ดีเจที่รัก
เธอเป็นดีเจสาวผู้ไม่เคยสัมผัสความรัก อุบัติเหตุที่ไม่ตั้งใจทำให้เขาและเธอพบกัน จนกลายเป็นเรื่องราวของความรู้สึกที่เธอไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน เขาอบอุ่นสุขุมใจเย็นผิดจากเธอใจร้อน ปากกล้า
ผู้เข้าชมรวม
128
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอน1
กานดา หญิงสาวรูปร่าง ผอมสูงได้สัดส่วน หุ่นนางแบบแฟชั่น วัยยี่สิบแปดปีกำลังนั่งจัดรายการวิทยุ ที่กำลังออกอากาศอยู่เป็นชั่วโมงสุดท้ายระหว่างที่พักเบรกโฆษณาและตั้งเพลงรอไว้หลังโฆษณาจบ
“ยาหยี ไปไหนนะ ไม่มีความรับชอบเลย หรือว่าจะไม่สบาย ไปไหนนี่ ยังไม่ได้เวลาเลิกงานเลยนะ อย่าทำแบบนี้นะเว้ย!” หญิงสาวหันซ้ายทีขวาทีหาเพื่อนสาว “ฉันกลัวนะเพราะมันมืดมากมืดจนวังเวง” เธอมองไปที่นาฬิกาที่ผนังก็ใกล้จะตีสองแล้ว “ยาหยีไปไหนนี่ อย่าทำแบบนี้ฉันกลัวนะ” หญิงสาวเดินหาภายในอาคารที่เงียบสงบ รอบๆมืดเป็นออฟฟิศยามค่ำคืน ยามดึกแบบนี้ มันช่างหดหู่ใจเหลือเกิน การหายตัวไปของคู่หูของเธอ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับคราวนี้ เธอห่วงงาน วิ่งตรงดิ่งมาที่ห้องจัดรายการ ที่กำลังออนแอร์สดๆออกอากาศทั่วประเทศ
“ยาหยีแกหายไปไหนนะฉันรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแกแค่ไหน” หญิงสาวพูดตำหนิเพื่อนพร้อม
ตั้งระบบอัตโนมัติเอาไว้ เพื่อออกตามหาเพื่อนรัก ที่หายไปจากหน้าที่คุมเครื่องสัญญาณและรับโทรศัพท์จากผู้ฟังทางบ้าน ทุกครั้งไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะยาหยีเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่แต่แล้วทำไมครั้งนี้จึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้กำลังอกหักกับคนรักที่เป็นเพศเดียวกัน ที่สาวทอมไปมีคนรักใหม่และทำงานอยู่ที่เดียวกันต้องเจอหน้ากันทุกวันอาจจะเป็นไปได้ที่เธอจะคิดไม่ดีไม่ร้ายกับตัวเอง
ยาหยีเป็นหญิงสาวสวยหุ่นดี จิตใจดี เชื่อคนง่าย ถ้ารักใครแล้วจะทุ่มหมดใจเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของนักธุรกิจดังจึงได้รับอิสระจากการเลือกคู่ เธอจึงเลือกผิดเลือกพลาดอยู่เสมอ ครั้งที่เรียนมัธยม ยาหยี เคยเรียนดีสอบได้ที่หนึ่งของห้องเป็นประจำแต่พอเรียนมาจนถึงชั้นมัธยมปลาย จนเธอมีความรักครั้งแรกและต้องเจ็บครั้งแรก เธอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มคือ วิชิต เป็นลูกชายเจ้าของโรงสี เธอยอมเพราะความปากหวานของเขา จนเธอตกเป็นของเขาในวันนั้น เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของเขาและเธอ วิชิตเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา พร้อมกับดูถูกยาหยีเสียๆหายๆยาหยีจึงกลายเป็นคนซึมเศร้าจนเรียนจบมัธยมปลาย พอได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ต้องพบรักใหม่แต่คราวนี้จิตใจเธอแข็งขึ้นไม่ยอมเสียอะไรง่ายๆ เพราะเธอเคยผ่านการมีแผลมาแล้ว จิตใจของเธอตอนนั้นมีแต่ความเย็นชา จนคราวนี้เธอเป็นฝ่ายทำให้ผู้ชายเสียใจเพราะเธอนับครั้งไม่ถ้วน เธอเกลียดผู้ชายทั้งโลก สกปรกขยะแขยง จิตใจต่ำช้าคือเพศเดียวกับวิชิตที่ทำร้ายเธอ
ยาหยีเป็นลูกสาวคนเล็กของเศรษฐีเจ้าของโรงแรมที่ติดอันดับต้นๆด้านบริการที่ดีที่สุดในเมืองไทย จัดได้ว่าเป็นไฮโซแถวหน้าที่สามารถใช้ชีวิตสบายๆไปทั้งชีวิตโดยไม่ต้องง้อใคร หลังจากที่หัวใจของเธอ ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง กับสาวทอมที่ทำงานอยู่ที่บริษัทเดียวกัน อาจจะเจอหน้ากันทุกวัน หัวใจของเธอต้องห่อเหี่ยวเมื่อเห็นภาพบาดตาบาดใจ เพราะสาวทอม คบคนใหม่ที่เด็กกว่าสวยกว่าเซ็กซี่กว่าและอยู่บริษัทเดียวกันบาดใจเธอเหลือเกิน
ที่ผ่านมา ยาหยีกับสาวทอมต่างเอาใจดูแลกันและกันจนน่าอิจฉา จนหนุ่มหล่อในออฟฟิศต่างพากันผิดหวังอกหักต่อให้หล่อเทพแค่ไหนก็ต้องกินคุณสมหวังไปตามระเบียบ
หลังจากที่ยาหยีผิดหวังกับสาวเพศเดียวกัน เหตุการณ์ครั้งนี้เธอต้องผิดหวังอย่างรุนแรงมาแล้วครั้งล่าสุด ยาหยีกลายเป็นคนเงียบ...เงียบจนดูน่ากลัว เพราะเธอผิดหวังเพราะ คนรักเข้ามาในชีวิตของเธอเพียงแค่ทรัพย์สินเงินทองที่เธอมีมากมายใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด ครั้งนี้ถึงกับคิดสั้นเพื่อปิดบันทึกทุกอย่างที่เขียนเอาไว้ตลอดชีวิต ก่อนขอจบชีวิตด้วยการกระโดดตึก แต่กานดา กล่อมจนเธอยอมกลับเข้ามาในอ้อมกอดของเพื่อนรักอีกครั้ง
ยาหยีพักรักษาใจด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดจากกานดาเพื่อนรัก นี่ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว และกานดาก็ได้พาไปพบกับรุ่นพี่ที่เคยผ่านอะไรมาเหมือนเธอคือผิดหวังเพศเดียวกัน คือพี่ เอ๋ ซึ่งเป็นดีเจรุ่นพี่ที่พร้อมให้คำปรึกษารุ่นน้องเสมอคำหนึ่งที่ยังจำได้คือสิ่งที่พี่ เอ๋ พยายามจะเติมเข้ามาในความคิดของยาหยี “ถ้ารักแล้วเจ็บ มันเจ็บเพราะเราตามใจตัวเอง รักง่ายเจ็บง่ายเป็นธรรมดา รักแท้มีอยู่ทั่วไปแต่รักให้เป็นมีอยู่หนึ่งในล้าน อยู่กับความโสดความเหงาให้ชินก่อนคิดจะรักใคร เผื่อไว้เวลาเราผิดหวังครั้งใหม่จะได้ไม่รู้สึกเจ็บเลยเพราะเราผ่านความโสด ความเหงามาแล้วอย่างสบาย”
ตอนนี้ความเงียบมันพาความหดหู่หัวใจมาให้ กานดาจนบอกอะไรไม่ถูกและไม่อยากพูดอะไรแล้วตอนนี้ เพราะเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่พบกับยาหยีเลย
ระหว่างทางของออฟฟิศยามค่ำคืน บริษัทประหยัดไฟเพราะทำงานแค่จุดเดียวจึงปิดไฟจนมืดเกือบทั้งอาคาร กานดาเดินหาอย่างกังวลใจมองไปรอบๆไม่เห็นใคร เธอรีบวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นไปบนดาลฟ้าที่มีแสงไฟจากป้ายโฆษณาขึ้นภาพซุปตาร์อันดับหนึ่งในเมืองไทยหล่อและเท่มาก หล่อไม่มีที่ติท่ามกลางลมที่พัดกระโชกแรง ยามค่ำคืน เหงื่อในร่างกายของเธอไหลชุ่มในลำคอเป็นเม็ดที่พุ่งออกมาจากขุมขนของเธอ หุ่นที่เรียวสวยของเธอกำลังชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา เธอหายใจแรงขึ้น เมื่อไม่เห็นใครบนดาลฟ้า เธอจึงวิ่งลงกลับไปที่ตึก ร่างกายของเธอทั้งสามสิบสอง ขยับไปมาโดยเฉพาะหน้าอกของเธอที่สั่นสะเทือนตามจังหวะ การวิ่งและเดินของเธอ ใบหน้าของเธอตอนนี้เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนจนชุมใบหน้า หญิงสาวยังคงวิ่งหันซ้ายหันขวาพร้อมกับตะโกนส่งเสียงเรียกหาเพื่อนรักท่ามกลางความเงียบจนเสียงของเธอก้องกังวานลั่นออฟฟิศเสียงสั่นไหวไล่จากใกล้ไปไกล ความเหนื่อยหอบอ่อนแรงของเธอคราวนี้หวังพึ่งพระพึ่งศาลขอให้ยาหยีเพื่อนรักอย่าเป็นอะไรเลย
ประตูลิฟท์ข้างใดข้างหนึ่งเปิดออก กานดารีบวิ่งไปที่ลิฟท์ อย่างมีความหวังแต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะภายในลิฟท์ว่างเปล่า เธอเดินเยื้องกรายออกมาจากในบ้านยืนอยู่ระเบียงชั้นบนที่อยู่ไม่ห่างจากลิฟท์ มองลงไปเห็นรถแล้วความวุ่นวายยามค่ำคืนแต่ไร้วี่แววของเพื่อนรักของเธอ
“ยาหยีแกอยู่ไหนนะอย่า!ทำอะไรโง่ๆนะไม่มีใครรักแกแต่ฉันของรักแกเสมอ” กานดาบ่นถึงเพื่อนรักลอยๆ
“ยาหยีนี่แกไปไหน ใกล้จะเลิกงานแล้ว” หญิงสาวเดินลิ่วลงมาข้างล่าง ลุงยาม รักษาความปลอดภัยประจำอาคารคงได้เวลาไปตรวจตราดูความเรียบร้อยรอบๆตัวอาคาร...หญิงสาวยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดูเวลาอีกอีกสามสิบนาทีตีสอง ในห้องจัดรายการเธอตั้งระบบอัตโนมัติจนกว่าจะมีคนมารับช่วงต่อในตอนเช้ามืด เธอวิ่งออกไปด้านหน้าบริษัทเพื่อตามหายาหยีเพื่อนรักข้างนอก แสงสียามค่ำคืนแสงไฟจากไฟข้างทางของกรมทางหลวง ร้านค้า หลายร้านยังคงปิดเงียบ มีเพียงผู้คนบางส่วนที่พึ่งกลับไปซื้อของที่ตลาดมืดเพราะด้านข้างบริษัทผู้คนจากที่ทั่วสารทิศพากันมาเลือกซื้อของใช้ยามค่ำคืน
กานดา ตัดสินใจทิ้งงานที่ห้องส่งเพราะดูเวลาใกล้จะตีสองแล้ว ปล่อยให้ช่วงต่อไปมารับช่วงต่อ
ใจของหญิงสาว ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นห่วงเพื่อนที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ท่ามกลางผู้คนมากมายเธอมองเห็นหญิงสาวที่ บุคลิกคล้ายกับยาหยีเพื่อนรัก เธอร้องตะโกนเรียกชื่อ ร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ยาหยี...นั่นแก ใช่ไหม” หญิงสาวตะโกนสุดเสียงแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง คือหญิงสาวคนนั้น เขาไม่ได้ชื่อยาหยี แต่เธอยังคงมั่นใจว่านั่นคือเพื่อนของเธอ วิ่งข้ามถนนไปอย่างไม่ทันมองรถที่กำลังแล่นมาด้วยความเร็วปานกลาง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แสงไฟจากรถส่องหน้ากานดาจนเธอต้องยกมือมาบังพร้อมกรี๊ดสุดเสียง
“กรี้ดดดดดด” หญิงสาว หน้าช็อก หมดสติ
เอี้ยด!!!! ตรงหน้ารถเห็นผู้หญิงรูปร่างผอมเพรียว…ล้มลงที่พื้นช้าๆ
“ ไอ้กร เองขับไม่ดูเลยนะแก ชนคนน่ะ” วิษณุหนุ่มหล่อมาดเท่ห์วัยสามสิบเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกทั้งยังเป็นลูกชายคนเดียวของ คุณ พิสมัย ไกรสรเดชา เจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดัง พึ่งกลับจากศึกษาต่อต่างประเทศได้ไม่นาน
“ไม่ทันมองว่ะใครจะไปรู้ว่าจู่ๆจะมีคนด่วนวิ่งข้ามถนนโดยไม่ทันมองรถ” คู่หู ของชายหนุ่ม ปกรณ์เป็นเพื่อนสนิทอีกทั้งยังเป็นดาราที่กำลังมีชื่อเสียงตอนนี้ด้วย ...เข้ามองไปด้านหน้าบนถนนร่างของหญิงสาวยังคงนิ่งสงบไร้การเคลื่อนไหว
เขารีบเปิดประตูลงไปดูที่หน้ารถทันที ..อุ้มร่างของอันบอบบางของเธอมาอยู่ในอ้อมอกของเขา
“คุณ...คุณ”
หญิงสาวยังนิ่งหมดสติ ...วิษณุอุ้มร่างน้อยของกานดาขึ้นมาหนุนตัก สีหน้าตกใจทำอะไรไม่ถูก
“ไอ้กร..เองนี่นะ”...ชายหนุ่มตำหนิเพื่อน
“ยายดา...กานดา”..ยาหยีวิ่งตรงมาที่รถพร้อมกับผลัก ปกรณ์มองไปที่ วิษณุที่กำลังจะอุ้มร่างของเพื่อนสาวของเธอขึ้นมา
หญิงสาวมองเห็นเพื่อนสาว ถุงลูกชิ้นที่จะซื้อไปฝากกานดาตกลงพื้นน้ำจิ้มแตกกระจาย “ยายดา” ยาหยีกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
“ผมไม่มีเวลาอธิบายนะคุณรีบไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มเอ่ย
“ยายดาอย่าตายนะเว้ย!ฉันเหลือแกคนเดียวแล้ว...ยายดาแกอย่านิ่งแบบนี้..ลุกขึ้นมาคุยกับฉัน”
“ผมขอโทษนะคุณเพื่อนผมมันขับรถไม่ดีเอง...ตอนนี้คุณใจเย็นๆก่อนนะครับ”
“ผมขอโทษนะคุณ” ...ปกรณ์ตอบเสียงแห้ง...
”ถ้าเพื่อนฉันไม่ตายแต่เจ็บ! ยังไงคุณก็โดนฉันอยู่ดี” หญิงสาวหันมามองหน้าค้อนปอน “ขับรถประสาอะไรใบขับขี่หมดอายุหรือว่าไม่มี” หญิงสาว ตำหนิปกรณ์ไม่ยั้ง “คนนะคุณแล้วเพศแม่คุณด้วย”ยาหยีควบคุมอารมณ์ไม่อยู่วีนแตกใส่ปกรณ์ไม่ยั้งเป็นชุดเล็กชุดใหญ่
“คุณผมว่าคุณใจเย็นๆก่อนดีกว่านะ ...ผมไม่ได้ตั้งใจนะคุณ”..ปกรณ์สวนกลับทันทีด้วยสีหน้าซีเรียส
“ไอ้กรมึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ..โน้น!! เลี้ยวๆเข้าโรงพยาบาล”...ชายหนุ่มย้ำด้วยความรีบร้อน
รถกระบะสีประตูสีดำแล่นขึ้นเนินเพื่อแล่นไปจอดที่หน้าทางเข้าฉุกเฉินพอดี พนักงานเปลของโรงพยาบาล พร้อมด้วยพยาบาลเวร รีบวิ่งตรงมาที่วิษณุที่กำลังอุ้มร่างของกานดาไปว่างที่เตียงคนไข้ ชนิดติดล้อก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข็นไป ตามทางไปห้อง ฉุกเฉิน
แสงไฟเพดานผ่านเลื่อนไปเป็นระยะ ท่ามกลางความเป็นห่วงของเพื่อนรัก...”ยายดาแกต้องไม่เป็นอะไรนะฉันเหลือแกอยู่คนเดียวแล้ว” พนักงานเปลและพยาบาลเวรเข็นรถมาจนถึงหน้าห้องฉุกเฉินเป็นเขตหวงห้ามเข้าได้เฉพาะทีมแพทย์และพยาบาลเท่านั้น
หมอผู้หญิงหน้ายังสวยเดินนำเข้าไปในห้อง อย่างรีบร้อน พยาบาลสาวสวยเดินตามมาติดๆ ยกมือมาบังเอาไว้...”เข้าไม่ได้นะคะ”ก่อนที่ประตูจะปิดลงไฟที่หน้าห้องฉุกเฉินขึ้นเป็นสีแดงไม่ต่างกับไฟหน้าห้องจัดรายการ
“ใจเย็นๆนะครับคุณ...ถึงมือหมอแล้วยังไงเพื่อนคุณต้องปลอดภัย” ...วิษณุพูดจาปลอบใจเพื่อลดระดับความร้อนของ ยาหยีลง
“ฉันมีเพื่อนคนนี้อยู่คนเดียว ที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ”...หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตาที่ค่อยไหลออกมาช้าๆ
“ผมเข้าใจตอนนี้เราภาวนาส่งใจไปช่วยให้เพื่อนของคุณปลอดภัยดีกว่า” วิษณุเอ่ยเสียงพอประมาณ หันมามองหน้า เพื่อนรักที่ก้มหน้าหนีหลบสายตายอมรับความผิด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ร้านข้าวมันไก่สูตรไหหลำ สูตรดั้งเดิม
ม่านม่วน ถูกเปิดออกเป็นเวลาตีสี่เวลาที่หลายๆร้านกำลังจะเปิดร้าน วิกานดา หญิงสาววัยสามสิบห้าปี ผมยาวปิดหลังใส่แว่นสายตา พี่สาวของกานดา ที่พึ่งเสียใจกับคนรักมาได้ไม่นานจนกระทั่งออกจากงานมาช่วยอาม่าข้าวข้าวมันไก่ หลังจากนั้นเกือบจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่ทุกอย่างต้องหยุด เพราะเสียงอันสดใสของน้องสาวคือกานดามาเคาะประตูเรียกในวันนั้น ทำให้เธอนึกถึงอาม่ากับน้อง จึงต้องอยู่และสู้กับตัวเอง เธอเดินจัดโต๊ะ ทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนสบายๆเสื้อยืดสีขาวบางๆกางเกงขาสั้น กำลังเตรียมของเปิดร้านในตอนเช้า หลังจากที่ไปซื้อของเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เธอเตรียมของเพียงลำพังก่อนที่อาม่าจะลุกขึ้นมาช่วยอีกแรง วันนี้ผิดสังเกตเพราะยังไม่เห็นรถของกานดามาจอดที่หน้าตึกแถว รอบๆมีเพียงรถที่ขนของมาลงเพื่อขายในตอนเช้ามืด
รถเข็นคันหนึ่งผู้ควบคุมเป็นเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยม “พี่กานคะ นี่ค่ะ ขนมครก”ลูกหมูเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายเข็นรถขายขนมครกมาเพียงลำพัง ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“น่ากินจังจ๊ะ มีหลายสีด้วย ...แล้วแม่ไปไหนล่ะไม่มาด้วยหรือ”...วิกานดาถามพร้อมกับหยิบขนมครกใส่ปาก
“แม่ไม่สบายค่ะหนูเลยมาขายเองสายๆ ค่อยไปโรงเรียน แต่วันนี้ ถ้าเข็นรถกลับบ้านคงสาย หนูขอฝากไว้หน้าร้าน อาม่า นะคะ” เด็กสาวเอ่ยยิ้มๆ
“ได้ๆไม่มีปัญหา แหม่! พูดเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกล”หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น
“เป็นอะไรมากไหม...แล้วไปหาหมอมาหรือยัง” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไข้ค่ะพี่กานตัวร้อน หนูพึ่งไปซื้อยามาให้กินวันนี้เลยให้นอนพัก” ลูกหมูตอบยิ้มๆ
เวลานั้นเองจู่ๆโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น เครื่องโทรศัพท์ตั้งโต๊ะที่เต็มไปด้วยบัญชีรายรับรายจ่าย หญิงสาวยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ใคร..โทรมาแต่เช้า
วิกานดาแทบล้มทั้งยืน “อะไรนะคะ ยายดา ได้ค่ะได้ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” วิกานดาวิ่งหน้าตาตื่น
สวนทางกับหญิงชราที่กำลังเดินลงมา หญิงสาววิ่งสวนแทบจะชนอาม่า วัยหกสิบ
“ อะไรของลื้อแต่เช้าตาวันยังไม่โผล่เลยจะ รีบไปไหนของลื้อ!วะให้มันหัวฟาดพื้นไปเลยดีไหม” หญิงชราเอ่ยสำเนียงจีน ยืนมองขึ้นไปด้านบนด้วยความสงสัย ก่อนเดินไปที่หม้อต้ม ที่มีไก่แช่อยู่ในน้ำที่กำลังเดือดวิกานดาพึ่งเตรียมต้มไก่ลงไปในหม้อเพื่อเตรียมขายในตอนเช้า หญิงชราชะเง้อมองเด็กสาวยอดกตัญญู
“ลูกหมู เอ้ย! แม่ลื้อไปไหนวะ” ...หญิงชรายืนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสำเนียงจีน
เด็กสาวยิ้มหน้าบาน “แม่ไม่สบายคะ หนูเลยมาขายคนเดียว หนูจะบอกอาม่าว่าหนูขอทิ้งรถเข็นไว้ที่หน้าร้านอาม่าตอนเย็นค่อยเข็นกลับ” เด็กสาวลูกสาวคนเดียวของนางสายหยุดตอบพร้อมกับยื่นขนมครกให้ลูกค้า
“ได้ๆไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกัน” หญิงชรายิ้มรับ “ไม่ใช่คนอื่นคนไกลคนกันเองนะ” หญิงชรา ออกสำเนียงจีน
“ วิกานดาเดินมาไหว้ “ไปก่อนนะอาม่า แล้วหนูจะรีบกลับมา”หญิงสาวท่าทางรีบร้อนไม่ได้บอกอะไรกับหญิงชรา
หญิงชราทำหน้า งง ตะโกนสวน หญิงสาว “แล้วร้านล่ะ อะไรของลื้อ...แล้วลื้อจะรีบไปไหน”
“ไปโรงพยาบาล...เดี๋ยวกับมา” ...หญิงสาวตะโกนสวนกลับมาที่หน้าร้าน
“โรงพยาบาลอะไรของลื้อ..อั๊วฟังมะรู้เรื่องเลย”...หญิงชรายืนทำหน้าไม่รู้เรื่องเกาหัวแกกๆ
“ลูกหมูลื้อรู้หรือป่าวว่ายายกานไปทำไมโรงพยาบาล”..หญิงชราถามด้วยความสงสัย
“หนูก็ไม่ทราบค่ะอาม่า...แต่เมื่อครู่มีโทรศัพท์ดังคะ”...ลูกหมูตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ใครกันโทรมาแต่เช้ามืด”...หญิงชราตั้งหน้าตั้งตา “หวังว่าคงไม่มีเรื่องไม่ดีนะ”ทำร้านให้พร้อมขายในตอนเช้าด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
อาม่า ยืนทำหน้างง “มันต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ” (สำเนียงจีน )
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ยาหยีน้ำตาคลอเบ้า บอกกับตัวเองว่ายังไงกานดาต้องไม่เป็นอะไร ต้องปลอดภัย
ชายหนุ่มรวมทั้งคู่รู้สึกไม่สบายใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น มองหน้าเพื่อนซี้ที่ทำหน้าหมดหวังระหว่างรอลุ้น
หญิงสาวเห็นหน้าชายหนุ่มทั้งสองเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง...”นี่พวกคุณเพื่อนฉันยังไม่ตายนะหน้าตาของพวกคุณนี่ยังไง เพื่อนฉันต้องไม่เป็นอะไร”...ที่สุดหญิงสาวก็ปล่อยโฮ ออกมาน้ำตาไหลผ่านร่องรอยที่บ่งบอกอายุ
“ไอ้นุ ตกลงเราต้องพาเพื่อนคนเจ็บไปให้หมอตรวจอีกคนไหม”...ปกรณ์กระซิบข้างหูวิษณุ
“ไอ้กรเองเงียบไปเลยไม่ใช่เพราะเองหรอกเหรอที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”...ชายหนุ่มตำหนิเพื่อนเรื่องขับรถประมาท
“ใครจะไปรู้ล่ะ จู่ๆโผล่พรวดออกมาจากต้นไม้ที่เกาะกลางถนน”...ปกรณ์ยอกย้อน เสียงแหลมเอาตัวรอด
ยาหยียังคงร้องไห้น้ำตาไหลจนเป็นคราบน้ำตาที่เกาะอยู่ตามขอบริ้วรอยบนใบหน้า
“ยายดา แกต้องไม่เป็นอะไรนะบนโลกใบนี้ ฉันไม่เหลือใครแล้ว แกอย่าเป็นอะไรนะยายดา ถ้าแกเป็นอะไรไปฉันจะตามแกไป ได้ยินมั้ย ยายดา ฉันจะตามแกไป”...ยาหยีตะโกนเสียงดังก้องโรงพยาบาล
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ก่อนที่หมอสาวใสหน้าหมวย เดินออกมาจากห้องพร้อมด้วยสีหน้านิ่งไม่พูดจา
ปกรณ์เห็นสีหน้าของหมอแล้ว...”กระซิบข้างหูวิษณุ..ตายเปล่าวะ!” ปกรณ์พูดจบตีหน้าซื่อๆ
“ไอ้กร...เองนี่เงียบๆปากไปเลยนะในปากของเองน่ะที่หลังกั้นคอกให้อยู่กันดีๆได้ไหม”ชายหนุ่มตำหนิเพื่อน
“เพื่อนฉันเป็นอย่างไรบ้างค่ะหมอ” หญิงสาวยืนตรงหน้าหมอสาวสวย “ยายดาเพื่อนฉันเป็นยังไงบ้าง”ยาหยีจับไหล่ของหมอหญิงสาวใบหน้าขาวสัดส่วนได้ขนาดเขย่าจนร่างของหมอหญิงสาวหน้าตาลูกครึ่งไทยจีนสั่นไหวไปตามมือทุกส่วนบนร่างกายของหมอสั่นไหวไปพร้อมๆกับ สเต็ทโทสโคป ที่สั่นไหวกระแทกกับหน้าอกของหมอสาว
“คุณ..คุณ..ใจเย็นๆนะคะหมอเจ็บไปหมดแล้วเพื่อนของคุณ
“ยายดาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ ขอบคุณค่ะหมอ”ยาหยีจับมือ หมอสาวเขย่าตามจังหวะ
“เพื่อนคุณปลอดภัยแล้วค่ะ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน”...หมอสาวยิ้มที่มุมปาก
“ขอบคุณมากครับหมอ”...ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไม่เป็นไรค่ะมันเป็นหน้าที่ของ หมออยู่แล้วค่ะ”หมอสาววัยไม่เกินสามสิบ บอกด้วยน้ำเสียงจริงใจ
นางพยาบาลสองคนเดินออกจากห้องฉุกเฉินพร้อมกับรถเข็นอุปกรณ์พยาบาล
“คุณพยาบาลฉันเข้าไปหาเพื่อนฉันได้ยังคะ”ยาหยีพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพื่อนรัก
“นี่คุณเพื่อนฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”ยาหยีเผลอไปจับมือปกรณ์เขย่าเหมือนคนไม่รู้สึกตัว
“จ๊ะ!..ดีใจด้วยจ๊ะ” ปกรณ์ยิ้มแก้มปริเพราะ ไม่เคยถูกผู้หญิงจับมือ “ท่าจะเพี้ยนเมื่อกี้ยังด่าไฟดับเจ็ดหมู่บ้านอยู่เลย มาหลอกจับมือหนุ่มหล่ออย่างเราเสียแล้ว” ปกรณ์เอ่ยในใจยิ้มๆเห็นความน่ารักของยาหยี
“ยายดา...ยายดาฟื้นแล้ว”ยาหยีวิ่งไปแตะขอบเตียงคนไข้ด้านข้างของเตียงมีเครื่องช่วยหายใจขนาดเล็กตั้งอยู่ด้านข้าง เตียงคนไข้รุ่นนี้มีสามระดับ ...ยาหยีโผกอดเพื่อนสาวเมื่อเห็นว่าลืมตาแล้วยิ้มได้
“ยาหยีนี่แกไปไหนมาฉันเป็นห่วงแกแทบแย่” กานดาลืมตาขึ้นมาถามเพื่อนสาว ด้วยความเป็นห่วงทันที
ยาหยียิ้มขึ้นพร้อมยิ้มหวาน “ฉันไม่ได้ไปไหนมีแต่แกนั่นแหละกานดา แล้วยังไม่เลิกงานแกลงมาทำไม”ยาหยียืนทำหน้าคิดถึงถุงลูกชิ้นที่ ตกพื้นน้ำจิ้มแตกกระจาย”อ๋อ!!ที่ฉันลงมาเพราะว่าหิวฉันเลยลงมาหาอะไรกินแต่พอกำลังจะกลับ ฉันก็เห็นแกถูกรถชนเสียก่อน” ยาหยีตอบยิ้มๆ
“อะไรนะรถชน แล้วฉันต้องนอนโรงพยาบาลใช่ไหม...ไม่ได้นะเพราะฉันทิ้งอาม่ากับพี่กานเอาไว้ไม่ได้ฉันต้องไป ฉันอยู่ไม่ได้หรอกบนเตียงไม่ได้ทำอะไร”
หมายเหตุ สเต็ทโทสโคป (Stethoscope) เป็นเครื่องมือที่แพทย์ใช้ฟังเสียงต่าง ๆ ภายในร่างกายของคนไข้ โดยเฉพาะเสียงหัวใจและปอด
ผลงานอื่นๆ ของ ณ.กฤษณา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ณ.กฤษณา
ความคิดเห็น