ความต่าง...ระหว่างวัย
การชอบใครสักคนไม่ใช่เรื่องแปลก.....หรือคุณคิดว่าไง??????
ผู้เข้าชมรวม
257
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"เฮ้อ...อีก 2 วัน ก็ปิดเทอมแล้วซิ ปี 3 นี้ทำไมเหนื่อยจัง ไหนจะงานแล้วยังต้องสอบอีก
คอยดูนะ ปิดเทอมนี้ ฉัน จะเที่ยวให้หนำใจไปเลย...อ่านหนังสือต่อดีกว่าเหลืออีกวิชาเดียวเอง...สู้โว้ย..."
เสียงถอนหายใจสลับไปมาพร้อมๆกับเสียงบ่นพึมพำของสาวน้อยผู้น่ารักอย่างฉันเองค่ะ นางสาวอมยิ้ม
ซึ่งนั่งอยู่คนเดียวของโต๊ะมุมในสุดห้องสมุดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พร้อมกับหนังสือ
ที่วางกองอยู่อย่างระเกะระกะ
สุดที่รักเธอโทรมาช่วยรับหน่อย...อย่าปล่อยให้คอย.......เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้คน ก็แหงล่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องสมุดนี่นา กลับลืมปิดเสียงเจ้ามือถือนี้ซะได้ เลยรีบกดรับปลายสายทันทีก่อนที่เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์จะมาชำระความ โทษฐานที่ฝ่าฝืนกฎไม่ยอมเปิดระบบสั่น
ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา มันสุดวิสัยจริงๆ
"...นี่แม่เองนะลูก ...แม่จะบอกว่าตอนนี้มีโครงการที่น่าสนใจ มาให้ลูกทำน่ะ"
"โครงการอะไร เมื่อไหร่ แล้วทำที่ไหนคะแม่"
ฉันที่กำลังง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือ เริ่มมีอาการตื่นเต้น....ก่อนตัดสินใจเดินออกไปคุย
บริเวณด้านนอกของหอสมุดกลาง
"โธ่! เล่นถามแม่เป็นชุดอย่างนี้ ใครจะตอบทันล่ะจ๊ะ.."
เสียงแม่หยอกฉันด้วยความเอ็นดู เมื่อฉันรัวคำถามใส่อย่างนับไม่ถ้วน ก่อนจะได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวว่าเป็นงานวิจัย ที่ต้องไปสัมภาษณ์คนพิการ ทั้งที่กรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งแม่และเพื่อนของท่านทำโครงการนี้ร่วมกัน
"ลูกยิ้มสนใจหรือเปล่า แม่จะได้ใส่ชื่อลงไปเลย"
ฉันเริ่มคิดหนักว่าจะตอบตกลงหรือปฏิเสธดี ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก
แต่มันก็คงดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆล่ะมั้ง ฉันจึงตอบตกลงด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้ช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้น
ที่สำคัญฉันจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับแม่ในช่วงปิดภาคเรียนอีกด้วย
หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการสอบมาได้อย่างทุลักทุเล ฉันก็ต้องเตรียม
เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมพร้อมเดินทางในวันรุ่งขึ้น แล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง
เมื่อแม่พาฉันไปรอคณะเดินทางที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์
"สวัสดีค่ะ.....สวัสดีค่ะ.....สวัสดีค่ะ"
ฉันยกมือไหว้เพื่อนของแม่อย่างงงๆ เมื่อแม่แนะนำให้ฉันรู้จัก
ฉันรู้สึกสับสนจึงได้แต่ยิ้มมองดูเพื่อนๆของแม่ซึ่งมีตั้งแต่วัยเดียวกับท่านไปจนถึงรุ่นหลานเลยทีเดียว
"ภา...นี่ลูกเธอหรอ น่ารักจังเลย"
ฉันยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้รับคำชมจากผู้อาวุโสกว่า แล้วก็แทบจะหุบยิ้มในทันที
เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของคุณน้าว่าฉันเรียนอยู่มออะไรแล้ว
ให้ตายเถอะน่า ฉันน่ะอายุยี่สิบแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆสักหน่อย
"นี่เธอ...ยัยยิ้มน่ะอยู่ปีสามแล้วนะจ๊ะ อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้วจ้ะ"
"อ้าว...หรอจ๊ะ...น้าขอโทษที.."
"ไม่เป็นไรค่ะ"
ฉันยิ้มให้กับเพื่อนของแม่ ไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด เพราะตัวฉันมันก็เล็กเหมือนกับเด็ก
อย่างที่เค้าว่าจริงๆ ดูเหมือนแม่จะเข้าใจความรู้สึกฉันจึงส่งให้ไปช่วยทำงานที่ฝ่ายลงทะเบียน
หลังจากมีผู้คนมาลงทะเบียนที่นี่ซึ่งมีทั้งคนพิการและคนดูแลที่ร่วมเข้าฟังโครงการ
ฉันรู้สึกโชคดีกว่าพวกเค้ามากที่มีอวัยวะครบสามสิบสอง และร่างกายสุขภาพแข็งแรง
ซึ่งผิดกลับแต่ก่อนที่ฉันน้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไม ฉันอ้วนจัง! หน้าตาก็ไม่สวย!
แต่ความคิดดังกล่าวมันค่อยๆเริ่มจางหายไป....เพราะอย่างน้อยฉันก็มีสองมือไว้ใช้สอย
สองตาได้มองเห็น สองหูได้รับรู้ข่าวสารและยังมีสองเท้าให้ก้าวเดิน
หลังจากที่การลงทะเบียนเสร็จสิ้นลง ฉันก็มองหาจุดสัมภาษณ์ซึ่งแม่เป็นคนรับผิดชอบ
"แม่ขา.......ยิ้มมาแล้ว"
ฉันพึมพำเบาๆเมื่อเดินมากอดแม่ แล้วฉันก็ช่วยสัมภาษณ์คนพิการโดยใช้วิธีการอัดใส่เทป
เมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง ฉันรู้สึกดีใจที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ฉันจึงบอกกับแม่ด้วยความตื้นตันใจ
ที่ได้มาทำโครงการนี้ แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรมากนัก ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักแม่ของฉัน
ดูแล้วก็คงอายุมากกว่าฉันไม่เท่าไหร่หรอก
"นี่ลูกน้าภาหรอครับ" ผู้ชายตาตี่หน้าตี๋คนเดิมหันมาตั้งคำถาม คงเพิ่งจะหันมาเห็นฉันล่ะมั้ง
"ยิ้ม..ทักทายพี่อิคคิวสิลูก"
แม่สะกิดเรียกเมื่อเห็นฉันทำท่าทางเฉยๆ ฉันก็ทักทายอย่างเนือยๆด้วยคำว่าสวัสดี
เพราะอยู่ดีๆก็มาขัดจังหวะฉันกับแม่คุยกัน ว่าแต่นายนี่ชื่ออะไรนะ อิคคิวงั้นหรอ...
ผู้ชายอะไรชื่อแปลกชะมัด
"เรียนอยู่ชั้นไหนครับ แล้วโตขึ้นอยากเป็นอะไรเอ่ย"
หืม...คิ้วทั้งสองข้างของฉันแทบจะชนกันเมื่อได้ยินคำถามเมื่อครู่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"จะขึ้นปีสี่แล้วค่ะ"
เลือกที่จะตอบเพียงคำถามแรก และเริ่มรู้สึกอยากกลับบ้านเต็มทนแล้ว ความรู้สึกบางอย่าง
บอกกับฉันว่าไม่ค่อยถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เอามากๆ
"ว่าแต่คราวหน้า ยิ้มจะไปทำงานวิจัยที่เชียงใหม่ด้วยหรือเปล่าครับ น้าภา"
"ไม่ได้ไปค่ะ"
แม่ทำสีหน้างงๆเหมือนต้องการตั้งคำถามกับคำตอบของฉัน แต่ท่านเลือกที่จะให้ผู้ชายคนตรงหน้า
จากไปก่อน แล้วจึงหันมาเอ่ยถามเหตุผลด้วยความสงสัย
"ไม่รู้สิ...แม่" คิดหาเหตุผลอยู่นานกว่าจะหาคำตอบได้ สุดท้ายก็หาเหตุผลไม่ได้อยู่ดี
"รู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เอามากๆเลยค่ะ...ไม่รู้ทำไม" ฉันพูดในสิ่งที่ฉันคิด
แม่บอกแค่เพียงว่าอย่าคิดมาก แล้วยังบอกกับฉันอีกว่า พี่อิคคิวอะไรนั่นน่ะเป็นคนดีมากๆ
ทำงานก็เก่ง ท่านยังบอกอีกว่าแม่ร่วมงานกับเขามาหลายงานเลยรู้จักเขาดี..
"ยิ้ม...แม่ว่าอย่าไปคิดมากดีกว่า รีบทานข้าวแล้วอย่าลืมไปจัดกระเป๋าเดินทางนะ
พรุ่งนี้เครื่องออกบ่ายโมงกว่าๆ เราต้องออกจากบ้านก่อนสองชั่วโมงนะลูก"
ขณะนี้สายการบินไทยที่จะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ ที่ TG341จะได้เวลา.......
"เมื่อไหร่เขาจะมากันคะแม่"
ฉันถามผู้เป็นแม่ เมื่อได้ยินชื่อเที่ยวบินที่จะเดินทางไปเชียงใหม่ พร้อมกับมองหาตัวต้นเหตุ
ที่ยังมาไม่ถึงที่นัดหมาย
"ขอโทษนะครับน้าภา พอดีเมื่อคืนผมเคลียร์งานดึกไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรจ้ะ เขาเพิ่งประกาศให้เตรียมตัวไปเช็คอินขึ้นเครื่องเท่านั้นเอง
มีเวลาเหลืออีกตั้งสี่สิบห้านาทีแน่ะ"
บทสนทนาจบลงแค่นั้น ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางขึ้นเครื่อง โดยจุดหมายปลายทาง
อยู่ที่เชียงใหม่ เมื่อมาถึง ณ ที่หมาย ปากฉันเริ่มสั่นจึงกอดแม่ให้คลายจากความหนาว
"อากาศเย็นจังค่ะแม่"
"ยิ้ม..ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมาหรอ" ฉันพยักหน้าให้แทนคำตอบ
รู้สึกว่ามันไม่จำเป็นที่ต้องถามเลย ใครๆก็รู้ว่ามาที่นี่ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวอยู่แล้วนี่นา
ดูเหมือนว่านายนี่จะอ่านความคิดฉันออกจึงพูดหยอกฉัน
"ทำเป็นปลาทองแก้มป่องไปได้ เดี๋ยวก็ไม่สวยหรอก"
สงครามย่อยๆกำลังจะเกิด หากแต่สงบลงเมื่อมีเสียงหนี่งดังขัดขึ้นมา
"ขึ้นรถสองแถวแล้วไปทานข้าวกันก่อนนะครับ"
คุณลุงหัวหน้าโครงการพูดพลางยิ้มไปด้วย
หลังรับประทานอาหาร น้าจิ๋วเพื่อนสนิทของแม่ฉันก็หยิบเรื่องของลูกชายมาเป็น
บทสนทนาให้ฉันกับแม่และคนอื่นๆฟัง
"เออ...ภาฉันจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง คือเมื่อเดือนก่อนฉันไปญี่ปุ่นมา แล้วเจ้าอิคคิว
ฝากฉันซื้อพวกตุ๊กตาอาโนเนะด้วย ดูสิฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ฮ่ะ...ฮ่า"
ทุกคนหัวเราะกันหมด ซึ่งนั่นก็รวมทั้งฉันด้วย ไม่น่าเชื่อนะว่าอีตานี่จะชอบอะไรแบบเด็กๆเหมือนกัน
นึกว่าวันๆจะเอาแต่ทำงาน ทำตัวซีเรียสไปวันๆซะอีก
.............................................
"สวัสดีค่ะ เชิญลงทะเบียนด้านนี้ได้เลยนะคะ ช่วยกรอกข้อมูลสองแผ่นนี้ด้วยนะคะ"
ฉันทักทายผู้เข้าร่วมประชุมตรงประตูทางเข้า ขณะนั้นเองนายอิคคิวเดินยิ้มเข้ามาทักทายฉัน
ด้วยสีหน้าสดใส แล้วเสนอตัวช่วยฉันเรื่องการลงทะเบียน ฉันรีบปฏิเสธเพราะเกรงใจเขา
ที่เป็นถึงรองหัวหน้าโครงการนี้ซึ่งมีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบมากมาย
แล้วฉันก็คิดว่าฉันดูแลหน้าที่ตรงส่วนนี้ได้
"ถ้ามีปัญหาอะไรเรียกพี่เลยนะ"
ทันใดนั้นเองฉันเริ่มรู้สึกมีอคติกับผู้ชายคนนี้น้อยลง ความรู้สึกดีๆกลับเข้ามาแทนที่และ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้ทำงานร่วมกัน จากที่เรียกชื่อเฉยๆ ก็เรียกว่าพี่อิคคิวได้อย่างสนิทใจ
ในระหว่างที่ฉันนั่งทำงานเพลินๆพร้อมกับคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ชายหนุ่มคนดังกล่าว
เดินมาเรียกฉันให้ไปทานข้าว
"ยิ้ม...ทำงานเพลินจนลืมเวลาทานข้าวเลยนะ พี่ว่าพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยมาจัดเอกสารใหม่ก็ได้
น้าภารออยู่ที่ห้องอาหาร...ไปกับพี่เลยดีกว่านะ"
รับคำสั้นๆง่ายๆ พร้อมกับอมยิ้มอยู่ในใจ เมื่อไหร่กันนะที่ฉันเริ่มรู้สึกดีๆกับผู้ชายคนนี้น่ะ
บนโต๊ะอาหารมื้อเย็นวันนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหมือนเช่นทุกวัน และในแต่ละครั้ง
น้าจิ๋วจะมีเรื่องตลกมาเล่าให้พวกเราได้ฟังเสมอ
"นี่...ภาเธอรู้ไหมว่าตาอิคคิวน่ะ ทำให้ฉันขำมากเลยนะเธอ มีอยู่วันนึงไปต่อคิวซื้อบัตรรถไฟฟ้า
อะไรทำนองนี้แหละ แต่ดันไปต่อคิวที่สำหรับกดเงิน แล้วดันต่อนานด้วย ฉันนี้ขำก๊ากเลย"
"...ไม่น่าเชื่อเลยนะ เห็นเอาจริงเอาจังกับงานขนาดนั้นแต่ยังมีเรื่องตลกมาให้ขำจนได้"
แม่ของฉันแซวพี่อิคคิว...เขาเขินจนหน้าแดง ดูๆแล้ว พี่เขาก็ดูตลกดีนะ คนอื่นๆเขาขำจะเป็นจะตาย
เพราะความเปิ่นของตัวเอง
"แม่พอแล้วล่ะฮะ...เออ!อิคคิวว่าเราไปเที่ยวกันต่อดีกว่านะครับ"
ดูท่าคงจะเขินน่าดู เลยรีบเปลี่ยนเรื่องซะงั้น
ฉันแอบขำในใจ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ทันสังเกต ตอนนี้หน้าเขาแดงไปหมดแล้ว
"น้าว่าน้าขอตัวไปสปาก่อนนะ เหมื่อยเหลือเกิน อยากนวดสักหน่อย...ภากับยิ้ม จะไปด้วยกันไหม"
น้าจิ๋วพูดพร้อมกับบิดตัวยืดเส้นยืดสายตามไปด้วย
"เออ...เดี๋ยวฉันไปด้วยดีกว่ารู้สึกเมื่อยเหมือนกัน" แม่ฉันเกิดสนใจที่จะไปด้วยทันที
ซึ่งมันตรงกันข้ามกับฉัน จึงปฏิเสธที่จะเข้าร่วมก๊วนของน้าจิ๋วกับแม่ แล้วจึงขอรออยู่ข้างนอก
เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย แม่หันมามองฉันอย่างเป็นห่วง ท่านคงไม่อยากทิ้งฉันไว้คนเดียวแน่ๆ
เลยมีคนอาสาที่จะอยู่เป็นเพื่อนฉันแทน
"งั้นเดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนน้องเองก็ได้ฮะ ไม่ต้องเป็นห่วง"
แม่หันมามองฉันทีมองพี่อิคคิวที ก่อนจะฝากฉันไว้กับเขา เห็นฉันเป็นเด็กไปได้ ฉันโตแล้วนะจะบอกให้
"ทำหน้าบึ้งทำไมล่ะ...ยิ้มให้มันสมกับชื่อหน่อยสิ พี่ว่าเราไปทานไอศกรีมกันดีกว่านะ พี่เลี้ยงเอง"
พี่อิคคิวหันมาพูดกับฉัน ถ้าไม่ติดตรงคำพูดประโยคสุดท้ายที่ว่าจะเป็นเจ้ามือล่ะก็ คงได้เคืองกับการที่เขาเอาชื่อของฉันมาล้อแน่ๆ
"ว่าแต่แถวนี้มีด้วยหรอ พี่อิคคิว" ชายหนุ่มพยักหน้าให้แทนคำตอบก่อนจะพูดว่าได้สำรวจเส้นทาง
มาเรียบร้อยแล้ว เชื่อเลยแฮะ
ในขณะที่เรานั่งทานไอศกรีมอยู่ด้วยกันนั้น ฉันกับพี่อิคคิวก็ได้คุยกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน ที่ในตอนแรกเข้าใจว่าฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา รวมทั้งเรื่องเพื่อนๆของฉันด้วย แล้วก็ถึงเวลาที่ฉันถามกลับบ้างโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องงานซะมากกว่า จนบางครั้งฉันคิดว่าพี่อิคคิวทุ่มเทกับงานมากเกินไปหรือเปล่า
...ว่าแต่พี่เขามีแฟนหรือยังนะ... ความคิดนี้แวบเข้ามาในสมอง แล้วฉันก็แทบสลัดไปในทันที นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย
"ว่าแต่ยิ้มเถอะ...คุยเก่งขนาดนี้มีแฟนรึยัง" ฉันรู้สึกตกใจกับคำถามของคนตรงหน้า ก่อนจะปฏิเสธออกไป พร้อมกับให้เหตุผลว่า ฉันชอบชีวิตแบบนี้มากกว่า ได้อยู่กับเพื่อนๆ ยังและไม่ค่อยคิดเรื่องแบบนี้เท่าไหร่นัก
คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน เพราะอยู่ดีๆ บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มตึงเครียด ฉันจึงเริ่ม
ชวนคุยก่อน แต่บทสนทนาก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก เมื่อฉันเอ่ยถามเจ้าตัวว่ามีกิ๊กกับเค้าบ้างรึเปล่า
ก่อนจะตอบแบบทีเล่นทีจริงว่าเป็นเรื่องธรรมดา
"ก็มีนะ แต่ยังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆสักที... เดี๋ยวเราก็เปิดเทอมแล้ว พี่จะได้เจอกันอีกไหม"
"ได้เจอสิ" ความสงสัยผุดขึ้นมาภายในใจ ทำไมเค้าต้องอยากเจอฉันด้วยล่ะ
"ยิ้มแวะมาหาพี่ที่ทำงานบ้างก็ได้นะ จะได้พาไปทานข้าว เสียดายจังที่หญิงต้องอยู่หอพักที่มหาวิทยาลัย
มันไกลเหมือนกันนะ"
ฉันเริ่มสงสัยกับคำพูดของเค้าอีกครั้ง จึงตัดสินใจถามว่าทำไมถึงได้อยากเจอฉันนัก
"เอ่อ...ออ....ก็..พี่จะได้พาเราไปทานข้าวไง"
"เห็นยิ้มเป็นคนเห็นแก่กินไปได้นะพี่อิคคิว" ฉันพูดพร้อมกับทำแก้มป่องใส่คนตรงหน้า
"แล้วจะไปหรือเปล่าล่ะ ของฟรีไม่ได้มีกันบ่อยหรอกนะ แล้วถ้ามีเวลาเหลือเราสองคน ก็จะได้มาทานไอศกรีมแบบนี้อีกไง"
"ได้เลยพี่ ถ้ามีโอกาสยิ้มจะไปแวะหาพี่แน่นอน บอกไว้ก่อนนะว่ายิ้มกินจุ"
"งั้นพี่ต้องเตรียมหยอดกระปุกแล้วสิเนี่ย" ฉันกับพี่อิคคิวต่างหัวเราะซึ่งกันและกัน
แล้วความเงียบก็คืบคลานเข้ามา ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา
"เออ...แล้วพี่จะติดต่อยิ้มได้ยังไง คือพี่หมายถึงคุยโทรศัพท์น่ะ..." พี่อิคคิวถามแบบไม่กล้าสบตาฉัน
ความจริง ฉันซึ่งเป็นผู้หญิงน่าจะเป็นคนทำมากกว่า
"ใกล้เวลาแล้ว...ยิ้มว่าเรากลับกันดีกว่า"
ฉันรีบพูดตัดบทเพราะตอนนั้นใจเริ่มสั่นไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ หรือฉันจะชอบเค้ากันนะ
คิดเองในใจไม่กล้าหันไปสบตากับคนที่เดินอยู่ทางด้านหลัง กลัวว่าจะรู้ความรู้สึกของตัวเอง
เพราะยังไม่แน่ใจเหมือนกัน
ฉันกับพี่อิคคิวแยกกันกลับห้องพัก หลังจากที่เราเจอแม่และน้าจิ๋วที่หน้าร้านสปา
ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องต่างๆให้แม่ฟัง เพราะฉันกับแม่ไม่เคยมีความลับต่อกันเลย
"แม่คิดว่ายังไงคะ" เอ่ยถามผู้เป็นแม่ หลังจากเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ท่านฟัง
"แม่ก็คิดว่าพี่อิคคิวเค้าก็เป็นคนดีนี่นา"
"แม่ตอบไม่ตรงคำถามนี่คะ" ฉันทำหน้าบึ้งใส่แม่ แบบทำแก้มป่องใส่ท่าน
แม่หัวเราะในท่าทางที่ฉันทำ ก่อนจะกล่าว
"มันไม่มีอะไรเสียหายนี่นา ดูๆกันไปก่อนสิจ๊ะ"
แม่ยิ้มให้ฉันก่อนจะวางมืออันอ่อนโยนลูบศีรษะฉันไปมา
"แต่พี่เค้าไม่ได้จะขอคบด้วยสักหน่อยนี่คะ ที่สำคัญอายุห่างกันตั้งหกปีแน่ะ"
"ฟังแม่นะ..ยิ้ม ความรักมันไม่ได้วัดกันที่ความต่างของอายุ มันอยู่ที่ใจเราต่างหากว่ารู้สึกยังไงกับเค้า
ที่สำคัญความรักมันไม่ได้มีแค่ระหว่างหญิงชาย มีทั้งรักเพื่อน พี่น้องแล้วก็อะไรอีกหลายๆอย่าง
เราต้องรักให้เป็น รักอย่างมีขอบเขตด้วย"
ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พูด ดังนั้นพอวันรุ่งขึ้น จึงแลกอีเมลล์แทนการให้เบอร์โทรศัพท์แทน
ก็ฉันกลัวว่าเค้าจะหาว่าฉันใจง่ายน่ะสิ
"แล้วพี่จะติดต่อไปนะ" เป็นคำพูดสุดท้าย ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน หลังจากที่โครงการสิ้นสุดลง
..สามเดือนผ่านไป เพราะเป็นในนิยายจึงไวเหมือนโกหก...ฉันกับพี่อิคคิวไม่ค่อย
ได้เจอกันเท่าไหร่ ต่างคนก็ต่างยุ่งอยู่กับเรื่องของตนเอง ฉันซึ่งกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว
ต้องทำโปรเจคส่งอาจารย์ ส่วนพี่อิคคิวยังคงง่วนยู่กับการทำงานตลอดเวลา แต่เราก็ยังติดต่อกันอยู่
ซึ่งตอนนี้ก็จะเป็นการคุยโทรศัพท์ซะมากกว่า
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่อิคคิว มีแม่และป้าจิ๋วคอยดูอยู่ห่างๆ เพราะด้วยวัยที่ต่างกัน
จึงมีเรื่องที่ต้องปรับเข้าหากันเยอะ
ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตของฉันกับพี่อิคคิวจะเป็นอย่างไรต่อไป พวกเราทำได้แค่เพียง
ทำวันนี้ที่มีอยู่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และปล่อยเวลาให้เป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจที่เราทั้งคู่
มีให้แก่กัน รวมทั้งพิสูจน์ว่าอายุมิได้เป็นอุปสรรคของความรักเลยสักนิดเดียว
หรือเพื่อนๆว่าไง??????????
................................................THE END..........................................
ผลงานอื่นๆ ของ ^Biffie^ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ^Biffie^
ความคิดเห็น