คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : THE LEADER [ ยัยคอสเพลย์ขย้ำหัวใจนายลีดเดอร์] ::: Chapter Five
EXOTIC
EXOTIC THE villains { 1 }
THE LEADER [ ยัยคอสเพลย์ขย้ำหัวใจนายลีดเดอร์]
CHAPTER FIVE
สมแล้วกับที่เป็นแบรนด์ชื่อดังระดับโลกงานแฟชั่นโชว์คืนนี้ถึงได้มีแต่เหล่าเซเล็ปมากมายซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่รู้จักฉันกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเดินไปไหนทุกคนก็จะโค้งทักทายหรือไม่ก็เข้ามาแนะนำตัวเองราวกับว่าฉันอยากรู้จัก โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่ปรี่เข้ามาแทบไม่ทัน แนะนำตัวเองเสร็จศัพท์ก็แกล้งทำเป็นชมฉันอย่างนั้นชมฉันอย่างนี้ คงนึกว่าฉันโง่มากใช่ไหมที่ไม่รู้ว่าพวกหล่อนเข้ามาทำไม
ก็ไอ้ผู้ชายหล่อราวกับเทพบุตรที่เดินเข้ามาในงานพร้อมกับฉันหน่ะสิ
คริสดึงดูดผู้หญิงและเพศที่สามทุกคนจนผู้ชายในงานไม่มีความหมาย ยิ่งเมื่อเขาเข้าไปรวมกลุ่มกับเจ้าพวกวายร้ายกลายเป็นการรวมตัวของไอดอลหล่อขั้นเทพ EXO ผู้หญิงนี่มองกันตาแทบถลน EXO หรือ EXOTIC ใช่ว่าจะมางานพวกนี้บ่อยสาวเจ้าเลยมองเป็นขวัญตา
“ชุดเธอมันโคตรแหวกและแปลกไปพร้อมๆ กันเลยวะ”
“อาฮ่ะ มันแน่อยู่แล้ว”
ฉันหย่อยก้นลงนั่งข้างแบคฮยอนที่เอ่ยชม(?)ชุดของฉันทันทีเมื่อเจอหน้ากัน คริสเองก็นั่งข้างฉันพร้อมกับใช้สายตาคมจ้องไปบนเวทีที่มีทั้งนางแบบเกาหลีและต่างประเทศเดินอวดหุ่นสวยในชุดคอลเล๊คชั่นใหม่ของ Burberry
“เค้าหึงนะรู้ไหม”มีสิทธิ์หึงไหมไม่รู้ รู้แค่ว่าคริสไม่สนใจฉันเลย
“…”
“พวกนางแบบสวยสู้เค้าไม่ได้สักคน”
“อยากเธอไม่เรียกว่าสวยเค้าเรียกว่าแปลก”
คนที่อยากพูดด้วยกลับนั่งเงียบ ส่วนคนที่ไม่อยากจะเสวนาดันสอดแทรกมาได้ทุกเมื่อ จะใครซะอีกถ้าไม่ใช่เซฮุนไอ้เด็กหัวเห็ดสีแปลกที่นั่งอยู่ด้านหลังของฉันซึ่งพูดแทรกขึ้นมาข้างหูก่อนจะหันไปหัวเราะกับลู่ฮาน
ไม่ได้ด่าฉันสักวันจะลงแดงตายไหมเจ้าพวกนี้
“ชานยอล!!”ชุดฟินนาเล่ที่ทุกคนรอคอยรวมถึงตัวฉันด้วยกำลังเดินออกมาท่ามกลางหมอกควันสีขาวตามคอนเซ็ป
หญิงสาวในชุดเสื้อโค๊ทสีขาวฝั่งเพชรรุ่นลิมิเตทเอดิชั่นของ Burberry เดินควงคู่มากับชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง หน้าตาดี ขาว และหน้าตาน่ารัก
ทุกคนปรบมือ
ยกเว้นฉัน !!
ผู้หญิงคนนั้นคือยัยซูยองขายาว และ ผู้ชายคนนั้นก็คือไอดอลในความดูแลของฉัน...
ปาร์คชานยอล !!!
ฉันต้องการคำอธิบายว่าชานยอลขึ้นไปอยู่บนเวทีได้อย่างไร ถ้าบอกว่าเป็นงานก็ไม่น่าจะใช่เพราะทาง Burberry ต้องติดต่อขอคิวงานพร้อมกับแจ้งรายละเอียดของงานให้กับทางต้นสังกัดก่อนศิลปินถึงจะเข้าร่วมได้งาน แล้วนี่อะไรทำไมชานยอลถึงกลายเป็นนายแบบกิตติมศักดิ์ไปได้
“ชานยอลขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ไง?”ฉันหันไปถามคริสก่อนจะปรายตามองเจ้าพวกวายร้ายที่เหลือเพื่อต้องการคำตอบ
“มันถูกใจนางแบบคนนั้น”คริสชี้ไปที่ยัยซูยองขายาว “คงอยากจีบแหละมั้งถึงได้อาสาเป็นนายแบบ”
“กูว่าไม่เกินคืนนี้นางแบบสูงยาวเข่าดีเสร็จไอ้ห่ายอลแน่วะ”
“ดูดิฮยอง ยิ้มหวานให้กันด้วย ฮ่าๆๆ”
พอได้ฟังฉันก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ความว่าชานยอลคิดจะจีบยัยซูยองก็เลยเสนอตัวเองให้กับ Burberry เพื่อเป็นนายแบบคู่ควงนางแบบชุดฟินน่าเล่นั่นก็คือยัยซูยอง เพื่อที่ตัวเองใกล้ชิดและสานสัมพันธ์กับยัยซูยอง
แล้วพวกวายร้ายตัวดีกำลังคิดว่ายัยซูยองต้องหลงเสน่ห์ชานยอลและคิดว่ายัยซูยองต้องเสร็จชานยอลแน่ ?
ฉันขอเอาหัวเป็นเดิมพันว่าปาร์คชานยอลไอดอลในความดูแลของฉันต้องกินแห้ว เผลอๆ อาจจะโดนตอกกลับหน้าหงาย เพราะยัยซูยองโคตรจะเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ เรียกได้ว่าเกลียดเข้าไส้ทะลุตับทะลวงไต
“หวังว่าชานยอลจะประสบความสำเร็จ”ที่ฉันพูดแบบนี้ไม่ได้แปลว่าฉันไม่ห่วงเพื่อนสาวของตัวเองที่กำลังเป็นเป้าหมายของหนึ่งใน EXOTIC จอมวายร้าย แต่คนอย่างยัยซูยองไม่มีอะไรให้ห่วงและไม่มีอะไรให้กังวล
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธพวกฉัน เข้าใจไหมยัยหลุดโลก”
“อ่อจ้า ฉันจะจำเอาไว้”
หลังจากที่ชุดสุดท้ายจบลงเจ้าพวกวายร้ายทั้งหลายต่างยืนขึ้นท่ามกลางผู้คนมากมายที่ยังคงนั่งอยู่ พวกเขากลายเป็นจุดเด่นขึ้นมาทันทีเมื่อทุกสายตาต่างมองมาทางนี้เป็นตาเดียว จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายเดินออกมาจากที่นั่งมุ่งสู่ประตูทางออกโดยไม่รอให้งานจบ
สงสัยจะมาดูชานยอลเดินแบบ = =”
ฉันเองก็ลุกตามคริสมาติดๆ ก่อนจะเดินตามเขาออกมาจนถึงลานจอดรถหน้าโรงแรม ทุกคนต่างแยกไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดเอาไว้ส่วนฉันกับคริสก็เดินมาที่แลมโบกินี่สีขาวของเขาที่จอดเดี่ยวๆ อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าที่สุด
“ตามมาทำไม”คริสหมุนตัวหันหน้ามาคุยกับฉัน
“เอ้า เอ้า มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ”ฉันยิ้มพร้อมกับเดินไปขึ้นรถของเขาแต่คริสกลับขว้างทางฉันเอาไว้ “แหนะ!! หลีกสิเค้าจะขึ้นรถ”
“เสียใจด้วยยัยคอสเพลย์ ฉันมีธุระต้องไปทำต่อจากนี้ เชิญเธอกลับเข้าไปในงานแล้วรอพวกบอดี้การ์ดของเธอมารับดีกว่านะ”
“ไม่รู้ ไม่ชี้ ม่ายสนนนนนนน!!!”ฉันใช้ความหน้าด้านรวมไปถึงความไวแสงของตัวเอง เชิดหน้าใส่คริสแล้ววิ่งไปขึ้นรถของเขาโดยที่เจ้าของได้แต่มองตาม
คริสส่ายหน้าเบาๆ เพราะเอือมระอากับนิสัยของฉันก่อนที่ตัวเขาเองจะเดินลวงกระเป๋ามาขึ้นยังฝั่งคนขับจากนั้นคริสก็หันมาจ้องหน้าฉันโดยที่ฉันเองยังนั่งกอดอกเชิดหน้าปรายตามองเขาด้วยหางตา
หน้าด้านมานั่งรถของคนอื่นแล้วยังจะเชิดอีก (ว่าตัวเอง)
“ไปแล้วอย่าทำตัววุ่นวาย เข้าใจไหม?”
“เห็นเค้าเป็นเด็กหรือไง นี่คุณยุนผู้บรรลุนิติภาวะ มีงานทำ และยังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของ EXOTIC ไม่ใช่เด็กนะจ๊ะมายเดียร์~”
ฉันใช้นิ้วเรียวยาวของตัวเองไต่ไปตามแขนล่ำพอเหมาะกับหุ่นของคริสจนเขาต้องใช้มืออีกข้างปัดมือของฉันออก เมื่อกี๊ยังทำตัวเหมือนกับผู้ใหญ่กำลังสอนเด็กแต่พอตอนนี้ตัวเองกลับเหมือนเด็กขี้หงุดหงิดสะงั้น
“ไม่อยากโดนไล่ลงจากรถก็อยู่เฉยๆ”
“แล้วนี่จะไปไหนไม่ไปที่คลับหรอ ออมอ!! เปิดเพลงของมายเดียร์ฟังดีกว่าเน่อะ”
รื้อไปรื้อมาเจอแผ่นเพลงอัลบั้มแรกของ EXO พอดีฉันจึงไม่รอช้ารีบนำแผ่นใส่เครื่องเล่นทันที เพลงแรกมีชื่อว่า MAMA ซึ่งน่าจะเป็นเพลงเดบิวต์ของพวกเขา ฉันโยกหัวไปตามจังหวะเพลงโดยที่ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอย่างไร เปิดขึ้นมาก็เป็นภาษาจีนที่ฉันไม่เคยคุ้นเคยได้แต่ฟังแล้วเคลิ้มไปตามจังหวะเพลง
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่เฉยๆ ไม่กวนใจหรือก่อกวนคนข้างกายเพราะเมื่อได้ฟังเพลงฉันก็เข้าสู่ห้วงแห่งดนตรี ไม่สนใจว่าเขาจะไปที่ไหนรู้แค่ว่าคงไม่พาไปโรงแรมอย่างแน่นอนเพราะคริสไม่กล้า และไม่คิดจะพาฉันไปที่นั่นด้วย
มันน่าดีใจหรือน่าสมเพชตัวเอง (????????)
หลังจากที่ฉันมัวแต่ฟังเพลงรถก็เคลื่อนตัวเข้ามายังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งพอฉันเห็นแค่น้ำพุด้านหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นที่ไหนเพราะที่นี่เคยเป็นที่ที่ฉันมาบ่อยแทบจะทุกวัน ฉันได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันทีเมื่อรถหยุดตัวลงที่หน้าตึกใหญ่
Woollim Entertainment !!!
“มาหาใครที่นี่หรอ”ฉันเอ่ยถามออกไปพร้อมกับหัวใจที่สั่นไหว
“เพื่อน”พูดเสร็จคริสก็ลงจากรถพร้อมกับหยิบถุงกระดาษใบโตออกมาจากด้านหลังของรถ
คำตอบของเขาช่วยได้มาก !!
“ลงมาได้แล้ว”คริสคงจะเห็นว่าฉันไม่ลงจากรถสักทีเลยเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้
“รอที่นี่ได้ไหมไม่อยากเข้าไป”
คริสไม่ตอบพลางใช้มือที่ว่างคว้าข้อมือของฉันพร้อมกับดึงให้ลงมาจากรถ เขากึ่งลากกึ่งดึงฉันเข้ามาในบริษัทก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าลิฟท์เพื่อรอลิฟท์ลงมาจากชั้นอื่น ฉันถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกจนคริสหันมามองหน้าด้วยความสงสัย
ทีแรกว่าจะไม่เข้ามาแล้วเชียวแต่เป็นเพราะคริสคนเดียว
“ไม่สบายหรือเปล่า”คริสใช้มือของตัวเองยกขึ้นทาบตรงหน้าผากของฉัน ถ้าเป็นที่อื่นฉันคงจะดีใจจนกระโดดกอดเขาก็ได้ แต่เป็นเพราะว่าอยู่ที่นี่จิตใจของฉันเลยอยู่ไม่เป็นสุขจึงได้แต่จับมือของเขาออกแล้วกุมมันไว้อย่างแน่นหนา
“เปล่า ลิฟท์มาแล้วเข้าไปกันเถอะ”ฉันดึงคริสให้เข้ามาในลิฟท์ก่อนที่เขาจะกดขึ้นไปยังชั้น 8
ชั้น 8 ห้องซ้อมของ INFINITE อ่า ... ไปที่นั่นสินะ
ไหนๆ ก็มาแล้วถ้าเจอกับเขาคนนั้นฉันก็ควรจะทำตัวให้เป็นปกติเพราะถึงยังไงเราสองคนไม่ได้เจอกันนานความรู้สึกเดิมๆ ก็น่าจะเลือนหายไปบ้าง
บางที แอล อาจจะลืมฉันไปแล้วก็ได้
ฉันเคยทำงานอยู่ที่ Woollim Entertainment มาก่อนในฐานะสไตลิสต์กิตติมศักดิ์เนื่องจากประธานของวูลลิมสนิทกับพี่ชาย(ญาติ)ของฉัน เขาจึงขอให้ฉันมาช่วยดูแลเรื่องเสื้อผ้าที่ใช้ในอัลบั้มใหม่ของไอดอลชื่อดังที่สุดของค่ายอย่าง INFINITE
ในตอนนั้นเองที่ฉันได้รู้จักกับแอลผู้ชายเย็นชาหน้านิ่งจอมหยิ่ง (เหมือนกับคริส) เพียงแค่เขาปรายตามองฉันความรู้สึกสนใจในตัวของเขาก็เกิดขึ้น ในระหว่างทำงานร่วมกันฉันก็ตามตื้อแอลอย่างที่ทำกับคริส (รู้สึกตัวเองเลวแปลกๆ) และในที่สุดเขาก็สนใจฉันจนได้
เราแอบคบกันอย่างลับๆ มีเพียงสมาชิกในวงของแอลกับเพื่อนสนิทของฉันเท่านั้นที่รู้
แต่เมื่อเวลาผ่านไปฉันกลับมาอยู่ที่บริษัทของตัวเอง ส่วนแอลก็ทำการโปรโมตอัลบั้มของตัวเองที่ญี่ปุ่น เราสองคงไม่มีเวลาให้กันเลยทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาเรียกได้ว่า ‘ห่าง’ จากนั้นไม่ถึงเดือนฉันจึงตัดสินใจบอกเลิกเขา
แอลยอมรับ ... แต่เขากลับถามคำถามที่ฉันไม่กล้าที่จะตอบ
‘เธอเคยรักฉันบ้างไหม?’
ฉันเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าที่ผ่านมาฉันรู้สึกอย่างไรกับเขา ตลอดเวลาที่คบกันฉันคิดเพียงแค่ว่า ฉันสนใจเขา และ เขาก็สนใจฉัน มันก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เราสองคนตกลงปลงใจคบกัน
เหมือนกับที่ฉันเคยคบกับคนอื่นๆ
และตั้งแต่วันนั้นฉันกับแอลก็เลิกติดต่อสื่อสารกันทุกช่องทาง ฉันก็ทำงานของตัวเอง ส่วนเขาจากที่เห็นในทีวีก็ดูมีความสุขดี ฉันจึงคิดว่าเราสองคนน่าจะจบลงด้วยดี
แต่ในตอนนี้ที่ฉันกำลังยืนอยู่หน้าห้องซ้อมของแอลหัวใจของฉันกลับเกิดกลัวขึ้นมา ถ้าไม่ได้มือของคริสที่ฉันจับเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมีหวังฉันได้เผ่นเหน็บออกจากบริษัทไปแล้ว
“เฮ้ ไอ้คริส!!”ประตูของห้องซ้อมถูกเปิดออก และดงอูก็เดินเข้ามากอดคริสจนฉันต้องเป็นคนปล่อยมือออกจากมือของคริสซะเอง
“กูเอาเฮดโฟนที่มึงฝากซื้อจากอเมริกามาฝาก ว่าจะเอามาให้ตั้งนานแต่ยุ่งมากวะ”
“ขอบใจมากเพื่อน”ดงอูรับถุงกระดาษจากมือของคริสแล้วจ้องมองมาที่ฉันเหมือนจะเพิ่งรู้ว่าฉันเองก็ยืนอยู่ด้วย “คุณยุน!!”
“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ฉันรีบเอ่ยทักทายดงอูทันทีเมื่อเห็นว่าเขามีท่าทีตกใจ และจากนั้นไม่นานประตูห้องซ้อมก็ถูกเปิดกว้าง สมาชิกวง INFINITE เกือบจะทุกคนวิ่งมายืนตรงหน้าของฉัน กยู ฮูฮยอน ซองจง ซองยอล โฮย่า แต่ยกเว้นแอลเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่ม้านั่งในห้องซ้อมด้วยท่าทีเรียบเฉยราวกับไม่ได้สนใจว่าฉันได้กลับมายืนที่นี่อีกครั้ง
ถึงจะเสียเซลฟ์แต่ก็โล่งอกที่เขาไม่สนใจฉันแล้ว
“หวัดดีคุณยุน !!”ทุกคนประสานเสียงกล่าวคำทักทายฉันด้วยเสียงอันดัง
“ออมอ หนุ่มๆ ทุกคนสบายดีกันไหมเอ่ย”ฉันยิ้มพร้อมกับปรี่เข้าไปกอดหนุ่มๆ ทีละคนหลังจากที่ไม่เจอกันนาน
“เข้าไปข้างในก่อนดิวะ เชิญครับคุณยุน”
“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าวะ ฉันกับยัยนี่ต้องรีบกลับไปที่คลับ”
ฉันแอบถอนหายใจเบาๆ ที่เกือบจะได้เข้าไปเจอกับแอลที่ยังคงไม่สนโลกและไม่สนว่าใครจะมา ต้องขอบคุณคริสที่คงรีบกลับไปดริ้งกับเจ้าพวกวายร้ายถึงได้ปฏิเสธคำชวนของดงอู
หนุ่มๆ INFINITE พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่ทั้ง(เกือบ)หมดจะโค้งให้กับฉันแล้วหันไปบอกลากับคริส เมื่อเสร็จธุระฉันก็รีบใช้มือควงแขนของคริสแล้วลากให้เขาเข้ามาในลิฟท์ที่ลงมาได้จังหวะพอดี
อยากออกไปจากที่นี่เต็มทนขืนอยู่ต่อไปฉันยิ่งรู้สึกผิดที่ทำเรื่องไม่ดีกับแอลไว้
“สนิทกับไอ้พวกนั้นดีนิ”ทันทีที่เดินออกจากลิฟท์คริสก็เปิดปากถามฉันก่อน
“ออมอ อยากรู้เรื่องของเค้าหรอมายเดียร์~”ถึงฉันจะเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแต่ทำไมน๊าถึงได้อยากก่อกวนผู้ชายที่ชื่อคริสอยู่ตลอดเวลา
“เรื่องของเธอมันน่าสนใจมากถึงขนาดว่าฉันต้องอยากรู้? หลังตัวเองเกินไปแล้วยัยคอสเพลย์!!”
คำพูดกระแทกแดกดันเบาๆ ของคริสไม่ได้ทำให้ฉันสะทกสะท้านสักนิดตรงกันข้ามฉันกลับยิ้มหน้าบ้านพร้อมกับเร่งสปิดวิ่งตามเขาไป ขายาวๆ ของเขานี่เดินเร็วชะมัด ไม่คิดจะเดินรอกันบ้างเลยหรือไง
“อยากรู้ก็บอกมาเถอะน่า”ฉันวิ่งไปอยู่ข้างๆ คริสก่อนจะเปลี่ยนเป็นเดินไปพร้อมๆ กับเขา
“ทำไมฉันต้องอยากรู้”คริสตั้งหน้าตั้งตาเดินไปข้างหน้าแต่ก็ยังมีถามฉันกลับ
“ก็เค้าอยากเล่า”
“แต่ฉันไม่อยากฟัง ขึ้นรถ!!”
แล้วฉันก็ยอมขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับคริสพร้อมกับเริ่มสาธยายเรื่องที่ฉันรู้จักกับหนุ่ม INFINITE ทั้งที่เขาเพิ่งบอกกับฉันเองว่าไม่อยากฟัง และถึงคริสจะห้าม(ถามหน่อยเถอะว่าเขาเคยห้ามฉันได้ไหม) แต่ฉันก็ยังคงเล่าต่อตั้งแต่เริ่มจนจบจะมีเรื่องเดียวที่ฉันไม่เล่าและจะไม่มีวันเล่าเด็ดขาด
เรื่องของฉันกับแอล ... คริสไม่ควรรู้ !!!
“ออมอ พูดมากไปหน่อยท้องมันเลยร้อง~”เป็นเรื่องน่าอายสำหรับผู้หญิงมากที่ท้องเกิดร้องขึ้นมาเสียงดังเวลาอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง
อ่า ... ยกเว้นฉันไว้คนหนึ่งแล้วกัน
“ไว้ไปกินที่คลับแล้วกัน”
“ไม่เอา !! เค้าจะกินตอนนี้และเดี๋ยวนี้ จาจังมยอน จัมปง ”ตอนนี้ฉันอยากกินอาหารธรรมดาแต่รสชาติอร่อยที่สุดของเกาหลี ไม่ได้อยากกินอาหารเริดหรูที่อยู่ในคลับของลู่ฮาน
“น่ารำคาญจริงๆ เลย”คริสบ่นด้วยเสียงรำคาญฉันสุดๆ แต่ก็ยอมเลี้ยวรถกลับไปทางเดิมซึ่งมีร้านอาหารเปิดอยู่ข้างทาง
เราสองคนเดินเข้าไปในร้านอาหารเกาหลีร้านหนึ่งซึ่งเป็นร้านที่ไม่ค่อยจะมีคนเข้าเหมือนกับร้านอื่นๆ ในระแวกนั้น พอเข้าไปถึงพนักงานหญิงซึ่งมีไม่กี่คนก็ออกมาต้อนรับ ตามด้วยชายแก่คราวพ่อแต่หน้าดูหื่น (ฉันคงคิดไปเองมั้ง) เดินตามมาติดๆ
“จัมปง 1 จาจังมยอน 1”ไม่ต้องเพิ่งเมนูเพราะฉันคิดเอาไว้แล้วว่าจะกินสองเมนูนี่เท่านั้น
“ฉันไม่ได้บอกว่าจะกิน”
“ออมอ เค้าไม่ได้สั่งเผื่อตัวเองเลยนะมายเดียร์ สองอย่างนั้นของเค้าล้วนๆ”นิ้วชี้ของฉันหมุนวนอยู่ตรงหน้าของคริสเพื่อต้องล้อเลียนเขาที่คิดไปเองว่าฉันจะสั่งอาหารให้กับเขา
คริสเอนตัวพิงพนักเก้าอี้พลางใช้มือกอดอกแล้วจ้องใช้ด้วยสายตานิ่งๆ อย่างที่ชอบทำ หากแต่เพียงแว๊บเดียวที่ฉันเหมือนจะเห็นรอยยิ้มบางๆ ผุดอยู่ที่มุมปากของเขา หรือฉันจะตาฝาดคิดไปเอง หมาป่าจอมเย็นชาอย่างคริสยิ้มยากจะตายไปใครๆ ก็รู้ ยิ่งกับฉันแล้วด้วยเขาไม่ทำหน้านิ่ง ก็ทำหน้าดุ บางทีก็โมโห เข้าใจอารมณ์ยาก
“จัมปง 1 ที่ กับ จาจังมยอน 1 ที่ได้แล้วคะ”พนักงานนำจัมปงมาเสิร์ฟตรงหน้าฉันแล้วนำจาจังมยอนเสิร์ฟตรงหน้าคริส “ขอเชิญทานให้อร่อยนะคะ”
“อ่ะ อ่ะ ผิดที่แล้วล่ะ”ถ้วยจาจังมยอนที่อยู่ตรงหน้าของคริสถูกฉันเลื่อนมาไว้ตรงหน้าตัวเอง
“ทำตัวเหมือนเด็กๆ”คริสวางแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะพร้อมกับจ้องมองฉันที่กำลังดูดเส้นในถ้วยจัมปง
ฉันจ้องกลับไปที่คริสแต่ปากกับมือยังคงวุ่นวายกับอาหารตรงหน้า แต่พอกินไปได้สักพักดันลืมสั่งเครื่องดื่มซะได้ ฉันจึงหันหน้าไปหาพนักงานคนที่สวยที่สุดในร้าน และตอนนั้นเองที่ฉันได้เห็นเธอคนนั้นกำลังทำหน้าเหมือนกับว่ากลัวชายแก่ที่ยิ้มด้วยใบหน้าโคตรหื่น
ชายแก่คนนั้นกำลังทำมิดีมิร้ายกับเด็กคนนั้นอยู่หรือเปล่า?
“ฉันไปเอาของที่รถก่อนนะ”แล้วคริสก็เดินออกจากร้านไป
“ผู้จัดการคะ คือหนู คือ อย่าคะ”
แล้วเสียงของพนักงานหญิงคนเดิมก็ดังขึ้นมาเบาๆ แต่ดันเข้ามาในโสตประสาทหูของฉัน พนักงานหญิงคนนั้นเดินออกมาจากเคาท์เตอร์ด้วยท่าทางหวาดกลัวแล้วแกล้งทำเป็นถือเมนูมาไว้ในมือจากนั้นก็ยืนก้มหน้า แต่ชายแก่คนนั้นก็เดินออกมายืนๆ ข้างแล้วใช้มือโอบเอวของพนักงานหญิงคนนั้น เธอสะดุงโหยงสุดตัวพร้อมกับเขยิบออกห่าง
กึก !!
ฉันวางตะเกียบเงินลงกับโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปหาพนักงานหญิงคนนั้นก่อนที่ฉันจะกระชากตัวเธอให้พ้นจากมือของชายไอ้แก่หื่นกาม (เปลี่ยนสรรพนามให้เหมาะสมกับนิสัย)
“คุณลุงกำลังทำอะไรอยู่หรอคะ”ฉันดันตัวพนักงานหญิงคนนั้นให้มาอยู่ด้านหลังของตัวฉันเองก่อนจะปรายตามองไอ้แก่หื่นกามนั้นด้วยสายตาเหยียดๆ
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ”ไอ้แก่หื่นกามรีบปฏิเสธพลางใช้สายตาข่มขู่พนักงานหญิงที่อยู่ด้านหลังของฉัน “ใช่ไหมซอฮยอน ลุงไม่ได้ทำอะไรเธอเลย”
“คือ เอ่อ...”ซอฮยอน (ไอ้แก่นั่นเรียก) พูดตะกุกตะกัก
พนักงานหญิงคนนี้คงไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะมันจะกระทบกับงานที่เธอทำอยู่ที่นี่ รวมไปถึงเกรงกลัวสายตาที่ไอ้แก้หื่นกามนั้นกำลังจ้องเขม็งไปที่เธอ แต่ฉันในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีศักดิ์ศรีไม่ชอบการกระทำของไอ้แก่หื่นกามที่ไม่รู้จักเจียมสังขารตัวเอง ผู้หญิงคนนี้อายุก็คราวลูกยังจะหื่นไม่เลือก
คุณยุนไม่ยอมคะ ... พูดเลอะ !!!
“ไม่ได้ทำ ออมอ ฉันเห็นกับตาว่าลุงตั้งใจจะลวนลามพนักงานหญิงคนนี้ จริงไหม?”ฉันหันไปถามเธอที่อยู่ด้านหลังแต่ก็ป่วยการเพราะเธอมัวแต่ก้มหน้า
“ไม่ตอบ ฮ่าๆ ลุงไม่ได้ทำจริงๆ เธอเป็นพนักงานในร้านลุงก็แค่ดูแลเหมือนลูกเหมือนหลานเท่านั้นเอง”
ยังจะแหลหน้าด้านๆ !! ไอ้แก่หื่นกาม
“ดูแล? ดูแลด้วยการโอบ กอด หรือว่าทำหน้าหื่นใส่ยังงั้นเหรอ อย่ามาโกหกหน้าด้านๆ หน่อยเลย ฉันเห็นกับตาว่าลุงกำลังลวนลามเธอ”พูดแล้วของขึ้น “แก่แล้วยังไม่เจียมอีกนะ แล้วที่จ้างพนักงานเด็กวัยรุ่นมาเนี้ยเพื่อที่จะเอาไว้ลวนลามยามเกิดอารมณ์ใช่ไหม โอ๊ยย สงสารเมีย สงสารลูกหน่อยเถอะ”
“นังเด็กนี่ แล้วแกมายุ่งอะไรกับเด็กในร้านของฉัน กินเสร็จก็ออกไปซะอย่ามาที่นี่อีก”ไอ้แก่หื่นกามชี้หน้าฉัน
จี้จุดนิดเดียวก็เผยไต๋ออกมาแล้ว
“พวกเธอ เธอ แล้วก็เธอ ฉันว่าอย่าอยู่ที่นี่เลยออกไปหางานที่ดีกว่านี้ทำจะดีกว่า อย่ามาทำกับไอ้แก่หื่นกามหัวงูที่จ้องแต่จะลวนลามเด็กในร้านเพื่อสนองตัณหาของตัวเอง ห่วงสวัสดิ์ภาพของตัวเองแล้วก็ความรู้สึกของพ่อแม่เธอจะดีกว่า”
เพี๊ยะ !!
หน้าฉันหันไปตามแรงตบของมือเหี่ยวๆไอ้แก่หื่นกามที่ฟาดเข้าที่แก้มซ้ายของฉันอย่างแรง และตอนนี้ฉันทั้งโกรธ ทั้งโมโห อยากจะเอาไอ้แก้หื่นกามนี่เข้าคุกซะให้ได้ตอนนี้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนตบหน้าด้วยซ้ำ
“นังเด็กเวร ออกไปจากร้านของฉันซะ แล้วก็พวกแกถ้าอยากไปก็ไป แต่พ่อแม่ของพวกแกต้องเอาเงินที่ฉันซื้อตัวพวกแกมาคืน”
“คุณคะ หนูว่าคุณ...”
“อ๊ะ คริส!!”
“ถ้าไม่อยากเข้าไปนอนในตารางก็ปิดร้าน แล้วปล่อยพวกผู้หญิงที่แกซื้อมาให้เป็นอิสระ”
ยังไม่ทันที่ปากของฉันจะพ่นคำด่าออกมา ร่างของฉันกลับถูกดึงรั้งให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคริสก่อนที่เข้าจะกอดฉันแน่นแล้วเอ่ยปากข่มขู่ไอ้แก่หื่นกามที่บังอาจมาตบหน้าฉัน
ตึก ตึก ตึก !!
ในสถานการณ์แบบนี้หัวใจของฉันกลับเต้นเร็วเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของคริส ฉันรู้ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาแต่มันห้ามกันไม่ได้นี่ที่จะห้ามไม่ให้หัวใจมันเต้น
“เอาผัวมาข่มขู่กูหรอ”รู้สึกดีกับคำพูดของไอ้แก่หื่นกามจัง คิคิ
“ฉันไม่ได้ขู่ ลองเดินออกไปหน้าร้านแล้วแกจะเห็นว่าตำรวจเยอะแค่ไหน”
ไอ้แก่หื่นกามเริ่มหน้าซีดหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะวิ่งเข้าไปหลังร้าน คงจะกลัวว่าฉันกับคริสจะเอาเรื่องไปบอกตำรวจเลยเผ่นหนีหายไปหลังร้านของตัวเอง ส่วนพวกพนักงานที่อยู่ในนี้ต่างมองหน้ากันก่อนที่ทุกคนจะรีบวิ่งไปเอากระเป๋าของตัวเองแล้ววิ่งออกจากร้านไป จะเหลือก็แค่เด็กซอฮยอนที่ยังยืนทำหน้าวิตกกังวล
“เธอหน่ะรีบออกไปจากร้านนี้เถอะ แล้วไม่ต้องกลับมา”
“คะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยหนู”แล้วผู้หญิงที่ชื่อซอฮยอนก็วิ่งออกไป
“เธอนี่มันตัวเจ้าปัญหาวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง”และฉันก็ถูกคริสลากไปทั้งที่เขายังกอดฉันอยู่
ออมอ...ถือว่าคุ้มไหมกับการโดนตบแลกกับการโดนกอด?
เจ็บนิดๆ แต่มีความสุขเว่อร์ ~
ถึงคริสจะเป็นหมาป่าจอมเย็นชาแต่พอได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขากลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก … ฟินเฟ่อ
ลืมไปเลยว่าตัวเองเพิ่งจะถูกตบจนหน้าหัน (= =”)
ไม่มีครั้งไหนที่คุณยุนคนสวยจะไม่โชว์ใบหน้าอันสวยใสแลดูอ่อนเยาว์เมื่อออกไปยังสถานที่สาธารณะเพื่ออวดความงดงามให้ทุกคนได้ประจักษ์ แน่นอนเพราะความมั่นในหนังหน้าของตัวเองที่ไม่ว่าใครหน้าไหนเห็นเป็นต้องเอ่ยคำชม (ยกเว้นพวก EXOTIC)
แต่ในวันนี้ ตอนนี้ และเวลานี้
เหอะ =_=*
“นี่ยัยปีศาจ อันที่จริงถ้ามันลำบากมากเธอไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ก็ได้นะ อายคนอื่นวะ”
“นั่นดิว่ะ แล้วนี่ชุดอะไร? ย้อนยุคไปสมัยราชวงศ์ฝรั่งเศสหรือไงถึงได้อลังการงานสร้างขนาดนี้”
ปึกกก!!!
แก้วไวน์ทรงสูงกระแทกลงกับโต๊ะทันทีที่สิ้นเสียงของไอ้เด็กบ้าคู่หูจอมกวนประสาทอย่างเซฮุนกับชานยอลที่บังอาจมาว่าสไตล์การแต่งตัวยุคฝรั่งเศสของฉันที่คัดสรรค์มาอย่างดี นอกจากสองคนนี้แล้ว หนุ่มๆ EXOTIC ก็คงอยากจะวิจารณ์เสื้อผ้าฉันจะแย่ รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่เมื่อเห็นฉันเดินเข้ามาในคลับก็พากันจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
จะว่าไปฉันเองก็ยอมรับนะว่าชุดที่ใส่อยู่ ณ บัดนาว ไม่สมควรจะก้าวเข้ามาในคลับเลยสักนิด เพราะมันเป็นชุดที่อลังการอย่างที่ชานยอลบอกจริงๆ ลองคิดดู ชุดลูกไม้แขนตุ๊กตา กระโปรงพองอย่างกับสุ่มไก่ที่ยาวไปถึงเข่า ถุงเท้าลูกไม้ยาวสีขาวถูกสวมทับด้วยรองเท้าสีแดงรูปทรงคล้ายรองเท้านักเรียน ส่วนเรื่องทรงผมไม่ต้องพูดถึงเพราะฉันสวมหมวกบานๆ สไตล์ผู้ดีอังกฤษที่มีตะข่ายบดบังใบหน้าสวยหวานของตัวเอง
และนี่แหละคือจุดพีคที่ฉันแต่งตัวแบบนี้
เพราะไอ้ตะข่ายของหมวกมันช่วยบังแก้มบวมๆ ของฉันที่ถูกไอ้แก่โรคจิตตัณหากลับตบมาเมื่อวานได้ดีทีเดียว
“แก้มบวมเป็นอึ่งอ่างอมลมยังหอบสังขารมานี่อีกนะยัยหลุดโลก น่าเกลียดว่ะ”
“นายเปรียบเทียบฉันได้น่ารักมากๆเลยนะ คิมจงอิน”ฉันมุ่ยหน้าไม่พอใจกับคำพูดของไคก่อนจะเอนตัวใช้หัวซบกับไหล่หนาของคริสที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เธอควรจะกลับบ้านไปพักผ่อนซะแก้มจะได้หายบวม อีกอย่าง...”คริสเว้นประโยคสุดท้ายเอาไว้พร้อมกับปรายตามองที่ฉัน
“ออมอ!! อย่าบอกนะว่ามายเดียร์ห่วงเค้าอ่ะ”
ฉันจ้องหน้าคริสพลางฉีกยิ้มอ่อนๆ (ยิ้มมากไม่ได้แก้มบวม =_= ) กะไว้แล้วเชียวว่าเขาต้องเป็นห่วงฉันแน่ๆ เริ่มเห็นความดีในตัวคุณยุนขึ้นมาแล้วล่ะสิหลังจากที่ฉันเพิ่งออกตัวปกป้องเด็กน้อยไม่ให้ถูกลวนลามจนตัวเองถูกตบ
“หึ”เขาแสยะยิ้มออกมา ชิส์ อย่างที่รู้กันว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันร้ายกาจแค่ไหน
“???”
“หมวกของเธอมันเกะกะลูกตาฉันยัยคอสเพลย์”
“ย๊าห์!!”
มือหนายกขึ้นมาดันหน้าผากของฉันพร้อมกับออกแรงดันหน่อยๆ แต่ด้วยความโอเว่อร์ของตัวฉันเองร่างอันแสนบอบบางในชุดสุ่มของฉันเลยเอนไปชนลู่ฮานซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
เอาจริงๆ แค่อย่างแกล้งไอ้หน้าหวานนิสัยแย่
ตลอดทั้งคืนที่นั่งอยู่ในคลับฉันแทบจะไม่กระดิกตัวไปไหน เพราะชุดของฉันมันเป็นปัญหาในการเดินไปไหนต่อไหนฉันเลยต้องนั่งคลุกอยู่ที่โต๊ะกับไอ้พวก EXOTIC ที่พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมานั่ง
ยกเว้นคนนึง...
คริส !! ยังไงล่ะ
ไม่ได้โม้นะคะและไม่ได้มโนไปเอง คริสนั่งอยู่ข้างๆ ฉันตลอดไม่ได้ออกไปเหล่สาวหรือไปเต้นเหมือนกับสมาชิกในวงคนอื่นๆ ฉันเลยถือโอกาสควงแขน ซบไหล่ และเขยิบเข้าไปนั่งใกล้เขาจนก้นของฉันแทบจะไปอยู่บนตักอยู่แล้ว แต่พ่อลีดเดอร์สุดหล่อดันรู้ทันใช้สายตาคมตวัดมองมาที่ฉันอย่างดุๆ
“ก็คนมันขาดความอบอุ่นนี่”
“ดูจากชุดของเธอมันไม่น่าจะทำให้เธอขาดความอบอุ่นอย่างที่บอกนะ”
“ปากร้ายนักนะมายเดียร์”ฉันยู่หน้าแกล้งทำเป็นงอน แต่ก็ไม่หวังให้คริสง้อหรอกเพราะรายนั่นนะต่อให้ฉันลงไปนั่งชักดิ้นชักงอก็คงแค่มองแล้วเมิน
เย็นชาสุดๆ ไปเลยล่ะ
“ดรายมาร์ตินี่แก้วนึง”
“ไหวเหรอ?”คริสหันมาถามด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินว่าฉันสั่งดรายมาร์ตินี่ซึ่งเป็นค๊อกเทลที่แรงพอสมควร
“แค่นี่ สบาย”
ฉันหยิบดรายมาร์ตินี่ขึ้นมาดื่มรวดเดียวก่อนจะสั่งพนักงานเสิร์ฟให้เอามาอีก แม้จะเพิ่งเคยดื่มครั้งแรกแต่ขอบอกเลยว่านี่มันคล้ายเหล้าเพียวๆ เลยแหะ ขมคอแต่ก็ละมุนลิ้น อย่างนี้ต้องจัดอีกหลายๆ แก้วถึงจะหายเบื่อ
งองแงง เอิงเอยย ... @_@
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มรู้สึกว่าโลกมันเอียงแปลกๆ แก้วที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนจะเคลื่อนไหวได้เองอย่างไงอย่างงั้น พอจะยื่นมือไปหยิบก็ไม่โดนแก้วสักที ฉันเลยหมดความอดทนหันไปขอความช่วยเหลือจากคริส แต่ทำไมคริสถึงมีหลายคนนักล่ะ
แล้วคนหนายตัวเจงหว๊า ...
“ยัยคอสเพลย์ เธอไหวหรือเปล่า”คริสจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันเขย่าไปมา
“หวายยยยยยยยยย!!”แล้วฉันลากเสียงยาวทำไมฟร่ะ!!
“เธอนี่มันโคตรน่ารำคาญเลย นี่ใครต้องมาดูแลใครกันแน่วะ”
ฉันได้ยินคริสบ่นอย่างหัวเสียก่อนที่เขาจะใช้มือโอบไหล่ของฉันเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวของฉันเสียการทรงตัวไปมากกว่านี้ และไม่กี่นาทีต่อมาฉันก็เริ่มเห็นหน้าไอ้พวก EXOTIC ที่ยื่นหน้ามาจ้องฉันกันทีละคน
“กูว่ามึงพายัยบ้านี่กลับเหอะขืนอยู่ต่อไปคงได้เดินใส่ชุดสุ่มออกไปเต้นแน่ๆ”เสียงลูลู่นี่หวา
“เชี้ย ยัยหลุดโลกนี่กล้าดียังไงเอาเท้ามาเขี่ยกูวะ”ไอ้บร้าชานหยอยย
“เฮียเว้ยเฮีย รีบพากลับไปเลย ด่วนๆ ก่อนที่ยัยตัวประหลาดจะอ้วกใส่โต๊ะ”ไอ้หัวสีรุ้งเซฮุงงง
เสียงคุยกันของเจ้าพวก EXOTIC ดังเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของฉันแต่ทำไมฉันแทบจะไม่รู้เรื่องเลยว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ฉันคิดว่าตัวฉันเองไม่เมานะ คนเมาที่ไหนจะพูดรู้เรื่องแบบนี้
เจรงงงง ม๊ะ !!
อึก อึก !!
เหมือนมีอะไรจ่ออยู่ที่ลำคอพร้อมจะปลดปล่อยได้ทุกเมื่อ แต่ดีนะที่ฉันกลืนลงไปเสียก่อน ถ้าขืนอยู่แบบนี้ไม่ดีแน่ต้องไปห้องน้ำ ห้องน้ำ
“ออมอออออ”ฉันพรวดพราดลุกขึ้นทันทีแต่ดันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำให้ฉันเสียการทรงตัวล้มนั่งลงไปที่เดิมแต่ทำไมมันกลับมีความรู้สึกว่ากำลังนั่งทับใครสักคนอยู่
“ให้ตายสิวะ”
“มายเดียร์ม่ายต้องงงง ห่วง!! คุณยุนคนเน้ หวายๆๆๆ”
“เห้ยๆๆ ยัยปีศาจนั่นเธอจะลุกไปไหนวะ”
ตอนนี้ฉันกลั้นไม่ไหวแล้วต้องไปห้องน้ำด่วนๆ ไม่สงไม่สนมันละว่าชุดจะเป็นอุปสรรค์แค่ไหน ฉันใช้มือคว้าสะเปะสะปะหาที่จับเพื่อจะลุกออกจากตัวมนุษย์สักคนนึงที่นั่งทับอยู่ และพอดีกับที่มือของฉันคว้าอะไรสักอย่างไว้ได้
ฮึบบบบบ!!
“เชี้ยยยยยย เอ้ยยยยยยย!!”ไม่รู้ว่าเสียงของใครแต่ท่าทางเหมือนคนเจ็บปวดอย่างรุนแรง
“เดี๋ยวมานะจ๊ะ เด็กๆทั้งหลายยย”
ฉันก้าวเดินออกมาด้วยความยากลำบากเพราะอาการมึนหัวมันทำให้ตัวฉันเซไปทางขวาทีซ้ายที โชคดีที่ห้องน้ำส่วนตัวนั้นอยู่ชั้นเดียวกับโซนวีไอพีทำให้ฉันไม่ลำบากลงบันได และบนความโชคดีก็มีความโชคร้าย
ห้องน้ำมีสองประตู โอเค!! ฝั่งซ้ายก็ได้
“โอ๊ยยย”และนั้นก็ทำให้ฉันชนเข้ากับผนังสีแดงเต็มๆ ฉันคิดว่าเข้าถูกทางแล้วนะ
“หมดสภาพเลยนะยัยคอสเพลย์”
“คริสอ่าส์ เจ็บจัง!!”
ยังไม่ทันที่จะล้มลงกับพื้นฉันก็รู้สึกว่าตัวเองถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง ทันทีที่หันหน้าไปก็พบกับมายเดียร์สุดหล่อกำลังทำหน้านิ่งพลางสวมกอดฉันจากด้านหลังเพื่อพยุงไม่ให้ฉันล้มไปนอนกับพื้น เขาส่ายหน้าหน่อยๆ พลางหมุนตัวฉันให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ฉันหลับตาเพื่อเรียกสติอันน้อยนิดกลับคืนมาเพื่อมองหน้าเขาชัดๆ
>_< >>> ฉันยิ้มอายๆ
-_- >>> คริสมองฉันนิ่งๆ
^_^ >>> ฉันฉีกยิ้มหวานสุดๆ
ฮึก ฮึก อึก แหวะ !!
แล้วฉันก็ทำในสิ่งที่ไม่สมควรทำที่สุดคืออ้วกใส่เสื้อตัวละเกือบแสนของคริส
“เธอ!!!”
“นู๋ม่ายรู้ว์ นู๋มาววววววว!!”ก่อนที่ลมหายใจของฉันจะหมดลงเพราะโดนหมาป่าอย่างคริสฆ่าทิ้งฉันควรจะเอาตัวรอดด้วยการแกล้งหลับ อย่างน้องก็หนีความผิดไปได้เปราะหนึ่งล่ะ
“ตื่นมาเธอตายแน่ยัยคอสเพลย์!!”
นี่คือเสียงสุดท้ายของคริสที่ฉันได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไปหมด (ไหนว่าแกล้งหลับไงฟร่ะ!!!)
รีดเดอร์ข๊า ... ไรท์เตอร์กลับมาแว้วววว!!!!!
ต้องขอโทษจากใจจริงที่หายไปหลายเดือน
เนื่องจากไรท์เตอร์เข้าสู่วัยทำงายเลยไม่ค่อยมีเวลาอัพ แต่ก็พยายามหาเวลามาอัพในแต่ละตอน
ดังนั้นถ้าหากไรท์หายไปนานก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
รีดเดอร์อย่าโกรธเขาเน้ออ... เขาพยายามอย่างที่สุดแล้ว !!!
ใครที่ยังติดตามอยู่ก็ไม่ต้องห่วงนะคะ ไรท์จะพยายามปั่นแล้วมาอัพให้เร็วที่สุด
อ่านแล้วเม้นด้วยนะ ... ไม่งั้นเขาไม่มาอัพต่อนะ >”< คิคิ
ความคิดเห็น