The lion, the wish and the tent (Takaki Yuya x Seohyun ) - The lion, the wish and the tent (Takaki Yuya x Seohyun ) นิยาย The lion, the wish and the tent (Takaki Yuya x Seohyun ) : Dek-D.com - Writer

    The lion, the wish and the tent (Takaki Yuya x Seohyun )

    Fanfic: Takaki Yuya x Seohyun Fandom: Hey!Say!JUMP, SNSD เมื่อทาคาคิ ยูยะ และ ซอฮยอนได้มาเจอกัน OOC

    ผู้เข้าชมรวม

    451

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    451

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ย. 57 / 14:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เรียกชั้นว่าซอฮยอนก็ได้ ภาษาอังกฤษเจือสำเนียงเกาหลีเพียงน้อยนิด 日本語が少ししか話せません(ชั้นพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อยค่ะ) ประโยคนี้เธอพูดออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นชัดถ้อยชัดคำ

    ทาคาคิ ยูยะ เลิกคิ้วสูง ก่อนจะยิ้มจนตาปิด แล้วยกนิ้วโป้งให้เธอ   (สุดยอด!)

    ถ้าหากว่ายูยะมองซอฮยอนเป็นคุณหนู

    ตอนนี้ซอฮยอนเองก็กำลังมองหนุ่มญี่ปุ่นผิวสีแทนไหล่กว้างคนนี้เป็นเหมือนแบดบอยเหมือนในละครซีรี่ส์อยู่เหมือนกัน 

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      The lion, the wish and the tent (Takaki Yuya x Seohyun )

      Cameo: Nakajima Yuto

      Fandom: Hey!Say!JUMP, SNSD

      OOC

       

       

       

       

      คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ซอฮยอนต้องนอนร่วมเต๊นท์กับผู้ชายสองต่อสอง

      และเป็นผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเสียด้วย

       

      ร่างสูงของทาคาคิ ยูยะผลุบเข้ามาในเต๊นท์ของนักชีววิทยาสาวหน้าใหม่อย่างรวดเร็ว หลังจากได้ยินเสียงคำรามดังก้องมาจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ

      นาทีนั้นซอฮยอนรู้ดีว่าเธอไม่ควรจะตื่นตระหนก ไม่ใช่เวลาที่จะมาตกใจเมื่อฝ่ามือใหญ่ของยูยะกดศีรษะเธอให้หมอบลงนอนราบข้างๆ เขา และไม่ใช่เวลาที่จะนึกไม่ชอบใจกลิ่นบุหรี่ที่ปะปนกับมากับกลิ่นใบชาจากตัวยูยะ

       

      และแล้วอีกเสียงหนึ่ง คล้ายจะเป็นเสียงคำรามตอบรับเสียงแรก ดังมาจากพุ่มไม้ทึบจากฟากที่เต๊นท์ของเธอตั้งอยู่ เสียงกิ่งไม้หัก ยิ่งทำให้เธอใจคอไม่ดี

       

      นี่เองคือสาเหตุที่ยูยะกระโจนเข้ามาแล้วรูดซิปปิดเต๊นท์อย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้

      ไม่มีเวลาให้ชายหนุ่มคิดหาทางหนีทีไล่อื่น หรือคำนึงถึงเรื่องเกียรติยศศักดิ์ศรีของฝ่ายหญิง

      นาทีนี้มีเพียงคำว่าต้องรอดเท่านั้น

       

      เสียงฝีเท้าสวบสาบดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

      ซอฮยอนได้แต่นอนตัวแข็ง ภาวนาขออย่าให้เจ้าสิงโตเดินเข้ามาใกล้เต๊นท์อีกเลย ขอให้มันตัดสินใจเดินกลับไปยังที่เดิมที่มันมาโดยเร็ว

      แต่ดูเหมือนคำอ้อนวอนจะไม่เป็นผล

      เพราะคราวนี้เงาร่างใหญ่โตของจ้าวป่าทิ้งตัวลงช้าๆ นอนทอดกายพิงเต๊นท์หลังน้อยที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวห่างจากเต๊นท์หลังอื่นๆ

      เสียงลมหายใจดังฟืดฟาด และเสียงสะบัดหางฟาดลงมา ทำให้ผนังเต๊นท์ยุบยวบลงมามากกว่าเดิม

       

      ไม่นาน แต่ในความรู้สึกของซอฮยอนนั้น รู้สึกราวกับแต่ละวินาทีนั้นเชื่องช้าราวกับชั่วโมง เสียงลมหายใจของจ้าวป่ากลับกลายเป็นเสียงครางเบาๆ และเสียงหายใจนั้นก็แผ่วลงและสม่ำเสมอ ตอนนี้เจ้าสิงโตคงจะหลับปุ๋ยไปแล้ว

       

      แต่นาทีนี้ ซอฮยอนข่มตาให้หลับไม่ลง ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้นระทึก ดังออกมานอกอก โสตประสาทอื้ออึง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ด้วยเกรงว่าจ้าวป่าที่นอนห่างกันเพียงผนังเต๊นท์กั้น อาจจะตื่นขึ้นได้ทุกเมื่อ

      แต่แล้วความรู้สึกหวาดกลัวที่สุมแน่นอยู่นั้นก็ค่อยๆ คลายลงเล็กน้อย

      เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือของยูยะ ที่ลูบศีรษะของเธอแผ่วเบา ราวกับจะปลอบโยนว่าเธอจะต้องปลอดภัย

       

      ซอฮยอนไม่รู้ว่าเธอผลอยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

       

      เมื่อยามเช้ามาถึง ร่องรอยผนังเต๊นท์ที่ยุบไปแถบหนึ่งยังคงอยู่ แต่ปราศจากร่างของจ้าวป่าเมื่อคืน และเป็นโชคดีเมื่อตื่นมาพบรอยเท้าสิงโต  ยูยะคาดว่ามันคงเดินกลับไปยังอีกฟากหนึ่งแล้ว

       

      ชายหนุ่มผิวสีแทนจัดการเก็บเต๊นท์ของหญิงสาวสะพายหลัง มือซ้ายก็หิ้วกระเป๋าเป้แบคแพคใบโตของอีกฝ่ายมาด้วย

      ทีนี้คุณก็เข้าใจที่เมื่อคืนผมบอกคุณแล้วใช่มั้ย ว่าให้ไปตั้งเต๊นท์รวมกับคนอื่นๆ บนลานยกพื้นด้านโน้นจะปลอดภัยกว่า”

      ซอฮยอนพยักหน้าน้อยๆ แล้วตอบเสียงอ่อย "ชั้นขอโทษค่ะ ชั้นไม่น่าเสี่ยงมานอนที่ใกล้แม่น้ำแบบนี้เลย คิดว่าเอาเต๊นท์ออกมาพ้นทางเดินของพวกฮิปโปก็น่าจะปลอดภัยแล้ว"

      แม้เขาจะอิดโรยจนใต้ตาดำเป็นตาแพนด้าเพราะอดนอนทั้งคืน แต่รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาบนริมฝีปากของยูยะ เมื่อเขาสบตาสีดำใสแจ๋วที่ฉายแววรู้สึกผิดของหญิงสาว

      คิดซะว่าเป็นการรับน้องจากจ้าวป่าก็แล้วกัน นะ?

      แล้วฝ่ามือขวาที่ว่างอยู่ก็ยื่นมาตรงหน้าซอฮยอน

      ไปกันเถอะ เรายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้กันอีกมาก”

       

       

       

      ณ ห้องประชุมของสำนักงานภาคสนาม พูดให้ฟังดูสวยงาม แต่อันที่จริงมันคือแคมป์ขนาดใหญ่กลางป่าในรูอาฮา แทนซาเนีย

      รถกระบะ รถออฟโร้ด และรถโคบอลต์ สภาพเปรอะฝุ่นจอดเรียงรายอยู่ภายนอก

      เมื่อมองเลยออกไป ทัศนียภาพที่เห็นคือทางเดินไปสู่แม่น้ำ ฮิปโปโปเตมัสฝูงหนึ่งนอนแช่น้ำ ท้าทายแสงอาทิตย์ร้อนแรงยามบ่าย

       

      ทาคาคิ ยูยะ หยิบภาพถ่ายออกจากซองเอกสารสีน้ำตาล ที่หน้าซองเขียนด้วยลายมือหวัดๆ ของตัวเอง

      ชายหนุ่มหยิบภาพถ่ายออกมาดูทีละใบ ทีละใบ

      ภาพที่ถูกถ่ายส่วนมากคือภาพของสิงโตตามหัวข้อของงานวิจัย

      แต่มีภาพหนึ่งที่ต่างออกไป

      เป็นภาพพอร์เทรตที่คนในรูปไม่รู้ตัวว่าถูกแอบถ่าย หญิงสาวผมยาวสลวยสีดำขลับ ปลิวไปเบื้องหลังตามแรงลม ใบหน้าสวยรูปไข่ แขนเรียวยกขึ้นป้องแสงตะวัน ที่ส่องกระทบผิวขาว ดวงตาสีดำเป็นประกายมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า

      ซอจูฮยอน นักชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ คือผู้หญิงในภาพถ่ายใบนี้

      ผู้หญิงที่ยูยะไม่อาจทำเมินเฉย ปล่อยเธอไว้ตามลำพังได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน

       

      “รุ่นพี่ยูยะ” นาคาจิมะ ยูโตะชะโงกหน้ามาจากด้านหลัง ร้องเรียกเพื่อนรุ่นพี่ ที่กำลังนั่งเขียนงานวิจัยด้วยสีหน้ารื่นรมย์

      “รุ่นพี่คร้าบ~"

      แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ยูโตะมองภาพถ่ายในมือคนอายุมากกว่า ที่ตอนนี้กำลังนั่งกัดปลายปากกา ยิ้มหวานเป็นเด็กประถมอยู่คนเดียว

      รุ่นน้องตัวสูงเก้งก้างส่ายหัวเดินจากไป พึมพัมอยู่ในลำคอ "สงสัยจมอยู่ในภวังค์ มุ้งมิ้งงุ้งงิ้ง อาการหนักแฮะ"

       

      --ภาพมุ้งมิ้งในหัวของยูยะ ย้อนกลับไปบ่ายวันแรกที่ได้พบกัน--

       

      ทาคาคิ ยูยะดับบุหรี่ในมือกับที่ดับพกพา แผ่นหลังที่เมื่อครู่เอนพิงตัวรถกระบะ เหยียดตรง เมื่อมองเห็นคนที่คาดว่าเป็นคนที่เขาต้องมารอรับ กำลังเดินตรงมา ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดสีดำคล้องไว้ที่คอเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้าไร้ลวดลาย

      หญิงสาวผิวขาว รูปร่างโปร่งระหงในชุดเสื้อเข้ารูปสีน้ำตาลเข้มแบบเรียบๆ กับกางเกงคาร์โก และรองเท้าผ้าใบ สองมือกระชับสายสะพายกระเป๋าเป้แบคแพค

      หน้าตาสวย น่ารัก แบบที่เห็นแวบเดียวก็ฟันธงได้ว่าน่าจะเป็นลูกคุณหนูนั้น มีเหงื่อซึมตามไรผมบริเวณหน้าผาก

      ยูยะยิ้มนิดๆ ให้คุณหนูโพรไฟล์ดี ที่เรียนจบด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก

      คุณซอจูฮยอน ผม ยูยะ ทาคาคิ เรียกว่ายูยะก็ได้ ทางทีมวิจัยส่งผมมารับคุณแทนนาคาจิมะ คือเขาต้องไปที่โรงพยาบาลกระทันหันน่ะ  ทักทายด้วยภาษาอังกฤษติดสำเนียงญี่ปุ่น พลางยื่นมือมารับกระเป๋าเป้จากหญิงสาวเพื่อนำไปไว้บริเวณด้านหลังของรถกระบะ แล้วยื่นมือออกไปจับมือกับตัวแทนทีมวิจัยหน้าใหม่ตรงหน้า

      มือเรียวขาวของหญิงสาวนั้นนุ่มอย่างที่ยูยะคาดไว้ไม่มีผิด

      คุณหนูขนานแท้ แต่ทำไมถึงเลือกที่จะมาทำวิจัยเรื่องสัตว์ป่าที่นี่นะ

      ซอฮยอนมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจเล็กน้อย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เรียกชั้นว่าซอฮยอนก็ได้ ภาษาอังกฤษเจือสำเนียงเกาหลีเพียงน้อยนิด 日本語が少ししか話せません(ชั้นพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อยค่ะ) ประโยคนี้เธอพูดออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นชัดถ้อยชัดคำ

      ทาคาคิ ยูยะ เลิกคิ้วสูง ก่อนจะยิ้มจนตาปิด แล้วยกนิ้วโป้งให้เธอ   (สุดยอด!)

      ถ้าหากว่ายูยะมองซอฮยอนเป็นคุณหนู

      ตอนนี้ซอฮยอนเองก็กำลังมองหนุ่มญี่ปุ่นผิวสีแทนไหล่กว้างคนนี้เป็นเหมือนแบดบอยเหมือนในละครซีรี่ส์อยู่เหมือนกัน

      ซอฮยอนเหลือบมองขณะที่ยูยะกำลังขับรถ เธอไม่รู้ตัวว่าเหลือบมองเขาเป็นระยะๆ แต่อีกฝ่ายนั้นรู้ตัวเต็มที่ ยูยะขยี้ผมทรงสิงโตสีน้ำตาลทองของตัวเอง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อหันมาสบตาเธอ

      ไหนๆ ระยะทางก็ยังอีกไกลกว่าจะถึงแคมป์ เรามาลองทำความรู้จักกันไปพลางๆ ก่อนดีมั้ย”

      ซอฮยอนพยักหน้าตกลง รู้สึกยินดีที่อีกฝ่ายเริ่มทำลายความเงียบก่อน

      ผมมีหมาชิวาว่าหนึ่งตัวชื่อช็อคโก้

      “เอ๊ะ? ซอฮยอนอุทานเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่อ ผู้ชายลุคแบดบอยเลี้ยงสุนัขพันธุ์ชิวาว่า!

      'เอ๊' นี่หมายความว่าไงอ่ะ ยูยะย่นจมูก ยิ้มเขินๆ

      ขอโทษค่ะ คือ...แค่แปลกใจว่ายูยะซังเลี้ยงชิวาว่า” ซอฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ชั้นเลี้ยงมัลทีสค่ะ ชื่อดูบู ภาษาเกาหลีแปลว่าเต้าหู้

      คราวนี้ยูยะหัวเราะออกมาเสียงดัง ดีเนอะ ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าหมาสีอะไร

      “อ๊ะ จริงด้วยค่ะ” ซอฮยอนยกมือป้องปากแล้วหัวเราะ “แถมชื่อยังเป็นของกินเหมือนกันอีก”

      นั่นคือครั้งแรกที่หนุ่มญี่ปุ่นกับสาวเกาหลีได้พบกัน ในฐานะผู้ร่วมทีมวิจัยสิงโต สัตว์ในวงศ์แมว แห่งแทนซาเนีย

      ในตอนนั้น ทั้งคู่ไม่ได้คาดคิดเลยว่า จะมีเหตุให้ต้องได้ใกล้ชิดกันในชั่วข้ามคืน

       

       

      และคำพูดของยูยะในตอนหลังที่ว่า 'เรายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้กันอีกมาก' นั้น

      นอกจากจะหมายถึงเรื่องงานวิจัยและการปรับตัวให้เข้ากับทีมและธรรมชาติในแทนซาเนียแล้ว

      เขายังหมายความรวมถึงเรื่องระหว่างเขาและเธอด้วย

       

      มันเป็น Love at first sight

      Love at first risk

       

      --Fin--

       

       

      *เนื้อเรื่องดัดแปลงมาจาก คู่มือเอาชีวิตรอด ของเอมี ดิกแมน เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก เดือนธันวาคม 2556
       

      เรียงลำดับเหตุการณ์กัน คือเหตุการณ์แรกสุด ยกมาไว้ตอนท้ายสุด ส่วนเหตุการณ์ตอนกลางเรื่องเอามาไว้ตอนแรกสุด และเหตุการณ์ตอนปัจจุบันที่ยูยะนั่งมุ้งมิ้งงุ้งงิ้ง ยกเอามาไว้ตอนกลางเรื่องค่ะ

      ไม่รู้จะทำให้งงกันรึเปล่านะ แหะๆ 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×