ข้างใจ - นิยาย ข้างใจ : Dek-D.com - Writer
×

    ข้างใจ

    คุยด้วยหน่อย นอนไม่หลับ มันคิดเนี้ย

    ผู้เข้าชมรวม

    49

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    49

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  27 ส.ค. 55 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     “ไอ้แฝด รออีกแปป ฉันต้องไปชุมนุมนิสิตก่อน”
    “ อะไรของแกอีกว่ะเนี้ย ไอ้เมษา ” ไอ้คู่แฝดเริ่มอารมณ์เสียจากการที่มันทั้งสองรอเพื่อนคนนี้ของมันรายงานตัวมานานพอสมควรแล้ว
    เราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล และตอนนี้พวกเราก็เป็นเฟรชชี่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ไอ้แฝดมันเลือกเรียนคณะเกษตร ส่วนฉันคนนี้เลือกเรียนสถาปัตยกรรม เหตุผลของไอ้โอ๋แฝดผู้พี่ที่เลือกเรียนเกษตรก็เพราะว่ามันชอบกลิ่นดิน กลิ่นต้นไม้ โรแมนติกซะ  แต่เหตุผลของไอ้เอ๋นี้สิมันฝันว่ามันจะเป็นเจ้าของสวนองุ่น ไร่ชา ไร่สตรอเบอรรี่  อนาคตมันคงรวยน่าดู เหตุผลของฉันน่ะหรอล้วนมาจากความชอบทั้งนั้น ฉันชอบที่วาด ชอบที่จะตกแต่ง ชอบที่จะคิด มันทำแล้วมีความสุขนะ  
    “ อย่าบ่นให้มันมากได้มั้ยเนี้ย พวกแกจะทิ้งฉันหรอ” ฉันจ้องหน้าพวกมันแล้วทำตาปริบๆ
    “ เอ้อๆ ตลอด บ่นก็ไม่ได้ ” เอ๋ตอบ
    “เดี่ยวพากินฟูจิ” สุดท้ายมันก็ยอมเพื่อนสาวคนสวยมันจนได้
    “ แกเลี้ยง” ไอ้โอ๋จอมงก ตาลุกเชียว
    “เอ่อ เรื่องกินเนี้ยที่หนึ่ง งั้นรอแปปเดี่ยวมา ”  พอตกลงกับเพื่อนได้ ฉันก็วิ่งไปชุมนุมที่รุ่นพี่บอกไว้ก่อนหน้านั้น 
    มีรุ่นพี่มาต้อนรับอยู่หน้าชุมนุม  เพื่อนๆหลายคนนั่งอยู่ในชุมนุมแล้ว ฉันเข้าไปนั่งได้สักพักมีคนเข้ามาเพิ่มพอสมควรรุ่นพี่บอกให้พวกเราทำความรู้จักกันเพราะนี้คือเพื่อนรุ่นเดียวกัน เราจะเรียนไปด้วยกันแล้วจบรับปริญญาพร้อมกัน 
    “หวัดดีเราชื่อเมษานะ มาจากภูเก็ต” ฉันแนะนำตัวกับเพื่อน 
    “หวัดดีเราชื่อใหม่ มาจากเชียงใหม่   ภูเก็ตทะเลสวยมั้ย” เพื่อนชื่อใหม่คนนี้ดูกระตือรือร้นมากเมื่อได้ยินว่าฉันมาจากภูเก็ต
    “สวยจ้า ไว้จะพาไปเที่ยว” ฉันตอบ
    “ ดีใจจัง”  ใหม่พูดแล้วยิ้ม
     ฉันคุยกับใหม่อยู่นานพอสมควรจนไม่ได้คุยกับคนอื่นเลย พอเห็นว่าเพื่อนคนอื่นขอตัวกลับ ฉันเลยขอตัวกลับบ้าง ไอ้คู่แฝดคงรอนานแล้วล่ะ
    ลืมบอกไปว่าพวกเราทั้งสามมาจากภูเก็ตเมืองไข่มุกอันดามัน หาดสวยทะเลใส พ่อแม่ของฉันกับพ่อแม่ของไอ้แฝดเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ที่บ้านฉันทำธุรกิจรีสอร์ทเล็กๆ ส่วนที่บ้านไอ้แฝดทำสวนยางจะว่าไปพวกมันก็เป็นลูกนายหัวน่ะนั้น
    “เฮย ไอ้เอ๋แล้วไอ้โอ๋หายไปไหนวะ” ฉันทักไอ้เอ๋ทันทีเมื่อเห็นมันยืนอยู่คนเดียว
    “ นู่นแนะ ขอเบอร์สาวอยู่โน่น” เอ๋ตอบพร้อมบุ้ยปากไปยังแฝดผู้พี่
    “ มันไวแท้” ฉันหันไปทางไอ้โอ๋ แล้วเหนื่อยใจกับพฤติกรรมที่จีบสาวไปทั่วของมัน
    “ เอางั้ยดีจะกลับไปเปลี่ยนชุดก่อน หรือจะไปกินกันเลย” ฉันปรึกษากับไอ้เอ๋
    “หิวจะกินแกได้อยู่แล้ว ไปกินเลยดิ” เอ๋ตอบ
    “งั้นก็ไปกัน ไปลากไอ้โอ๋มาด้วย จะไปรอที่รถ”  ฉันพูดแล้วเดินแยกออกไปทางที่จอดรถ
    หลังจากนั่งติดเหง็กบนรถที่ติดมาเกือบครึ่งชั่วโมงจนเลยเที่ยงมานานพอสมควร  เราก็มานั่งอยู่ในร้านฟุจิในย่านรัชโยธิน 
    “ ทำไมรถมันติดงี้ว่ะ ไม่เหมือนที่บ้านเรา ระยะแค่นี้นะให้ 5 นาทีถึง” ไอ้โอ๋บ่น
    “ เอานะ ทำใจเหอะ ที่นี่ bkk น่ะจ๊ะ” ฉันเตือนมัน
    “เอ๋ แกซื้อชุดนิสิตยังอ่ะ ไปเป็นเพื่อนฉันซื้อหน่อยดิ” ฉันหันไปทางเอ๋
    “ ยังอ่ะ เดี่ยวไปซื้อด้วยแล้วกัน” เอ๋ตอบ
    “ ดีๆ ไอ้เอ๋ซื้อเพื่อด้วย ขี้เกียจไป ” โอ๋แสดงความขี้เกียจนี่แหละเหตุผลที่ฉันไม่ขอความช่วยเหลือจากไอ้โอ๋มัน
    พนักงานเข้ามาเสริฟอาหารเราจึงหยุดคุยแล้วลุยกินอาหารตรงหน้าอย่างคนตายอดตายยาก  เราใช้เวลาทีฟุจิอยู่ประมาณชั่วโมงกว่าแล้วเดินซื้อของกินเข้าคอนโดอีกเล็กน้อย พวกเราพักคอนโดเดียวกันซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่มาก ดีนะที่พ่อแม่พวกเราคิดการณ์ไกลที่ซื้อคอนโดทิ้งไว้ตั้งแต่ราคายังไม่สูงเท่าปัจจุบันนี้
    “เม แล้วจะไปซื้อชุดกี่โมง” เอ๋ถาม
    “ วันนี้ฉันเหนื่อยแล้วอะแก พรุ่งนี้ดีกว่าจะได้ไปเดินจตุจักรด้วย” ฉันตอบ
    “ok งั้นวันนี้แกก็พักผ่อน มีอะไรก็โทรมานะ” เอ๋ทำหน้านิ่งแล้วตอบกลับมา
    “ อือ ขอบใจ  ไปห้องแกได้แหละ บาย”
    ฉันจัดของกินที่ซื้อมาให้เข้าที่ก่อนที่เข้าห้องน้ำจัดการกับตัวเอง วันนี้เหนื่อยนิดหน่อยต้องวิ่งวุ่นยื่นเอกสารรายงานตัวบวกกับแดดที่ร้อนจ้าทำเอาฉันหมดแรงไปไม่น้อย พออาบน้ำเสร็จก็หลับไป
    “ชอบมันทำไมไม่บอกมันว่ะ ถ้าแกปล่อยไว้ยังนี้รับรองได้เลยว่าแกเสียใจแน่ไอ้เอ๋” โอ๋พูดย้ำ
    “มันจะพูดออกไปได้ยังไงวะ เราเป็นเพื่อนกันมานานเหลือเกิน นานจนฉันกลัวที่จะบอก” เอ๋ทำท่าลำบากใจ
    “ อือ เข้าใจนะเข้าใจ เพื่อนสนิทก็เคยดู แล้วรับได้ไหมละถ้าคนที่จับมือไอ้เม กอดไอ้เม คือคนอื่นที่ไม่ใช่แก ถ้าแกรับได้ก็ทำทุกอย่างอย่างที่เคยเป็นมา แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นแล้วแกเสียใจก็ควรทำอะไรให้มันชัดเจน ฉันก็เตือนแกได้แค่นี้ว่ะ โอ๋เห็นใจน้องก็อย่างว่าเรื่องของหัวใจมันลำบากเหลือเกิน
    “ฉันควรทำยังไงดีว่ะเนี้ย” เอ๋บ่นกับตัวเอง
    เอ๋รู้ตัวมานานแล้วว่าตัวเองนั้นชอบเพื่อนสนิทของตัวเองถึงขั้นรักก็ว่าได้ แต่ก็เก็บมาในใจตลอดทั้งทีความรู้สึกมันมากขึ้นทุกทีมันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รู้อีกทีก็รู้สึกไปแล้ว ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่เคยจะมองในหัวใจและหัวสมองก็มีแต่เมษาคนเดียวจะแสดงความรู้สึกห่วงใยให้มันมากกว่านี้ก็ไม่ได้ กลัวว่าเมื่อเพื่อนรู้แล้วจะมองหน้ากันไม่ติด
    เช้าวันเสาร์รถไม่ติดเหมือนวันปกติ เราใช้เวลาเดินทางแค่ 10 นาทีก็ถึงที่หมาย
    “ เม กางเกงนะมันไม่สั้นไปหน่อยหรอ” 
    เมเอาหลังมือไปอั้งหน้าผากของเอ๋  
    “แกไม่สบายรึป่าวเนี้ย หรือว่าเป็นบ้า ฉันก็ใส่ยังงี้มาตั้งนานแล้วนี่หว่า”
    “คนมันหวงนี่หว่า” เอ๋บ่นงุบงิบ อยู่คนเดียว
    “ หิวยังอ่ะ ฉันยังไม่หิวงั้นไปซื้อชุดก่อนแล้วกัน” ฉันถามแล้วก็ตอบเอง
    “แกถามฉันเพื่ออะไรหรอ” เอ๋ย้อนถาม
    “555...” ฉันหัวเราะ
    หลังจากซื้อชุดนิสิตจนครบของทั้งสามคนแล้ว รวมของไอ้โอ๋ที่นอนขี้เกียจอยู่ที่ห้องด้วยก็ใกล้เที่ยงพอดีเราจึงหาอะไรง่ายๆกินกัน
    “ เอ๋  ฉันว่าจอดรถไว้ที่นี่ดีกว่าแล้วนั้ง MRT ไปจตุจักรกัน” ฉันเสนอความคิดเห็น
    “ อือ เอางั้ยเอากัน” เอ๋ตอบ
    ระหว่างที่รอรถไฟฟ้าใต้ดินเมษาก็บังเอิญเจอกับใหม่ ที่มากับเพื่อนโรงเรียนเก่าซึ่งจะไปจตุจักรด้วยเหมือนกัน เมษาจึงแนะนำเอ๋ให้รู้จักกับใหม่
    “แฟนหรอเมษา” ใหม่กระซิบถาม
    “ บ้าแล้วใหม่ เพื่อนสนิทมากจ้าคนนี้” เมษาตอบใหม่พร้อมยักคิ้วให้กับเอ๋
    โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นมันทำให้หัวใจของเอ๋เจ็บแทบกระอัก
    เมื่อถึงจตุจักร ใหม่แล้วกลุ่มเพื่อนขอแยกตัวออกไป
    “แกเป็นอะไรหรือป่าวเนี้ย อาการกำเริบอีกแล้ว เงียบเชียว”  เมทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนเงียบ
    “เปล่า อากาศมันร้อนน่ะ” เอ๋เฉไฉ
    “ไหวมั้ยอ่ะ รึว่าเราจะกลับกัน” 
    “ไหวสิ อย่าห่วงหน่อยเลย ไป ไป ไป เดินช้อปกัน” พร้อมกับเอามือพาดคอเมษาให้เดินไปด้วยกัน
    จตุจักรช่วงบ่ายมีคนเยอะพอสมควร แดดค่อนข้างร้อน เอ๋จึงกางร่มที่หยิบติดมือให้แกเมษา
    “ เอ๋ แกไม่ต้องกางหรอกฉันอายคนอื่นเขา” ฉันพูดพร้อมเดินออกจากร่ม
    “ อาย อะไรร้อนจะตาย” แต่ก็ยอมเก็บร่มทันที
    “ เม ดูอะไรนี่ดิ น่ารักจัง” เอ๋ก้มลงมองพวงกุญแจหัวหมีอย่างสนใจ 
    “ อือ ก็น่ารักดี” ฉันตอบ
    “เอาป่ะ ซื้อให้” เอ๋ถาม
    “ แกชอบแกก็ซิ้อสิ ฉันซื้อเองได้  ทำตัวเป็นป๋าไปได้” ฉันย้อน
    “ อือ เอาไป” เอ๋ยื่นพวงกุญแจหัวหมีมาให้ ไม่รู้ไปจ่ายตังค์กันตอนไหน
    “อ้าว ทำไมซื้อมาเหมือนกันล่ะ” ฉันถามเมื่อเห็นว่าพวงกุญแจในมือเอ๋เหมือนกันกับของฉัน
    “ ชอบ น่ารักดี ตัวอื่นไม่น่ารักเท่า ” เอ๋ตอบ พร้อมมองไปทางเมษา
    เราใช้เวลาเดินช้อปกันอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมงจึงพากันกลับ
    วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก
    “ไอ้แฝด ตื่นๆๆ” ฉันเรียกพร้อมกับเคาะประตูห้อง
    “ อะไรวะเนี้ยไอ้เม  นี้มันเพิ่งตี 5 แกจะรับไปหาหอกที่ไหนวะ” โอ๋บ่นอย่างงัวเงีย
    “พวกแกอาบน้ำได้แล้ว ฉันตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว เห็นม่ะ ฉันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว น่ารักรึเปล่า” ฉันยืนเป็นนางแบบให้พวกมันชม
    “ก็น่ารักเท่าที่มีแหละว่ะ” ไอ้โอ๋ปากปีจอตอบ
    “ เออ ไอ้ตาบอด ไป ไป พวกแกไปอาบน้ำเลย” ฉันไล่ให้พวกมันไปอาบน้ำ
    บรรยากาศในมหาวิทยาลัยวันแรกครึกครื่นจัง อากาศก็ดีด้วยคงเพราะมหาวิทยาลัยฉันมีต้นไม้มากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นในกรุงเทพฯ ภูมิใจจังรักมหา’ลัยนี้ที่สุด วันแรกมีเรียนตั้ง 3 วิชาน่ะ แต่ก็ไม่ได้เรียนจริงจังเพราะอาจารย์แค่เข้ามาแนะแนววิชาเฉยๆ ช่วงเย็นรุ่นพี่ที่คณะนัดพวกน้องปี1 ให้มาเจอกันพร้อมกับบอกว่าพวกเราจะจัดกิจกรรมรับน้องให้แก่น้องปี 1 ทุกคนใครที่ขัดข้องหรือมีเหตุผลที่จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องก็ให้มาบอกรุ่นพี่ได้ ฉันนะเข้าร่วมแน่นอนเพราะฉันเชื่อว่าการรับน้องเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ชีวิตเด็กมหา’ลัยต้องผ่านและประสบสักครั้งหนึ่ง
    หลังเลิกกิจกรรมที่คณะ
    “ไอ้แฝดแกอยู่ไหนเนี้ย เมื่อไรจะมารับ จะค่ำแล้วนะ” ฉันพูดด้วยอารมณ์งอน เมื่อเห็นว่าจะค่ำแล้วพวกไอ้แฝดก็ยังไม่มารับ”
    “ โทษทีไอ้เม พอดีรถเสียตั้งแต่เที่ยงอ่ะ ฉันพาไปอู่แล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ที่คณะ อีกสัก 10 นาทีจะนั่งแท็กซี่ไปรับ” โอ๋ร่ายยาว
    ฉันยื่นรอไอ้แฝดสักพักพวกมันก็มา
    “ เมขึ้นมา” เอ๋ชวนขึ้นรถ
    “ แกจะบ้าหรอ ฉันจะนั้งตรงไหน” ฉันตอบกลับไปเมื่อเห็นว่าเดินรถแท็กซี่มีคนนั่งอัดกันมาทั้งหญิงและชายรวม 5 คน
    “ จะยากอะไร แกนั่งบนตักไอ้เอ๋มันก่อน เดี่ยวเพื่อนฉันก็ลงแล้ว” โอ๋ที่นั่งสบายอยู่ด้านหน้าตะโกนออกมา
    “อือ ๆๆ” ฉันก็พลอยตามน้ำไปกับพวกมัน
    เมื่อขึ้นมานั่งบนรถแถวหลังที่มีคนนั่งรวมกัน 6 คนมันช่างอึดอัดอะไรเช่นนี้
    “ไอ้เอ๋ถ้ามันจะลำบากขนาดนี้ แกให้ฉันกลับก่อนก็ได้นะ” ฉันพูดกระซิบแถบจะติดหูไอ้เอ๋อยู่แล้ว
    “เอานะ เพื่อนมันแค่ติดรถมาลงหน้ามอ” เอ๋กระซิบตอบกลับมา
    “หนักมั้ย” ฉันถามเอ๋
    “ ทนได้” เอ๋ตอบ
    “แสดงว่าหนัก” ฉันย้อน
    “หนักกว่านี้ ก็จะทน” เอ๋ตอบฉัน
    “อะไรของแก แกไม่ต้องทนหรอกเพราะฉันตัวเบาจะตาย 555” เราพูดกันเฮยกระซิบกันอยู่สักพักเพื่อนของไอ้แฝดก็ลงเมื่อถึงที่หมาย
    “ ไอ้เมแกลุกไปจากตักฉันได้แล้ว ที่ว่างแล้วนะเว้ย” เอ๋ถามเมื่อเห็นว่าที่นั่งว่างแล้วแต่ฉันยังไม่ลุก
    “เออ เอ่อ คือฉันเป็นตะคริวอ่ะ เมื่อกี้ฉันทำตัวเบานะ มันเจ็บ จี๊ด จี๊ด ตรงก้นเนี้ย” ฉันตอบไปอย่างอาย
    “5555...” เสียงไอ้คู่แฝดมันหัวเราะเยาะฉัน  สุดท้ายเอ๋ก็อุ้มตัวฉันไปวางไว้ตรงที่นั่งข้างๆ มันถามว่าจะนวดให้มั้ย มันคงลืมไปว่าฉันเป็นตะคริวตรงก้นนะเว้ย ฉันนวดเองได้ย่ะ
    เมื่อถึงคอนโดเราก็แยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง แต่ไม่วายโดนไอ้โอ๋แซวเรื่องก้นเป็นตะคริว ก็ฉันไม่อยากโดนไอ้เอ๋ว่าตัวหนักนี่ก็เลยทำตัวเบา ทั้งที่มันก็คงไม่ได้ช่วยอะไรมาก
    “นั่งตักกันด้วย อิจฉาว่ะ”  โอ๋แซวแฝดผู้น้องหลังจากเข้าห้องตัวเองแล้ว
    “แน่ะๆๆ หน้าแดงด้วยเว้ย” โอ๋ยังแซวไม่เลิก
    “ อะไร ใครหน้าแดง สุขภาพดีเว้ย  หน้าก็เลยเปล่งปลั่ง” เอ๋ตอบกลับอย่างไปไม่เป็น
    “พี่แนะนำอย่างเป็นทางการนะน้องสุดที่รัก บอกมันเถอะว่าชอบมัน  ถ้าแกยังปล่อยมันไปมีหวังคนอื่นคาบไปกินแน่  ไอ้เมมันน่ารักนะเว้ย นิสัยก็ดี ฉันมั่นใจว่าแกไม่ใช่คนเดียวที่ชอบมัน”
    “ อือ”เอ๋ตอบไปแค่นั้น  แต่สมองคิดไปไกลกว่านั้นมาก
    ผ่านไป 1 เดือนนับจากมหา’ลัยเปิดกิจกรรมรับน้องได้สิ้นสุดลง  ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาต่างคนก็ต่างโดนรับน้อง เรื่องที่โอ๋เคยเตือนไว้นั้นก็ผ่านไปกับกาลเวลาไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลเรื่องของเวลาหรือหัวใจของเอ๋กันแน่
    “เม วันนี้ไปเดินสวนกันป่ะ” เอ๋ชวน
    “ บ้า  แกวันนี้มันวันพุธแกจะไปซื้ออะไร” ฉันตอบกลับ
    “ ไม่ได้บ้า จตุจักรวันพุธกับวันพฤหัสเขาขายต้นไม้ ไปป่ะ”เอ๋อธิบาย 
    “ขอโทษที่แก ฉันต้องไปมหา’ลัย วันนี้มีนัดทำคัทเอาท์ ไว้พรุ่งนี้ได้ป่ะ”
    “ อือ เข้าใจ” เอ๋ตอบไปด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กๆ
    “ แล้วแกจะไปมอกี่โมง  ฉันไปส่งป่ะ”
    “ ไม่ต้อง เดี่ยวเพื่อนฉันจะมารับ”
    เอ๋ทำหน้างงแต่ก็ยังไม่วายถาม  “ ผู้หญิงหรือว่าผู้ชายอ่ะ”
    “ผู้ชาย” ฉันตอบ
    “ หรอ แฟนแกว่างั้น” เอ๋กลั้นใจถาม
    “ ตอนนี้ก็เพื่อนอย่างที่บอกแกไปงั้ย  แต่ต่อไปก็ไม่รู้ มีคนคุยด้วยก็ดีนะอินเทรนจะตายรักใสๆในมหา’ลัย ” ฉันตอบอย่างที่ใจคิด
    “หรอ ก็ดี เอ่อเม พรุ่งนี้ฉันมีเรียนคงไม่ได้ไปซื้อต้นไม้  ไว้ว่างเมื่อไรจะมาชวนอีกที” เอ๋พูดเสร็จก็กลับหลังหันเดินกลับห้องก่อนที่จะหันกลับมา “ แล้วใครมาส่ง ฉันไปรับไหม”
    “ ก็คนเดิม”
    “อ่อ หรอ” จะหันมาถามให้เจ็บอีกทำไมว่ะกู เอ๋คิดในใจ
    เอ๋เดินกลับห้องอย่างแมวป่วย 
    “ โอ๋ มีคนมาจีบไอ้เม” เอ๋ฟ้องแฝดพี่
    “แล้ว?” โอ๋ถามกลับ ด้วยสีหน้าที่แสดงความกวนได้ที่
    “ก็บอกงั้ย” เอ๋กวนเช่นกัน
    “ ก็ฉันเคยบอกแกแล้ว ไอ้เมมันน่ารักไม่มีใครจีบก็แปลกแล้ว เป็นงั้ยเจ็บจี๊ด จี๊ด เลยอ่ะดิตรงนี้” โอ๋เดินมาชี้ตรงตำแหน่งที่ลึกลงไปก็คือหัวใจ
    “ทำไงดีวะ เฮย เครียด” เอ๋นั่งกุมขมับ บ่นเรียกร้องความสนใจ
    “ ช่วย  ไม่  ได้ ” โอ๋เน้นคำตอบ “เป็นงั้ยล่ะ ถึงกับนั่งกุมขัมบเลยเด่ะ”  
    เอ๋นั่งกุมขมับตรงบาร์ห้องครัวอย่างคนหมดแรง ได้แต่คิดในใจว่าทางออกที่ดีที่สุดมันควรจะเป็นอย่างไรต่อไป ความรักหนอความรักคนเป็นล้านเป็นแสนไม่รัก เสือกมารักเพื่อนตัวเอง เพื่อนที่โคตรสนิทอีกด้วย
    “ เมื่อถึงทางแยก แกก็ต้องเลือกแล้วแล้วว่ะไอ้เอ๋” โอ๋เดินมาตบบ่าน้อง 
    “ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่รัก ไม่ชอบไอ้เม มันลำบากใจจังโว้ย” เอ๋เพ้อ
    “ ตลกว่ะ ความทรงจำมันลบกันไม่ได้หรอก” โอ๋เตือนสติน้องอีกครั้ง
    “เดี่ยวบ่ายจะเข้ามอนะ ไปด้วยกันป่ะ” เอ๋อชวนแฝดพี่  
    “ไปทำไมวะ” โอ๋ถามอย่างสงสัยในเมื่อวันนี้ไม่มีเรียน
    “ไปแสดงความเป็นเจ้าของ” เอ๋ตอบพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
    แผนของเอ๋นั้นก็คือเขาจะไปยืมมอ’ไซต์ Honda c50 ของเพื่อนที่คณะแล้วไปชวนเมแว๊นทั่วมหา’ลัย คงโรแมนติดน่าดูคิดไปก็ยิ้มไป ใครมาเห็นตอนนี้ก็คงคิดว่ามันบ้ารึเปล่า? เขาจะเริ่มปฏิบัติแผนแสดงความเป็นเจ้าของในเวลา 6 โมงเย็นด้วยเหตุผลที่ว่าคัทเอาท์ที่เมกับเพื่อนๆทำนั้นน่าจะเสร็จ  แล้วถือโอกาสชวนกลับด้วยกันเสียเลยไอ้คนที่จะไปส่งคงซดน้ำแห้วชัวร์
    เมื่อได้เวลาปฏิบัติการ
    “ เฮย !! เมแว๊นกัน” เอ๋ชวนเมขณะที่นั่งบนมอ’ไซต์
    “ อ้าว  เฮยมาได้งั้ย” เมถามอย่างแปลกใจ
    “มอ’ไซต์” เอ๋ตอบพร้อมกับชี้ที่มอ’ไซต์
    “ กวนเนาะ ที่ถามเนี้ยหมายถึงว่าไม่มีเรียน แล้วมาทำอะไรที่นี่ เวลานี่” ถามพร้อมกับมองหน้ารอฟังคำตอบ
    “อยู่ที่ห้องไม่มีรัยทำ ไม่รู้จะไปไหนก็เลยเข้ามอ  และตอนนี้ก็มาชวนแกไปแว๊น ขึ้นมาเด่ะ” ตบเบาะข้างหลังเชิญชวนให้ซ้อนอย่างเต็มที่
    “ หรอ น่าตื่นเต้นดีวะ ไป ไป” แต่พอนึกขึ้นได้ว่ามีนัดกับอีกคนไว้ก็หน้าหงอย “แกฉันนัดกับเพื่อนฉันไว้อ่ะ เอางั้ยดีว่ะ”
    “เอางั้ย ก็ยกเลิกนัดไปก่อน ” เอ๋ตอบกลับแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด
    “จะบ้าหรอแก” สีหน้าเริ่มคิดหนัก “ ok ฉันไปกับแกดีกว่า  ฉันไปบอกเพื่อนแปปนึงนะ” เอ๋ได้ยินถึงกับชื่นใจไปถึงขั้วปอด
    เมษาวิ่งไปบอกเพื่อนชายเพื่อขอยกเลิกนัด  รู้สึกสงสารอยู่เหมือนกันเมื่อเขาทำหน้าเจื่อนเต็มที่แต่ใจก็อยากไปแว๊นกับไอ้เอ๋มากกว่า  ผิดกับเอ๋ที่มีแต่ความสะใจที่เมษาเลือกที่จะไปกับเขา
    “อากาศดีจัง เย็นสบายด้วย” เมพูดออกมาเมื่อลมเย็นปะทะกับหน้า
    “อือ ชอบมั้ยอ่ะ” เอ๋ถามเมื่อเขาบังคับรถด้วยความเร็วที่ไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    “ชอบดิ บรรยากาศใกล้ค่ำที่นี่ให้ความรู้สึกว่าไม่เหมือนอยู่กรุงเทพฯเลยเนาะ” 
    “คิดถึงบ้านหรอ” เอ๋ถาม
    “เปล่า ฉันแค่คิดว่ามันเงียบดี” 
    “เม แกเคยชอบใครมั้ยวะ” บรรยากาศมันพาไปจนเอ๋หลุดถามเมออกมา
    “เฮย !!!ไปแอบชอบใคร  บอกมาเลย”
    “ไอ้เม ฉันถามแก ไม่ใช่แกมาถามฉัน”
    เมษาทำท่าทางคิด พร้อมกับเอามือเกาหัว “ ก็ไม่มีนะ ฉันไม่เคยชอบใคร มีแต่คนมาชอบน่ะ 55555”
    “หรอออออ แม่คุณเสน่ห์แรง” เอ๋ลากเสียงยาว  
    “แล้วแกละ ไปชอบใครมาหรอ บอกหน่อยดิ” เมถาม พร้อมกับตบบ่าของเอ๋เพื่อเร่งเอาคำตอบ
    “แกอย่าพึ่งรู้เลยเม  ฉันถามแกต่อละกัน  ถ้าแกชอบใครสักคนนึง แกจะทำยังไง”
    “ก็บอกสิจ๊ะ ฉันเสียดายเวลาอีกอย่างมันอึดอัดแกว่าป่ะ ”  ระหว่างนั้นเอ๋ชะลอรถ 
    “เม ฉันชอบแกว่ะ ชอบมาตั้งนานแล้ว แต่ฉันไม่กล้าบอก ฉันกลัว กลัวว่าถ้าแกคิดไม่เหมือนกับที่ฉันคิดสุดท้ายแล้วความเป็นเพื่อนของเรามันจะไม่เหมือนเดิม แต่แกรู้ไหมว่ามันอึดอัดแค่ไหน” เอ๋หายใจออกมาหลังจากร่ายยาว
    “อือ” เมตอบออกไปแค่นั้น รู้สึกอึ้งอยู่ไม่น้อย  ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรให้มากกว่านี้
    เอ๋ลงมายืนข้างรถ หันไปจ้องหน้าพร้อมกับกุมมือของเม “ขอโทษนะเม” 
    “ อือ ”
    “ งั้นเรากลับกัน แกหิวไหม จะแวะกินอะไรก่อนกลับป่ะ”
    “อือ”
    บรรยากาศในรถเงียบผิดไปจากปกติมีก็เพียงเสียงเพลงจากวิทยุเท่านั้น แต่ในใจของคนทั้งสองไม่ได้เงียบเหมือนดั่งที่แสดงออก
     
    อาจจะดูเหมือนไม่มี อะไรที่แปรผัน
    อาจจะดูเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
    แต่ความจริงแล้วข้างใน เริ่มจะเกิดปัญหา 
    ให้เธอลองมองที่ตาแล้วจะเข้าใจ
     ก็มันมีเรื่องราว เปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน
    ความห่วงหาเอื้ออาทรไม่เหมือนเดิม
    ใช่มันจะน้อยลง แปลกตรงที่มันดันเพิ่ม
    ก่อตัวเกินกว่าเพื่อนจะคิดกัน
    หากเธอนั้นได้รู้อะไรบางอย่าง
    ว่าคนที่เคยเคียงข้าง
    บางอย่างได้เปลี่ยนไป
    อยากจะรู้ว่าเธอรับได้หรือไม่
    และฉันต้องทำยังไง
    เมื่อเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปเป็น รักเธอ
    “เพลงนี้นานแล้วเนาะ ดีเจยังเอามาเปิดอีก” เอ๋บ่น “เออ ตกลงแกจะกินอะไร”
    “หา แกว่าอะไรนะ” 
    “ฉันถามว่าแกจะกินอะไร” 
    “ อ่อ ตามใจแกละกัน ฉันกินได้หมด” 
    “ งั้นสเต็กหน้ามอ ล่ะกัน” เอ๋ทำหน้าที่คิดเมนูอาหาร
    หลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านไป ระหว่างนั่งรถกลับคอนโดต่างคนต่างเงียบราวกับว่าไม่มีคนที่รู้จักกันบนรถคันนี้
    “ โอ๋ ฉันบอกชอบมันไปแล้ว”
    “ขอบคุณพระเจ้า แกทำในสิ่งที่แกควรทำที่สุดแล้ว” โอ๋พยักหน้าใส่แฝดผู้น้อง
    “ไอ้เมมันเอ๋อไปเลยอ่ะ  เงียบมาตลอดทาง  ใจไม่ดีเลยวะ” 
    “เอานะ ปล่อยให้มันเป็นไป” โอ๋พูดพร้อมกับตบบ่าให้กำลังใจน้อง
    ก๊อก  ก๊อก หลังจากที่พยายามนอนเท่าไรก็ไม่หลับ เอ๋เลยตัดสินใจลุกไปเคาะประตูห้องเมษา
    “ งั้ย แกมีอะไร มันดึกแล้วนะเว้ย” 
    “คุยด้วยหน่อย นอนไม่หลับ มันคิดเนี้ย ” เอ๋ใช้นิ้วชีชี้ไปที่ขมับของตัวเอง “ ฉันควรทำงั้ยดีอ่ะ เม”
    เมษานิ่ง  มองอาการของเพื่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นคนที่ชอบเทอไปเสียแล้ว
    “เอ๋  งั้นมาคบกัน”
    “หา อะไรนะ”เอ๋พูดด้วยทีท่าตกใจอย่างแรง
    “ก็มาคบกันงั้ยค่ะ ไม่เห็นจะแปลกฉันก็ไม่ได้มีแฟน ดีเสียอีกข้ามขั้นเลยงั้ยไม่ต้องเสียเวลาทำความรู้จัก”
    “พูดจริงดิ” เอ๋มองหน้าเมอย่างงง 
    “เอ่อ” เมกระแทกเสียงใส่หน้าเอ๋
    “จริงนะ เย้ๆๆๆ  ดีใจที่สุดอ่ะ” เอ๋ยิ้มหน้าบาน “ ขอบใจนะ ” เอ๋พูดขอบใจพร้อมกับเอามือไปกุมมือของเมไว้
    “ เนียน นะค่ะคุณเพื่อน”  เมใช้มืออีกข้างตีบนมือของเอ๋ที่จับมือของเธอไว้
    “ใครเพื่อน คนนี้นะแฟน” เอ๋พูดพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง
    วันนี้จะเป็นอีกวันที่สำคัญของเราทั้งสองเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของความรักที่ดำเนินไปด้วยการกระทำของคนสองคน  ไม่ว่าวันเวลาข้างหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างไรเราจะทะนุถนอมความรักนี่ให้ยาวนานที่สุด—ไดอารี่ที่ชื่อว่าความรักกำลังจะเริ่มขึ้นค่ะ
     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น