รักใสๆของยัยหัวดื้อตัวร้ายกับคุณชายแสนดี - รักใสๆของยัยหัวดื้อตัวร้ายกับคุณชายแสนดี นิยาย รักใสๆของยัยหัวดื้อตัวร้ายกับคุณชายแสนดี : Dek-D.com - Writer

    รักใสๆของยัยหัวดื้อตัวร้ายกับคุณชายแสนดี

    โดย Rose devil

    ความรักที่เกิดจากความบังเอิญหรือเพราะโชคชะตาที่ทำให้ฉันได้มีหัวใจเพื่อรักใครสักคน..... และคนๆนั้นคือคนที่ฉันจะฝากชีวิตด้วยตลอดไป

    ผู้เข้าชมรวม

    362

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    362

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ม.ค. 53 / 23:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    เหตุเกิดขึ้นเพราะความหัวดื้อของฉันที่ไม่เคยฟังใคร  ทำให้ฉันได้พบกับรักแรกและรักเดียวของฉันที่ทำให้หัวใจของฉันพองโต  ผู้ชายที่แสนดีและมักมาพร้อมกับความอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วง


    MusicPlaylistRingtones
    Create a playlist at MixPod.com

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      รักใสๆของยัยหัวดื้อตัวร้ายกับคุณชายแสนดี
                      สายลมเย็นๆพัดผ่านร่างกายอันเปียกชุ่มของฉันไป สีหน้าของฉันตอนนี้เหนื่อยอ่อนมาก ลมหายใจที่ออกมาจากจมูกนั้นเร็วและแรงจนดูเหมือนว่าฉันกำลังหอบ   ฉันพยุงร่างกายเดินไปตามถนนของโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในโตเกียว เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินตามหลังฉันมาทำให้ฉันต้องหยุดชะงัก เป็นเสียงฝีเท้าที่หนักและเร็วมากใกล้เข้ามาหาฉัน
                      “นี่....อสึกะจังไหวไหม ทำไมฝืนสังขารแบบนี้ เธอก็รู้อยู่ว่าเธอเป็นโรคหัวใจอยู่นี่”
                      ฉันค่อยๆเงยหน้ามองไปที่ต้นเสียงนั้นก็พบกับรินนะจัง เพื่อนสนิทของฉันเอง
                      “ไม่เป็นไรหรอกฉันแค่อยากลองวิ่งดูนี่ วิ่งแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอกรินนะจังไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ”
                      รินนะทำหน้าเบ้หันหน้าหนีไปทางอื่น แต่แล้วก็หันกลับมาพยุงฉันที่ทำท่าเหมือนจะยืนไม่ไหวอยู่ในตอนนี้ขึ้น
                      “ไปห้องพยาบาลกับฉัน เดี๋ยวฉันพาเธอไปเองยัยหัวดื้อ” รินนะพูดทีเล่นทีจริง
                      ก็จริงอย่างที่รินนะว่าฉันมันหัวดื้ออยู่แล้ว
                     
                      ที่ห้องพยาบาล
                      รินนะพาฉันมาส่งถึงห้องพยาบาล รินนะเป็นคนรอบคอบช่างสังเกต เธอมองดูรายชื่อครูเวรประจำห้องพยาบาลวันนี้
                      “เอ๊ะ! วันนี้ไม่มีครูเวรแต่เป็นรุ่นพี่มัธยมปลายปี3 ห้อง4 ดูแลนี่รู้สึกจะชื่อ อิชิโนเสะ   ทาคุมิคุงละสินะ จะไหวไหมนะอสึกะจัง
                      รินนะทำท่าทางหนักใจเป็นห่วงฉัน เพราะวันนี้ไม่มีครูเวรแต่เป็นรุ่นพี่ที่อยู่ชมรมสภานักเรียนมาดูแลแทน
                      “ไม่เป็นไรหรอกฉันนอนพักแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย รินนะจังรีบไปเรียนวิชาภาษาอังกฤษเถอะ เดี๋ยวคุณครูนานามิจะดุเอานะ”
                      ฉันรีบตัดบทเพราะกลัวว่ารินนะจะถูกทำโทษเพราะฉัน
                      “งั้นอสึกะจังฉันไปก่อนล่ะนะ แล้วตอนเย็นฉันจะแวะมารับอสึกะจังกลับบ้านพร้อมกัน อสึกะจังดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
                      เมื่อรินนะเดินจากฉันไปแล้ว ฉันค่อยๆพยุงตัวเองเดินเข้าไปในห้องพยาบาล   แต่แล้วฉันก็ล้มลงไปที่พื้นแต่ก่อนที่ฉันจะถึงพื้นนั้นก็ได้มีใครคนหนึ่งมารองรับตัวฉันไว้
                      “นี่เธอเป็นไรไหม ดูท่าจะไม่ค่อยดีเลย  เดี๋ยวฉันช่วยพยุงเธอขึ้นเตียงนะ” นี่เป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน หูของฉันค่อยๆอื้อ ตาของฉันกำลังจะปิดสนิท และฉันก็หมดสติลงไป
       
       
                      ติ๊ด ต่อง ต๊อง ต๋อง....
                      ออดโรงเรียนเลิก ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนนี่คงเลิกเรียนแล้วล่ะสิ ฉันค่อยๆพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็พบว่าหนังตาบนมันจะหนักมากจนลืมไม่ขึ้น ร่างกายของฉันแข็งขยับไม่ได้และรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆมาว่างอยู่ที่หน้าผากของฉัน ฉันค่อยๆพยายามใช้มือจับสิ่งนั้นดู
                      “นี่เธออย่าขยับตัวสิ เธอไม่สบายตัวร้อนมากฉันเลยเช็ดตัวให้เธอเพื่อลดไข้ ตอนนี้เธอไม่มีแรงหรอก”
                      เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังประตูห้องยา เสียงนี้ทำให้ฉันหยุดชงักและวางมือลง   ฉันค่อยๆลืมตามองดูที่ต้นเสียงที่เดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น
                      “เธอไปทำอะไรมาถึงได้ตัวร้อนแบบนี้” เขาถามแกมดุฉัน
                      ฉันเงยหน้ามองดูบุคคลตรงหน้า เขาเป็นผู้ชายที่สูงมาก มีผิวสีเข้ม ตากลมคมและโตมาก ริมฝีปากบางและเล็ก จมูกค่อนข้างโด่ง อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมที่รีดจนเรียบไร้รอยยับทับด้วยเสื้อกราวด์ สีขาวดูเหมือนหมอจริงๆ
                     “คือฉันเล่นกีฬาหนักไปหน่อยค่ะ โรคหัวใจก็เลยกำเริบขึ้นมาน่ะค่ะ” ฉันตอบเขาแบบเก็งๆ กล้าๆ กลัวๆ ต่อเขาแบบบอกไม่ถูก
                      เขายิ้มพลางใช้มือหยิบเจลลดไข้ออกจากหน้าผากฉัน และแตะมือของเขาไปที่หน้าผากแทนเพื่อวัดความร้อนที่ตัวฉัน
                      “ไข้เธอยังไม่เบาเลย คราวหลังรู้ว่าไม่ไหวก็ไม่ควรฝืนสิ” เขาพูดพร้อมหันมาจ้องหน้าฉัน ฉันรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นที่หน้าเพราะฉันไม่เคยถูกผู้ชายจ้องหน้ามาก่อน
                      “ที่หน้าของฉันมีอะไรเหรอค่ะ ทำไมถึงมองฉันแบบนั้น”
                      “เปล่า” เขาหัวเราะ “เธอหน้าซีดจนเหลืองแบบแปลกๆน่ะ   ฉันก็เลยสงสัยว่าเธอหน้าซีดอยู่แล้ว หรือซีดเพราะป่วย
                      ฉันว่าเขาดูเป็นคนที่อารมณ์ดีมากๆเลย เขาคงจะเป็นคนที่ขี้เล่น สนุกสนานแน่เลยเพราะท่าทางเขาดูใจดีกับฉันมากๆ
                      “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้หน้าซีดอย่างนี้หรอกค่ะ จะซีดก็ต่อเมื่อเหนื่อยหรือทำอะไรหนักๆน่ะค่ะ” ฉันตอบเขาอย่างเขินๆ
                      สักพักรินนะก็เดินเขามาหาฉันในห้องพยาบาล   ในมือรินนะถือแก้วน้ำส้มคั่นมาให้ฉันหนึ่งแก้ว
                      “อสึกะจังเป็นยังไงบ้างดีขึ้นไหม นี่น้ำส้มคั่นของโปรดเธอเลยนะ” รินนะพูดพร้อมส่งแก้วน้ำส้มคั่นให้ฉัน
                      “ขอบใจนะ รินนะจัง แต่ฉันไม่เป็นไรแล้วเรากลับบ้านกันเถอะ” ฉันพูดแล้วทำท่าเตรียมจะพยุงตัวเองขึ้น แต่ผู้ชายคนนั้นก็ดึงแขนฉันไว้
                      “ไม่ได้ ร่างกายเธอยังไม่แข็งแรงพอ เธอควรนอนพักต่ออีกซัก 1-2 ชั่วโมง
                      “ทำไมล่ะ ก็มันเย็นแล้วนี่ แล้วฉันก็อยากกลับบ้านแล้วด้วย ฉันจะกลับบ้านพร้อมเพื่อนฉัน” ฉันเถียงเขากลับ แล้วทำสีหน้าไม่พอใจใส่เขา
                      “อสึกะจังอย่าดื้อสิ เธอนี่หัวดื้อจังเลย เชื่อรุ่นพี่เขาเถอะ” รินนะถ้วง แล้วรีบพยุงฉันขึ้นนอนบนเตียงต่อ
                      “แล้วรินนะจังจะกลับบ้านคนเดียวได้ยังไงล่ะ” ฉันยังดื้อไม่ยอมเลิก
                      รินนะจังยิ้มแล้วจึงตอบว่า “ ฉันกลับบ้านกับโซตะคุงก็ได้จ๊ะ อสึกะจังไม่ต้องห่วงฉันนะ ฝากด้วยนะค่ะรุ่นพี่ทาคุมิ” 
                      เธอพูดกับฉันแล้วก็หันไปฝากฝังฉันไว้กับรุ่นพี่ทาคุมิ จากนั้นรินนะก็เดินออกจากห้องไป
                      “เหลือแค่ฉันกับเธอแล้วนะนอนพักซะ เดี๋ยวฉันปลุกพาเธอไปส่งบ้านเอง” เขาพูดแกมออกคำสั่งใส่ฉัน ฉันจึงต้องหลับตาลงนอนต่อที่เดิม
                    
                      เวลาทุ่มเศษ
                      เขาปลุกฉันตื่นขึ้นมา ฉันค่อยๆงัวเงียลืมตาขึ้นมองนาฬิกาก็ต้องตกใจหนึ่งทุ่มแล้วหรือนี่ ตายแน่ๆแม่ต้องเป็นห่วงมากเลย
                      “ทำไงดีล่ะเนี่ย แม่ต้องเป็นห่วงแน่เลยที่บ้านจะวุ่นวายไหมเนี่ย” ฉันรีบกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืนแต่แล้วก็ยืนไม่ไหว
                      “ไม่ต้องห่วงหรอกนะอสึกะจัง รินนะจังบอกที่บ้านให้เธอแล้วว่าเธอไม่สบาย เขาฝากให้ฉันดูแลเธอด้วย” รุ่นพี่เดินมาประคองตัวฉันยืนขึ้น
                      “เออ ขอบคุณค่ะรุ่นพี่ แล้วรุ่นพี่ทาคุมิจะไปส่งฉันยังไงล่ะค่ะ” ฉันถามเขาด้วยท่าทางเขินอายอย่างเต็มที่ ที่ทำท่าอวดเก่งแต่ก็เอาตัวไม่รอด
                      “เธอก็ขี่หลังฉันไปสิ เดี๋ยวฉันจะเดินพาเธอไปส่งให้ถึงบ้านเธอเอง” รุ่นพี่พูดทีเล่นทีจริง แล้วทำท่าหันหลังให้ฉันขึ้นขี่
                      ตอนนี้ฉันรู้สึกเขินมากแต่ก็ต้องขี่หลังรุ่นพี่กลับบ้านจริงๆ เพราะฉันไม่มีแรงที่จะเดินกลับบ้านเองได้ ฉันค่อยๆขึ้นขี่หลังรุ่นพี่ด้วยท่าทาง เก้ๆ กังๆ 
                      “ตัวอสึกะจังนี่ก็ไม่หนักเท่าไรเลยนะ ฉันพาเธอไปส่งที่บ้านสบายอยู่แล้ว” รุ่นพี่หันหน้ามาพูดเล่นกับฉัน แล้วพาฉันขี่หลังเดินออกจากห้องพยาบาลไป
       
                      บรรยากาศตามทางเดินดูร่มรื่น ลมพัดเบาๆเอื้อยๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นซากุระที่ดอกรอเวลาผลิบานเต็มที่ แสงไฟข้างทางส่องให้แสงสว่างพอมองเห็นทางเดิน คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงและมีดาวอยู่เต็มท้องฟ้า ถนนสายนี้เงียบมากมีเพียงฉันกับรุ่นพี่ทาคุมิที่เดินอยู่เท่านั้น
                      “นี่อสึกะจังที่นี่บรรยายกาศดีจังเลยนะเธอว่าไหม ฉันว่าถ้าดอกซากุระบานที่นี่คงสวยมากเลย”
                      “................... ” ฉันเงียบไม่ได้ตอบรุ่นพี่ พลางมองดูไปรอบๆ
                      “เธอชอบที่นี่หรือเปล่าอสึกะจัง” รุ่นพี่ถามฉันอีกครั้ง
                      “ชอบค่ะ ชอบมากด้วย ฉันชอบเวลาที่ที่นี่มีดอกซากุระบานเต็มไปหมด และหล่นร่วงลงมาน่ะค่ะดู
      โรแมนติกดี” ฉันตอบรุ่นพี่พลางขยับมือกอดหลังรุ่นพี่ให้แน่นขึ้น
                      “จริงเหรอเธอชอบที่นี่จริงๆนะ ฉันก็ชอบที่นี่มากเหมือนกัน มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเหมือนว่าฉันได้ถูกใครคนหนึ่งโอบกอดไว้” 
                      รุ่นพี่หยุดเดิน ค่อยๆหันมามองหน้าฉัน ฉันรู้สึกว่าหน้าของฉันร้อนผ่าวอีกครั้ง
                      “อีกหนึ่งเดือนดอกซากุระที่นี่จะบาน ฉันอยากให้อสึกะจังขี่หลังฉันเดินอีกครั้ง ที่ตรงนี้และในเวลาเดียวกันนี้สัญญากับฉันนะอสึกะจังก่อนที่ฉันจะเรียนจบ เราจะอยู่ตรงนี้ด้วยกัน”
                      ฉันไม่ตอบรุ่นพี่ ได้แต่นิ่งเงียบเขินรุ่นพี่ไปตลอดทางจนกระทั้งถึงบ้าน รุ่นพี่ค่อยๆวางฉันลงกับพื้น แม่เดินออกมารอรับฉันที่หน้าบ้านพร้อมกับส่งถุงขนมคุกกี้ที่แม่ทำเองให้กับรุ่นพี่เพื่อเป็นการขอบคุณที่ดูแลฉัน
                      เมื่อแม่เดินเข้าบ้านไปแล้วฉันกับรุ่นพี่ทาคุมิได้แต่ยืนจ้องหน้ากัน ฉันไม่ได้เอ่ยอะไรอีกนอกจากก้มหน้าลงมองไปที่พื้น
                      “อสึกะจังยังไม่ตอบไม่เป็นไร ฉันจะรอคำตอบจากเธอ ฉันยังไม่อยากจากเธอไปทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้รับการตอบรับรักจากคนที่ฉันรัก ซึ่งก็คือเธอ”
                      ฉันหน้าแดงมากขึ้นเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่
                      “เออ....ตกลงค่ะ ฉันจะขี่หลังรุ่นพี่เดินอีกครั้งที่ตรงทางเดินนั่น และในเวลาเดียวกันกับวันนี้ ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าฉันสัญญาค่ะ”
                      “จริงๆนะ อสึกะจังสัญญากับฉันแล้วนะฉันดีใจที่สุดเลย ฉันจะรอเธอนับจากวันนี้ไป”
                       รุ่นพี่ดึงฉันเข้าไปสวมกอดอยู่ในอ้อมอกเขา พลางกระโดดดีใจไปมาเหมือนเด็ก
                      “เอ่อรุ่นพี่ค่ะปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันหายใจไม่ออก นี่ก็ได้เวลาที่ฉันจะเข้านอนแล้วด้วย ฉันต้องทำการบ้านอีกนะค่ะ”
                      ฉันใช้มือผลักรุ่นพี่ออกจากตัวของฉัน เนื่องจากเขากอดฉันแน่นมากจนฉันหายใจไม่ออก
                      “ฉันขอโทษ ฉันดีใจมากไปหน่อยก็เลยลืมตัว ฉันกลับก่อนล่ะนะ บ๊าย บ่ายจ๊ะอสึกะจัง”
                      เมื่อรุ่นพี่กลับไปแล้ว ฉันจึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่ออาบน้ำ ทานข้าวกับครอบครัวและทำการบ้านที่มีในวันนี้
       
                      ที่โรงเรียน
                      วันนี้เป็นวันที่ฉันมีคาบ Homeroom ติดกัน 2 ชั่วโมง ฉันกับรินนะจังจึงชวนกันไปที่ห้องสมุดของโรงเรียน
                      “นี่อสึกะจัง เรื่องเมื่อคืนนี้เป็นยังไงบ้างเล่าให้ฉันฟังบ้างสิ”
                      “ไม่มีอะไรนี่” ฉันตอบเลี่ยงๆ “รุ่นพี่ก็แค่พาฉันขี่หลังมาส่งที่บ้านนะจ๊ะ ”
                      รินนะจังทำท่าทางสงสัย พลางจ้องหน้าฉันแล้วจู่ๆฉันก็เดินชนเข้ากับใครคนนึงจนฉันล้มลง
                      “โอ๊ะ!........ขอโทษค่ะเป็นอะไรไหมค่ะ ” 
                      ฉันตกใจมากรีบก้มหน้าก้มตาขอโทษขอโพย โดยไม่ได้มองหน้าบุคคลที่ฉันชนเข้าด้วยซ้ำ
                      “ไม่เป็นไรหรอก อสึกะจังเจ็บตรงไหนไหม”
                      เสียงนี้ฟังดูคุ้นๆมาก ฉันจึงรีบเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับรุ่นพี่ทาคุมิที่กำลังยื่นมือมาให้ฉัน เพื่อที่จะดึงฉันที่ล้มลงอยู่ให้ลุกขึ้น
                      “เออ ขอบคุณค่ะรุ่นพี่ ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” ฉันตอบพลางยื่นมือส่งให้รุ่นพี่   รุ่นพี่จึงดึงฉันขึ้นจากพื้น
                      “ กำลังจะไปไหนกันล่ะ ให้ฉันไปด้วยคนได้ไหม ” รุ่นพี่ทาคุมิถามพลางจ้องหน้าฉัน ฉันหลบตารุ่นพี่เล็กน้อยก่อนตอบ
                      “ฉันกับรินนะจังกำลังจะไปห้องสมุดโรงเรียนน่ะค่ะ”
                      “ไปด้วยกันสิค่ะรุ่นพี่ทาคุมิ ไปหลายๆคนสนุกดี” รินนะจังรีบคะยันคะยอชวนรุ่นพี่ทาคุมิให้ไปด้วยกัน               “ไปสิ เราเดินไปด้วยกัน   ฉันก็กะจะไปหาหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยอ่านอยู่พอดีเลย
                      “แล้วรุ่นพี่จะสอบเข้าคณะอะไรล่ะค่ะ อย่างรุ่นพี่เนี่ยต้องเป็นคณะแพทย์ศาสตร์แน่เลย” รินนะพูดล้อเล่นกับรุ่นพี่พลางก็ดันตัวฉันให้ไปเดินข้างรุ่นพี่ทาคุมิ
                      “ใช่แล้วล่ะ ฉันจะสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์แต่ฉันจะเรียนเป็นหมอรักษาโรคหัวใจนะ             เพื่อที่ฉันจะได้ดูแลคนรักของฉันที่ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ในตอนนี้” รุ่นพี่พูดพลางหันมามองหน้าฉัน
                      ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า เหมือนหน้าของฉันกำลังแดงขึ้น ฉันเขินมากจนต้องก้มหน้าก้มตาเดินไปจนถึงห้องสมุด
       
                      ห้องสมุดโรงเรียน
                      ในห้องสมุดวันนี้มีนักเรียนมาใช้บริการน้อยมาก ฉันจึงเดินหามุมสงบๆนั่งอ่านหนังสือได้อย่างสบาย
      อารมณ์ รินนะเดินไปที่ชั้นหนังสือประวัติศาสตร์กรีก-โรมันซึ่งเป็นวิชาที่เธอชอบมาก ส่วนรุ่นพี่ทาคุมิได้แยกไปเดินหาหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างๆมาอ่าน พวกเราได้เลือกมุมอ่านหนังสือตรงที่นั่งติดหน้าต่าง
                      “ได้หนังสือหรือยังล่ะจ๊ะอสึกะจัง ฉันได้แล้วล่ะนะเป็นหนังสือเกี่ยวกับเทพเจ้ากรีก-โรมัน แล้วของ
      อสึกะจังล่ะขอดูหน่อยสิจ๊ะ
                      รินนะยื่นหนังสือที่ตัวเองหาอ่านได้ส่งให้ฉันดู พร้อมกับหยิบหนังสือที่ว่างอยู่ตรงหน้าฉันไปอ่าน
                      “เชอร์ล๊อตโฮม โอ้โห้! อ่านแต่หนังสือแนวสืบสวนสอบสวนตลอดเลยนะอสึกะจังน่ะ ” รินนะพูดไปทำท่าล้อฉันเล่นไป
                      “ได้หนังสือกันแล้วเหรออสึกะจังกับรินนะจัง ไวจังเลยนะครับ” รุ่นพี่ถือหนังสือกองใหญ่เดินตามหลังรินนะจังมาว่างที่โต๊ะ
                      “โอ้โห้!...จะอ่านไหวไหมค่ะเนี่ย”   ฉันอุทานขึ้นเมื่อเห็นกองหนังสือของรุ่นพี่ทาคุมิ
                      “อ่านไหวสิครับ ก็เป็นหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งนั้นเลย ก็ต้องเลือกสอบเข้าที่ดีๆหน่อย” รุ่นพี่พูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี
                      ในระหว่างที่เราทั้งสามคนคุยกันไป อ่านหนังสือกันไปด้วยนั้นฉันก็ได้เหลือบตามองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางดูดี ในชุดเดสสั้นสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวปะบ่า ตัวสูงกว่าฉันเล็กน้อย ดวงตากลมโต ปากแดงอมชมพูระเรื่อมองมาทางฉัน เมื่อเธอมองเห็นรุ่นพี่ทาคุมิ เธอก็รีบเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะอ่านหนังสือของเราทันที
                      “ไฮทาคุมิคุง! เธอสบายดีใช่ไหม ฉันตามหาเธอแทบตายเลยนะ คิดถึงเธอมากจนต้องรีบกลับจากอเมริกามาเลยล่ะ ”
                      ผู้หญิงคนนั้นสวมกอดรุ่นพี่ทาคุมิแบบสนิทสนมมาก ฉันได้แต่นั่งอึ้งไปซักพักก็ได้สติเมื่อรินนะสะกิดฉัน
                      “เธอเป็นใครค่ะรุ่นพี่ทาคุมิ” รินนะจังที่ยังคงมีสติดีอยู่แผดเสียงถามแทนฉันในตอนนี้
                      “ฉันเป็นคู่หมั่นของทาคุมิ คุณพ่อของทาคุมิเป็นเจ้าของบริษัทอายามะคอปเปอร์เรชั่น ซึ่งคุณพ่อของฉันเป็นหุ้นส่วนอยู่ เขาทั้งสองได้ตกลงทำสัญญากันว่าถ้าฉันกับทาคุมิเรียนจบเมื่อไร   เราจะแต่งงานกันและไปอยู่กินด้วยกันที่อเมริกา
                      “.......................” ทุกคนเงียบร่วมทั้งรุ่นพี่ทาคุมิด้วย   แต่คนที่ช็อกหนักที่สุดคงจะเป็นฉัน
                      รุ่นพี่ทาคุมิเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทอายามะคอปเปอร์เรชั่น แถมเขายังมีคู่หมั่นแล้ว แล้วเรื่องเมื่อคืนนี้ล่ะ แล้วที่เขาพูดว่าจะเรียนเป็นหมอมารักษาโรคหัวใจให้กับคนที่เขารักล่ะ โกหก เขาโกหกทั้งเพใจร้าย.....
                      มือของฉันค่อยๆอ่อนลง ร่างกายค่อยๆหมดแรง หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้น แรงขึ้น แรงจนผิดปกติฉันหอบ หายใจเร็วและแรง หน้าของฉันซีดขึ้น ตัวสั่นและเก็ง รินนะสังเกตเห็นอาการฉันทำท่าไม่ดีจึงรีบร้องตะโกนบอกทุกคน
                      “แย่แล้ว!... อสึกะจังโรคหัวใจกำเริบ อาการหนักกว่าทุกครั้งเสียด้วยสิ เร็วเรียกรถพยาบาลพาอสึกะจังส่งโรงพยาบาลที”
                      นี่เป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน สติของฉันค่อยๆหมดลงฉันจำได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้ทำให้ฉันได้พบกับรุ่นพี่ทาคุมิ คนหลอกลวง เลวที่สุดฉันเกลียด.............................
                      ที่โรงพยาบาล
                       ฉันรู้สึกปวดศีรษะมาก รู้สึกเหมือนว่ามีใครกดศีรษะของฉันไว้ รู้สึกเหนื่อยๆหายใจติดขัด หนังตาบนดูหนักๆ   ฉันค่อยๆพยายามบังคับตาให้ลืมแต่ฉันก็ไม่สามารถลืมตาได้    รู้สึกอ่อนแรงขยับร่างกายไม่ไหว แต่แล้วฉันก็รู้สึกอุ่นๆที่มือ มีคนกำลังกุมมือของฉัน กลิ่นน้ำหอมกลิ่นนี้ฉันรู้สึกคุ้นมากฉันจึงค่อยๆขยับมือและลืมตาขึ้น
                     “อสึกะจังฟื้นแล้วค่ะทุกคน อสึกะจังเป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงมากเลยนะ” รินนะจังลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง มือของรินนะกุมมือของฉันไว้แน่น   น้ำตาของรินนะไหลอาบสองข้างแก้ม
                      “ไม่เป็นไรแล้วล่ะรินนะจัง แค่รู้สึกปวดหัวมากๆเลย” ฉันตอบพลางยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่แก้มของรินนะจัง
                      “อสึกะจังไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันเป็นห่วงอสึกะจังมาก ฉันนั่งเฝ้าอสึกะจังตั้งสามชั่วโมงเลยนะ” รุ่นพี่ทาคุมิวิ่งมาจากนอกห้องพยาบาลด้วยท่าทางดีใจที่เห็นฉันฟื้น
                      “ขอบคุณมากค่ะที่เป็นห่วง แต่ฉันว่ารุ่นพี่กลับไปเถอะค่ะฉันอยากอยู่เงียบๆ ฉันอยากพักผ่อน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะเย็นชาแล้วเบี่ยงหน้าหนีรุ่นพี่ทาคุมิมองออกไปนอกหน้าต่างแทน
                      ความรู้สึกตอนนี้ของฉันมันสุดแสนจะบรรยายมันเจ็บมาก เจ็บจนไม่สามารถที่จะพูดหรือมองหน้าเขาได้ ฉันทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจที่ถูกเขาหลอก ฉันไม่มีวันให้อภัยเขาได้เด็ดขาด
                      “ขอโทษนะค่ะ ทาคุมิคุงกับรินนะจังฉันขอคุยอะไรกับเธอทั้งสองคนแป๊บนึงสิจ๊ะ คงไม่รบกวนเวลาหรอกนะอสึกะจัง” ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง แล้วเธอก็เดินจูงมือรุ่นพี่ทาคุมิกับรินนะออกจากห้องไป 
                      ในตอนนี้มีเพียงฉันอยู่ในห้องนี้คนเดียวเท่านั้น ฉันค่อยๆหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาที่อัดอั้นมานานค่อยๆไหลออกมา นี่คงเป็นครั้งแรกสินะที่ฉันร้องไห้และมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะมีน้ำตา ฉันจะไม่มีวันร้องให้เพื่อใครอีกนับจากนี้ไป
                      สักพักรินนะจังก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวลแล้วเดินเข้ามาจับมือของฉัน
                      “อสึกะจัง คือฉันว่าบางทีเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อสึกะจังอาจเข้าใจอะไรผิดก็ได้ ฉันว่าอสึกะจังลองฟังเหตุผลของรุ่นพี่ทาคุมิก่อนดีกว่านะ”
                      “ไม่    ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ฉันฟังเขามามากพอแล้ว” ฉันตอบรินนะทั้งน้ำตา
                      “แต่ถ้าอสึกะจังไม่ฟังเหตุผลของรุ่นพี่ทาคุมิ    อสึกะจังนั่นแหละที่จะเสียใจตลอดชีวิต” รินนะแย้ง
                      เงียบ ฉันไม่ตอบอะไร ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมห้องที่เราอยู่ ฉันหันหลังให้รินนะจังพร้อมกับหลับตาลง และปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันแทน
                                     
       
                      2 สัปดาห์ผ่านไป
                      ที่โรงเรียน
                      ฉันไม่ได้พบหน้ารุ่นพี่ทาคุมิมา 2 สัปดาห์เต็มๆแล้ว รุ่นพี่มาคอยตามง้อและขอโทษฉันตลอดในช่วงระยะเวลาแรกๆ แต่ฉันก็หลบหน้ารุ่นพี่ตลอดรวมทั้งหลบหน้ารินนะจังด้วย เพราะฉันรู้ว่ารินนะจังต้องขอให้ฉันไปพบรุ่นพี่ทาคุมิแน่ะๆ ตอนนี้ฉันยังโกรธรุ่นพี่อยู่มากและฉันก็ยังคงทำใจไม่ได้ที่ถูกหลอก ฉันจึงไม่อยากพบหน้าใคร
                      “ขอโทษนะ อสึกะจังใช่ไหม” มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังของฉัน ฉันจึงหันหน้าไปมอง แล้วฉันก็ต้องแปลกใจเพราะคนที่เรียกฉันคือคู่หมั่นของรุ่นพี่ทาคุมิ
                      “เออ คุณมีอะไรกับฉันเหรอค่ะ?” ฉันถามด้วยความแปลกใจ
                      “ฉันชื่ออลิสจ๊ะ ฉันต้องการปรับความเข้าใจกับเธอ”
                      “กับฉันนี่เหรอค่ะ!” ฉันถามพลางใช้มือชี้หน้าตัวเอง
                      “ใช่จ๊ะ คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนนั้น ฉันจะบอกกับอสึกะจังว่าเธอกำลังเข้าใจทาคุมิคุงผิดไปนะ ฉันไม่ใช่คู่หมั่นเขาหรอกฉันเป็นญาติกับเขาต่างหาก”
                      “เป็นญาติเหรอค่ะ?” ฉันถามด้วยความสงสัย
                      “ใช่ ฉันเป็นญาติกับทาคุมิ ฉันสนิทกับเขามากและชอบแกล้งเขาอย่างนี้แหละเวลาที่เขาคุยกับผู้หญิงน่ะ”
                      “สรุปก็คือ ฉันเข้าใจผิดเหรอค่ะ”
                      “ใช่ เธอกำลังเข้าใจผิดมากเลยล่ะ เธอรู้ไหมว่าทาคุมิคุงชอบเธอมากแค่ไหน ฉันเห็นท่าทางของเขาวันนั้นแล้วรู้สึกผิด ที่แกล้งเขาแรงไปก็เลยตั้งใจมาขอโทษเธอ และปรับความเข้าใจกับเธอ” อลิสสีหน้าสลดลง ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ยอมฟังเหตุผลใคร
                      “คุณไม่ผิดหรอกค่ะคุณอลิส ฉันสิค่ะที่ผิดที่หัวดื้อ รั้นไม่ยอมฟังใคร” ฉันจับมือของอลิสมากุม แล้วยิ้มให้กับเธอ
                      “ขอบคุณนะค่ะที่เข้าใจ พรุ่งนี้อย่าลืมเรื่องที่สัญญากับทาคุมิคุงนะค่ะ ฉันกลับก่อนล่ะค่ะ”
      อลิสพูดพร้อมกับลุกขึ้นและเดินไปขึ้นรถเฟอรารี่สีแดงสดที่จอดรอเธออยู่ ฉันมองดูเธอจากไปและนึกถึงสัญญาที่ฉันให้ไว้กับรุ่นพี่ทาคุมิ ครบหนึ่งเดือนแล้วสินะ ที่ฉันสัญญาไว้กับรุ่นพี่ทาคุมิ ฉันตั้งใจแล้วว่าฉันจะไปหาเขาและขอโทษเขาไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
       
                      วันรุ่งขึ้น
                      ที่โรงเรียน
                      วันนี้อากาศดีมาก ไม่มีแดดเท่าไร ฉันนั่งมองดูเพื่อนๆที่กำลังซ้อมวิ่งกันอย่างสนุกสนานอยู่ใต้ร่มเงาของต้นสนใหญ่ มีเพียงฉันเท่านั้นที่ไม่ได้วิ่งด้วยเนื่องจากฉันถูกสั่งห้ามวิ่ง เพราะครูพละกลัวว่าฉันจะมีอาการของโรคหัวใจกำเริบ ฉันจึงเป็นคนเดียวที่ได้นั่งพัก  
                      “รินนะจังเหนื่อยไหม พักดื่มน้ำก่อนนะ”
                      “ขอบใจจ๊ะ นี่อสึกะจังหมดชั่วโมงนี้แล้วอสึกะจังจะไปหารุ่นพี่ทาคุมิหรือเปล่าให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” รินนะจังหยิบแก้วน้ำจากมือของฉันพร้องนั่งลงข้างๆ
                     “ไม่เป็นไรหรอกรินนะจัง ฉันไปคนเดียวได้ในเมื่อฉันเป็นคนผิดฉันก็ต้องขอโทษรุ่นพี่ด้วยตัวของฉันเองสิ”
                      รินนะจังจับมือของฉันมากุมไว้ “ฉันดีใจนะที่อสึกะจังเข้าใจกับรุ่นพี่แล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่จะเสียใจก็คือตัวของอสึกะจังเองนั่นแหละ”
                      “ขอบคุณมากๆเลยนะรินนะจังที่คอยเตือนสติฉัน” ฉันขยับตัวเข้าไปโอบกอดรินนะ สำหรับฉันรินนะคือเพื่อนที่ดีที่สุดและเป็นคนที่สำคัญกับฉันมาก และฉันก็จะรักษาเพื่อนที่ดีของฉันตลอดไป
                                     
       
       
                      ที่ห้องพยาบาล
                      วันนี้ที่ห้องพยาบาลเงียบมากเหมือนไม่มีคนอยู่ ฉันจึงเดินสำรวจรอบห้องพยาบาลแต่ไม่พบใครเลย ฉันจึงตัดสินใจเดินกลับมาอ่านรายชื่อครูเวรประจำห้องพยาบาลวันนี้
                      “ครูเวรประจำห้องพยาบาลวันนี้คือรุ่นพี่มัธยมปลายปี3 ห้อง4 ชื่อ อิชิโนเสะ ทาคุมิ เออ แล้วรุ่นพี่ไปไหนล่ะ?” ฉันแปลกใจมากที่วันนี้เป็นเวรของรุ่นพี่แต่ฉันกลับไม่พบรุ่นพี่ทาคุมิเลย
                      “เออ ไม่ทราบว่าเธอมาหาใครเหรอจ๊ะ”
      มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของฉัน ฉันตกใจมากรีบหันกลับไปมองด้วยอาการลุกลี้ลุกลน
                      “ค่ะ ฉันมาหารุ่นพี่ทาคุมินะค่ะ คือไม่ทราบว่ารุ่นพี่ไปไหนเหรอค่ะ” 
                      “อ๋อทาคุมิคุงน่ะเหรอ กลับไปแล้วล่ะจ๊ะเห็นบอกว่ามีธุระสำคัญต้องรีบไปทำด่วน ครูเลยอนุญาตให้กลับไปก่อนน่ะจ๊ะ”
                      “เออ ไม่ทราบว่ารุ่นพี่ทาคุมิกลับไปนานหรือยังค่ะ” ฉันรีบถามด้วยความอยากรู้
                      “ก่อนหน้าเธอประมาณ 2-3 นาทีเอง รีบตามไปสิ ถ้ารีบไปตอนนี้คงทันอยู่นะ” คุณครูแนะนำฉันพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างเข้าใจ
                      “ขอบคุณมากค่ะคุณครู” ฉันกล่าวลาคุณครูและรีบวิ่งออกจากห้องพยาบาลออกไป
                     
                      ฉันออกวิ่งตามหารุ่นพี่ทาคุมิจนรู้สึกเหนื่อยมาก ฉันหายใจแรงและเร็วจนดูเหมือนว่าฉันกำลังหอบ ฉันจึงหยุดตามหารุ่นพี่ทาคุมิและนั่งพักที่ม้านั่งข้างทางใต้ต้นซากุระที่ดอกได้ผลิบานชูช่อสวยงาม หล่นร่วงลงมาตามกระแสลมที่พัดเบาๆอยู่ในตอนนี้ ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ
                      “หนึ่งทุ่มกว่าๆแล้วสินะ อากาศที่นี่หนาวจังแล้วฉันจะลุกขึ้นยื่นไว้ไหมนะ” ฉันบ่นกับตัวเอง 
                      ฉันค่อยๆพยุงร่างกายให้ลุกขึ้น พลางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว วันที่ฉันกับรุ่นพี่ทาคุมิได้พบกันและเป็นวันที่ฉันได้รู้จักกับความรักเป็นครั้งแรก ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ก็มีมือของใครบางคนมาประคองร่างกายของฉันที่กำลังยืนขึ้นอยู่ให้ทรงตัวได้
                      “ขอบคุณมากค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณคนคนนั้นโดยที่ยังไม่ทันได้มองหน้าของเขาด้วยซ้ำ
                      “ไม่เป็นไรครับ อสึกะจังเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เสียงนี้ฟังดูคุ้นหูของฉันมาก ฉันจึงรีบเงยหน้าขึ้นมองที่ต้นเสียง
                      “รุ่นพี่ทาคุมิ!” ฉันอุทานด้วยความตกใจ “เออ รุ่นพี่กลับบ้านไปแล้วไม่ใช่เหรอค่ะ”
                      “ใครบอกว่าฉันจะกลับบ้านล่ะ ฉันมารออสึกะจังต่างหากล่ะ ฉันเชื่อนะว่าอสึกะจังจะรักษาสัญญา”
                      “แต่ถ้าฉันไม่มารุ่นพี่ก็ต้องคอยเกลอนะค่ะ” ฉันรีบแย้ง
                      “แต่ฉันมั่นใจว่าอสึกะจังจะมาและอสึกะจังก็มาจริงๆ ฉันดีใจมากเลยนะที่อสึกะจังมา” รุ่นพูดด้วยความดีใจ แววตาของรุ่นพี่ดูสดใสมาก  
                      “ฉันขอโทษด้วยค่ะ ที่ฉันเข้าใจรุ่นพี่ผิดไป ที่ฉันไม่ฟังเหตุผลของใครและทำให้รุ่นพี่ต้องเสียใจ ฉันขอโทษจริงๆค่ะ” ฉันพูดด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
                      เงียบ รุ่นพี่ไม่ตอบอะไรแต่ดึงฉันเข้าไปกอดแทน ฉันรู้สึกดีใจมากที่ถูกโอบกอดจากคนที่ฉันรักและเขาก็รักฉัน มันคือสิ่งที่พิเศษที่สุดสำหรับฉันในตอนนี้
                      “อสึกะจังขี่หลังฉันกลับบ้านนะ เดียวฉันไปส่งเธอเอง” รุ่นพี่พูดพร้อมกลับหันหลังให้ฉันขึ้นหลัง
                      ถนนสายนี้ในคืนนี้ดูสวยมาก สวยกว่าทุกวันที่ฉันเดินผ่าน ดอกซากุระร่วงหล่นไปตามทางเดินที่เราสองคนเดินผ่าน คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงเหมือนวันนั้น ลมเย็นๆพัดผ่านเราสองคนไป ถนนสายนี้มีเพียงฉันกับรุ่นพี่ทาคุมิเท่านั้นที่เดินอยู่ เหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อนย้อนเข้ามาในภาพความทรงจำของฉัน แต่ต่างกันตรงที่วันนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าหัวใจของฉันต้องการอะไร และฉันก็ไม่มีวันทิ้งความต้องการของใจฉันไปอีกแล้ว ฉันจะเป็นยายหัวดื้อตัวร้ายของคุณชายผู้แสนดีคนนี้คนเดียว 
       
                      1 ปีผ่านไป (ไวเหมือนอ่านนิยาย)
                      ลมเบาๆพัดผ่านร่างกายของฉันไป ดอกซากุระที่บานเต็มที่แล้วร่วงหล่นลงมาตามกระแสลมที่พัดผ่าน บรรยากาศ แบบนี้ทำให้ฉันหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อน   อดีตที่เต็มไปด้วยความสุขและความทรงจำที่ไม่มีวันลืม ตอนนี้ฉันกำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลายปี 3 ห้อง 4 ห้องที่ใครคนหนึ่งเคยเรียนและเขาก็เป็นคนที่สำคัญสำหรับฉันมาก ฉันหันไปหยิบจดหมายและรูปถ่ายที่รุ่นพี่ทาคุมิส่งมาให้จากประเทศออสเตรเลียขึ้นมาอ่าน ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านไปนานเพียงใด แต่ฉันกับรุ่นพี่ทาคุมิก็จะยังคงรักกันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
                      “อสึกะจังมาหลบอยู่นี่เอง รู้ไหมว่าฉันตามหาซะทั่วเลยนะ” เสียงของใครคนหนึ่งปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์แห่งฝัน ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองที่ต้นเสียง
                      “ขอโทษจ๊ะรินนะจัง พอดีฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อยก็เลยเดินเลยมาเรื่อยๆน่ะ”
                      “คิดถึงรุ่นพี่ทาคุมิอยู่ใช่ไหมล่ะ” รินนะพูดล้อพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ฉัน
                      “เออ แล้วรินนะจังมีอะไรกับฉันเหรอ” ฉันแสร้งทำเป็นไม่ตอบ
                      “ก็วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนประกาศรายชื่อนักเรียนที่สอบติดมหาวิทยาลัยในต่างประเทศไม่ใช่เหรอ 
      อสึกะจังไม่ไปตรวจสอบดูรายชื่อหรือไงจ๊ะ
                      “อุ้ย! จริงด้วยสิฉันลืมไปเลย งั้นเราไปกันเถอะรินนะจัง” ฉันพูดพร้อมกับรีบเก็บซองจดหมายใส่ในแฟ้มเก็บเอกสาร แล้วจับมือรินนะพารินนะวิ่งกลับเข้าไปในโรงเรียน
      .....................................................................................................
       
                      “อสึกะจัง มาดูรายชื่อตรงนี้สิ” รินนะจังตะโกนเรียกฉันอยู่ที่บอร์ดประกาศรายชื่อ
                      “มีอะไรเหรอรินนะจัง”
                      “ดูนี่สิ ชื่อของอสึกะจังติดอยู่ที่บอร์ดนักเรียนที่ได้ทุนไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียด้วยล่ะ”
                      “จริงเหรอรินนะจัง! ขอดูหน่อยสิ” ฉันพูดด้วยความดีใจ
                      “ว้าว! อย่างนี้อสึกะจังกับรุ่นพี่ทาคุมิคุงก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วสินะ”
                      “ไม่แน่หรอกนะ ฉันอาจจะไม่ได้สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับรุ่นพี่ทาคุมิก็ได้”
                      “ไม่หรอกอสึกะจัง เธอสอบติมหาวิทยาลัยเดียวกับทาคุมิคุงรู้ไหม” เสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของเราสองคน ฉันกับรินนะจึงรีบหันกลับไปมอง
                      “คุณครูใหญ่รู้ได้อย่างไรค่ะว่า อสึกะจังสอบติดที่มหาวิทยาเดียวกับรุ่นพี่ทาคุมิ” รินนะรีบถามด้วยความอยากรู้    
                      “ก็เมื่อวานก่อนทางมหาวิทยาลัยติดต่อมาน่ะสิ แล้วเขาก็บอกกับฉันว่าจะให้รุ่นพี่ที่มาเรียนอยู่ที่นั่นค่อยดูแลเธอด้วย ฉันก็เลยถามชื่อเขาไปว่าคนที่จะดูแลเธอชื่ออะไร เขาก็ตอบว่าชื่ออิชิโนเสะ ทาคุมิน่ะ”
                      “แล้วมีฉันสอบติดเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยนี้คนเดียวเหรอค่ะครูใหญ่”
                      “ก็คงประมาณนั้น เห็นตอนสอบมีสอบไปประเทศออสเตรเลีย 10 คน แต่พอผลออกมาก็ติดทั้ง 10 คนนั่นแหล่ะ แต่ทำไมดันได้คนละมหาวิทยาลัยกันทุกคนเลย ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ” 
                      “ขอบคุณมากค่ะ คุณครูใหญ่” ฉันกับรินนะพูดเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน
                      “ไม่เป็นไร เออ! วันพรุ่งนี้เป็นวันจบการศึกษาของพวกเธอ ฉันอยากให้เธอ อสึกะจังออกไปกล่าวอะไรบนเวทีซักเล็กน้อย เธออย่าลืมเตรียมบทพูดมาล่ะ”
                      “ค่ะ ได้ค่ะฉันจะเตรียมบทพูดมา และฝึกซ้อมพูดมาอย่างดีค่ะ” ฉันรีบตอบด้วยความดีใจ
                      “นี่! อสึกะจังไปเรียนที่นู้นแล้วอย่าลืมฉันนะ”
                      “ไม่มีวันที่ฉันจะลืมรินนะจังเพื่อนที่แสนดีของฉันได้หรอก” ฉันพูดพร้อมกับโอบกอดรินนะจังเพื่อนรักของฉัน
       
                      วันจบการศึกษา
                      วันนี้ฉันมาโรงเรียนเช้ามาก ฉันพึ่งรู้ว่าเช้าๆแบบนี้อากาศจะสดชื่นเป็นพิเศษ ฉันมองไปรอบๆบริเวณโรงเรียนก็เห็นดอกซากุระผลิบานอยูเต็มไปหมด วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่ฉันกับรุ่นพี่ทาคุมิได้คบกัน ฉันจำภาพเหตุการณ์วันนั้นได้ดี วันที่ฉันขี่หลังรุ่นพี่ทาคุมิเดินไปตามทางเดินแห่งนี้ มันเป็นความทรงจำที่ฉันไม่อาจลืมได้
                      “อสึกะจัง! วันนี้มาโรงเรียนแต่เช้าเลยนะ” รินนะจังตะโกนเรียกฉันจากข้างหลัง แล้ววิ่งเข้ามาหาฉันด้วยความดีใจ
                      “อ้าว! รินนะจังก็มาโรงเรียนแต่เช้าเหมือนกันนี่” ฉันพูดล้อรินนะ
                      “ก็ฉันตื่นเต้นนี่  พอคิดว่าฉันกำลังจะจากโรงเรียนนี้ไปก็ใจหายมากเลย ฉันคงคิดถึงโรงเรียนนี้แย่เลยล่ะ”
                      “ฉันก็เหมือนกับรินนะจังนั่นแหละ พอคิดว่าจะจบแล้วฉันก็รู้สึกเสียใจที่จะต้องจากโรงเรียนนี้ไปเหมือนกัน แต่พอมาคิดว่าสักวันอย่างไรเราก็ต้องจากไปอยู่ดี ฉันก็เลยทำใจได้น่ะ” ฉันพูดให้กำลังใจกับรินนะ
                      “ขอบคุณนะอสึกะจัง ถ้าไปอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียอย่าลืมติดต่อมาหาฉันบ้างนะ”
                      “ได้จ๊ะ ฉันจะส่งอีเมล์กับโปสการ์ดมาให้รินนะจังทุกเดือนเลย”
                      “ดีมาก” รินนะยิ้มแล้วจับมือฉันพาวิ่งเข้าไปในโรงเรียน
       
                      หลังจากพิธีจบการศึกษาเสร็จสิ้น ฉันกับรินนะจังก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ฉันเดินมาตามทางเดินที่ฉันกับรุ่นพี่ทาคุมิเคยเดินด้วยกัน ฉันมาหยุดพักอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นซากุระต้นหนึ่ง ลมเย็นๆได้พัดผ่านตัวของฉันไปทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก วันนี้บริเวณทางเดินแห่งนี้ดูเงียบสงบมาก ปราศจากผู้คนสัญจร  ทำให้ฉันรู้สึกดีที่ได้อยู่ตามลำพังคนเดียว
                      “อากาศที่นี่ดีจัง อยากให้รุ่นพี่ทาคุมิมาอยู่ด้วยจังเลย” ฉันพูดกับตัวเอง พลางเหลือบไปมองที่นาฬิกาข้อมือ
                      “พึ่งจะหกโมงกว่าๆเอง รอให้ถึงเวลาเย็นกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อยกลับบ้านละกัน” 
                      ฉันหยิบรูปของรุ่นพี่ทาคุมิที่ส่งมาให้จากประเทศออสเตรเลียขึ้นมาดู ฉันไม่รู้ว่าฉันนั่งดูรูปอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว แต่แสงจันทร์ที่ส่องมายังหน้าของฉันทำให้ฉันต้องก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง
                      “โอ้! หนึ่งทุ่มแล้วหรือนี่ ไวจังเลยรีบกลับบ้านดีกว่า” ฉันรีบเก็บรูปของรุ่นพี่ทาคุมิใส่กระเป๋า แล้วเตรียมลุกเดินกลับบ้าน แต่มือของใครคนหนึ่งได้ดึงมือของฉันไว้
                      “จะกลับแล้วเหรอครับอสึกะจัง” เสียงนี้ฟังดูคุ้นๆมากฉันจึงรีบหันกลับมามองที่ต้นเสียง
                      “รุ่นพี่ทาคุมิ!” ฉันอุทานด้วยความตกใจ “รุ่นพี่มาได้อย่างไรค่ะ ฉันดีใจมากเลยที่วันนี้รุ่นพี่ทาคุมิมาที่นี่” ฉันพูดแล้วโผเข้ากอดรุ่นพี่ทาคุมิ
                      “เพราะฉันจำได้น่ะสิว่าวันนี้เป็นวันอะไร ฉันไม่มีทางลืมสัญญาได้หรอกนะ”
                      “ขอบคุณมากค่ะรุ่นพี่ที่มา ฉันดีใจมากเลยรู้ไหมค่ะที่ได้เจอรุ่นพี่อีกครั้ง”
                      “รู้สิ ฉันดีใจด้วยนะอสึกะจังที่เรียนจบแล้ว ขอแสดงความยินดีกับอสึกะจังด้วยที่สอบติดที่มหาวิทยาลัยในประออสเตรเลีย”
                      “เป็นเพราะฉันคิดถึงรุ่นพี่และอยากพบกับรุ่นพี่ทาคุมิมากๆ ฉันจึงมีความพยายามและตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบให้ติดน่ะค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับคล้ายอ้อมกอดจากรุ่นพี่ทาคุมิ
                      “ฉันดีใจมากที่รู้ว่าอสึกะจังสอบติดที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับฉัน และที่สำคัญทางมหาวิทยาลัยมอบหมายให้ฉันดูแลอสึกะจัง ทำให้ฉันรู้สึกดีมากที่จะได้อยู่ใกล้กับอสึกะจัง”
                      “ฉันก็ดีใจมากค่ะที่จะได้อยู่ใกล้กับรุ่นพี่” ฉันตอบทั้งน้ำตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ
                      “อสึกะจังอย่าร้องไห้สิ” รุ่นพี่ทาคุมิยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่แก้มของฉัน
                      “ก็ฉันดีใจนี่ค่ะ” ฉันเถียง
                      “เอ้า ขึ้นหลังฉันสิ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง”
                      ฉันยืนเก้ๆ กังๆ อยู่สักพักก็ตัดสินใจขึ้นหลังของรุ่นพี่ทาคุมิ
                      “ไปล่ะนะอสึกะจัง กอดแน่นๆล่ะ” รุ่นพี่ทาคุมิหันมาพูดกับฉัน ฉันยิ้มให้กับรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
       
                      ทางเดินนี้เป็นทางเดินของเราสองคน ในค่ำคืนนี้มีเพียงฉันกับรุ่นพี่ทาคุมิเท่านั้นที่เดินอยู่บนถนนสายนี้ ความรักของเราสองคนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น จากนี้ไปต่างหากล่ะที่จะเป็นความรักที่แท้จริงของเรา ใครจะรู้ว่าเด็กม.ปลายอย่างฉัน ที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ในตอนนี้กลับมีความรักเบ่งบานอยู่เต็มหัวใจ และเป็นความรักที่จะสานต่อไปตราบสิ้นลมหายใจ
                      “ความรักคือการรอคอย หากเราอดทนรอมันได้นานเท่าไร เราก็จะได้มาซึ่งรักที่แท้จริงมากเท่านั้น”
      ฉันเชื่อในคำพูดประโยคนี้
       
                     
       
       
                             

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×