ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Vanguard]พ่อหนุ่มน่ารัก x คุณจิ้งจอกเย็นชา

    ลำดับตอนที่ #10 : จิ้งจอกตัวที่ 10 ครอบครัว

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 58


    จิ้งจอกตัวที่ 10 ครอบครัว
     
     
    "อะ..อือ..."ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นจากการหลับไหล
    "อรุณสวัสดิ์น้าไอจิคุง"คุณเรนพูดทักทายยามเช้าด้วยใบหน้าที่สดใสเหมือนทุกๆวัน
    "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเรน"ผมกล่าวทักทายตอบพร้อมรอยยิ้ม
    "เดี๋ยวผมไปเอาอาหารเช้ามาให้นะ"คุณเรนพูดพร้อมรอยยิ้ม
    "มะ..ไม่เป็นไรครับหรอกครับคุณเรน"ผมพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
    "ไม่เป็นไรๆเดี๋ยวผมไปเอามาให้เอง"คุณเรนพูดแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทันทีทำให้ผมไม่ทันได้พูดอะไรต่อเลย แล้วมิวะคุงที่เดินสวนกับคุณเรนก็เดินเข้ามาในห้องที่ผมนอนอยู่
    "ตื่นแล้วหรอไอจิ อรุณสวัสดิ์นะ"มิวะคุงพูดพร้อมรอยยิ้ม
    "มะ..มิวะคุง!!"ผมพูดด้วยสีหน้าตกใจ
    "หือ?...อะไรหรอ?"มิวะคุงถามแบบงงๆ
    "มะ..มิวะคุง..แผลล่ะครับ"ผมพูดแล้วชี้ไปตรงที่มิวะคุงโดนฟัน
    "อ่อ..แผลน่ะหรอ..ใกล้หายแล้วล่ะพรุ่งนี้น่าจะหายนะชั้นว่า"มิวะคุงตอบแบบยิ้มๆ
    "อะ..คะ..ครับ"ผมพยักหน้าน้อยๆก่อนจะลุกขึ้นยืน
    "เอ่อ..มิวะคุง..แล้วไกยาร์ลคุงล่ะครับ"
    "อ่อไกยาร์ลหรอไม่ต้องห่วงๆพักสัก2-3วันน่าจะดีขึ้นนะ"
    "เอ่อ...มิวะคุงผมขอถามอีกอย่างได้มั้ย?"
    "อะไรหรอ?"
    "ขะ..แขนของไกยาร์ลคุงที่ขาดไปน่ะครับ"ผมถามด้วยใบหน้าสงสัย
    "ทำไมหรอ?"
    "มะ..มะ..มันงอกออกมาใหม่หรอครับ?"ผมถามแบบสั่นๆ
    "หา..."มิวะคุงดูจะอึ้งๆก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
    "ไอจิบอกอะไรให้นะปีศาจที่ถ้าแขนหรือขาขาดไปแล้วงอกออกมาใหม่ได้น่ะมันมีไม่เยอะหรอกนะไกยาร์ลเองก็ไม่ใช่ประเภทนั้นถ้าขาดแล้วก็ขาดเลยไม่งอกใหม่หรอก"มิวะคุงพูดพลางลูบหัวผมเบาๆ
    "เอ๋..ละ..แล้วจะรักษาแขนของไกยาร์ลคุงยังไงล่ะครับ"
    "หึๆเรื่องนั้นอย่าห่วงไปแค่เอามาต่อกันเหมือนเดิมก็หมดเรื่องแล้วล่ะ"มิวะคุงพูดพลางยิ้มน้อยๆ
    "หรอ..ครับเอ๋!ต่อที่ว่านี่ต่อยังไงกันครับเนี่ย!!"ผมตกใจเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้ยิน
    "ก็เอาแขนที่ขาดไปประกบเข้ากับปากแผลที่โดนตัดเดี๋ยวมันก็ติดกันเหมือนเดิมเองแหละ"มิวะคุงพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างสดใส
    "มันมีวิธีแบบนั้นด้วยหรอครับ!?!"ผมยิ่งตกใจมากกว่าเดิม
    "มันก็..สำหรับปีศาจบางตัวน่ะนะ..."
    "พวกนายยืนทำอะไรกันอยู่น่ะ..."ขณะที่ผมกับมิวะคุงกำลังคุยกันอยู่จู่ๆเลออนคุงก็เดินเข้ามาพร้อมกับอาหารเช้า
    "อ่อแค่คุยอะไรกันนิดหน่อยน่ะ"มิวะคุงตอบ
    "งั้นหรอ...เซ็นโดนี่อาหารเช้าของนายเรนฝากมาให้เอาไปซิ"เลออนคุงพยักหน้ากับคำตอบของมิวะคุงแล้วยื่นอาหารเช้ามาให้ผม
    "ขะ..ขอบคุณครับเลออนคุงแล้วคุณเรนล่ะครับ"ผมรับอาหารเช้ามาพลางถามถึงคุณเรนไปด้วย
    "อ่อ..เรนบอกว่าจะไปเดินเล่นสูดอากาศยามเช้าข้างนอกน่ะ"เลออนคุงตอบด้วยใบหน้าเรียบๆ
    "ชั่งเถอะเซ็นโดรีบกินข้าวเช้าซะจะได้ไปดูไคกัน"
    "เอ๋..ไคคุงหรอครับ"
    "อา...เพราะงั้นรีบๆกินซะ"
    "คะ..ครับ"ผมพยักหน้ารับน้อยๆ
     
     
    -หลังจากนั้น-
     
    "อืม...แผลหายไปหมดแล้วแฮะ"เลออนคุงพูดออกมาเบาๆพลางมองตัวไคคุงที่กำลังหลับอยู่
    "มันทำไมหรอครับตอนไคคุงโดนรถชนแผลก็หายเร็วแบบนี้นี่ครับ"
    "เซ็นโดนายไม่คิดว่ามันแปลกๆหรอ"เลออนคุงพูดแล้วหันมามองผม
    "อะ..อะไรหรอครับ"
    "แผลของไคน่ะหายเร็วมากอย่างผิดปกติ มิวะเองก็เป็นปีศาจจิ้งจอกเหมือนกันแต่แผลน่ะยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย1-2วันไม่ก็3-4วันเลยนะ แต่ไคน่ะแค่ช่วงข้ามคืนแผลก็ไม่เหลือร่องรอยอะไรแล้วนะ"เลออนคุงพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด
    "อืม..นั่นสินะมันก็แปลกจริงๆน่ะนะ"มิวะคุงพูดออกมาเบาๆ 
    "แต่ที่สำคัญกว่าคือทำไมเมื่อคืนไคถึงได้ทำร้ายไกยาร์ลกับมิวะจนปางตายแบบนั้นแถมยังเกือบจะฆ่านายด้วย"เลออนคุงพูดพลางหันมามองผม
    "ชั้นว่าไคอาจโดนอะไรควบคุมอยู่ก็ได้หมอนั่นน่ะไม่ใช่ปีศาจที่อยากจะฆ่าใครหรอกเรื่องนี้ชั้นรู้ดี"มิวะคุงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    "โดนควบคุมงั้นหรอครับ"
    "มันก็มีความเป็นไปได้อยู่นะ งั้นมิวะนายพอจะเห็นว่ามีอะไรแปลกที่ตัวไคบ้างรึเปล่า?"เลออนคุงพูดพลางหันไปมองมิวะคุง
    "อืม..เดี๋ยวนะ..อ่อ!!ใช่แล้วล่ะตาของไคน่ะ"
    "ตาของไคคุงมันทำไมหรอครับ?"ผมถามอย่างสงสัย
    "ถ้าจำไม่ผิดดวงตาของหมอนั่นตอนที่ฟันชั้นกับไกยาร์ลมันไม่ใช่สีเขียวมรกตเหมือนปกติน่ะ"มิวะพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
    "แล้วมันสีอะไร?"เลออนคุงถามด้วยใบหน้าเรียบๆ
    "รู้สึก..จะสีออกแดงๆมั่งแต่ก็ไม่แดงมากนะสีคล้ายๆทับทิมแต่มันเข้มขึ้นมาอีกหน่อยน่ะ"
    "สีทับทิมเข้มงั้นสินะ..."
    "แล้วทำไมดวงตาของไคคุงถึ..."ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคจู่ๆร่างของไคคุงที่นอนอยู่ก็ค่อยลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆแล้วพูดว่า...
    "คิ..คิ..คิ..พวกนายกำลังพูดถึงตาสีแบบนี้ใช่รึเปล่า?"ไคคุงพูดแล้วลืมตาทั้งสองข้างให้ผมกับพวกเลออนคุงดู
    "ดะ..ดวงตาสีทับทิมเข้มจริงๆด้วย"ผมพูดออกมาอย่างสั่นๆ
    "นี่ๆไม่ต้องกลัวหรือระวังอะไรกันหรอกน่า แค่มีเรื่อง..อยากจะคุยกับเจ้ามนุษย์นี่เป็นการส่วนตัวสักหน่อย"ไคคุงพูดพร้อมฉีกยิ้มแล้วชี้มาที่ผม
    "คงจะไม่ได้หรอกนายในตอนนี้นับว่าเป็นตัวอันตรายคงจะให้คุยกับเซ็นโดแค่สองคนไม่ได้หรอก"เลออนคุงด้วยใบหน้าที่ดูน่ากลัวมากๆ
    "ข้าขอสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแน่นอน"ไคคุงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    "ถึงอย่างนั้น..."เลออนคุงยังพูดไม่จบประโยคผมก็เดินมาข้างหน้าเลออนคุงช้าๆทำให้เขาต้องหยุดพูดไป
    "ซะ..เซ็นโด.."
    "เลออนคุง..มิวะคุง..ช่วยออกไปก่อนได้มั้ยครับ"ผมพูดพลางเหงื่อตก
    "ตะ..แต่ว่านะไอจิ.."มิวะคุงยังพูดไม่ทันจบผมก็พูดแทรกขึ้นมา
    "ไม่เป็นไรหรอกครับ ไคคุงไม่ทำอะไรผมหรอกเพราะดวงตาของเขาไม่มีความโกหกอยู่เลย..."ผมหันมองหน้าของไคคุงตาไม่กระพริบส่วนเลออนคุงกับมิวะคุงก็นิ่งเงียบกันไปพักหนึ่ง
    "เข้าใจแล้ว..."เลออนคุงพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมๆกับมิวะคุง
    "ถ้ามีทีท่าไม่ดีเรียกพวกเราทันทีเลยนะ"เลออนคุงพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะปิดประตู
    "นั่งสิ"ไคคุงพูดพร้อมกับรอยยิ้มดูเจ้าเล่ห์ ผมพยักหน้าน้อยๆแล้วค่อยๆนั่งลงตรงหน้าไคคุง
    "เจ้าชื่อไอจิสินะเจ้าเป็นอะไรกับไคงั้นหรอ?"คำถามที่ไคคุงถามออกมาทำเอาผมงงจนตอบอะไรไม่ถูก
    "พะ..พูดอะไรน่ะไคคุง..นี่ลืมเรื่องของผมไปหมดแล้วหรอ..?"
    "ข้าน่ะ..ไม่ใช่ไคหรอกนะ.."ไคคุงตอบออกมาด้วยใบหน้านิ่งๆ
    "อะ..เอ๋..มันหมายความว่ายังไงกันน่ะถ้าไม่ใช่ไคคุงแล้วนายเป็นใครแล้วทำไมถึงเข้ามาอยู่ในร่างของไคคุงได้ล่ะ!!"ผมตกใจกับคำพูดเมื่อกี้ของไคคุงจนเผลอถามคำถามออกรัวๆ
    "งั้นข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเองฟังให้ดีๆนี่คือเรื่องในสมัยที่ไคน่ะยังเป็นเด็กอยู่"
     
    "หลายร้อยปีก่อนในตอนนั้นข้าน่ะกำลังฆ่าพวกปีศาจชั้นต่ำอยู่อย่างสนุกสนานเพราะข้าน่ะชอบเห็นเลือดชอบการเข่นฆ่ามาตั้งแต่เด็กๆในตอนนั้นคนที่มาหยุดข้าที่กำลังสนุกกับการฆ่าอยู่ก็คือ ไค "หยุดนะเค!!พอได้แล้ว!!"ข้าน่ะชอบไคมากๆเพราะงั้นแค่เขาพูดว่าอยากให้ข้าทำอะไรข้าก็จะทำตามที่เขาต้องการทุกอย่าง"เค!! นี่ลูกแอบหนีไปฆ่าพวกปีศาจอีกแล้วงั้นหรอ!!"ข้าน่ะชอบแอบหนีไปฆ่าพวกปีศาจอยู่บ่อยๆทำให้ท่านแม่กับท่านพ่อโมโหอยู่เป็นประจำพวกท่านเคยบอกข้าอยู่หลายครั้งแล้วว่าให้เลิกฆ่าพวกปีศาจสักทีแต่ข้าไม่ฟัง"ดีนะเนี่ยที่ไคไปพาตัวกลับมาได้ไม่งั้นจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย"ท่านแม่พูดกับข้าด้วยท่าทางที่โกรธมากๆ"
     
    "เดี๋ยวนะผมขอถามอะไรหน่อยนะ"
    "อะไร"
    "นายกับไคคุงเป็นอะไรกันน่ะเพื่อนหรอ"
    "เปล่า...ข้ากับไคอ่ะไม่สิพี่น่ะเป็นพี่น้องฝาแฝดกันน่ะ"
    "อ่อ..ฝาแฝดสินะ..ห๊า!!ฝาแฝดงั้นหรอ!?!"
    "ใช่แล้วฝาแฝดแท้ๆร่วมสายเลือดเลยล่ะ"
    "จะ..จริงหรอเนี่ย"
    "อืม..งั้นข้าเล่าต่อนะ"
    "ชะ..เชิญครับ"
     
    "ข้ากับพี่น่ะมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ข้ากับพี่มีดวงตาที่สีต่างกันพี่น่ะสีเขียวมรกตสวยแต่ข้าน่ะสีทับทิมออกเข้มๆ แล้วนิสัยของพวกเราก็แตกต่างกันอย่างมากเลยด้วยพี่น่ะเป็นปีศาจที่ไม่ชอบทำร้ายใครอ่อนโยนกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเสมอแต่ถ้าจำเป็นต้องทำร้ายปีศาจตัวนั้นล่ะก็พี่ก็จะทำส่วนข้าน่ะคงบอกไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วสินะว่าข้าน่ะชอบเลือดชอบการฆ่าเพียงเห็นเลือดแค่นิดเดียวข้าก็อยากจะลองชิมดูว่ามันมีรสชาติยังไงมันยังช่วยปลุกสัญชาตญาณของข้าให้อยากฆ่าอีกด้วย แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง..ข้าเข้าไปชวนพี่มาเล่นด้วยกันแล้วพี่ก็พูดว่า"นี่นายเป็นใครน่ะ..หน้าตาเหมือนชั้นเลยนะ..."พี่พูดออกมาแบบนี้
     
    "ทะ..ทำไมไคคุงถึงพูดแบบนั้นล่ะ!!"
    "นั่นก็เพราะพี่น่ะโดนท่านพ่อกับท่านแม่ลบความทรงจำที่เกี่ยวกับตัวข้าไปหมดเลยน่ะสิ"
    "ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วย!!"
    "ข้าเองก็สงสัยจึงลองไปถามท่านพ่อกับท่านแม่แล้วพวกท่านก็ตอบมาว่า"ให้ไคน่ะลืมลูกไปน่ะดีแล้ว มีน้องชายที่ชอบแต่การฆ่าชอบแต่เลือดวันๆเอาแต่แอบหนีไปฆ่าปีศาจตัวเล็กๆแบบลูกน่ะไม่มีซะมันยังจะดีซะกว่า!!"ท่านแม่ตอบออกมาแบบนี้น้ำเสียงของท่านฟังดูไร้เยื่อใยมากราวกับว่าท่านน่ะไม่ได้เห็นว่าข้าเป็นลูกของพวกท่าน"
    "หะ..โหดร้าย..ที่สุดเลย"
    "หลังจากนั้นท่านแม่ก็พูดต่ออีกว่า"แม่น่ะจะลบความทรงจำของลูกซะแล้วจะเอาไปทิ้งไว้ในที่ๆห่างไกลจากที่นี่"พอได้ยินท่านแม่พูดแบบนั้นข้าก็รีบวิ่งหนีไปทันแต่ข้าก็รู้ว่าถึงจะหนียังไงข้าก็คงไม่รอดข้าก็เลยเปลี่ยนร่างตัวเองให้อยู่ในสภาพวิญญาณแล้วเข้าไปในตัวของพี่ แล้วหลังจากนั้น..ก็ฆ่าท่านพ่อกับท่านแม่..."คำพูดสุดท้ายที่ไคคุงไม่สิเคคุงได้พูดออกมานั้นทำเอาผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง
    "มะ..ไม่เห็นต้องถึงกับฆ่าเลยก็ได้นี่นา!?!ลองคุยกันก่อนก็ได้นี่พ่อกับแม่ของนายต้องรับฟังนายแน่นอน"
    "ไม่ฟังหรอกสายตาตอนที่พวกท่านพูดออกมาน่ะมันบ่งบอกว่าพวกท่านน่ะเอาจริง..และตัวข้าเองก็ไม่อยากที่จะต้องลืมเรื่องของพี่ไปจะลบอะไรข้าไปก็ได้ขอแค่ให้ข้าจำเรื่องของพี่ได้ก็พอ แต่ว่านะต่อให้ข้าจำเรื่องของพี่ได้แต่พี่ก็จำเรื่องของข้าไม่ได้อยู่ดี..."เคคุงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยอย่างที่สุดแล้วจู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
    "จำได้สิ..."เสียงนี้มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยเสียงนี้เสียงของไคคุง พอผมลองมองดูดีๆแล้วดวงตาข้างนึงเริ่มกลายเป็นสีเขียวมรกตทำให้ตอนนี้ร่างของไคคุงมีตาสองสี
    "เสียงนี้พี่หรอ..."เคคุงพูดออกมาเบาๆ
    "เอาเป็นว่าตอนนี้อยากให้นายช่วยออกจากร่างชั้นไปก่อนจะได้รึเปล่า...มาคุยกับน้องชายฝาแฝดในร่างตัวเองเนี่ยมันรู้สึกแปลกๆ"เสียงของไคคุงพูดเพียงแค่นั้น เคคุงก็เอาร่างวิญญาณของตัวเองออกมาแล้วกลับกลายเป็นร่างปีศาจมานั่งอยู่ข้างๆผม พอมองดีๆแล้วทั้งไคคุงและเคคุงก็หน้าเหมือนกันจริงๆและดวงตาของเคคุงก็สวยมากด้วยทำเอาผมใจเต้นนิดๆเหมือนกัน
    "มองอะไรของนายน่ะ"เคคุงที่มีร่างเป็นของตัวเองแล้วหันมาถามผมที่เผลอมองเคคุงนานไปหน่อย
    "ปะ..เปล่าครับ"ผมตอบไปพลางเหงื่อตก
    "งั้นก็มาคุยกันเลยดีกว่านะเค"ไคคุงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบและใบหน้าเรียบเหมือนปกติ
    "ก่อนอื่นผมขอถามก่อนนะทำไมพี่ถึงจำผมได้ล่ะพี่น่ะโดนลบความทรงจำเกี่ยวกับผมไปแล้วนี่นา"เคคุงเริ่มเป็นฝ่ายถามก่อน
    "เมื่อคืนนี้...ตอนที่นายออกมาจากตัวชั้นจู่ๆภาพความทรงจำเกี่ยวกับนายมันก็ค่อยๆไหลเข้ามาในหัวก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมแต่มันไหลเข้ามาเอง..."ไคคุงตอบแบบเรียบๆ
    "งั้นชั้นขอถามบ้างนะ...นายน่ะหลังจากฆ่าท่านพ่อกับท่านแม่แล้วก็อยู่ในตัวชั้นตลอดเลยสินะ"ไคคุงถามด้วนใบหน้านิ่งๆแต่น้ำเสียงเหมือนฟังดูเศร้าๆ
    "อื้อ..ผมอยู่ในตัวพี่ตลอดเลย.."หลังจากที่เคคุงตอบคำถามของไคคุงทั้งสองก็นั่งเงียบฃปพูดอะไรไปพักหนึ่ง
    "เอ่อ..พี่"จู่ๆเคคุงก็พูดขึ้นมา
    "อะไรหรอ?"
    "พะ..พี่น่ะคงจะโกรธผมใช่มั้ย..ที่ผมฆ่าท่านพ่อกับท่านแม่น่ะ.."เคคุงพูดอย่างสั่นๆ
    "อา..ก็โกรธอยู่นั่นแหละ"โกรธจริงๆด้วยแต่ดูไม่เห็นออกเลยว่าโกรธ!!
    "แต่เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ชั่งมันเถอะ..แถมชั้นว่าท่านพ่อกับท่านแม่ก็ทำไม่ถูกด้วยสิ..ถึงนายจะชอบฆ่าใครยังไงก็เถอะแต่นาย..ก็เป็นน้องชายชั้นนี่นา"ไคคุงพูดด้วยใบหน้าเรียบๆ
    "พี่..."
    "อีกอย่าง...ชั้นเองก็ไม่ได้อยากจะลืมเรื่องของนายหรอกนะ...ก็นายเป็นน้องชายชั้นนี่นา"ไคคุงหันมาบอกมาเคคุงพร้อมรอยยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ไคคุงยิ้มออกมาจากใจ ครั้งแรกเลยที่ผมเห็นไคคุงยิ้มแบบนี้
    "พะ..พี่!!"เคคุงพูดพร้อมน้ำตาแล้วเข้าไปกอดไคคุงไว้แน่น
    "ขอบคุณครับพี่..ผมน่ะรักพี่ที่สุดเลย"เคคุงพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มและน้ำตา
    "เพราะงั้นนะพี่ถ้าใครมาทำอะไรพี่นะบอกผมได้เลยผมจะเชือดมันให้เอง"
    "ไม่ได้ยังไงก็ห้ามฆ่าถ้าไม่จำเป็นแล้วก็ห้ามทำร้ายมนุษย์ด้วย..."ไคคุงดันตัวเคคุงออกแล้วพูดด้วยใบหน้าไม่พอใจ
    "เอ๋!!ไหนพี่บอกว่าถึงผมจะฆ่าใครก็ไม่เป็นไรนี่นา"เคคุงพูดด้วยใบหน้าผิดหวัง
    "ชั้นพูดตอนไหนน่ะถ้านายฆ่าใครโดยไม่จำเป็นล่ะก็...นายกับชั้นเราขาดกัน!"ไคคุงพูดด้วยน้ำเสียงและใบหน้าจริงจัง
    "ขะ..เข้าใจแล้วครับพี่"เคคุงถึงกับหูตกแล้วส่ายหางๆไปมา
    "เอ่อ..งั้นผมไปก่อนนะครับเชิญทั้งสองคนคุยกันตามสบายนะครับ"ผมพูดก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนแต่โดนเคคุงจับคอเสื้อไว้
    "อะเดี๋ยวๆเจ้าน่ะยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลยนะ เจ้าเป็นอะไรกับพี่งั้นหรอ"เคคุงถามด้วยรอยยิ้มแต่มันแฝงด้วยรังสีอำมหิต
    "อะ..เอ๋..กะ..ก็แค่เพื่อนล่ะมั่ง"ผมตอบออกไปแบบนั้นแต่ทำไมใจผมมันเต้นแรงแบบนี้นะ
    "แน่หรอว่าแค่เพื่อนขอบอกไว้ก่อนนะถ้านายนึกชอบพี่ขึ้นมาล่ะนายหัวหลุดแน่"อะไรกันน่ะคำพูดที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของนั่นนี่เคคุงหวงไคคุงขนาดนี้เชียวหรอเนี่ย!!
    "ไอจิคุง~เป็นไ..."คุณเรนเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเงียบกับสิ่งที่เห็นอยู่หน้า
    "ไง"ไคคุงกับเคคุงพูดทักทายพร้อมกัน
    "มะ..มีไคสองคน!?!"คุณเรนตะโกนลั่นศาลเจ้าจนเลออนคุงกับมิวะคุงที่กำลังดื่มชากันอยู่อีกห้องได้ยินจนต้องรีบวิ่งมาดู
    "มีอะไรเร..มีไคสองคน!?!"มิวะคุงกับเลออนคุงเองก็ตกใจเหมือนกัน
    "เสียงดังจังมีอะไร..."ไกยาร์ลคุงที่ตื่นขึ้นมาเพราะว่าเสียงดังทำให้นอนต่อไม่ได้และพอเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไกยาร์ลคุงก็เงียบกริบไปพักหนี่ง...
    "คะ..ไค!!นี่นายไปฝึกวิชาแยกร่างมางั้นหรอ!?!"ไกยาร์ลคุงพูดแล้วชี้ไปที่เคคุง
    "วิชาแยกร่างอะไรของนายแล้วนายชี้ไปที่เคทำพระแสงอะไรไม่ทราบ"ไคคุงพูดด้วยใบหน้าเรียบๆ
    "ห๊า!?! เคนี่มันใครฟระแล้วถ้านี่ไม่ใช่วิชาแยกร่างแล้วมันจะเป็นอะไร!?!"ไกยาร์ลคุงเริ่มงงยิ่งกว่าเดิม
    "ฮ่ะๆเอาเป็นว่ารออ่านตอนต่อไปแล้วกันนะครับผู้อ่านทุกท่าน"ไอจิพูดพร้อมยิ้มให้ผู้อ่านทุกคน<3
    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×