ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Centaurea ยามดอกไม้เบ่งบาน

    ลำดับตอนที่ #2 : วันที่ 12 -05 - 661 : Wake Up ------> 100%

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 53


    บทที่ 1------------------------------
        


    จังหวัดกรุงเทพมหานคร   ประเทศไทย
    ผมตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมจับโน่นจับนี่บนร่างกายของตนแน่นอนว่ารวมถึงหน้าผากด้วยเพื่อความแน่ใจ
    เฮ้อ... โชคดีที่ไม่มีอะไร... ทำไมเราถึงได้ฝันเรื่องแปลกๆนี้ได้นะ
    มันคงเป็นเรื่องแปลกมาเลยล่ะว่า  ชีวิตเด็กม.ปลายคนหนึ่งที่ควรจะฝันว่าได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ได้ทำกิจกรรมที่สนุกสนานกับโรงเรียน หรือกระทั่งได้ไปเที่ยวกับแฟนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆอย่างมีความสุข
    กลับต้องมาฝันเห็นว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในซากปรักหักพังนั้น ถือหัวมนุษย์ไม่พอยังถูกยิงจนร่างพรุนซะ...
    เฮ้อ... ชีวิตเรายังอีกยาวไกล ยังไม่ได้ทำอะไรตั้งหลายอย่างเลย   แต่ว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว
    เมื่อคิดเช่นนั้นจึงได้หันไปมองนาฬิกาที่ตั้งบนหัวเตียง เลขดิจิตอลของมันบ่งบอกว่าตอนนี้คือ 08 : 30 น.
    หัวใจของผมเต้นตึกตักด้วยความร้อนรนอย่างรู้ภัยอันตรายที่กำลังคืบคลานมา   ใบหน้าค่อยๆหันไปมองทางประตูอย่างช้าๆราวกับหุ่นยนต์ที่ชำรุด และแน่นอนว่าเป็นไปตามที่ผมคาดไว้
    ร่างทรงของปีศาจถือกำเนิดในร่างมนุษย์เรียบร้อยแล้ว เหงื่อของผมค่อยๆไหลเป็นทางลงมา   ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกไปโดยไม่ลืมหัวเราะแหะๆและนำมือขึ้นลูบหัวอย่างน่ารัก   เบื้องหน้าของผม คือ ผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในบ้านแม้แต่พ่อยังหวาดหวั่นถึงอำนาจที่มากล้นของคนผู้นี้เลยทีเดียว
    และคนๆนี้ก็เป็นคนที่เลี้ยงผมตั้งแต่เล็กมาจนผมอยู่มาถึงปัจจุบัน.....
    แม่ผมเอง....   แม่ผมออกใจดีจะตายไป
    เพียงแต่วันนี้เท่านั้นแหละ   ผมรู้สึกว่ามีรังสีสังหารออกมาจากตัวเธอแผ่ปกคลุมไปทั่วห้องผมจนร่างของผมหนาวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
    เราทั้งสองคนจ้องหน้ากันประมาณ 10 นาที ก่อนที่แม่บังเกิดเกล้าของผมจะคำรามออกมา จนผมแทบนำมือมาปิดหูไม่ทัน
    “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว !!! จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงเมื่อไหร่ !!! ไปโรงเรียนได้แล้ว !!!”
    สามประโยคเท่านั้นครับ.... ผมรีบวิ่งแจ้นออกไปทันที โดยไม่หันมามอง....



    -----------------------------------



    ทั้งๆที่รู้ว่าเวลานี้มันสายมากเลยทีเดียว ผมเห็นนักเรียนในชุดยูนิฟอร์มเดียวกันทั้งชายและหญิงต่างรีบวิ่งกันอย่างจ้าละหวั่น   ส่วนผมนะหรือ... กำลังเดินไปอย่างสบายใจเฉิบ 
    ทำไมนะรึ... เพราะมันสายแล้วนะสิ รีบวิ่งไปก็ไม่ทันอยู่ดี ฮ่าๆๆ
    ระหว่างที่ผมหัวเราะในลำคออย่างพอใจในความคิด   ผมเงยขึ้นมองบนท้องฟ้าสีฟ้าคราม มีนกบินผ่านเป็นประปราย   และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับความหมายที่มีค่ามากที่สุดของท้องฟ้า คือ
    ความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย   มีเพียงความสดใสและความไม่มีที่สิ้นสุด
    สิ่งนี้เองที่ทำให้ผมมองทีไรก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที   ผมยิ้มตอบรับความปรารถนาดีจากผืนฟ้าที่ปกคลุมโลกเราอยู่
    ไม่นานนัก ผมก็มาถึงโรงเรียนเกินความคาดหมายของผมเล็กน้อย กะว่าจะมาถึงตอนพักเที่ยงสักนิดแล้วเนียนเข้าไปซะหน่อย
    โรงเรียนของผมนั้นก็เป็นโรงเรียนธรรมดาที่ไม่มีอะไรโดดเด่นมากมาย    มีเพียงอาคารทรงสีเหลี่ยมธรรมดาสี่หลังตั้งอยู่ภายในกำแพงขนาดใหญ่ที่กั้นบ่งบอกถึงอาณาเขตของโรงเรียน   พื้นที่โดยรวมน่าจะเล็กกว่าสนามฟุตบอลนิดหน่อย
    พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยสนามกีฬานานาชนิด   ทั้งสนามฟุตซอล   สนามเทนนิส สนามบาสเก็ตบอล และที่ขาดไม่ได้คือ โรงยิมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางพื้นที่โรงเรียนโดยมีอาคารเรียนทรงเหลี่ยมสี่หลังนั้นตั้งล้อมโรงยิมไว้พอประมาณ   ไม่ใกล้ชิดไป และไม่ห่างไกลไป
    แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการที่จะต้องมานั่งอธิบายสภาพของโรงเรียนคือ ทำยังไงที่ผมจะเข้าไปในโรงเรียนได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย
    และที่สำคัญคือ เวลานี้มันอยู่ในชั่วโมงเรียนอยู่เลย....
    ท้ายสุดผมก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้   ผมรีบเดินไปทางข้างหลังโรงเรียนซึ่งพื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ปลูกไว้มากมาย และกำแพงที่แบ่งเขตกั้นนั้นก็มีรอยแยกที่สามารถพอให้ผมลอดผ่านเข้าไป
    ฮ่าๆๆ....   ในที่สุดก็ไม่มีใครจับได้ ดีล่ะ....
    เพียงแต่ว่าทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่คิดทุกประการ
    เสียงแห่งปีศาจก็เรียกชื่อผม ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
    “นี่... วาสินันท์ เธอมาสายเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว” ไม่รู้ว่าผมทำท่าลิงหลอกเจ้าไปตั้งแต่ตอนไหน   สายตาของผู้คุ้มกฎ(ครูฝ่ายปกครอง)จ้องมองมาที่ผม(ผู้ทำผิดกฎ)อย่างไร้ความปรานีและเมตตา
    “เออ...” ผมพยายามจะนึกสรรหาคำตอบที่เป็นเหตุเป็นผลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 
    เหงื่อของผมเริ่มปรากฏอย่างทะลักจนผมเหมือนกับเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
    เสี้ยววินาทีนั้น ผมรีบพุ่งตัวเข้าไปที่ช่องแคบนั้นทันทีแต่ก็ไม่พ้นฝ่ามือมรณะที่เข้ามาจับตัวทันที   พร้อมกับลากผมไปยังห้องปกครองโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของผมเลยแม้แต่น้อย
    นี่แหละชีวิตม.ปลายที่แสนจะธรรมดาของผม...



    ---------------------------------------



    รัฐวอชิงตัน  ดี.ซี.   ประเทศสหรัฐฯอเมริกา
    ณ ทำเนียบขาว เวลา 21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น
    อาคารอันใหญ่โตถูกสร้างขึ้นมา โดยมีเสาที่ค้ำจุนข้างหน้าเป็นเสาโรมันขนาดใหญ่  พื้นที่ภายในอาณาเขตส่วนใหญ่เป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีการตัดเป็นถนนเพื่อเป็นทางในรถยนต์เข้ามา   บางส่วนของสวนนี้ถูกจัดให้เป็นสถานที่ผ่อนคลายโดยมีแท่นน้ำพุเป็นเครื่องประดับ  
    และพื้นที่ข้างหลังอาคารทำเนียบขาวนี้คือสถานที่จอดรถ และสนามกีฬาต่างๆ นับได้ว่าทั้งหมดถูกจัดให้เหมาะสมแก่การเป็นสถานที่ที่สำคัญมากที่สุดของประเทศสหรัฐฯอเมริกา
    ไม่นานนักเมื่อมีรถลีมูซีนสีดำนับสามสิบคันต่างทยอยผ่านรั้งกั้นขนาดใหญ่ของทำเนียบขาว และเลี้ยวผ่านประตูประตูขนาดนี้เข้ามาโดยไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนักของประชาชน
    เมื่อกลุ่มรถลีมูซีนได้เข้ามาจอดตามสถานที่ที่รองรับไว้   ผู้คนหลากหลายหน้าตาร่วมสี่สิบนายได้ออกมาจากรถที่นั่งมา   ใบหน้าของแต่ละคนดูมีสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างชัดเจน
    ทั้งชายและหญิงต่างเข้าไปยังภายในตัวอาคารและได้เข้าไปยังห้องประชุมเดียวกัน   ห้องประชุมถูกประดับด้วยตราสัญลักษณ์และธงประจำชาติอเมริกาไว้เหนือประตูทางเข้าห้องประชุม  
    ข้างหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้ คือ มอนิเตอร์จอยักษ์และโต๊ะขนาดใหญ่ที่รองรับได้เพียงสามสิบคนและตำแหน่งบนโต๊ะที่มีเก้าอี้วางอยู่นั้น มีป้ายที่เขียนชื่อและประเทศบอกไว้   ทำให้รู้ได้ทันทีว่า ผู้คนที่มาเข้าห้องประชุมแห่งนี้ คือ ผู้นำจากประเทศต่างๆทั่วโลกที่สามารถเข้ามาร่วมประชุมในที่แห่งนี้ได้
    แม้ว่าผู้นำจากต่างประเทศกำลังสงสัยว่า เหตุใดจึงไม่มีนักข่าวมาทำข่าวกันแต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย
    ส่วนประธานการประชุมนี้คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก อีวาน การ์เดี้ยน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯอเมริกา ชายวัยกลางคนผู้มีผิวเป็นชาวนิโกร ผมหยิกโศกสีดำ พร้อมกับนัยน์ตาสีน้ำตาลได้ใส่ชุดทักซิโด้สีดำที่สุภาพและกิริยาท่าทางในการนั่งอยู่หัวโต๊ะ ทำให้เขาดูมีอำนาจมากกว่าใครๆในที่นี้
    เมื่อทุกคนนั่งประจำที่แล้วโดยมีลูกน้องคนสนิทยืนอยู่เป็นแบ็คอัพข้างหลัง อีวานจึงเอ่ยเสียงอย่างสุภาพ
    “ยินดีต้อนรับทุกท่าน สู่การประชุมลับสมัชชาใหญ่ที่นี้”
    เมื่อกล่าวเสร็จผู้นำแต่ละครก็ได้หยิบเอกสารที่ตั้งอย่างเป็นระเบียบตรงหน้าตัวเองขึ้นมาอ่าน โดยที่หัวข้อของเอกสารนั้นคือ ‘การรับมือสภาวะฉุกเฉิน’
    “สภาวะฉุกเฉิน ? หมายถึงอะไรกัน” คุณลุงสูงวัยท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำประเทศสิงคโปร์กล่าวขึ้น พร้อมกับมองอีวานด้วยหางตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
    เมื่ออีวานได้เห็นสีหน้าของผู้นำสิงคโปร์จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย
    “ผมกำลังคิดว่า จะเกิดสงครามภายในเร็ววันนี้...”
    เมื่ออีวานกล่าวเสร็จ เสียงของสตรีสูงวัยท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำประเทศเกาหลีได้กล่าวขึ้นถามต่อ
    “อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าจะเกิดสงครามขึ้น” เป็นน้ำเสียงที่แฝงด้วยความไม่พอใจ
    “หรือว่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่... อย่างนั้นหรือ” เสียงคนหนุ่มซึ่งเป็นตัวแทนผู้นำประเทศฟิลิปปินส์พูดขึ้นมาเหมือนรู้อะไรบางอย่าง  
    “ใช่... หวังว่าทุกคนคงจะได้รับรู้ข่าวเหตุการณ์นี้กันแล้วนะครับ เหตุการณ์นี้สร้างความลำบากใจให้เราไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะมันเกี่ยวพันถึงอนาคตเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวของทุกประเทศ”   อีวานตอบคำถามในสิ่งที่ทุกคนคิดจะถามทั้งหมด จนบางคนที่กำลังจะเอ่ยปากถามพลันหุบลงไปทันที
    “และทุกคนคงจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นได้ใช่ไหมครับ” อีวานพูดขึ้นเตือนความทรงจำของทุกคนก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้องฉายภาพบางอย่างขึ้นจอมอนิเตอร์
    เป็นภาพของกระสุนชนิดหนึ่งของปืนไรเฟิล
    “ท่านจะบอกพวกเราว่า ท่านสามารถหาที่มาของกระสุนนี้ได้แล้วหรือ...” ผู้นำสเปนถามขึ้นด้วยเสียงเข้ม   อีวานจึงพยักหน้าเป็นคำตอบแทน
    “ในเมื่อท่านรู้ว่าใครทำ ทำไมถึงไม่ให้ประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกของท่านจัดการซะล่ะ”   ผู้นำประเทศจีนกล่าวตอบด้วยท่าทีที่เซ็งเต็มทน
    เมื่ออีวานถูกถามแบบนั้นขึ้น สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนอะไรมากนัก ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บใจ
    “ถ้าผมจะทำ ผมคงไม่เรียกร้องให้พวกคุณ มาประชุมลับกันที่แห่งนี้กันหรอก”
    เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวนี้ขึ้น ผู้นำตุรกีจึงเหมือนเป็นตัวแทนผู้นำทุกคนกล่าวถามอย่างคะยั้นคะยอ
    “หมายความว่ายังไง กรุณาชี้แจงให้ชัดเจนด้วย”
    “เพราะผมทราบข่าวบางอย่างมา...” อีวานตอบคำถามอย่างทันทีไม่รีรอ ทำให้ห้องประชุมเกิดเสียงวุ่นวายขึ้น ทั้งหมดมองอีวานด้วยสายตาที่อยากรู้คำพูดต่อมา
    “ว่าผู้ที่ก่อการลงมือนี้ ได้ปล่อยอาวุธที่อันตรายที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยมีมาออกมาแล้ว”

    ------------------------------------------------



    เย้!!  เสร็จไปอีกหนึ่งบทแล้ว   ถ้าอ่านแล้วรู้สึกยังไง  มีความคิดเห็นยังไง  หรือเห็นข้อบกพร่องสามารถให้คำแนะนำได้นะครับ  


    ขอบคุณทุกคนที่กรุณาเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×