ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Centaurea ยามดอกไม้เบ่งบาน

    ลำดับตอนที่ #1 : ~ InTrO oF StOrY~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 94
      0
      24 พ.ค. 53


    Intro  of  Story-----------------------------------------


      

                 จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
    ฝนตกพรั่งพรูอย่างไม่ขาดสายเป็นเวลานานนับ 2 ชั่วโมงแล้วท่ามกลางความมืดของที่แห่งนี้
    เมืองนี้มันเป็นยังไงกัน...     ทำไมภาพถึงได้เบลอมากมายขนาดนี้     เมืองนี้...ทำไมถึงไม่มีอะไรเหลือเลย   ทำไมอาคารก่อสร้างต่างๆที่ให้ผู้คนได้อาศัยกลับเหลือเพียงแค่เสาเหล็กเท่านั้นล่ะ ทำไมสิ่งต่างๆที่อยู่รอบข้างเคียงถึงมีสภาพไม่สมบูรณ์ !?    แล้วทำไมผู้คนจึงไม่ยอมเข้าไปนอนในที่หลบฝนกลับมานอนบนพื้นกันระเกะระกะอย่างนี้ล่ะ.....
    ทำไมพวกเขาถึงอ้าปากค้างแบบนั้น ไม่เมื่อยเหรอ !? 
    ทำไมพวกเขาไม่หายใจ !!
    คำถามมากมายผุดขึ้นมาเรื่อยๆตามความสงสัยที่พบเห็นต่างๆ   จนกระทั่งมีแสงบางอย่างสาดส่องเข้าตาทำให้ผมรีบยกมือขึ้นมาบัง
    “เจ้าหนู ! เป็นอะไรรึเปล่า” นั้นคือคำถามแรกที่ผมได้ยิน   จากปากของตำรวจหนึ่งในสองคนที่ถือไฟฉายส่องมาที่ผม
    “เจ้าหนูไม่เป็นไรใช่ไหม” ตำรวจคนเดิมถามขึ้นมาอีกครั้ง เผื่อว่าผมไม่ได้ยิน
    “เออ...อา...” ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไปดี ได้แต่เอออาไปอย่างงงๆ.... 
    ทำไมพี่ตำรวจสองคนถึงไม่เหมือนกับคนเหล่านี้ล่ะ !? หรือว่าพวกเขามีอะไรที่มากกว่าผู้คนทั้งหมดนี้เหรอ !? และอีกอย่างหนึ่งคือ เขาพูดภาษาอะไร !?
    เมื่อตำรวจทั้งสองเห็นว่า ถามอะไรต่อคงไม่ได้คำตอบ จึงเดินสำรวจในสถานที่ที่เป็นดั่งนรกแห่งนี้
    ทั้งคู่เดินส่องไฟโดยรอบโดยไม่สนใจผม ตำรวจทั้งสองคนต่างดูโน่นดูนี่ไปมาพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างผ่านเครื่องมือสื่อสาร แต่คิดว่าน่าจะรายงานถึงศูนย์ใหญ่ของพวกเขามั้ง
    ผมอยากให้ตอบคำถามผมทีว่าที่นี้ คือ ที่ไหน ? เมืองทุกที่ของทุกประเทศเป็นแบบนี้กันหมดเลยเหรอ !? 
    ไม่นานนักในระหว่างที่ผมกำลังมองเศษซากปรักหักพังและซากศพ   ตำรวจทั้งสองคนส่องไฟฉายกลับมายังผมอีกครั้ง พร้อมกับพยายามพูดภาษาที่เรียกว่า ภาษาอังกฤษ ให้ผมฟังอย่างง่ายๆ
    “เจ้าหนู เป็นคนของเมืองนี้ใช่ไหม”  ผมยังไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วผมจะเป็นคนของที่นี่ได้ยังไง !? ผมยังไม่รู้เลยว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
    “สายตาของหนูดูแย่มากนะ   นอนเพียงพอรึเปล่า” ตำรวจคนที่พูดอยู่วาดมือรอบๆดวงตา ทำให้ผมรู้ว่าตาของผมนั้นดูแย่มาก  มิน่าทำไมภาพถึงเบลอ
    “แล้วเจ้าหนู...” เมื่อเห็นผมไม่ตอบอะไรเลย ตำรวจจึงจ้องมองผมคราวนี้เป็นพิเศษราวกับพยายามจะจับบางอย่าง
    “ชื่ออะไร”
    ......................
    มันเป็นเพียงคำถามง่ายๆที่ใครๆต่างก็ต้องตอบกันได้ เพียงแค่บอกชื่อที่มีมาตั้งแต่เกิดออกไป ทว่าปากของผมขยับไปมาพร้อมส่งเสียงเอออาอย่างเดียว 
    สายตาของผมจ้องมองลงบนพื้นที่เจิ่งหนองไปด้วยน้ำฝนพร้อมกับเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก   แล้วแสงจากไฟฉายบนมือของตำรวจส่องลงมายังหนองน้ำโดยบังเอิญทำให้ผมเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของตัวเอง
    และคำถามที่เขาถาม ผมก็ถามกับตัวเองอีกครั้ง
    ......ผมเป็นใคร......
    “สงสัยจะไม่ได้เรื่อง” คำพูดกลับไปเป็นภาษาที่ผมฟังไม่รู้เรื่องอีกครั้ง ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่า มันเกิดอะไรขึ้น !?
    ตำรวจนายหนึ่งได้ส่องไฟฉายรอบๆตัวผมพร้อมสังเกตสิ่งต่างๆตามร่างกายผม 
    จนเมื่อเขามองเห็นส่วนหนึ่ง พริบตานั้นเขาก็เบิกตาโตอย่างหวาดกลัวถึงกับล้มลงจนก้นกระแทกกับพื้นและส่งเสียงดังจนเพื่อนอีกคนต้องหันมามองอย่างตกใจ ไฟฉายของเขาหล่นลงพร้อมกับสาดส่องมายังผม
    “เฮ้ย ! เป็นอะไรของแก” เพื่อนตำรวจด้วยกันรีบดูอาการของเพื่อนอย่างน่าเป็นห่วง และที่สำคัญดูเหมือนเขาจะไม่ใช่หวาดกลัวธรรมดา เพราะตำรวจที่ล้มลงนั้นถือปืนเล็งมาที่ผมอย่างแน่นอน
    ปากที่สั่นไปด้วยความหวาดกลัวนั้นขึ้นเป็นคำๆให้เพื่อนรู้
    “มะ...มือ...มือ...ของ...มัน...” ยังไม่ทันพูดจบ เพื่อนตำรวจคนนั้นรีบหันไปทางที่เพื่อนบอกทันที ทำให้ผมเองก็ต้องนำมือขึ้นมามองด้วยความอยากรู้
    !!!!!!!!!!!!!!
    เพียงเท่านั้นความจริงจึงกระจ่างแก่ตำรวจและตัวผม 
    ผมกำลังถือศีรษะของผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าของผู้หญิงที่โชคร้ายนี้เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลที่เกิดจากการข่วนลงไปขนาดใหญ่ ลำคอราวกับถูกฉีกกระชากออกจากตัวทำให้มีหลอดลมและหลอดอาหารติดมาด้วย
    และไม่เพียงเท่านั้น   ผมเพิ่งจะรู้ว่า ขาของผมมีโซ่คล้องขาเหมือนกับพวกนักโทษเลย
    วินาทีนั้นผมละสายตาจากศีรษะนั้นไปมองตำรวจอีกครั้ง  คราวนี้ตำรวจทั้งสองคนพร้อมใจกันหันปากกระบอกปืนมาที่ผมอย่างหวาดกลัวราวกับกำลังมองบางสิ่งที่มนุษย์ขนานนามให้กับมันด้วยความกลัว
    “ปะ...ปีศาจ !!”
    ปัง!!!
    กระสุนนับสิบพุ่งใส่ตัวผมไม่ยั้ง   มันเจ็บเหลือเกิน... ทำไม...   ทำไมพวกคุณถึงยิงผม...   ตำรวจทุกคนนี้สามารถสังหารผู้คนได้อย่างพร่ำเพรื่อโดยไม่สนใจถึงความจริงที่ไม่อาจจะเป็นอย่างที่เห็นได้ด้วยเหรอ !?
    ผมทรุดตัวลงพร้อมกับร่างกายที่โชกไปด้วยเลือด แต่ผมก็ยังชันเข่าประคองร่างเอาไว้ 
    กระสุนอีกนัดหนึ่งพุ่งเข้าใส่กลางหน้าผากของผมอย่างจังและไร้ความปรานี
    สติของผมดับวูบหายไปอย่างฉับพลัน


    --------------------------------------------------------------------------

    เย้!!  เสร็จไปหนึ่งบทแล้ว   ถ้าอ่านแล้วรู้สึกยังไง  มีความคิดเห็นยังไง  หรือเห็นข้อบกพร่องสามารถให้คำแนะนำได้นะครับ  


    ขอบคุณทุกคนที่กรุณาเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×