Link
เมื่อความรักที่ไม่น่าเกิดขึ้นกลับเป็นไปได้ คุณพร้อมจะเชื่อใจคนที่คุณ 'รัก' ได้แค่ไหน
ผู้เข้าชมรวม
515
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Never Be Known say:
ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา เราว่าพวกเราเลิกติดต่อกันเพียงเท่านี้เถอะ
Never be known ออกจากระบบ
นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ผมได้รับจากเธอ ผ่านทางโปรแกรมสื่อสารที่เรียกว่า MSN เรื่องของพวกเรานั้นซับซ้อนราวกับเส้นใยแมงมุมที่ถูกพระเจ้าทักทอทางเดินให้งวยงง เริ่มต้นจาก 1 ปีที่แล้วที่พวกเราได้พบเจอกันครั้งแรก...ผ่านwebsite เกมแห่งหนึ่งชื่อว่า G
“สวัสดีค่ะ พึ่งมาเล่นเป็นครั้งแรกช่วยแนะนำด้วยนะคะ^^” คือกระทู้แรกที่เธอตั้งขึ้นเพื่อแนะนำตัวเองแก่สมาชิกใน website แห่งนี้ และแน่นอนที่จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพราะน้อยครั้งที่จะมีหญิงสาวผ่านเข้ามา แต่เหนืออื่นใดนั้นก็ล้วนมาจากนิสัยของเธอ ‘โนน์’
ผู้คนไม่น้อยที่หลงไหลในภาพพจน์ที่แสดงออกผ่านสื่อโดยได้คำนึงถึงตัวตนที่แท้จริงหลังจอคอมพิวเตอร์แม้แต่น้อย แม้แต่ตัวผมเอง “ทั๊ค”ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เพราะยามที่ได้พูดคุยกับเธอราวกับว่าไฟชีวิตของผมได้ถูกจุดเติมเชื้อให้เจิดจ้าขึ้นอย่างน่าประหลาด
เพราะเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนใดเลยที่ผมเคยรู้จัก ทั้งร่าเริงแจ่มใส สุกสกาวดุจดาวบนฟ้า แต่ในบางเวลาก็กล้าแกร่งได้ราวกับเพชรที่ไม่ยอมให้ใคร นอกจากนี้ยังรอบรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์อย่างที่แม้แต่ผู้ชายยังต้องยอมแพ้ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้พูดคุยกับเธอชีวิตผมก็ดั่งพบคนที่หามานานและไม่เคยที่จะพบเจอในชีวิตจริง
ทั้งรสนิยมด้านดนตรีลักษณะการใช้ชีวิตนิสัยและมุมมองล้วนเป็นสิ่งที่ผมหวังว่าจะเจอใครสักคนที่มีสิ่งเหล่านี้แม้เพียงหนึ่งอย่างตรงกับตัวผมเองก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จัก ทว่าสิ่งเหล่านั้นผมกลับพบได้จากตัวเธอ จึงทำให้พวกเราสองคนสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องในความเห็นที่สอดคล้องกันตลอดเวลา
นอกจากนี้เธอยังรู้ใจผมราวกับอ่านใจผมได้ไม่ว่าผมกำลังทำอะไรรึคิดอะไรอยู่เธอก็จะสามารถรับรู้และพูดออกมาได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นแม้นว่าผมจะไม่เคยเห็นหน้ารึว่าพบเจอตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นผมก็ได้แอบชอบเธอแล้วลึกๆในใจ
Never Be Known say:
รู้สึกไหมคะว่า เวลาคุยกัน ส่วนมากจะเป็นเราที่พูดฝ่ายเดียว รึว่าเราพูดมากจนทั๊คไม่มีช่องพูดกันนะ แหะๆ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
เปล่าหรอกครับ ^^’ ผมแค่ชอบที่จะนั่งดู โนน์ เป็นฝ่ายพูดน่ะชอบฟังเรื่องของ โนน์ มันทำให้ผมรู้สึกว่าได้รู้จัก โนน์มากขึ้น
Never Be Known say:
ถ้าอย่างนั้น หวังว่าต่อไปถ้าเราพูดมากๆเข้าคงไม่เบื่อที่จะฟังแล้วนะคะ อุอุ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ถ้าเป็น โนน์ ละก็ให้ฟังชั่วชีวิตผมก็ยินดีครับ ^-^”
แต่ว่าไม่นานก็มีข่าวลือแปลกๆหนาหูบางอย่างขึ้นมาว่า “ตัวตนที่แท้จริงของ โนน์ นั้นคือผู้ชาย” สาเหตุมันมาจากในขณะที่คืนหนึ่งพวกเราได้จับกลุ่ม chat รวมกันขึ้นมาเหมือนปกติที่จะพูดคุยกันธรรมดามีสาระบ้างและไม่มีสาระบ้างก็ว่ากันไป จนมาถึงคราวของ โนน์ ที่ถูกถามขึ้นมาว่าก่อนจะมาที่ website นี้เล่นที่ไหนเป็นหลักมาก่อน
Never Be Known say:
เราเคยประจำอยู่บอร์ด T มาก่อนค่ะเล่นอยู่ปีกว่าก่อนจะย้ายมาที่นี่ล่ะค่ะ แหะๆ
VicTory say:
เอ๋ บอร์ด T เหรอผมก็เคยเล่นมาก่อนนะทำไมถึงไม่รู้สึกคุ้นๆ โนน์ เลย
‘วิก’สมาชิกคนหนึ่งใน Website G เอ่ยแทรกขึ้นมาในห้องสนทนารวมด้วยอาการดีใจเพราะ‘วิก’เป็นคนที่‘โนน์’ เคารพให้เกียรติ์เรียกว่า ‘พี่’ เสมอ จึงเหมือนกับได้เจอน้องสาวข้างบ้านอีกครั้งที่ต่างจังหวัด
Never Be Known say:
ตอนนั้น เราใช้ชื่อว่า Unknown ค่ะพี่ วิก อะไรที่ไม่ดีๆในบอร์ดนั้นก็ลืมๆมันไปซะนะคะ แหะๆ
และนี่เองก็เป็นจุดเริ่มต้นของความซับซ้อนทั้งมวลเพราะหลังจากการสนทนากลุ่มจบลง ‘วิก’ ได้ทักผมเข้ามาต่อทันที
VicTory say:
หลับรึยัง ทั๊ค ถ้ายังไม่นอนตอบทีมีเรื่องด่วน
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
อ่า ยังไม่หลับน่อ มีอะไรรึเปล่าตาวิก
VicTory say:
มีสิ เรื่องสำคัญมากด้วย เกี่ยวกับ โนน์ น่ะ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
หืม โนน์ ทำไมเหรอ
ผมหูพึ่งตาโตทันทีอย่างไม่ได้เอะใจเพียงแค่รู้ว่าเป็นเรื่องของ โนน์
VicTory say:
ตูว่า โนน์ น่ะผู้ชายชัวร์ๆว่ะ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
!!!
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะตาวิก มีหลักฐานรึเปล่า
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ถ้าล้อกันเล่นล่ะก็ ไม่ขำนะ
ผมรีบพิมพ์ตอบไปอย่างร้อนรนไม่รอให้อีกฝ่ายทันได้พิมพ์ตอบ
VicTory say:
ก็เมื่อกี้ไง นายเห็นรึเปล่าที่ โนน์ บอกว่า เคยใช้ชื่อว่า Unknown ที่บอร์ด T น่ะ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
เห็นสิ ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกันเหรอกับเรื่องนี้
VicTory say:
ก็นี่ล่ะ ปัญหาเพราะ Unknown ในบอร์ด T น่ะมันเป็นผู้ชาย
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
!! นายแน่ใจแล้วเหรอ ว่าไม่ใช่ชื่อซ้ำกัน รึว่าชื่อคล้ายกัน รึจำสลับกับคนอื่น
VicTory say:
แน่ใจสิ ดูนี่
จากนั้น ‘วิก’ ก็ส่ง log เก่าๆที่เขาเคยเก็บไว้ของ Unknown ที่อยู่บอร์ด T ให้ผมดูพร้อมกับร่วมกันวิเคราะห์อย่างละเอียด ถึงลักษณะการตอบ การพูดจา รึแม้แต่การสะกดคำผิดที่ชินเป็นนิสัย สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันไปแค่ Unknown ที่ผมเห็นนั้นคือ ‘ผู้ชาย’ เท่านั้นเอง
VicTory say:
เชื่อรึยังล่ะ ทั๊ค ตูว่าพวกเราโดนหลอกแล้วว่ะ ป่านนี้คงหัวเราะร่าอยู่หน้าคอมฯ แล้วมั้ง
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
....ไม่รู้สิ ตาวิก อย่าพึ่งมาถามช้านตอนนี้เลย มันกะทันหันเกินไปขอเวลาช้านแปป
ต่อจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนผมหลับไป พอตื่นขึ้นมาออนไลน์อีกครั้งก็พบว่าเรื่องที่ผมคุยกับ ‘วิก’ เมื่อคืนได้แพร่กระจายไปยังผู้คนในบอร์ดเกือบทั้งหมดแล้ว ทันทีที่ผมทราบข่าว ใจของผมก็ร้อนรุ่มขึ้นมาราวไฟสุม ผมรีบสอบถามไปยัง ‘วิก’ ทันที
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ตาวิก อยู่ไหม
VicTory say:
อยู่ๆ มีอะไรเหรอ ทั๊ค
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
นายใช่ไหมที่เอาเรื่อง โนน์ ไปบอกคนอื่น
VicTory say:
ก็ใช่อ่ะสิ ของแบบนี้ถ้าไม่รีบเตือนคนอื่นก็จะยิ่งถูกมันหลอกน่ะสิ ถูกไอ้เลวนั้นหลอก
จริงอยู่ว่าทุกคำพูดที่ ‘วิก’ พูดมานั้นถูกต้องทั้งหมด แต่ทว่าไม่รู้ว่าทำไมใจผมกลับรู้สึกยอมรับไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ด้วยเหตุผล แต่เป็นความรู้สึก เป็นจิตใจที่ผมไม่อยากยอมรับให้มันเป็นไปเช่นนี้ แต่ผมก็ไม่อาจจะหาคำพูดใดๆมาตอบโต้ ‘วิก’ ได้เลยแม้แต่ครึ่งคำ
หลังจากข่าวลือนี้แพร่สะพัดออกไป ท่าทีของทุกคนก็เริ่มเปลี่ยนไปแม้จะไม่มีใครพูดออกมาตรงๆถึงเรื่องที่ได้รับฟังมาแต่ต่างก็พากันตีตัวออกห่างจาก‘โนน์’อย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคงไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ แม้จะรับรู้ข้อมูลชุดเดียวกันแต่ผมก็ยังอยากคุยกับเธอคนนี้เหมือนเช่นดังเดิม
จนวันหนึ่งทัศนคติผมก็ต้องแปรเปลี่ยนไปเมื่อบางสิ่งบางอย่างมาถึง
Never Be Known say:
สวัสดีค่ะ นอนรึยังเอ่ย ^^
‘โนน์’ ทักผมขึ้นมาในกลางดึกดั่งเช่นปกติทุกวันที่พวกเราจะมานั่งคุยกันก่อนนอน
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
อ่า ก็กำลังจะนอนอยู่เลยพอดีครับ ^-^!
Never Be Known say:
เอ๋..งั้นรบกวนรึเปล่าคะนี่
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
เปล่าหรอกครับ ^^ ว่าแต่ โนน์ มีอะไรรึเปล่า
Never Be Known say:
อ๋อ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่หาเพื่อนคุยเฉยๆ ^^’ หมู่นี้รู้สึกว่าแต่ละคนมีท่าทีแปลกๆไปยังไงไม่รู้สิคะ
ผมไม่แปลกใจเลยที่ โนน์ จะเริ่มรู้สึกตัวถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจึ้น แค่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปแกล้งทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่อง
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
แปลกไปยังไงเหรอครับ กังวลไปเองรึเปล่า
Never Be Known say:
อุอุ ไม่หรอกค่ะ ของแบบนี้น่ะผู้หญิงรู้สึกได้ก่อนอยู่แล้ว
พอได้ยินคำว่า ‘ผู้หญิง’ ขึ้นมาจู่ๆผมก็เหมือนกับคนขาดสติจู่ๆก็พิมพ์ข้อความออกไปโดยไม่ทันคิด
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
อาจจะเพราะ เขาคิดว่า โนน์ ใช่ผู้หญิงไหมก็ได้มั้งครับ ^^’
พอรู้ตัวอีกทีข้อความก็ได้ถูกส่งไปแล้ว แม้ใจหนึ่งจะยังกล้าๆกลัวๆ แต่ส่วนหนึ่งผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า โนน์ จะตอบว่ายังไง
Never Be Known say:
คิก...ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทั๊ค คิดยังไงบ้างล่ะคะ?
ผิดคาดที่ โนน์ ไม่แสดงท่าทีอาการใดๆออกมาเลย กลับกลายเป็นผมเมื่อถูกถามกลับมาที่ไม่กล้าจะตอบ ความรู้สึกมันแบ่งเป็นสองส่วน หนึ่งคือพูดไปตามความจริงที่คิด รึสองพูดอ้อมๆเพื่อรักษาน้ำใจ ทว่านั่นก็ไม่ต่างอะไรไปจากการโกหกเลยแม้แต่น้อย ผมครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งจนในที่สุดก็ได้ตอบออกไปว่า
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ผม....คิดว่า ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไงผมก็เชื่อว่า โนน์ ที่ผมรู้จักนั้นเป็นตัวจริงแน่นอน แม้จะไม่มีอะไรยืนยัน รึแม้ว่าคนอื่นจะเชื่อยังไง ส่วนตัวผมนั้นผมก็จะยังเชื่อแบบนี้ไปครับ ^^’
Never Be Known say:
....
Never Be Known say:
ที่พูดออกมานั้น จริงรึเปล่าคะรึแค่พูดเพื่อให้สบายใจ คิดยังไงก็พูดมาเถอะนะคะเราไม่ว่าอะไรหรอก^^
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
หากเลือกได้ ก็อยากโกหกอยู่เหมือนกันครับ^^’
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
เพียงแต่ว่า หากโกหกออกไปผมก็คงได้แค่ยืนอยู่ตรงนี้ อยู่ห่างกับ โนน์ เท่าเดิมที่เป็นอยู่นี้ ทว่าผมไม่ได้พอใจกับคำว่า “เพื่อน” ที่พวกเราเป็นอยู่ ผมต้องการที่จะเป็นมากกว่านั้น ดังนั้นถึงจะไม่มีอะไรรับประกันความเชื่อนี้ แต่ผมก็ขอใช้หัวใจผมเดิมพัน ครับ
ทุกคำพูดที่พิมพ์ออกไปล้วนกลั่นกรองออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจผมทั้งสิ้นจากนั้นผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้ารอคำตอบที่จะมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ
Never Be Known say:
ขอบคุณนะคะ ^^ ทั๊คพึ่งเป็นคนแรกที่พูดกับเราแบบนี้
Never Be Known say:
ถ้างั้น มีทติ้งบอร์ด อาทิตย์หน้าทั๊คจะไปด้วยไหมคะ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
อืมมม ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าจะว่างไหม
Never Be Known say:
อุอุ ถ้างั้นรบกวนทำตัวให้ว่างทีนะคะ แล้วไปเจอกันที่นั่น
จากวันนั้นผมก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แทบจะนับทุกนาทีที่ผ่านไปจนในที่สุดก็ถึงวันนัด ผมแอบวาดฝันถึงหน้าตาของ โนน์ ไปต่างๆนาๆอยู่คนเดียวราวกับคนบ้า แม้คนรอบข้างจะนั่งรายล้อมอยู่นับสิบกลางร้านอาหารที่เสียงดัง จอแจ แต่ก็หาได้อยู่ในความสนใจของผมเลยแม้แต่น้อย
จวบจนเสียงฝีเท้าหนึ่งก้าวเข้ามาทุกคนในงานก็พากันเงียบลงอย่างไม่ได้นัดหมาย เสียงฝีเท้านั้นเดินเข้ามาใกล้จนถึงโต๊ะของพวกเรา ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งออกมาพร้อมกับเสียงอุทานดังลั่นทั้งโต๊ะว่า “สวัสดีครับนี่ใช่โต๊ะบอร์ด G รึเปล่า ผม โนน์ครับ”
เสียงนั้นดังขึ้นเสียดแทงเข้าไปในโสตประสาทปานอัสนีบาตฟาด ผมรีบเงยหน้าขึ้นตามเสียงไปอย่างฉับพลัน และสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าผมนั้นก็คือ ชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวขาวสะอาดหน้าตาดีดวงตาคมเข้ม ผมดกดำที่มือมีปานเล็กๆสังเกตได้ชัด
“นะ....โนน์จริงๆเหรอ..” ผมกลั้นใจถามออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรงดังโลกที่วาดฝันได้พังทลายลงมากดทับ “ครับผมเอง นั่นทั๊คสินะหน้าตาเหมือนกับในรูปเปะเลยนะ”ยิ่งได้รับคำตอบนี้กลับมาผมก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่านี่คือ โนน์ แน่นอนเพราะเธอเป็นคนเดียวที่ผมเคยให้ดูรูปตัวจริง
จากนั้นทุกคนที่อึ้งกันอยู่ไม่นานก็พากันสนุกสนานกันในวงอาหาร พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาอย่างกับเป็นเรื่องตลก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าเมื่อความจริงปรากฏแม้จะไม่ใช่อย่างที่ตนคาดหวังแต่ก็ยังดีกว่าการถูกปิดบังไปอย่างเช่นคนโง่จึงไม่มีใครติดใจกับการที่ โนน์ เปิดตัวว่าเป็นผู้ชายกลางงานมีทติ้งแห่งนี้
‘นี่หรือผลตอบแทนของการไว้ใจ’ ‘นี่หรือคนที่ผมเชื่อใจ’ สองประโยคนี้ดังก้องกังวารในห้องผมไม่รู้กี่หมื่นกี่พันรอบจนผมกลับมาถึงห้องในสภาพสลึมสลือจนเกือบไร้สติ หมดเรี่ยวแรงล้มฟุบอยู่บนเตียงไม่ลุกไปไหนเลยเกือบวันกับคืนเต็มๆ
เมื่อรวบรวมแรงใจที่เหลือน้อยนิดจนลุกขึ้นจากเตียงได้ สิ่งแรกที่ผมทำคือยกแขนเสื้อขึ้นมาป้ายเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลย้อยลงมาเต็มหน้าก่อนจะลุกเดินมาที่โต๊ะคอมฯ ผมไม่ทราบว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ไม่ทราบว่าต้องการจะทำอะไร อาจจะเพียงเพราะว่าผมคิดถึง โนน์ คนที่ผมรู้จักและแอบหวังลมๆแล้งๆว่าจะได้พบเจออีกครั้งทั้งๆที่รู้ตัวว่าเป็นไปไม่ได้
ทว่าทันทีที่ผมเข้าสู่ระบบของ โปรแกรม MSN นั้นมีข้อความหนึ่งส่งถึงผมมแบบทันทีทันใดราวกับว่าเฝ้ารอการมาของผมอยู่แล้วอย่างใจจดใจจ่อและคนที่ทักผมนั้นก็หาใช่ใครที่ไหน โนน์ นั่นเอง
Never Be Known say:
ปัง!!
Never Be Known say:
พึ่งตื่นเหรอคะ ^^ เป็นไงบ้างเอ่ยงานมีทติ้ง
เธอทักทายผมอย่างปกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นราวกับว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงฝันไปจนผมสับสบอย่างมากและไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ทำไม....ทำไมถึงยังทำตัวเป็นปกติได้ล่ะครับ ทำไมถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ คุณสนุกมากไหมที่เหยียบย่ำความไว้ใจผม ทำร้ายความรู้สึกที่ผมมีให้ ผมมันโง่มากสินะ
แต่เมื่อเป็นดั่งนี้ใจที่ปวดร้าวของผมก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นราวกับจะแหลกสลาย จนอดไม่ได้ที่ต้องพิมพ์ต่อว่าออกไปแรงๆแบบนั้น
Never Be Known say:
.........
Never Be Known say:
เหรอคะ.....
Never Be Known say:
ที่แท้ ทั๊ค ก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่น คำว่าเชื่อใจของทั๊คก็มีเพียงแค่นี้เอง
โนน์ ตอบกลับมาอย่างเหนือความคาดหมาย ทั้งๆที่เธอ ไม่สิ เขา น่าจะเป็นฝ่ายผิดแต่ทำไมผมกลับรู้สึกแปลกๆต่อคำพูดนี้เป็นอย่างมากราวกับถูกร่ายมนต์ขลัง
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ก็ ในเมื่อความจริงมันปรากฏมาแบบนี้แล้ว จะเหลือสิ่งไหนให้ผมเชื่อใจได้อีกล่ะ
โนน์ นิ่งไปสักครู่หนึ่งหลังจากที่ผมพิมพ์ข้อความนี้ออกไปผมอาจทราบได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ต่อจากนั้นเขาก็พิมพ์ข้อความตอบผมกลับมา
Never Be Known say:
พรุ้งนี้ทั๊คว่างไหม ถึงจะไม่ว่างก็ขอให้ว่างทีเถอะนะ พรุ้งนี้พวกพี่วิกเขาจะ รีมีทติ้งสำหรับคนที่ไม่ได้ไปในวันแรกกัน อยากให้ทั๊คไปอีกครั้งหนึ่ง เราอยากให้ทั๊คมาเห็นอะไรบางอย่างกับตา
Never be known ออกจากระบบ
ณ เวลานั้นผมรู้สึกเพียงอย่างเดียวว่า ท่าที่ของ ‘เขา’ นั้นแปลกมากคาดเดาไม่ได้เลย ทำไมถึงยังกล้านัดผมออกไป ทำไมถึงทำเหมือนผมเป็นฝ่ายผิด และที่ยิ่งไม่เข้าใจมากกว่าก็คือทำไมผมถึงยอมไปตามนัดของคนที่หลอกลวงความเชื่อใจผมก็ไม่ทราบได้
ผมออกจากบ้านในวันถัดมาอย่างอิดโรยต่างจากวันแรกโดยสิ้นเชิง ใจก็เอาแต่กร่นด่าตนเอง หลายครั้งจนเมื่อมาถึงงานมีทติ้ง ผมก็เลือกนั่งมุมเงียบๆที่ห่างไกลผู้คนไม่สุงสิงรึพูดจากับใครทั้งนั้น แต่แล้วภาพเหตุการณ์เดจาวู ภาพหนึ่งก็กลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง
ผู้คนที่กำลังคุยเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่ครื้นเครง จู่ๆก็พลันเงียบลงด้วยเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “ขอโทษนะคะ มาสายไปหน่อยรถติดมาก” เมื่อมองกลับไปยังต้นเสียงก็พบกับ สาวน้อยรูปร่างเล็กผิวพรรณขาวละมุนใบหน้าอ่อนหวาน ดวงตากลมโตผมยาวถึงกลางหลัง
แต่แปลกที่ไม่มีใครในที่นี้รู้จักเธอเลยแม้แต่น้อยรึแม้แต่จะเดาว่าเป็นใครใน บอร์ด G ก็ยังไม่มี จนกระทั่งเจ้าหล่อน พูดประโยคต่อไปออกมาทำให้ผู้คนในงานต่างยิ่งตกตลึงมากยิ่งขึ้น “แหะๆ ทำไมทุกคนทำหน้า งง กันหมดแบบนั้นล่ะคะ โนน์ เอง”
ที่ตามมานั้นก็คือเสียงฮือฮาที่ดังขึ้นพร้อมเพรียงกันอย่างตกตลึง รวมถึงผมเองที่ถึงกับลุกยืนขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเบิกตาค้างมองอย่างไม่เชื่อสายตา จนกระทั่ง ‘โนน์’ หันมาพบ เธอก็เดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดออกมาว่า
“สวัสดีค่ะ ทั๊ค เจอกันอีกแล้วนะคะ”
ในตอนนี้ผม ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไปดีเมื่อความจริงที่ผมพึ่งเจอเมื่อวานนั้นกลับเปลี่ยนไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ความสับสนยิ่งกว่าทุกครั้งต่างพากันประดังเข้ามาแต่ผมก็ไม่รู้จะหาคำตอบยังไง ทำได้แค่ก้มหน้าหลบสายตาเธอจนเหลือบไปเห็นปานเล็กๆที่มือของ ‘โนน์’ ซึ่งเป็นรอยเดียวกนกับผู้ชายที่ผมเจอเมื่อวันก่อนไม่มีผิด
จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้คำตอบจากใดๆ ในตอนนั้น เพราะในขณะที่ผมมัวแต่ยืนอึ้งอยู่ โนน์ ก็ถูกคนอื่นดึงตัวไปสอบถาม ทว่าคำตอบที่ได้นั้น กลับเป็นการยืนยันว่าคนที่มาคราวก่อนก็คือตัวเธอเองไม่ใช่พี่ชายรึฝาแฝดแต่อย่างใด จนบรรยากาศงานมีทติ้งครั้งนี้ตลบอบอวลไปด้วยความงุนงงของผู้คนทั้งงาน
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแน่ใจได้อย่างไม่ต้องค้นหาเลยนั่นก็คือเธอคนนี้คือ โนน์ คนที่ผมรู้จักแน่นอนบุคลิกลักษณะนิสัย ถอดแบบออกมาจากในคอมฯ ไม่มีผิดเพี้ยน ร่าเริง สุภาพ จนแทบจะลืมว่าเธอเคยปรากฏตัวครั้งแรกในสภาพของชายหนุ่มมาแล้วก่อนหน้านี้
สุดท้ายผมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน โนน์ ต่อเลยแม้แต่คำเดียวจนงานเลิกพวกเราต่างก็พากันแยกย้ายกลับบ้านไป ผมกลับถึงห้องพร้อมกับความสับสนไม่ต่างจากเมื่อวาน หากแต่วันนี้กลับเป็นความรู้สึกที่ไม่หนักและดำมืดเท่า จนผมมานั่งเหม่อมองจอคอมที่ปิดไว้สนิทไม่กล้าเปิด ไม่กล้าจะสัมผัสมันด้วยความวิตกกังวลที่แสนประหลาดใจแต่ก็ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร
นั่งอยู่นานในที่สุดผมก็ตัดสินใจเปิดคอมฯขึ้นมา Login MSN เหมือนคนไม่มีที่ไปครั้งนี้เมื่อเข้าระบบสำเร็จไม่มีเสียงทักทายมาแบบสายฟ้าแล่บแบบครั้งก่อน แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรคิดแค่ว่าคงยังกลับมาไม่ถึง จึงเข้าบอร์ด G เหมือนทุกๆครั้ง จึงได้รู้ว่าตอนนี้ โนน์ กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักของ website นี้ไปซะแล้ว ซึ่งจริงๆมันก็ไม่น่าแปลกอะไร
อ่านอยู่ไม่นานผมก็ออกมาโดยไม่ได้ออกความเห็นอะไรไปและกำลังคิดจะปิดคอมฯนอนหลับเพราะคิดว่าวันนี้ โนน์ คงไม่มาแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเธอก็ทักผมมาเหมือนรู้ว่าผมกำลังจะไป
Never Be Known say:
สวัสดีค่ะ มีทติ้งรอบนี้เป็นยังไงบ้างคะ
ทันทีที่ได้รับข้อความนิ้วผมก็รบพิมพ์ตอบกลับเธอไปอย่างทันทีทันใด ราวกับเชื้อเพลิงที่ติดไฟ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ก็...งุนงงนิดหน่อย แต่ถ้าเทียบกับครั้งแรกแล้วถือว่าดีกว่าล่ะครับ ^^’
Never Be Known say:
เพราะว่าเรา โผล่ไปในสภาพนั้นใช่ไหมล่ะคะ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ถ้าจะให้พูดก็คงเป็นแบบนั้นล่ะครับ ยังไงซะเราก็อยากใคนที่เราอยากเจอเป็นแบบที่เราต้องการมากกว่า
ในตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมได้พูดผิดไปอย่างมหันต์ที่ตอบออกไปเช่นนั้น
Never Be Known say:
นี่สินะคะ....ความไว้ใจ....ความเชื่อใจของคุณ สุดท้ายมันก็แค่นี้เองใช่ไหม แค่ต้องการพบเห็น รึสัมผัสสิ่งที่ตนต้องการ...แบบนั้นน่ะ มันเรียกว่าเชื่อใจแล้วสินะคะ
ผมสัมผัสได้ทันทีถึงความรู้สึกแปลกๆที่ส่งผ่านออกมาจู่ๆในสมองผมก็เห็นมโนภาพของ โนน์ ที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่หน้า คอมฯ อย่างชัดเจนแม้ว่าเราจะสื่อสารกันผ่านตัวอักษรเท่านั้น
Never Be Known say:
ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา เราว่าพวกเราเลิกติดต่อกันเพียงเท่านี้เถอะ
Never be known ออกจากระบบ
นับจากวันนั้น โนน์ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไม่ทันที่ผมจะเอ่ยแม้คำอำลา ทิ้งไว้เพียงตำนานที่เล่าต่อกันมาในเวปบอร์ด G ส่วนผมนั้นก็พยายามส่งเมล์ ไดอารี่ ประจำวันถึงเธอทุกวันด้วยใจที่หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พบเธออีกครั้ง แม้นว่าผมจะยังไม่อาจหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดได้ แต่อย่างน้อยไครั้งหน้าที่ได้พบเธออีกครั้งผมจะไม่มีวันปล่อยให้เธอหายไปอีก ไม่ว่าตัวตนจริงๆเธอจะเป็นยังไงแต่ โนน์ที่ผมรู้จักก็มีคนเดียวเท่านั้น
จนเวลาก็ผ่านมา 1 ปีพอดีนับจากวันที่ โนน์หายไปทุกวันผมยังคงส่ง ไดอารี่ให้เธอเสมออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนในที่สุดสวรรค์ก็ได้ประทานรางวัลให้ผมโดยการได้พบกับเธออีกครั้ง ผ่านหน้าจอคอมฯ ที่ไม่ได้พบกันนานกว่า 1 ปี
Never Be Known say:
สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานนะคะ
แทนที่ผมจะรีบตอบกลับเธอไปอย่างร้อนรนเช่นทุกที ครั้งนี้ผมกลับใจเย็นสงบนิ่ง อาจเพราะเวลาที่ผ่านไปทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
สวัสดีครับ ^^ ไม่เจอกันนานเลย โนน์ คงสบายดีนะครับ
Never Be Known say:
ก็สบายดีค่ะ มีเมล์มาให้อ่านทุกวันเลย วันนี้เห็นยังไม่ส่งมาสักทีเลยว่าจะต้องมาทวงสักหน่อย
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
^^’ พอดีวันนี้เป็นวันแห่งการลำรึกถึงคนสำคัญของคนเขียนน่ะครับเขาเลยต้องใช้เวลาสักนิด
Never Be Known say:
เหรอคะ.....ดีใจแทนคนที่คุณคนเขียนเขาคิดถึงจังนะคะ
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ครับ ทุกตัวอักษรที่เขียนออกไปล้วนกลั่นกรองออกมาจากใจของคนเขียนทั้งสิ้น ทุกวันที่ส่งออกไปก็หวังเพียงแต่จะได้พบเจอกันอีกสักครั้ง อยากได้โอกาสแก้ไขความผิดในอดีตอีกสักหน
Never Be Known say:
อุอุ ฟังดูแล้วยิ้มได้เลยนะคะ
Never Be Known say:
ถ้าหากว่า คุณคนเขียนจะได้โอกาสพบเจอ คนอ่านอีกสักครั้ง เขาจะยังกล้าพูดว่าจะเชื่อใจ รึจะกล้าเสี่ยงอีกไหมต่อหัวใจที่บอบบางนั้น
ถึงตรงนี้ผมก็หลับตาย้อนนึกถึงอดีตนับตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักเธอ ครั้งแรกที่พบเห็น ครั้งแรกที่ได้พูดคุยถามใจตัวเองก่อนที่จะตอบสิ่งใดออกไป เมื่อผมได้คำตอบที่แน่ชัดกับตัวเองแล้วผมจึงบรรรจงตอบออกไปว่า
Tuk : ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มาพบกัน say:
ผมเชื่อว่า คุณคนเขียนเขามีบทเรียนกับสิ่งผิดพลาดในอดีตดี เขาเคยพลาดที่ไม่ยอมเชื่อใจคนสำคัญของเขาครั้งนี้หากเขาได้โอกาสอีกครั้งเขาจะขอมอบความเชื่อใจทั้งหมด ให้กับเธอและไว้ใจว่าตนเองนั้นไว้ใจคนไม่ผิด
หลังจากที่ผมพิมพ์ความในใจออกไปแล้วนั้น ถึงคราวของ โนน์ ที่นิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะตอบกลับมาเช่นไรดี แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับมาว่า
Never Be Known say:
ถ้าอย่างนั้น ฝากบอกคุณคนเขียนทีสิคะว่า พรุ่งนี้ 6โมงเช้าให้มาเจอคุณคนอ่านที่ สะพานกลางสวนสาธารณะกลางเมือง
Never Be Known say:
โอกาสจะไม่มีครั้งที่สองแล้วนะคะ
หลังจากนั้นผมก็รีบเข้านอนทันทีเพื่อจะได้ตื่นไปให้ทันตามที่นัดไว้แม้จะไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่เบื้องหน้าก็ตามแต่อย่างน้อยครั้งนี้ ผมก็ไม่ได้พูดออกไปพล่อยๆว่า เชื่อใจ อย่างแน่นอน พอถึงตอนเช้าผมรีบออกจากบ้านเพื่อมาตามนัดหมาย
ซึ่งวันนี้บรรยากาศตอนเช้าก็ราวกับจะหยอกล้อ หมอกที่ไม่น่าจะมีในยามนี้ก็กลับปกคลุมไปจนทั่วเมืองแต่ก็ยังพอจะมองเห็นทางได้ไม่ยากนัก ทว่าระหว่างทางก่อนถึงจุดนัดหมาย ราวๆ
“มาแล้วเหรอครับ ขอบคุณนะที่มา” โนน์ ชายเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ผมราวกับแฝงความในเอาไว้ ก่อนจะพูดต่อมาว่า “ความจริงก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ โนน์ หญิงที่คุณเห็นนั้นจริงๆคือเพื่อนที่ผมขอให้ไปปั่นหัวพวกคุณที่งานเองล่ะ ขอบใจจริงๆที่อุตสาห์เชื่อ” ก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะเยาะออกมาดังลั่น
แว่บแรกที่ได้ยินผมถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ทว่าเสียงบางอย่างก็ดังก้องขึ้นมาในหัวผมว่า “จงเชื่อใจในเธอคนนั้นสิ จงเชื่อใจเธอให้ได้เหมือนกับที่ได้เคยพูดออกไป” ผมไม่ทราบว่านั่นเป็นเสียงของใครแต่ผมก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบเพราะเวลานี้สิ่งที่ผมต้องทำคือเดินหน้าต่อไปยังจุดที่นัดหมาย
“จะไปไหนของคุณน่ะครับ ยังไม่กลับไปอีกเหรอ รึว่าเพี้ยนจนเสียสติไปแล้ว” โนน์ ชายพยายามเอ่ยห้ามขึ้นมา
จนผมได้ยินดังนั้นผมจึงหันไปยิ้มบอกกับเขาเพียงสั้นๆก่อนที่จะเดินต่อไปว่า “ขอโทษนะครับ ผมกำลังรีบไปหาคนที่ผมเชื่อใจที่สุดอยู่” อาจจะฟังดูเหมือนบ้าบอรึคนที่ไม่ยอมรับความจริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ยังคงเดินต่อไป ๆ
และในที่สุดผมก็มาถึงจุดนัดหมายที่ถูกระบุไว้ใน MSN ทว่ากลับไม่มีใครยืนรอที่ตรงนั้นเลย แต่ผมก็ยังไม่ย่อท้อยืนรออยู่ที่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน จากเวลาเช้า เลื่อนไปจนถึงสาย ต่อมาจนบ่าย และจนถึงย่ำค่ำ เธอก็ยังไม่มา จนถึงขีดสุดของร่างกายผมจึงทรุดลง
ทว่าในขณะเดียวกันนั้นเองที่ผมกำลังจะล้มไปผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักรีบวิ่งเข้ามาก่อนที่ผมจะหมดสติไป ท่ามกลางความมืดมิดนั้น ผมไม่อาจทราบได้ว่าตนเองนั้นหลับไปนานแค่ไหน เมื่อฟื้นได้สติอีกครั้ง เพราะรู้สึกได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ตกลงมาบนหน้าเบาๆ
เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองนั้นขณะนี้ถูกหิ้วมานอนพักอยู่ในศาลาริมน้ำใกล้จุดนัดหมายไม่ไกลนัก แต่ที่น่าตกใจก็คือที่ๆผมนอน กลับเป็นตักของหญิงสาวที่กำลังร้องไห้น้ำตานองแก้มอยู่ เธอคนนั้นเป็นคนที่ผมเคยพบกันแค่เพียงครั้งเดียว แต่เป็นคนที่ผมสาบานว่าจะไว้ใจเธอโดยไม่คิดสงสัยอะไรแม้แต่น้อย
“ขอบคุณนะคะ ที่ไว้ใจฉัน เชื่อในฉันขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ” เธอกล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงสะอื้น และน้ำตายังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย
ผมจึงค่อยๆเอื้อมมือออกไปเช็ดหยดน้ำจาให้เธอ ก่อนที่จะยิ้มอย่างดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง และพูดออกไปเพียงสั้นๆว่า “ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผมได้พบ” จากนั้นผมจึงลุกขึ้นมาสอบถามเธอถึงเรื่องราวทั้งหมดว่ามันมีความเป็นมายังไง
ซึ่ง โนน์ ก็อธิบายให้ผมฟังอย่างไม่มีปิดบังเธอ กับ โนน์ชายนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใดๆกันทางสายเลือดเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าเธอกับเขาต่างสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ผ่านทาง เทเลพาธี สาเหตุก็เนื่องมาจากคลื่นสมองของทั้งสองเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งคู่จึงสามารถสื่อสารกันและรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายได้ราวกับเป็นคนๆเดียวกัน
“จะรับได้ไหมคะ กับผู้หญิงที่สื่อใจถึงคนอื่นได้ ที่ไม่ใช่คุณ จะรับได้ไหมคะที่จะมีคนรับรู้เรื่องของเราอย่างไม่อาจจะหลีกเลี้ยงได้” โนน์ถามผมอีกครั้งถึงความแน่ใจ
ผมไม่ได้ตอบสิ่งใดกับ โนน์ไปนอกจากดึงเธอเข้ามากอดไว้อย่างแนบแน่น บอกให้เธอรู้ผ่านภากาย ให้เธอได้สัมผัสถึงเสียงหัวใจที่เต้นดังอยู่ของผม ก่อนที่จะบอกเธอ ชัดๆข้างหูเบาๆว่า “ผมรักคุณนะ”
แม้ว่าต่อจากนี้เรื่องราวของพวกเราจะเป็นเช่นใดรึมีอุปสรรคแค่ไหนที่ไม่อาจจะคาดเดาได้เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยๆผมก็มั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นก็ตาม ผมก็จะรักเธออย่างหมดใจและไว้ใจเธอทุกอย่างที่เธอทำตราบเท่าที่ชีวิตผมจะมอบให้คนๆนึงได้ ตลอดไป....
ผลงานอื่นๆ ของ ryuone ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ryuone
ความคิดเห็น