ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :: เพลงใบไม้ ::

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่เก้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 107
      0
      14 มี.ค. 48

    บทที่09



                      เวลาล่วงเลยไปนับอาทิตย์หลังจากการนัดหมายที่คลาดเคลื่อนของวริตฐาและรติพัทธ์ ยังผลให้ความรู้สึกของเด็กหญิงปุยฝ้ายต่อเด็กชายนทีค่อย ๆเลือนลงไปตามกาลเวลา  ในช่วงดังกล่าวคนทั้งสองแทบไม่มีโอกาสได้พูดคุยพบหน้ากันสักเท่าไหร่ แม้หลังจากวันนั้นชายหนุ่มพยายามติดต่อไปหาวริตฐาเพียงใด หากเหมือนหนทางการสื่อสารของคนทั้งคู่ได้ปิดตายลงซะเฉย ๆ การไม่รับโทรศัพท์และตอบรับข้อความที่เขาส่งผลไป ยังไม่แย่เท่ากับการที่ได้พบหน้ากันในห้องประชุมแล้วหญิงสาววางเฉย พูดคุยตอบรับกับเขาเพียงแค่ผู้ร่วมงานตามปกติ และเลี่ยงโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันสองคน  รติพัทธ์เองถึงแม้จะติดงานที่ต้องเดินสายไปโปรโมตจนแทบไม่มีเวลาพัก หากชายหนุ่มก็ตั้งใจที่จะคืนดีกับหญิงสาวให้ได้

        

                   หนังสือท่องเที่ยวกองโตถูกวางลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรงกว่าเพื่อจะเรียกความสนใจจาก หญิงสาวผมยาวที่นั่งเขียนงานอยู่ให้หันมามอง

                   “ เอ้านี่หนังสือแหล่งท่องเที่ยวที่ปุยฝ้ายจะเอา  ที่บ้านเรามีอยู่เต็มเลย  ถ้าเลือกได้ยังไงก็บอกนะ คิดว่าคงช่วยหาข้อมูลได้พอดู  จะได้ให้ฝ่ายสถานที่เค้าต่อ ” กุลวรินทร์พูดพลางเลื่อนเก้าอี้ที่ว่างใกล้ ๆมานั่งด้วย

                  “ ขอบใจมากเลยนะกุล  ดีที่ได้กุล ไม่งั้นฝ้ายต้องออกไปซื้อเอง คงหมดตังเยอะแน่ ” วริตฐาเอ่ยขอบคุณด้วยความจริงใจ หลังจากคุยกับเพื่อนสนิทเรื่องที่จะวางพล็อตเนื้อเรื่องของโฆษณาให้ไปตามจุดต่าง ๆที่เป็นที่ท่องเที่ยวของประเทศ ตามบริเวณเครือข่ายสัญญาณที่เพิ่งไปถึงของบริษัทลูกค้า เพื่อนสาวก็กุลีกุจอช่วยหาข้อมูลให้อย่างเต็มใจ

                 “ เรื่องเล็ก  พี่ชายเราเค้าเป็นพวกชอบเที่ยวอยู่แล้ว แบ็คแพกน่ะ ไปกะกลุ่มเพื่อน ๆขึ้นเขามั่ง ดำน้ำมั่ง  วันหยุดไหนอยู่บ้านนะ ฝนตกใหญ่แน่ ๆ ” สาวผมสั้นพูดถึงพี่ชายร่างใหญ่ที่วริตฐาเคยเจออยู่หลายครั้ง พี่กันตามที่หญิงสาวทังสองเรียกออกจะเป็นแนวลุย ๆถึงไหนถึงกัน เคราหนวดเขียมครึ้มเกือบตลอดเวลาดูเหมาะกับกิจกรรมยามว่างของเขาอย่างกลมกลืน

                “ งานอดิเรกของพี่กุลนี่ ดีออกฝ้ายจะได้ขอคำปรึกษาง่าย ๆ ”

                “ ก็ใช่ละนะ  แต่หวังว่าคงไม่แนะนำปุยฝ้ายให้ไปเดินป่าดูโลเกชั่นด้วยนา  เออปุยฝ้ายแล้วเรื่องนายนทีเป็นไงมั่ง หลังจากนั้นได้คุยกันบ้างรึยัง ” ฝ่ายถามชะโงกหน้ามาใกล้ ๆรอฟังคำตอบ คนถุกถามเห็นแล้วเลยวางดินสอกดในมือ ถอนใจน้อย ๆก่อนตอบ

                  “ ก็ไม่หรอก  ฝ้ายไม่อยากจะคุยด้วย บอกตรง ๆนะก่อนนี้ฝ้ายเคยคิดจะยกโทษให้เค้าเหมือนกัน  แต่มาเจอแบบนี้อีกฝ้ายก็ไม่ไหว ... ”

                  คนถามได้แต่นั่งมองหน้าเพื่อนที่ก้มลง ก่อนจะชวนคุยอีกเพียงเล็กน้อยให้เพื่อนเตรียมพรีเซนต์งานสำหรับการประชุมในตอนบ่าย



                 ห้องประชุมขนาดกลางของบริษัทวันนี้มีผู้คนมากกว่าปกติเล็กน้อย ตัวแทนฝ่ายต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับงานโฆษณาชิ้นใหญ่เข้าร่วมกันครบทุกคน รติพัทธ์ที่มาถึงก่อนเวลาเล็กน้อยพยายามมองหาวริตฐาเพื่อจะเข้าไปหาโอกาสคุยด้วย หากหญิงสาวมาถึงห้องพอดีกับเวลาเริ่มจึงไม่มีโอกาส การประชุมเริ่มต้นด้วยการแนะนำคนที่ทางบริษัทค่ายเพลงเลือกให้มาเป็นนางเอกในงานชิ้นนี้พร้อม ๆกับที่เจ้าตัวมาถึงห้องประชุมพอดี พิณนภัส นางแบบสาวที่กำลังมาแรงเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดสุภาพหากยับเย็บเข้ารูปและเป็นแบรนด์ชั้นนำบ่งบอกฐานะคนสวมใส่ได้อย่างดี

                 ริมฝีปากบางฉาบสีชมพูเรื่อ ๆเอ่ยขอโทษที่ประชุมที่มาสายและยกมือไหว้อย่างมีมารยาทเรียกคะแนนจากผู้เข้าร่วมประชุมไปได้ไม่น้อย พิณนภัสมองมาทางรติพัทธ์แล้วยิ้มให้น้อย ๆ ชายหนุ่มยิ้มตอบตามมารยาทพลางนึกออกเรื่องที่ได้พบกันในสตูดิโอเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

                หลังจากนั้นก็ถึงคราวที่วริตฐาออกไปพรีเซนต์ตัวโปรเจค รวมถึงเรื่องกำหนดการถ่ายทำตามที่ทางค่ายเพลงกำหนดมาให้ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในเร็ววัน หญิงสาวกล่าวรายงานพร้อมตอบข้อซักถามสองสามข้อแล้วจึงมีเบรกของว่าง พอได้จังหวะวริตฐาก็ขอตัวไปห้องน้ำ รติพัทธ์ที่เห็นจึงรีบเดินตามไปทันที

               “ ปุยฝ้ายเดี๋ยวก่อนสิ  ผมขอคุยด้วยหน่อยได้รึเปล่า ” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้หญิงสาวชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะหันหน้ากลับมาช้า ๆ

                 “ ผมอยากอธิบายเรื่องวันนั้น  ผมติดงานจริงๆเลยไปสาย ไปถึงปุยฝ้ายก็กลับไปก่อนแล้ว ผมขอโทษจริง ๆ  มันเป็นงานด่วน ถามพี่ปรารถนาก็ได้นะครับ ” รอยอ้อนวอนในแววตาของเขาชวนเธอคิดถึงเด็กชายนทีตัวน้อยในสมัยก่อน

                   “ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ช่างมันเถอะค่ะ ยังไงดิชั้นขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนจะดีกว่า  ใครมาเห็นคุณรติพัทธ์ยืนพูดอยู่หน้าห้องน้ำหญิงแบบนี้คงไม่เหมาะ ” นำเสียงและคำพูดแสดงความห่างเหินที่ข่มกลั้นความรู้สึกได้ชัดเจน ก่อนที่หญิงสาวจะเบือนหน้าที่ไม่กล้าสบตานั้นหนีและผลักเข้าประตูห้องน้ำไป ทิ้งให้ชายหนุ่มได้แต่มองตาม แต่แค่นี้เขาไม่มีทางยอมถอยแน่

                   “ รู้จักกับคุณวริตฐามาก่อนเหรอคะ ” น้ำเสียงใสจากด้านหลังเรียกให้ชายหนุ่มหันกลับไปหา พิณนภัสที่ยืนอยู่ไม่ไกล

                   “ อ้อคุณพิณนภัส   ครับเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กน่ะครับ  พอดีมีเรื่องเข้าใจกันผิดนิดหน่อย ”

                  “ ค่ะ ดีจังมีเพื่อนสมัยเด็กที่นี่  พิณเรียนอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ฏ ไม่ค่อยมีเพื่อนในเมืองไทยเท่าไหร่เลยค่ะ  เพื่อนคนไทยที่สนิท ๆมีอยู่แค่3-4คนเอง  อ้อเรียกพิณว่าพิณก็ได้นะคะสั้นกว่าชื่อเต็ม   ไหนๆเราก็จะต้องทำงานร่วมกันแล้วยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการค่ะ ” มือเรียวขาวยื่นมาตรงหน้า ชายหนุ่มจึงยื่นมือไปเชคแฮนตามวัฒนธรรมของประเทศที่ทั้งคู่สำเร็จการศึกษามา

                   “ ยินดีที่ได้รูจักเช่นกันครับ  ผมยังค่อนข้างใหม่ในวงการยังไงก็ฝากตัวด้วย ”

                   “ พิณเองก็เหมือนกันค่ะ เคยแต่งานถ่ายแบบกับเดินแบบ เรื่องงานแสดงยังไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน ” นางแบบสาวรุ่นน้องชวนคุยต่อไปไม่กี่ประโยค วริตฐาที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็ผ่านมาพอดี พิณนภสยิ้มให้อย่างเป็นมิตรหญิงสาวจึงยิ้มตอบ หากรติพัทธ์ไม่ทันเอ่ยอะไร สาวผมยาวก็เดินก้าวยาวๆผ่านไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

                   “ เป็นเพื่อนกัน เข้าใจผิดกันเดี๋ยวก็ดีกันเองแหละค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก ”

                    “ ผมก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นครับ ” ชายหนุ่มมองตามร่างบางที่ลับเข้าห้องประชุมไปพลางถอนใจน้อย ๆ หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆมองตามพลางครุ่นคิดบางอย่างในใจ



                     เสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายที่ประตูไม้ของร้านกาแฟดังขึ้น เจ้าของร้านที่กำลังจัดเค้กที่เพิ่งอบเสร็จมาใส่ตู้เงยหน้าขึ้นพลางร้องทัก

                    “ อ้าวคุณฝ้ายไม่เห็นตั้งหลายวัน กำลังนึกถึงอยู่พอดีเลยครับ ”

                    “ พอดีช่วงนี้งานฝ้ายเยอะมากเลยค่ะ  เลยไม่มีเวลาแวะมาเลย  นั่นเค้กใหม่เหรอคะ ” หญิงสาวในชุดลำลองสีเขียวอ่อนมองตามมือของกัณฑ์ที่บรรจงวางเค้กสีน้ำตาลออกส้มชิ้นใหญ่ ที่ประดับด้านบนด้วยผลส้มฝานบาง ๆและชอกโกแลตประดับไว้สวยงามที่ตู้โชว์

                   “ ครับ เค้กส้ม มาตาเค้าเห็นในหนังสือเลยร้องอยากทาน พอผมทำแล้วติดใจใหญ่ เลยคิดว่าจะเอามาขายหน้าร้านดูบ้าง ” หนุ่มใหญ่กล่าวยิ้ม ๆถึงลูกสาวตัวน้อย ที่เป็นที่รู้จักของลูกค้าประจำของร้านกาแฟเล็ก ๆแห่งนี้

                  “ ไม่เจอน้องมาตาตั้งนานแล้วนะคะ  คงโตขึ้นเยอะ  ...ถ้ายังไงฝ้ายขอกาแฟเหมือนเดิม กับลองเค้กนี้สักชิ้นแล้วกันค่ะ ” หญิงสาวกล่าวพลางเดินผ่านชั้นหนังสือซึ่งบางครั้งเธอจะมาเลือกไปนั่งอ่านที่โต๊ะ ก่อนจะวางหนังสือนำเที่ยวและแฟ้มงานเล็กๆลงที่โต๊ะข้างหน้าต่างตัวโปรด

                    ไม่นานนักกลิ่นกาแฟหอมกลุ่มพร้อมเค้กส้ม ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ เจ้าของร้านชวนคุยเล็กน้อยเมื่อวางจานเค้กลงบนโต๊ะ “ คุณฝ้ายจำเพลงที่เคยบอกผมเมื่อครั้งที่แล้วได้มั้ยครับ ที่เป็นเสียงเพลงใบไม้ขึ้นเพลงน่ะครับ  ผมลองเอามาเปิดในร้าน ลูกค้าถามถึงกันหลายคน คนที่วัยรุ่นหน่อยก็บอกว่ากำลังดังเลย เห็นท่าผมต้องเปลี่ยนแนวเพลงเปิดในร้านเอาก็คราวนี้ละมั้ง ”

                    หญิงสาวยิ้มน้อย ๆก่อนตอบไปเพียงไม่กี่คำ พอเจ้าของร้านเดินกลับไปเธอก็ชิมเค้กตรงหน้า พอได้รับกลิ่นหอมอ่อน ๆและรสหวานของเนื้อเค้กนุ่มไปได้สองสามคำ  วริตฐาก็เริ่มเขียนงานต่อ  จังหวะเดียวกับที่ซีดีเพลงที่เปิดอยู่ของร้านขาดช่วงไป เจ้าของจึงหยิบซีดีเพลงที่เพิ่งพูดถึงออกมาเปิด เสียงเพลงใบไม้ที่ดังแว่วมาในบรรยากาศชวนให้หญิงสาวถอนใจเบา ๆ นิ่งนึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตัดใจทำงานต่อ พลางนึกในใจว่าเธอพยายามแทบตายจะเลี่ยงการพบหน้าเช่นนี้ หากต้นอาทิตย์หน้าที่ต้องไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัดด้วยกันเธอจะทำอย่างไรดี.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×