Royal Phoenix Present
MY CACTUS - NAPINK
One-Short Fiction
Lim Nayoung AND Zhou Jieqiong
“นี่ยัยแคคตัส”
หญิงสาวหน้านิ่งเงยหน้าขึ้นจากหนังสือวรรณกรรมที่ตัวเองอ่านพลางหันไปมองตามน้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังมาจากระเบียงห้องด้านข้าง
หากแต่พอเห็นสายตาหยาดเยิ้มนั่นแล้วเดาไม่ยากเลยว่าผู้หญิงผมสีชมพูนั่นคงเมากลับอีกตามเคยเธอจึงหันไปสนใจหนังสือในมือต่อ
“ย๊า! ฉันเรียกไม่ได้ยินหรือไง”
“ได้ยิน”
“แล้วทำไมไม่ตอบ”
ลมหายใจถูกพ่นออกมาอย่างหงุดหงิดหนังสือเล่มหนาถูกปิดลงก่อนที่สายตาคมนั้นจะตะวัดมองไปยังผู้หญิงขี้เมาข้างห้องที่กำลังยิ้มหวานอย่างชอบใจ
“มีอะไร”
“ฉันเลิกกับเขาแล้วล่ะ”
“ก็ขี้เมาแบบนี้ใครจะไปทน”
“ย๊า!! นี่ว่าฉันเหรอฉันน่ะ จูคยอลคยอง เลยนะดาวคณะบริหารที่คนหมายปองทั้งมหาลัยนะ!”
คุณแคคตัสส่ายหน้าน้อยๆกับไอ้ท่าทางสะบัดผมไปมาพลางจิกตาแบบนั้น
ไอ้สวยมันก็สวยอยู่หรอกนะแต่เมาแบบนี้ทุกวันมันก็ไม่ไหว
ร่างสูงลุกขึ้นยืนพลางเดินไปยังรางแคคตัสและต้นไม้แคระของตัวเองที่อยู่อีกฝั่งของระเบียง
“ฉันคนนึงล่ะที่ไม่สน”
“อิมนายอง!! ไอ้กระบองเพชรบ้า!!!”
ขนมเจลลี่สีสวย? ในมือถูกปาข้ามฝั่งมายังไอ้กระบองเพชรบ้านั่นพร้อมกับเสียงหัวเราะของคยอลคยอง
มือเรียวของนายองเอื้อมไปจับผมของตัวเองที่ถูกมวยไว้หลวมๆก่อนจะพบกับความชื้นแฉะของก้อนเจลลี่แบร์ที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
“นี่ ยัยขี้เมา
แคคตัสน่ะไม่กินเจลลี่หรอกนะ”
ผิดคาด
ครั้งนี้คยอลคยองไม่โดนเหวใส่ดังเช่นทุกทีแพขนตากระพริบถี่เมื่อเห็นว่าร่างสูงนั่นทิ้งเจลลี่แบร์เมื่อครู่ลงถังขยะแล้วเดินเข้าห้องไป
“มาแปลกแหะวันนี้...”
แม่ดาวคณะเกาหัวแกร็กๆพลางยัดถุงเจลลี่ที่กินไม่ได้นั่นลงในถังขยะที่ระเบียง
แหงล่ะก็หล่อนเล่นทิ้งมันไว้ข้ามคืนขนาดนั้นนี่ถ้าไม่ติดว่าอยากแกล้งไอ้เจ้าแคคตัสข้างห้องคงไม่ยอมใช้มือสวยๆของตัวเองหยิบมันออกมาจากถุงหรอก
ซ่า!!!!!
“กรี๊ดดดด ไอ้!!! อิมนายอง!!!!”
“แบบนี้แหละถึงจะหายบ้า
ไปนอนได้แล้วเหม็นเหล้าจะแย่”
“กรี๊ดดดดดดดดด
ไอ้กระบอกเพชรบ้า!!! แก!!
คอยดูนะฉันจะพังแคคตัสนั่นให้ร่วงเลย”
“เหรอ
ก็ข้ามมาสิถ้าไม่กลัวตกลงไปตายก็ข้ามมาเลย”
ว่าแล้วคนที่ถือถังใส่น้ำอยู่ในมือก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจก่อนจะโบกมือให้หญิงสาวข้างห้องที่เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องด้วยสภาพเปียกๆแบบนั้น
“ยัยบ๊องเอ้ย
ก็ยิ้มได้แล้วนี่นา”
เราสองคนเรียนที่เดียวกันเอกเดียวกันแต่สถานะในมหาลัยต่างกัน
คยอลคยองเป็นดาวคณะสวย เก่ง และเป็นที่ต้องการของชายหนุ่มในมหาลัยแฟนเหรอถ้าไม่รวมคนที่เพิ่งเลิกกับเธอไปเมื่อครู่ก็คงโหลนึงได้แล้วล่ะมั้ง
แน่ล่ะสาวสวยโปนไฟล์ดีแบบเธอใครๆก็อยากควงถูกไหม
ส่วนนายอง
สโตนนายอง รุ่นพี่หิน พระพุธทรูปหน้านิ่ง
แล้วแต่ใครจะเรียกแบบไหนนั่นคือนายองผู้หญิงหน้านิ่งประธานชมรมสิ่งแวดล้อมเรียกง่ายๆว่านอกจากรุ่นน้องสิบกว่าคนในชมรมแล้วนายองก็ไม่รู้จักใครอีกเลย
อิมนายองรู้จักจูคยอลคยองได้ยังไงน่ะเหรอ...ความรำคาญ
ใช่ มันเริ่มต้นมาจากคำนี้....
แกร็ก
แกร็ก แกร็ก ~
เสียงที่ดังขึ้นจากระเบียงห้องข้างๆทำให้คนที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ถึงกับต้องชะงัก
ร่างสูงสะบัดหน้าไปมาแหงล่ะไอ้เสียงที่ว่านี่มันดังอยู่ทุกคืน ย้ำว่าทุกคืน
บางทีนายองก็หลอนเหมือนกันนะถึงจะเห็นหน้านิ่งๆแบบนี้ก็เถอะ
แกร็ก
แกร็ก แกร็ก ~
ไอ้เสียงบ้านั่นมันดังอีกแล้ว
น่ารำคาญ ร่างสูงถอนหายใจออกมาก่อนจะเงี่ยงหูฟังเสียงนั้นอย่างใจเย็น
เอาล่ะถ้าไม่ตามหามันคืนนี้ก็คงนอนไม่หลับอีกตามเคย นายองจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยจนหยุดอยู่ที่ริมระเบียงห้องทางฝั่งขวา
มันดังมาจาห้องข้างๆเหรอนายองขมวดคิ้วก่อนจะชะโงกหน้าข้ามราวกั้นนั่นไป
ผู้หญิงผมสีชมพูที่นั่งกอดเข่าตัวเองในมือของเจ้าหล่อนมีกระป๋องเบียร์สีเงินที่ตอนนี้ก้นกระป๋องกำลังขุดพื้นคอนกรีตตามข้อมือที่สะบัดไปไปมา
เอาล่ะทีนี้ก็ตามหาต้นตอของไอ้เสียงบาดหูนั่นเจอแล้วไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของเธอที่ห้องของเราติดกันแถมฝั่งขวาของห้องนั้นก็ไม่มีเสียด้วย
“นี่คุณ”
หล่อนไม่ตอบหากแต่หยุดทำเสียงแสบแก้วหูนั่นแล้วนายองกรอกตาขึ้นฟ้า
เอาล่ะอย่างน้อยๆยัยหัวชมพูนี่ก็คงจะคิดได้ว่าไม่ได้มีห้องหล่อนห้องเดียวที่อยู่ตรงนี้
แกร็กๆๆๆๆๆๆๆ
“ย๊า!!! หยุดทำเสียงแบบนั้นสักทียัยขี้เมา!!”
“ไอ้บ้าเอ้ย!!!!”
ปึก!!
เอาล่ะที่จริงเราก็ไม่ควรไปยุ่งเรื่องของคนอื่นตั้งแต่แรกเพราะตอนนี้ไอ้กระป๋องเปล่านั่นมันลอยละลิ่วข้ามฝั่งมากระทบกับหน้าผากใสๆของนายองเต็มๆ
โกรธ โมโห เกรี้ยวกราด
ทุกอย่างที่นายองจะนิยามมันได้นี่มันอะไรกันแค่เตือนไม่ได้เลยรึไง
หนึ่งเหตุผลที่นายองไม่อยากลดตัวไปยุ่งกับคนเมา...เพราะคนเมามักจะพูดไม่รู้เรื่อง
“ย๊า! ยัยหัวสลิ่ม!!”
นายองตะโกนไล่หลังเมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าห้องไปแล้วดูท่าจะไม่ออกมาด้วยสินะไอ้เสียงปิดประตูนั่นห้องแบบนั้น
“นี่ทำไมถึงชอบปลูกแคคตัส”
“ก็มันน่ารักดี
เลี้ยงง่ายแต่บางทีก็เลี้ยงยาก”
“ไม่เห็นจะเข้าใจ”
อิมนายองส่ายหน้าไปมาคนที่รู้จักแต่ยี่ห้อเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอร์ฮอลแบบ
จูคยอลคยอง จะไปรู้จักความสวยงามแบบธรรมชาติอย่างที่เธอเข้าใจได้ยังไง ใช่
ตั้งแต่วันที่คยอลคยองปากระป๋องมาโดนหัวเธอนั่นแหละทั้งๆที่นายองเองก็คิดว่ามนุษย์เหล้าข้างห้องนี่คงไม่กลับมาแล้ว
ก็ได้แต่นั่งลูบหัวตัวเองป้อยๆอยู่ในห้องก่อนที่กริ่งหน้าห้องจะดังขึ้นพอเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าไอ้คนที่ทำร้ายร่างกายเธอเมื่อครู่ยื่นยามาให้ห่อใหญ่ก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไป
ก็ดีมีความรับผิดชอบดี แต่แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ....
“นายอง”
“อือ”
“นี่สนใจฉันหน่อย”
“อะไร”
คยอลคยองถอนหายใจออกมาเมื่อเธอเอียงคอไปมองเพื่อนข้างห้องที่นั่งอ่านหนังสือเล่มหนาโดยไม่ได้หันมามองเธอเลย
ไอ้แคคตัสยุคหิน
“มองขนาดนี้ไม่ข้ามมาเลยล่ะ”
“เห็นด้วยเหรอ”
“ตาไม่ได้บอด”
“มีตาอยู่ตรงขมับเหรอ”
แม่สาวดาวคณะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นใบหน้าเรียบตึงที่หันมามองเธอ
ในที่สุดก็หันมาสักทีสินะ
คยอลคยองยิ้มเอาล่ะมนุษย์แคคตัสหันหน้ากลับไปสนใจหนังสือของตัวเองอีกแล้วหากแต่คราวนี้คยอลคยองสังเกตเห็นรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากนั่นนะ
“หัวเป็นมะเร็งยัง”
“จะชมว่าสวยหน่อยไม่ได้เลยรึไง”
“เธอก็รู้
ต่อให้แคคตัสออกดอกเป็นไข่ฉันยังไม่ชมว่าเธอสวยเลย”
“ปากเหรอที่พูดมาน่ะ”
“บ้านเธอใช้หูพูดหรือไงล่ะ”
ไอ้!!!
คยอลคยองแยกเขี้ยวใส่คนที่อมยิ้มอยู่ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของตัวเองและกลับออกมาอีกครั้งด้วยสิ่งของที่อยู่ในมือ
“นายองอ่า”
คุณแคคตัสที่เงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียกของมนุษย์เหล้าข้างห้องก่อนที่จะขมวดคิ้วเพราะรอยยิ้มร้ายๆนั่น
อะไรของยัยนี่กันนะ
ปืดดดดดดด
“ย๊า!!! จูคยอลคยอง!! หนังสือฉันเปียกหมดแล้วเห็นไหม!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ
สมน้ำหน้า”
“จริงๆเลย...ยัยบ้านี่”
“ตลกอะ
นี่ไงฉันรดน้ำให้แล้ววันนี้ก็ไม่ต้องอาบน้ำแล้วนะ”
“เอาคืนเหรอ
เธอนี่มัน!! อย่าให้ฉันถึงตาฉันบ้างล่ะ”
“เหรอ
ก็ข้ามมาสิ ถ้าไม่กลัวตกลงไปตายก็ข้ามมาเลย”
ยัยนี่มัน!! นายองเสยผมเปียกๆของตัวเองขึ้นอย่างหัวเสียจูคยอลคยองน่ะร้ายนะไอ้ที่เห็นว่าไม่เอาคืนนั่นไม่ใช่เพราะสู้เธอไม่ได้แต่หล่อนรอเวลาต่างหาก
น่ารำคาญจริงๆ
เป็นอีกวันที่เย็นนี้เงียบสงบถ้าให้นายองเดาคนข้างห้องคงออกไปเที่ยวอีกตามเคย
บางทีเธอก็คิดนะว่าไอ้เครื่องดื่มชวนปวดหัวนี่มันดีกว่าการนอนอยู่ห้องยังไง
เวลาแฮงค์ตอนตื่นมันรู้สึกดีกว่าการปลูกต้นไม้เหรอคิดไปก็เท่านั้นหยิบนูดัมที่ได้มาใหม่เมื่อตอนบ่ายมาวางท่ามกลางพี่ๆก่อนจะยิ้มออกมา
“ชื่ออะไรดีนะเรา”
“ซังซู”
นางยองหันไปมองเจ้าของเสียงที่ดูไม่ค่อยจะสดใสเหมือนทุกที
ใบหน้าที่เศร้าๆพร้อมกับรอยแดงๆที่จมูกนั่นให้เดามนุษย์เหล้ากลายเป็นมนุษย์ขี้มูกไปแล้วล่ะ
“โชคชะตาเหรอ”
“อือ”
คยอลคยองตอบแค่นั้นนายองถอนหายใจออกมาพร้อมเจ้าซังซูในมือ
เธอเดินมาหยุดยืนตรงระเบียงห้องที่กั้นระหว่างห้องเธอและห้องของคยอลคยอง
ดูเหมือนยัยขี้เมาจะยังงงๆนะตอนที่เธอยื่นซังซูไปให้น่ะ
“ฉันเลี้ยงไม่เป็นหรอกนะ”
“ก็คิดอยู่”
“แล้วเอามาให้ทำไม”
“ลองสิ
ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไงว่าเลี้ยงไม่เป็น”
คยอลคยองขมวดคิ้ว
“ไม่เอาอะ กลัวมันตายถ้าเลี้ยงด้วยเบียร์ได้ก็ว่าไปอย่าง”
นายองหัวเราะออกมาพลางดึงซังซูกลับ
“เลี้ยงด้วยเบียร์เนี่ยะนะคิดได้ยังไง
แต่ก็เอาไปเถอะถึงจะอยากให้พลูด่างแทนแคคตัสก็ตาม”
“อะไรคือพลูด่าง”
“ไอ้นั่นอะ”
นายองชี้ไปที่ไม้เลื้อยที่พันอยู่รอบๆราวที่กั้นของระเบียงคยอลคยองพยักหน้า
ไอ้ต้นเกะกะที่เห็นเธอคอยตัดอยู่บ่อยๆนั่นอะนะ
“มันเลี้ยงง่ายเหรอ”
“ใครเลี้ยงตายก็แปลกแล้ว”
“อ่อ...”
“แต่กับเธอฉันว่ามันต้องตายแน่ๆ”
“ย๊า!! เอามาเลยไอ้ต้นนั้นอะ”
ยัยตัวแสบชี้ไปที่เจ้าซังซูในมือของนายองจนเจ้าของถึงกับทำหน้าแปลกใจ
“จะเลี้ยงจริงดิ”
“อือ
อย่างน้อยๆจะได้ไม่เหงา...”
“พูดเหมือนจะไปไหนงั้นแหละ”
“อาทิตย์หน้า..ฉันต้องกลับจีนแล้วล่ะ”
คนที่ไม่เคยเลี้ยงต้นแคคตัสมักจะพูดว่า
‘ ถ้าเลี้ยงแคคตัสตาย ก็ไม่ต้องเลี้ยงต้นอะไรแล้ว
’ ส่วนคนที่เคยเลี้ยงมาเจ้าจิ๋วนี่มาแล้วก็มักจะพูดว่า ‘ เลี้ยงยากจัง เน่าตายหมดเลย ทำไมต้นไม่สวยเหมือนตอนซื้อมาเลย ‘ ที่จริงแคคตัสมันก็เหมือนต้นไม้เอาแต่ใจนั่นแหละ
แดดจัดเกินก็ตาย ให้น้ำมากเกินก็ตาย ไม่ให้น้ำเลยก็ตาย สรุปแคคตัสน่ะโคตรจะเอาแต่ใจเลยแถมยังเข้าใจยากเสียด้วยแต่ถ้าคุณรู้ว่าต้องเลี้ยงมันยังไงมันก็เป็นต้นไม้ที่น่ารักต้นนึงเลยล่ะ
“อ่า...วันนี้ตากแดดแค่นี้ก็พอนะกูยอน”
ต้นแคคตัสสีเหลืองถูกเก็บเข้าร่มด้วยรอยยิ้มของคนที่เป็นเจ้าของ
ร่างบางก้มมองนาฬิกาบนข้อมือก่อนจะเดินเข้าห้องไปด้วยรอยยิ้ม
“เจี๋ยฉงอ่าเสร็จหรือยังเดี๋ยวก็ไปงานไม่ทันหรอก”
“เรียบร้อยแล้วค่ะม๊า”
เสียงใสเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้ม
ห้าปีกว่าแล้วสินะที่เธอกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดตั้งแต่เสียผู้เป็นพ่อไปอย่างกะทันหันในวันนั้น
ทำให้เธอต้องทิ้งชีวิตอิสระในต่างแดนกลับมาใช้ชีวิตที่เจ้อเจียงอีกครั้ง
“ไง
แม่คนรักธรรมชาติ”
“แต่เช้าเลยนะเกอเกอะ”
“ก็เกอเห็นตั้งแต่ย้ายกลับมาดูแกเป็นคนรักธรรมชาติขึ้น...เอ
หรือรักเจ้าของไอ้เจ้าซังซู”
เจี๋ยฉงไม่ตอบได้แต่ยักคิ้วกวนๆให้พี่ชายตัวแสบไปสองสามที
ก่อนที่ศึกครั้งนี้จะถูกห้ามโดยผู้หญิงที่ทรงอิธิพลที่สุดในบ้านหลังใหญ่
รถโรสรอยคันงามจอดลงหน้าโรงแรมหรูใจกลางเมืองหางโจว
งานเลี้ยงต้อนรับประธานคนใหม่ของบริษัท โจวเจี๋ยฉงถอนหายใจออกมาน้อยๆก่อนที่ประตูด้านของเธอจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือของพี่ชายคนโตของบ้านที่ยืนยิ้มให้เธออยู่
“ยิ้มเข้าไว้
ทำหน้าบูดเป็นตูดเดี๋ยวก็โดนสื่อเล่นงานอีก”
“รู้แล้วน่า”
“อ่อ
วันนี้มีแขกจากเกาหลีด้วยนะเกอว่าแกน่าจะรู้จัก”
“ใคร”
“อ่า...อิมอะไรนี่แหละ
CEO ของแพลนวู๊ท”
เจี๋ยฉงไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเองนิ่งไปนานเท่าไหร่หลังจากได้ยินประโยคบอกเล่าจากพี่ชายเช่นนั้น
อิม ...อิม...เหรอในหัวของเธอมีแต่ชื่อนี้วนเวียนอยู่ตลอดเวลาคนเดียวที่เธอคิดถึงมาตลอดห้าปี
เจ้าของเจ้าซังซู ไอ้แคคตัสหน้านิ่งนั่น
ริมฝีปากปากเม้มเข้าหากันแน่นก่อนที่สายตาหวานจะเหลือบไปเห็นร่างสูงของใครบางคนที่อยู่อยู่ไม่ไกลจากเธอนัก
ชุดเดรสสีดำที่ถูกคาดด้วยผ้าคลุมไหล่สีขาว
ผมสีน้ำตาลประกายแดงถูกมวยเก็บไว้อย่างเรียบร้อย
ตุ้มหูยาวสีเงินที่ถูกประดับด้วยเพชรที่ส่องประกายระยับเมื่อต้องกับแสงไฟ
ริมฝีปากบางที่แย้มยิ้มถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงไวน์
ดวงตาคมที่ยังคงจ้องมายังเธออย่างไม่ลดละ
“อิมนายอง”
“โอ๊ะ! ใช่ นั่นไงๆ นั่นหล่อนล่ะอายุแกแต่สามารถดันบริษัทมาได้ถึงขนาดนี้เก่งมากเลยว่าไหม”
แพลนวู๊ทเป็นบริษัทซับพลายรายใหญ่ที่เข้ามาตีตลาดในจีนได้ภายในระยะเวลาสองปีแน่นอนว่าบริษัทนั่นถือว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญของบริษัทเธอก็เช่นกัน
หากแต่ในหัวของเจี๋ยฉงตอนนี้ไม่ได้มีคำว่าคู่แข่งเลยแม้แต่น้อยดวงตากลมเป็นประกายขึ้นราวกับเด็กได้ของเล่นนั่นมันทำให้พี่ชายของเธอเอ่ยแซวขึ้นมา
“ถ้าแกเป็นผู้ชายเกอว่าคุณอิมคงท้องไปแล้ว”
“ยุ่งน่าเกอ
มีอะไรก็ไปทำไป”
“อ่า..งั้นเกอไปทำความรู้จักคุณอิมก่อนแล้วกันนะ”
“หยุด!”
น้องสาวท่านประธานคนใหม่ของโจวเดเวลอฟยกมือขึ้นปรามพี่ชายตัวเองด้วยสายตาเคืองๆ
ทำเอาผู้เป็นพี่ถึงกับหัวเราะร่วนกับท่าทางแบบนั้น
“จีบไปก็ไม่ติดหรอกเกอ
คุณอิมเค้าไม่ได้ชอบผู้ชาย”
“อ่อออ
นี่คงจะเป็นคนเดียวกับเจ้าของแคคตัสนั่นใช่ไหมถึงหวงได้ขนาดนี้น่ะครับคุณคยอลจอง”
“คยอลคยอง
ค่ะคุณโจว!”
คยอลคยองค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ร่างสูงที่ยืนดูการแสดงอยู่หน้าเวทีก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างๆ
สายตาคมจ้องมองสำรวจตั้งแต่ใบหู แพขนตา ริมฝีปากบาง สันจมูกคม...ก่อนจะหยุดลงตรงมือเรียวที่ถือแก้วไวน์แดงนั่น...
“ก็ยังโรคจิตเหมือนเดิมเลยนะ”
“ย๊า! เห็นได้ยังไงกัน”
“คงมีตาอยู่ที่ขมับเหมือนเธอว่าล่ะมั้ง”
“ยอมรับแล้วเหรอ”
อิมนายองหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะยกแก้วไวน์สีแดงสดขึ้นจิบพลางมองการแสดงต่อไปโดยไม่หันไปมองคนข้างๆ
จนสาวเจ้าต้องพองแก้มใส่ไปทีนึง
“คิดว่าน่ารักรึไงทำแบบนั้นน่ะ”
“แล้วฉันเคยน่ารักในสายตาเธอด้วยเหรอ”
“ก็....บางครั้ง
บางครั้งที่ไม่เมา”
“ย๊า!! จริงๆเลย”
คยอลคยองกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อรู้ตัวว่ากำลังโดนไอ้เจ้าแคคตัสหน้านิ่งนี่กำลังปั่นหัวอยู่
แหงล่ะรอยยิ้มมุมปากนั่นอย่าคิดว่าเธอไม่เห็นนะ
นี่ถ้าสายยางอยู่ใกล้ๆจะฉีดน้ำใส่ให้เฉาตายไปเลยโทษฐานที่ไม่คิดถึงกันแถมยังทำเฉยชาใส่อีก...
“นี่...ซังซูตายไปหรือยัง”
“ยังย่ะ
ยังอยู่ดีแถมมีเพื่อนเพิ่มด้วย”
“อ่อ ก็ดี
เก่งดีนี่”
“ใช่! ฉันเก่ง...ไอ้แคคตัสบ้า”
ถ้ามองไม่ผิดนี่คยอลคยองกำลังเห็นแคคตัสหัวเราะใช่ไหม
ตกลงตั้งใจกวนตั้งแต่แรกเลยสินะไอ้!!!
ว่าแล้วสาวเจ้าก็ชูหมัดขึ้นเหนือหัวเหมือนกำลังจะอัดมนุษย์แคคตัสให้ตายคามือของตัวเอง
หากแต่เจ้าต้นไม้ไร้หนามนี่กลับหันกลับมองเธอเสียก่อนจนเธอต้องทิ้งหมัดนั่นไว้ข้างตัว
“คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า”
“หะ วะ ว่ายังไงนะ”
“ไม่ได้เจอกันนานหูเสียขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็แค่ไม่คิดว่า...”
“คิดถึงฉันบ้างไหม..คยอลอ่า..”
เอาล่ะถึงคยอลคยองจะชอบของทุกอย่างเป็นสีชมพูก็ตามหากแต่ตอนนี้เธอกลับไม่ชอบความเห่อร้อนบนใบหน้าของตัวเองเลยให้ตาย
ถ้าเดาไม่ผิดบลัชออนบนใบหน้ามันต้องเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องปัดแหงๆ
ไอ้ซื่อบื้อนี่ไปเรียนวิธีพูดจาแบบนี้มาจากไหนกันนะ
“พูดบ้าอะไร”
“เขินเหรอคะ...ไม่ต้องตอบเราก็ได้
แต่เราน่ะ...คิดถึงเธอนะคิดถึงมากรู้ไหม”
มือเรียวของคนตรงหน้าถูกยกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมสีน้ำตาลเบาๆก่อนจะทัดมันไว้กับหูของมนุษย์เหล้าที่กำลังอายม้วนอยู่
นายองไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้ากำลังเขินตัวเองมากขนาดไหนเพราะเธอก็ยังอดที่จะอายตัวเองไม่ได้เลย
ไปหัดพูดคำพวกนี้มากจากไหนเหรอก็คงเป็นหน้ากระจกเมื่อสามวันก่อนที่รู้ว่ารองประธานของโจวเดเวลอฟคือใคร
นี่อุส่าเตรียมเรื่องพวกนี้มาอย่างดีเลยนะแต่ก็ถือว่าคุ้มที่มันประสบความสำเร็จ
“คิดถึงให้ตายไปเลย
ทีอยู่ใกล้กันไม่เห็นจะรู้สึกอะไรพอเค้ามาอยู่ไกลๆแล้วเพิ่งจะรู้ใจตัวเองหรือไงไอ้บ้า!! ไอ้กระบองเพชรบ้า!!”
“โอ้ย! เจ็บนะรู้ไหม ก็ถึงลงทุนทำงานหนักเพื่อมาบอกคนแถวนี้นี่ไง”
นายองรวบมือคนตัวเล็กกว่าไว้พลางยิ้มให้
ใช่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ
เธอรู้ว่าการที่จะเข้ามาที่นี่มันยากมากแค่ไหน รู้ว่าโจวเจี๋ยฉงเป็นใคร
รู้ว่าหล่อนไม่ใช่แค่ยัยขี้เมาข้างห้องแบบจูคยอลคยอง
เธอถึงต้องพยายามถีบตัวเองเพื่อขึ้นมาถึงจุดนี้เพื่อให้ได้ยืนคู่กับคนตรงหน้าอย่างให้เกียรติกับเธอและพูดคำๆนั้นได้อย่างเต็มปากสักที
“ฉันรักเธอนะ
รักตั้งแต่เธอเป็นยัยขี้เมาข้างห้องจนกระทั่งท่านรองของโจวเดเวลอฟ”
“นายองอ่า...”
“ไม่ต้องทำซึ้ง
แล้วไม่ต้องร้องไห้ด้วยแค่กอดฉันไว้แล้วไม่ปล่อยฉันไปอีกก็พอ”
“รักเธอนะ”
แคคตัสเหรอ
นายองไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกแต่คนที่เป็นแบบนั้นตั้งแต่แรกคือคนที่อยู่ในอ้อมกอดเธอนี่ต่างหาก
จูคยอลคยอง เป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ ขี้วีน ขี้เหวี่ยง ส่วนโจวเจี๋ยฉง
เป็นผู้หญิงเข้าใจยาก คิดจะไปก็ไป คิดอยากทำอะไรก็ทำ
แต่ยังไงซะทั้งสองคนก็คือคนๆเดียวกันเห็นไหมว่าผู้หญิงคนนี้ดูแลยากและน่ารำคาญมากขนาดไหน
แต่ถึงยังไงนายองก็ชอบนะชอบที่จะคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆโดยไม่สนว่าเธอจะเป็นแบบไหนขอแค่ให้เธอเป็นในแบบที่เธออยากจะเป็น
และรักฉันในแบบที่เธออยากจะรักก็พอแล้ว...
THE END
ปล. ไม่มีอะไรมากไรท์แค่เอาลง storylog แล้วเลยอยากเอาลงในนี้ด้วย
ปล.2 เค้าทำตามสัญญาว่าจะแต่ง นาพิ้ง แล้วนะตัวเธอ 55555
ลองดูแล้วเผื่อมีคนติดใจเลาจะได้ทำอีก ช่วงนี้บ้าพลัง โฮร่ววววว
ติชมได้เช่นเดิมและสำหรับสาวกทวิตเตอร์.... #ฟิคพี่หินแคคตัส นาจาาาาา