลห้องเครื่องบางคนโดนสอบส่วนเรื่องที่ไม่ยอมส่งอาหารมาให้ท่านในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเพคะ และอาหารทุกมื้อของท่านและพวกข้าจะเป็นฝ่ายห้องเครื่องจะเตรียมและข้าหรือไม่อู๋หมิงไปรับที่หน้าตำหนักเพคะ”

    ซื่อซื่อตอบ

    “งั้นก็ดีนะสิ คราวนี้ทั้งข้าและพวกเจ้าจะได้กินอาหารดีๆเสียที”

    อี้ชิงยิ้มออกมาอย่างดีใจ

    “ท่านจะกลับไปนอนพักที่ห้องสักหน่อยไหมเพคะ”

    “ไม่ล่ะ ข้าว่าจะกลับไปซ่อมชุดพวกนั้นต่อ”

    อี้ชิงตอบ

    “แต่ฝ่าบาทบอกว่าจะส่งชุดมาให้ท่านใหม่นะเพคะ”

    “ส่งมา ข้าก็ไม่กล้าใส่อยู่ดี ชุดพวกนั้นคงจะแพงมากให้ใส่ชุดดีๆอยู่ที่นี้คงเสียดายแย่ เจ้าไม่คิดแบบนั้นหรือ”

    “แต่ ชุดพวกนี้”

    ซื่อซื่อมองแล้วเสียดายนายของเขาเป็นคนงดงามควรจะได้ใส่ชุดสวยๆดังเช่นเมื่อก่อนที่ยังไม่เกิดเรื่อง นางชอบที่จะได้ช่วยอี้หมิงแต่งตัวด้วยชุดผ้าแพรดีๆที่ถูกตัดเย็บด้วยช่างเอกอันดับหนึ่งของวัง ไม่ใช่ใส่ชุดผ้าป่านเก่าๆขาดๆที่บดบังความงามของอี้หมิงแบบนี้

    อี้ชิงรู้ดีว่าซื่อซื่อคิดอะไรอยู่ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากใส่เสื้อผ้าดีๆแต่เพราะว่าเขานั้นเสียดายที่ต้องใส่เสื้อผ้าดีๆแล้วอยู่ในที่แห่งนี้ก็เท่านั้น

    “เฮ้อ ถ้าชุดมาส่งเมื่อใด ข้าจะใส่ให้พวกเจ้าดูดีไหม”

    ซื่อซื่อยิ้มออกมาก่อนจะมองอู๋หมิงที่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า




    ************************





    ภายในศาลาหลังเล็กที่ตั้งอยู่ภายในสวนดอกไม้หน้าตำหนักเฟยอี้ ตำหนักของพระสนมเอกเมิ่งหลานหรือสนมเมิ่งสนมคนโปรดของอี้ฝาน

    “พระสนมเพคะ”

    นางกำนัลคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหยุดที่ข้างศาลาก่อนที่ใบหน้างดงามของพระสนมคนโปรดของอี้ฝานที่นั่งกินของว่างตอนสายจะหันมามอง

    “มีเรื่องอะไรถึงเข้ามาขีดเวลาดื่มชาชมดอกไม้ของข้าแบบนี้ หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ ข้าจะสั่งลงโทษเจ้า”

    เมิ่งหลานเหลือบมองอีกฝ่ายย่างไม่พอใจทำเอานางกำนัลตัวเล็กคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความกลัว

    นอกจากนางกำนัลในตำหนักแล้วก็ไม่มีใครได้เห็นว่าพระสนมเอกนั้นต่างจากผู้คนภายนอกหรือฝ่าบาทได้เห็น

    ความน่ากลัวของพระสนมเอกเมิ่งไม่ต่างจากฮองเฮาอี้หมิงเท่าไรหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

    “มีอะไรก็ว่ามา ชักช้าเสียเวลา”

    “ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าวันนี้ฝ่าบาททรงเสด็จไปหาฮองเฮาที่ตำหนักเย็นพร้อมกับหัวหน้าฝ่ายตัดเย็บเพคะ”

    เมิ่งหลานยกชาขึ้นจิบแล้วหันมามองนางกำนัลที่คุกเข่าอยู่

    “ฝ่าบาทเสด็จไปหาฮองเฮาอย่างนั้นรึ”

    “เพคะ แล้วยังเรื่องที่คนของฝ่ายห้องเครื่องโดนสอบสวนเรื่องที่ไม่ส่งสำรับไปที่ตำหนักเย็นด้วยเพคะ”

    เมิ่งหลานขมวดคิ้วอย่างคิดหนัก

    “พระสนม หากฝ่าบาททรงรู้เรื่องว่าท่านสั่งให้คนของห้องเครื่องไม่ส่งสำรับไปที่ตำหนักเย็น. . .”

    ขันทีเหว่ยพูดขึ้นอย่างหวาดกลัว

    “ฝ่าบาทจะไม่ทรงรู้ว่าใครออกคำสั่ง”

    เมิ่งหลานตอบก่อนจะกวักมือเรียกให้นางกำนัลเข้าไปใกล้ๆ

    “ตอนนี้คนเหล่านั้นอยู่ที่ใด”

    “อยู่ที่คุกหลวงเพคะ”

    “ขันทีเหว่ย ท่านช่วยไปหยิบยาขวดสีฟ้าให้ขาที”

    “พ่ะย่ะค่ะพระสนมเอก”

    ขันทีเหว่ยเดินออกไปตามคำสั่ง

    “เจ้าฉิงฉินใช่หรือไม่”

    “เพคะพระสนมเอก”

    “ข้ามีเรื่องจะไว้วานเจ้า”

    “เรื่องอะไรหรือเพคะ”

    “เข้ามาใกล้ๆข้า”

    เมิ่งหลานกวักมือเรียกก่อนที่นางกำนัลตัวเล็กจะลุกขึ้นขยับเข้าไปใกล้ก่อนที่เมิ่งหลานจะกระซิบบอกถึงเรื่องที่นางไหว้วานให้อีกฝ่ายทำ

    “แต่. . .”

    ฉิงฉินตกใจและเริ่มกลัวในสิ่งที่อีกฝ่ายบอกให้เธอทำ

    “เจ้าไม่ต้องกลัว เมื่อเจ้านำอาหารไปส่งเรียบร้อยแล้วข้าจะให้ขันทีเหว่ยพาเจ้าออกไปนอกวังแล้วเจ้าได้เป็นอิสระ”

    เมิ่งหลานยิ้มให้ก่อนจะหยิบถุงห่อผ้าออกมาจากข้างเอวแล้วส่งใส่มือให้อีกฝ่าย

    “นี้เป็นค่าตอบแทน เจ้าจะไม่ถูกจับหรือโดนกล่าวหาแน่นอนใดๆแน่นอน แล้วเจ้าก็จะได้ไปใช้ชีวิตกับคนรักของเจ้าไม่หรือ”

    ฉิงฉินเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่อเมิ่งหลานรู้ในสิ่งที่นางเก็บเป็นความลับมานานว่านางพบนักกับหนุ่มนอกวังแต่เพราะเป็นนางกำนัลในวังหลวงเป็นคนของฝ่าบาททำให้เธอต้องหลบๆซ่อนๆไปพบกับคนรักที่นอกวังและปิดบังไม่ให้ใครรู้

    “ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอก ข้ารู้ว่ามันทรมานแค่ไหนที่ไม่อยู่กับคนรัก ดังนั้นเจ้าทำตามที่ข้าบอกแล้วข้าจะให้เจ้าออกไปอยู่กับคนรักที่นอกวัง”

    “เพคะ หม่อมฉันจะทำตามรับสั่ง”

    “ดี”

    เมิ่งหลานยิ้มก่อนที่ขันทีเหว่ยจะเดินกลับมาพร้อมกับขวดยาเล็กๆแล้วส่งให้เมิ่งหลานก่อนที่เมิ่งหลานจะส่งให้ฉิงฉินรับไว้แล้วซ่อนของพวกนั้นในสายเสื้อ

    “จงเอาไปให้พวกเขาในช่วงค่ำ เข้าใจหรือไม่”

    “เพคะ”

    “ไปได้แล้ว”

    ฉิงฉินย่อกายเคารพก่อนจะเดินจากไป

    “จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมไปทำไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”

    “เป็นนางนะดีแล้ว”

    เมิ่งหลานตอบแล้วหันมายกแก้วชาดื่ม

    “ข้ามีเรื่องอยากให้ท่านช่วยหน่อย”

    เมิ่งหลานพูดบอกก่อนที่จะกวักให้ขันทีเหว่ยขยับเข้าไปใกล้เพื่อบอกบางสิ่งให้อีกฝ่ายฟัง

    “โปรดวางพระทัย กระหม่อมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยไม่ให้สิ่งใดมากกวนใจพระองค์ได้อีก”

    “ขอบใจเจ้ามา วันนี้ฝ่าบาทจะมาหาข้าหรือไม่”

    “มาช่วงเย็นพ่ะย่ะค่ะ”

    “งั้นช่วงบ่ายท่านช่วยให้คนจัดเตรียมของสำหรับอาบน้ำให้ข้าที ข้าอยากจะแช่น้ำให้ตัวหอมๆเสียหน่อย”

    “ได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะสั่งให้คนเตรียมให้”

    ขันทีเหว่ยตอบก่อนจะโค้งแล้วเดินออกจากศาลาไปเหลือเพียงเมิ่งหลานที่นั่งชมดอกไม้ที่ฝ่าบาททรงให้คนมาจัดสวนใหม่สำหรับนาง เพราะสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ที่นางชอบ

    “ดูท่าอยู่ตำหนักเย็นจะว่างเกินไปสำหรับฮองเฮา ข้าคงต้องคิดหาเรื่องอะไรสนุกๆไปให้ฮองเฮาทำแล้วละ”

    เมิ่งหลานยิ้มออกมาบางๆก่อนจะหยิบขนมเข้าปากนางคงจะอยู่เฉยไม่ได้แล้วนางต้องทำให้ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของนางให้ได้ก่อนที่อี้หมิงจะได้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม






    ***********************************************

    หายไปนานเลยยย

    แต่มาต่อแล้วนะคะ

    จะพยายามมาต่อให้เร็วที่สุดน้า

    ขอบคุณทุกๆคอมเม้นและทุกๆคนที่รอเรื่องนี้อยู่


    *ยังไม่ได้ตรวจคำผิด*

    เราพิมพ์ในมือถืออาจจะมีคำผิดเยอะแล้วจะมาแก้ให้นะคะ

    เอนจอยรีดริ้งนะคะ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×