ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่สิบ
บทที่ 10
                ด้วยงานที่งวดเข้ามาทำให้กำหนดการถ่ายทำต่าง ๆต้องเปลี่ยนแปลง  การเปิดกล้องโฆษณาชุดก็เริ่มเร็วขึ้น และเปิดกล้องด้วยคิวแรกที่พระเอกและนางเอกของโฆษณาจะได้พบกันครั้งแรก  ตามเนื้อเรื่องนั้นจะเป็นฉากในห้างสรรพสินค้าใหญ่ในเมือง ขณะที่คนสองคนที่ไม่เคยได้รู้จักกันจะเผลอทำโทรศัพท์มือถือสลับกันที่ศูนย์บริการลูกค้าของเครือข่ายโทรศัพท์ที่เป็นสินค้าของโฆษณาชุดนี้
                รติพัทธ์จอดรถ ณ. ที่จอดกที่ทางกองถ่ายได้จองเอาไว้ให้  ชายหนุ่มมาก่อนเวลานัดเล็กน้อยเพื่อหวังจะได้คุยกับปุยฝ้าย หากเมื่อมาถึงกองถ่ายที่กำลังเร่งมือตระเตรียมกอง เพื่อให้ถ่ายได้ทันตามเวลาที่ตกลงกับทางห้างดูวุ่นวายจนเขาไม่อยากเข้าไปถามหาครีเอทีพสาว จึงทำได้เพียงเดินไปเดินมาสักพักแล้วนั่งรอทีมงาน หากไม่นานนักคนที่เขาหวังจะเจอก็ปรากฏแก่สายตา 
                หญิงสาวผมยาวในชุดเสื้อสีอ่อนและกางเกงผ้าเนื้อไม่หนานักเดินคุยมาคู่กับหญิงสาวผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงผ่านมาทางที่เขานั่งอยู่ เมื่อสังเกตเห็นชายหนุ่มลุกขึ้นทักวริตฐาก็ต้องหยุดเดินตามมารยาท
                “ ปุยฝ้ายมานานแล้วเหรอ  ผมเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง แล้วนี่...เอ่อคุณ? ” ชายหนุ่มร่างสูงพูดพลางยิ้มทักหญิงสาวร่างเล็กอีกคนที่เดินมากับวริตฐา
              “ มาเตรียมงานได้ซักสองชั่วโมงแล้วค่ะ คุณรติพัทธ์คะนี่กุลวรินทร์ ครีเอทีพอีกคนของบริษัท แล้วก็มาช่วยเรื่องสถานที่ให้โปรเจคนี้ด้วย ” หญิงสาวตอบสั้น ๆ ถึงการที่กุลวรินทร์อาสาจะให้พี่ชายหาโลเกชั่นตามที่ทีมงานต้องการให้ พลางวางระยะห่างด้วยการเรียกชื่อจริงและพูดแค่จำเป็นจนอีกสองคนรู้สึกได้
                “ เรียกกุลเฉย ๆก็ได้ค่ะ  เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันกับปุยฝ้าย คุณนทีใช่มั้ยคะ  ปุยฝ้ายชอบเล่าให้ฟังบ่อย ๆเรื่องตอนเด็ก ๆ เอกุลจะเรียกว่าคุณนทีรึคุณรติพัทธ์ดีคะ ” สาวผมสั้นพูดหน้าตาเฉยจนเพื่อนข้างตาวาวรีบสะกิดให้หยุด พร้อมสีแดงเรื่อใต้ผิวบางที่ผุดขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
                “ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกนทีก็ได้ครับ คิดถึงชื่อนี้เหมือนกัน ไม่มีคนเรียกมานานแล้ว ” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มน้อย ๆยามยื่นมือเชคแฮนด์  หากประโยคหลังละสายตามาที่ร่างบางข้าง ๆคนพูด แต่หญิงสาผมยาวกลับหลบตาก่อนจะรีบเอ่ยลา
                “ คงต้องขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องไปคุยกับผู้กำกับทางโน้นก่อน  ...ไปเร็วกุล ” หญิงสาวดุนหลังเพื่อนให้ออกเดิน อีกฝ่ายได้แต่เพียงหันมาเอ่ยประโยคสุดท้ายกับศิลปินหนุ่ม  “ เดี๋ยวยังไงคงได้คุยกันอีกนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ ”
                “ กุลไปพูดแบบนั้นทำไม  เดี๋ยวเค้าก็คิดว่า... ” เมื่อเดินแยกมาเพียงสองคนแล้ววริตฐาจึงเอ่ยกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงดุ ๆ
                “ เราก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่  ปุยฝ้ายก็เคยเล่าเรื่องนทีให้เราฟังบ่อย ๆจริง ๆนี่นา ” กุลวรินทร์ลอยหน้าลอยตาตอบเหมือนไม่รู้เรื่อง “ อีกอย่างนะเรา นายนทีของปุยฝ้ายก็โอเคดีออก เลิกงอนได้แล้วมั้ง ”
                “ ไม่ได้งอนอะไรนี่ สำหรับฝ้ายแล้ว เค้าคือรติพัทธ์ ไม่ใช่นที ถึงเมื่อก่อนจะเคยใช่แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว  ...เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า  ไปเตรียมงานให้เสร็จกันก่อนเหอะ ” พูดจบวริตฐาก็เปลี่ยนเรื่องเอาดื้อ ๆก่อนจะเดินนำเพื่อนสนิทไปทางทีมงานที่รอคุยอยู่
                “ มานั่งอยู่ตรงนี้เองเหรอคะ พิณเห็นพี่ปรารถนาบอกว่ามาถึงนานแล้วแต่ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ” เสียงใส ๆจากนางแบบสาวที่เดินเข้าทักจากด้านหลังทำให้รติพัทธ์หันกลับไปมอง  ผมยาวลอนสลวยสีน้ำตาลแก่เข้ากับชุดผ้าเนื้อบางมีลวดลายเล็กน้อยสมวัยขับผิวสาวให้ผุดผ่อง
              “ สวัสดีครับ เอ่อพี่ปรารถนาเค้าเรียกผมแล้วเหรอครับ ” ชายหนุ่มลุกขึ้นทักพลางถามกลับอย่างสุภาพ เสื้อเชิ้ตสีอ่อนมีรอยยับเล็กน้อยจากการนั่งหากยังทำให้ร่างสูงดูโปร่งกว่าปกติ
              “ ยังหรอกค่ะ รู้สึกอีก 15 นาที ได้มั้งคะ พอดีพี่เค้าคุยเรื่องคิวถ่ายอยู่กับผู้จัดการกอง กับผู้จัดการของพิณอยู่ด้วย ” หญิงสาวทิ้งตัวลงข้าง ๆชายหนุ่มเอ่ยตอบอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะสังเกตเห็นของบริเวณคอของชายหนุ่ม  “ ห้อยอะไรคะนั่น  แหวนเหรอคะ ”
                รติพัทธ์ก้มดูตามสายตาของคนถาม พลางเอามือจับแหวนดอกหญ้าที่ยาวกว่าจี้รูปใบไม้ออกมาอย่างเบามือ “ ครับเหมือนเป็นเครื่องลางของผมเลยครับ ”
   
                ในขณะเดียวกันนั้น ครีเอทีฟสาวที่เพิ่งจะจดงานที่คุยกันเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมองทางคนในความทรงจำของเธอ ในใจก็รู้สึกอยากขอโทษกับกริยาที่แสดงความห่างเหินนั้น หากใจยังเจ็บแปลบ ๆเตือนให้ไม่คิดเข้าไปคุย หากเมื่อเห็นภาพรติพัทธ์คุยกับพิณนภัส ใจของเธอก็รู้สึกวาบประหลาด ๆจนเมื่อมีเสียงเพื่อนสะกิดให้เธอรู้สึกตัว
                  “ ปุยฝ้าย....ปุยฝ้ายได้ยินรึเปล่า ” กุลวรินทร์เรียกเบา ๆพลางมองเพื่อนอย่างแปลกใจที่จู่ ๆก็เหมือนใจลอย
                  “ ได้ยินสิ  โทษทีคิดอะไรเพลินอยู่น่ะ  มีอะไรเหรอกุล ”
                  “ พี่กันเค้าเพิ่งโทรมาบอกเราเมื่อกี้ว่า  เค้าบอกเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่วนอุทยานให้แล้ว ทำเรื่องเรียบร้อยให้เราเข้าไปถ่ายได้ตามกำหนดอาทิตย์นี้น่ะ ” หญิงสาวผมสั้นกล่าวถึงเรื่องที่วริตฐาวานพี่ชายของตนช่วยติดต่อเรื่องสถานที่สำหรับถ่ายทำโฆษณาให้
                  “ อื้อ ดีจังเดี๋ยวคงต้องโทรไปขอบคุณพี่กันหน่อยแล้ว ” หญิงสาวหันกลับมาพูดพยายามปั้นยิ้มจาง ๆให้เพื่อน หากกุลวรินทร์สังเกตออกถึงความคิดของวริตฐาแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงพลางวางแผนเพื่อเพื่อนของเธอในใจไปด้วย
                  การถ่ายทำในวันนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ภาพที่ออกมาได้ตามที่กะกันเอาไว้ ทั้งยังมีการถ่ายฉากสำรองเล็กน้อยไว้ด้วย เรื่องราวงของชายหนุ่มนักอนุรักษ์กับจิตรกรสาวที่บังเอิญหยิบโทรศัพท์ที่เหมือนกันสลับกันไป ก่อนจะเริ่มได้รู้จักและชอบพอกันฉากแรกจบลงด้วยดี ที่เหลือก็จะเป็นการถ่ายตามจังหวัดต่าง ๆที่สัญญาณของบริษัทมือถือไปถึงเพื่อสร้างเรื่องราวต่อไป ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
                  ครีเอทีฟสาวทั้งสองหลังจากดูความเรียบร้อยของงานของตนเรียบร้อยก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกสำหรับการทำงานกับโปรเจกขนาดใหญ่ขนาดนี้ครั้งแรก
                  “ กุลเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันหน่อยมั้ย บ่ายแล้วด้วยยังไม่ได้ทานอะไรกันเลย ”
                  “ เอาสิเราก็หิวเหมือนกัน ปุยฝ้ายเลือกร้านเลยนะ เดี๋ยวขอทำธุระแป้บนึงจะรีบตามไป ” ฝ่ายหลังตอบพลางยิ้มให้อย่างมีเลศนัยจนคนชวนอดแปลกใจไม่ได้
                  รติพัทธ์ล้างหน้าจากเครื่องสำอางค์ที่แต่งระหว่างถ่ายทำเสร็จเร็วกำลังเดินออกจากห้องน้ำก็เจอกับกุลวรินทร์ที่มารออยู่พอดี
                  “ ไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาซักครู่รึเปล่าคะ ” หญิงสาวเป็นฝ่ายชิงถามก่อนหลังจากชายหนุ่มเอ่ยทัก “ จะขอปรึกษาเรื่องปุยฝ้ายซักหน่อยน่ะค่ะ ”
                ด้วยงานที่งวดเข้ามาทำให้กำหนดการถ่ายทำต่าง ๆต้องเปลี่ยนแปลง  การเปิดกล้องโฆษณาชุดก็เริ่มเร็วขึ้น และเปิดกล้องด้วยคิวแรกที่พระเอกและนางเอกของโฆษณาจะได้พบกันครั้งแรก  ตามเนื้อเรื่องนั้นจะเป็นฉากในห้างสรรพสินค้าใหญ่ในเมือง ขณะที่คนสองคนที่ไม่เคยได้รู้จักกันจะเผลอทำโทรศัพท์มือถือสลับกันที่ศูนย์บริการลูกค้าของเครือข่ายโทรศัพท์ที่เป็นสินค้าของโฆษณาชุดนี้
                รติพัทธ์จอดรถ ณ. ที่จอดกที่ทางกองถ่ายได้จองเอาไว้ให้  ชายหนุ่มมาก่อนเวลานัดเล็กน้อยเพื่อหวังจะได้คุยกับปุยฝ้าย หากเมื่อมาถึงกองถ่ายที่กำลังเร่งมือตระเตรียมกอง เพื่อให้ถ่ายได้ทันตามเวลาที่ตกลงกับทางห้างดูวุ่นวายจนเขาไม่อยากเข้าไปถามหาครีเอทีพสาว จึงทำได้เพียงเดินไปเดินมาสักพักแล้วนั่งรอทีมงาน หากไม่นานนักคนที่เขาหวังจะเจอก็ปรากฏแก่สายตา 
                หญิงสาวผมยาวในชุดเสื้อสีอ่อนและกางเกงผ้าเนื้อไม่หนานักเดินคุยมาคู่กับหญิงสาวผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงผ่านมาทางที่เขานั่งอยู่ เมื่อสังเกตเห็นชายหนุ่มลุกขึ้นทักวริตฐาก็ต้องหยุดเดินตามมารยาท
                “ ปุยฝ้ายมานานแล้วเหรอ  ผมเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง แล้วนี่...เอ่อคุณ? ” ชายหนุ่มร่างสูงพูดพลางยิ้มทักหญิงสาวร่างเล็กอีกคนที่เดินมากับวริตฐา
              “ มาเตรียมงานได้ซักสองชั่วโมงแล้วค่ะ คุณรติพัทธ์คะนี่กุลวรินทร์ ครีเอทีพอีกคนของบริษัท แล้วก็มาช่วยเรื่องสถานที่ให้โปรเจคนี้ด้วย ” หญิงสาวตอบสั้น ๆ ถึงการที่กุลวรินทร์อาสาจะให้พี่ชายหาโลเกชั่นตามที่ทีมงานต้องการให้ พลางวางระยะห่างด้วยการเรียกชื่อจริงและพูดแค่จำเป็นจนอีกสองคนรู้สึกได้
                “ เรียกกุลเฉย ๆก็ได้ค่ะ  เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันกับปุยฝ้าย คุณนทีใช่มั้ยคะ  ปุยฝ้ายชอบเล่าให้ฟังบ่อย ๆเรื่องตอนเด็ก ๆ เอกุลจะเรียกว่าคุณนทีรึคุณรติพัทธ์ดีคะ ” สาวผมสั้นพูดหน้าตาเฉยจนเพื่อนข้างตาวาวรีบสะกิดให้หยุด พร้อมสีแดงเรื่อใต้ผิวบางที่ผุดขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
                “ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกนทีก็ได้ครับ คิดถึงชื่อนี้เหมือนกัน ไม่มีคนเรียกมานานแล้ว ” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มน้อย ๆยามยื่นมือเชคแฮนด์  หากประโยคหลังละสายตามาที่ร่างบางข้าง ๆคนพูด แต่หญิงสาผมยาวกลับหลบตาก่อนจะรีบเอ่ยลา
                “ คงต้องขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องไปคุยกับผู้กำกับทางโน้นก่อน  ...ไปเร็วกุล ” หญิงสาวดุนหลังเพื่อนให้ออกเดิน อีกฝ่ายได้แต่เพียงหันมาเอ่ยประโยคสุดท้ายกับศิลปินหนุ่ม  “ เดี๋ยวยังไงคงได้คุยกันอีกนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ ”
                “ กุลไปพูดแบบนั้นทำไม  เดี๋ยวเค้าก็คิดว่า... ” เมื่อเดินแยกมาเพียงสองคนแล้ววริตฐาจึงเอ่ยกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงดุ ๆ
                “ เราก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่  ปุยฝ้ายก็เคยเล่าเรื่องนทีให้เราฟังบ่อย ๆจริง ๆนี่นา ” กุลวรินทร์ลอยหน้าลอยตาตอบเหมือนไม่รู้เรื่อง “ อีกอย่างนะเรา นายนทีของปุยฝ้ายก็โอเคดีออก เลิกงอนได้แล้วมั้ง ”
                “ ไม่ได้งอนอะไรนี่ สำหรับฝ้ายแล้ว เค้าคือรติพัทธ์ ไม่ใช่นที ถึงเมื่อก่อนจะเคยใช่แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว  ...เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า  ไปเตรียมงานให้เสร็จกันก่อนเหอะ ” พูดจบวริตฐาก็เปลี่ยนเรื่องเอาดื้อ ๆก่อนจะเดินนำเพื่อนสนิทไปทางทีมงานที่รอคุยอยู่
                “ มานั่งอยู่ตรงนี้เองเหรอคะ พิณเห็นพี่ปรารถนาบอกว่ามาถึงนานแล้วแต่ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ” เสียงใส ๆจากนางแบบสาวที่เดินเข้าทักจากด้านหลังทำให้รติพัทธ์หันกลับไปมอง  ผมยาวลอนสลวยสีน้ำตาลแก่เข้ากับชุดผ้าเนื้อบางมีลวดลายเล็กน้อยสมวัยขับผิวสาวให้ผุดผ่อง
              “ สวัสดีครับ เอ่อพี่ปรารถนาเค้าเรียกผมแล้วเหรอครับ ” ชายหนุ่มลุกขึ้นทักพลางถามกลับอย่างสุภาพ เสื้อเชิ้ตสีอ่อนมีรอยยับเล็กน้อยจากการนั่งหากยังทำให้ร่างสูงดูโปร่งกว่าปกติ
              “ ยังหรอกค่ะ รู้สึกอีก 15 นาที ได้มั้งคะ พอดีพี่เค้าคุยเรื่องคิวถ่ายอยู่กับผู้จัดการกอง กับผู้จัดการของพิณอยู่ด้วย ” หญิงสาวทิ้งตัวลงข้าง ๆชายหนุ่มเอ่ยตอบอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะสังเกตเห็นของบริเวณคอของชายหนุ่ม  “ ห้อยอะไรคะนั่น  แหวนเหรอคะ ”
                รติพัทธ์ก้มดูตามสายตาของคนถาม พลางเอามือจับแหวนดอกหญ้าที่ยาวกว่าจี้รูปใบไม้ออกมาอย่างเบามือ “ ครับเหมือนเป็นเครื่องลางของผมเลยครับ ”
   
                ในขณะเดียวกันนั้น ครีเอทีฟสาวที่เพิ่งจะจดงานที่คุยกันเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมองทางคนในความทรงจำของเธอ ในใจก็รู้สึกอยากขอโทษกับกริยาที่แสดงความห่างเหินนั้น หากใจยังเจ็บแปลบ ๆเตือนให้ไม่คิดเข้าไปคุย หากเมื่อเห็นภาพรติพัทธ์คุยกับพิณนภัส ใจของเธอก็รู้สึกวาบประหลาด ๆจนเมื่อมีเสียงเพื่อนสะกิดให้เธอรู้สึกตัว
                  “ ปุยฝ้าย....ปุยฝ้ายได้ยินรึเปล่า ” กุลวรินทร์เรียกเบา ๆพลางมองเพื่อนอย่างแปลกใจที่จู่ ๆก็เหมือนใจลอย
                  “ ได้ยินสิ  โทษทีคิดอะไรเพลินอยู่น่ะ  มีอะไรเหรอกุล ”
                  “ พี่กันเค้าเพิ่งโทรมาบอกเราเมื่อกี้ว่า  เค้าบอกเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่วนอุทยานให้แล้ว ทำเรื่องเรียบร้อยให้เราเข้าไปถ่ายได้ตามกำหนดอาทิตย์นี้น่ะ ” หญิงสาวผมสั้นกล่าวถึงเรื่องที่วริตฐาวานพี่ชายของตนช่วยติดต่อเรื่องสถานที่สำหรับถ่ายทำโฆษณาให้
                  “ อื้อ ดีจังเดี๋ยวคงต้องโทรไปขอบคุณพี่กันหน่อยแล้ว ” หญิงสาวหันกลับมาพูดพยายามปั้นยิ้มจาง ๆให้เพื่อน หากกุลวรินทร์สังเกตออกถึงความคิดของวริตฐาแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงพลางวางแผนเพื่อเพื่อนของเธอในใจไปด้วย
                  การถ่ายทำในวันนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ภาพที่ออกมาได้ตามที่กะกันเอาไว้ ทั้งยังมีการถ่ายฉากสำรองเล็กน้อยไว้ด้วย เรื่องราวงของชายหนุ่มนักอนุรักษ์กับจิตรกรสาวที่บังเอิญหยิบโทรศัพท์ที่เหมือนกันสลับกันไป ก่อนจะเริ่มได้รู้จักและชอบพอกันฉากแรกจบลงด้วยดี ที่เหลือก็จะเป็นการถ่ายตามจังหวัดต่าง ๆที่สัญญาณของบริษัทมือถือไปถึงเพื่อสร้างเรื่องราวต่อไป ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
                  ครีเอทีฟสาวทั้งสองหลังจากดูความเรียบร้อยของงานของตนเรียบร้อยก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกสำหรับการทำงานกับโปรเจกขนาดใหญ่ขนาดนี้ครั้งแรก
                  “ กุลเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันหน่อยมั้ย บ่ายแล้วด้วยยังไม่ได้ทานอะไรกันเลย ”
                  “ เอาสิเราก็หิวเหมือนกัน ปุยฝ้ายเลือกร้านเลยนะ เดี๋ยวขอทำธุระแป้บนึงจะรีบตามไป ” ฝ่ายหลังตอบพลางยิ้มให้อย่างมีเลศนัยจนคนชวนอดแปลกใจไม่ได้
                  รติพัทธ์ล้างหน้าจากเครื่องสำอางค์ที่แต่งระหว่างถ่ายทำเสร็จเร็วกำลังเดินออกจากห้องน้ำก็เจอกับกุลวรินทร์ที่มารออยู่พอดี
                  “ ไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาซักครู่รึเปล่าคะ ” หญิงสาวเป็นฝ่ายชิงถามก่อนหลังจากชายหนุ่มเอ่ยทัก “ จะขอปรึกษาเรื่องปุยฝ้ายซักหน่อยน่ะค่ะ ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น