บันทึกของป่าน
วินเปิดอ่านไดอารี่ลายกุหลาบสีโอรสเล่มหนึ่งที่บันทึกเรื่องราวการเดินทางของป่าน แต่เหตุการณ์การเดินทางของเธอยังไม่สิ้นสุดก็ไม่มีการบันทึกต่อ วินสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่...ป่าน
ผู้เข้าชมรวม
86
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
Story : บันทึกของป่าน
Author : กวินภัค
***
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี ถ้าเป็นคนทั่วไปตอนนี้คงกำลังอยู่กับครอบครัวเพื่อรอฉลองปีใหม่ แต่สำหรับวินตอนนี้เขาอยู่ที่ รพ. เพื่อดูแลแฟนสาวของเข้าที่นอนหลับยังไม่ได้สติอยู่ใบเตียงด้วยใบหน้าขาวซีด เขาเอามือลูบผมแฟนสาวเบาๆ พร้อมกับเอื้อนเอ่ย "ถ้าหลับพักผ่อนเพียงพอแล้ว ก็ตื่นขึ้นมาเจอหน้าผมหน่อยนะ ผมรอไปฉลองปีใหม่กับคุณอยู่นะที่รัก" หลังจากนั้นชายหนุ่มก้มลงจูบหน้าผากแฟนสาวแผ่วเบา
วินนั่งมองสมุดบันทึกลายดอกกุหลาบสีโอรสที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงคนไข้ ซึ่งถูกพบเจอในบ้านทรงไทยหลังเก่าที่แฟนสาวนอนสลบอยู่ หน้าปกสมุดเขียนว่าบันทึกของป่าน ชายหนุ่มสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแฟนสาวที่ทำให้เธอไม่ฟื้นขึ้นมาสักที เขาหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาแล้วค่อยๆเปิดอ่านทีละหน้า
วันที่ 31/10/XX
@Champ Bakery
“ป่านทางนี้” ชายหนุ่มผิวขาว หน้าใส สวมเสื้อแขนสั้นสีชมพูพาสเทล กางเกงขาสั้นสีโอรส กวักมือเรียกฉัน
ฉันโบกมือ และยิ้มให้ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่อยู่ริมหน้าต่างด้านในสุด ซึ่งมีชายหนุ่มที่กวักมือฉันนามว่าแชมป์ (เพื่อนสาว)นั่งรออยู่ พร้อมกับเพื่อนชายอีก 2 คน คนที่อยู่ซ้ายมือ หน้าตาคมเข้ม ผมสีดำ ใส่เสื้อเชิ้ตปลดกระดุม 2 เม็ดโชว์ซิกแพคสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ชื่อแบงค์ ส่วนที่อยู่ทางขวามือ มีผิวขาวเหลือง หน้าตี๋ ผมสีน้ำตาล ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงขาสั้นสีเทาเข้ม ชื่อแม็ก
“มาช้านะหล่อน” แชมป์มองจิกฉันเล็กน้อย โทษฐานที่มาช้า
“ขอโทษจริงๆ รถติดนิดหน่อยเอง” ฉันตอบด้วยสีหน้าเจือนๆ
หลังจากเครื่องดื่มที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ พวกเราทั้ง 4 คนนั่งคุยเกี่ยวกับสารทุกข์สุกดิบ เพราะไม่ได้เจอกันนาน
“ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว พวกเราไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันไหม เหมือนสมัยเรียน” แบงค์ชวนเพื่อนๆ
แม็กทำท่าทางครุ่นคิด “ฉันว่าก็ดีนะ พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วตั้งแต่เรียนจบ”
“แชมป์กับป่านว่าไง จะไปด้วยกันป่ะ” แบงค์หันมาถามฉันกับแชมป์
“ถ้าแชมป์ไป ฉันก็ไป” ฉันไปมองหน้าแชมป์เพื่อขอความเห็น
แชมป์หันมามองฉันพร้อมกับดีดหน้าผากฉัน 1 ที “นางชะนีน้อยมาโยนให้ฉันซะงั้น” แชมป์หรี่ตามองฉันอย่างจับผิด “นี้เธอหาตัวช่วยเพื่อที่จะไม่ไปใช่ไหม”
ฉันเห็น เพื่อนรู้ทัน จึงเอาหัวไปพิงที่ไหล่เพื่อนสาว และเอามือไปเกาะแขนนางไว้ เพื่อกลบเกลื่อนความผิด “ไม่ใช่แบบนั้นนะ เค้าก็อย่างมีเตงไปเป็นเพื่อนอ่ะ”
เพื่อนสาวคิดอยู่สักพัก ก่อนจะก้มหน้ามากระซิบข้างหูฉัน “หล่อนไม่มีทางไปสวีทกับแฟนในวันหยุดแน่นอน” แชมป์เงยหน้าแล้วหันไปตอบแบงค์ “งั้น...ฉันกับป่านตกลงไป” พร้อมรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ
“โอเค ตกลงทุกคนไปนะ” แบงค์พูดพร้อมกับดีดนิ้วดังเปาะ! เหมือนนึกอะไรออก “ฉันอยากไปบ้านแกว่ะแชมป์ ที่เชียงใหม่บรรยากาศดี น่าไปกางเต็นท์รับลมหนาว”
“บ้านที่เชียงใหม่มีป้าดูแลอยู่ ต้องขออนุญาตป้าก่อน ฉันขอตัวโทรศัพท์หาป้าแปป” แชมป์ลุกออกไปโทรศัพท์หาป้าสักพัก ก็เดินกลับมาที่โต๊ะด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“แชมป์ทำไมทำหน้าแบบนั้นว่ะ” แม็กถามด้วยความสงสัย
แชมป์ถอนหายใจ ก้มหน้าลง และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คือ... คือ...” ทุกคนทำท่าตั้งใจฟังลุ้นว่าไปได้หรือไม่ จากนั้นแชมป์เงยหน้ายิ้มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสดใสว่า “ป้าฉันอนุญาตล่ะ ทริปนี้ไม่ล่ม 555”
“ไอ้บ้าแชมป์เอ๋ย ตกใจหมด” ฉัน แม็ก และแบงค์พูดออกมาพร้อมกัน
“พวกเราจะไปกันวันไหนดี ฉันจะได้เคลียร์งานเอาไว้” ฉันพูดภาพกับนั่งดูตารางงานในอีเมล
“ไปช่วงกลางๆเดือน วันที่ 19-21 ดีไหมล่ะ ฉันว่างช่วงนั้น” แม็กแจ้งวันว่างให้เพื่อนรู้
“ได้นะ งั้นเจอกันวันที่ 19 ที่ร้านแชมป์นี้นะ” ฉันตอบ ส่วนแชมป์ กับแบงค์ก็ไม่มีปัญหาอะไร
“แบงค์ แกมีรถยนต์ แกมารับพวกฉันที่ร้านแชมป์นะ” ฉันพูดพร้อมกับหันไปถามแบงค์
“ได้ไม่มีปัญหา ประมาณ 6 โมง พวกแกก็มารอกันที่ร้านเลย เดี๋ยวฉันมารับ”
“โอเค! งั้นตกลงตามนี้นะแล้วเจอกัน บายๆ” ฉันสรุป และกล่าวลาทั้ง 3 ก่อน เพื่อไปทำธุระต่อ
วันที่ 19/11/XX
วันนี้เป็นวันเดินทาง ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ไปนอนกางเต็นท์ท่ามกลางบรรยากาศหนาวๆ และวิวสวยๆ พวกเราใช้เวลาเดินทางจาก จ.กรุงเทพมาที่ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 10 ชม. เมื่อลงจากรถแล้ว รู้สึกดีมาก ตัวบ้านเป็นบ้านเรือนไทยโบราณยกสูง บรรยากาศรอบตัวบ้านร่มรื่น ป้าของแชมป์มาต้อนรับ และพาพวกเราไปที่จุดกางเต็นท์ ซึ่งอยู่สวนดอกไม้ จะมีสนามกว้างๆไว้สำหรับจัดปาร์ตี้เล็กๆในครอบครัว ข้างๆก็จะแปลงดอกไม้หลากหลายชนิด และถัดไปก็จะเป็นสวนผลไม้
กว่าพวกเราจะกางเต็นท์เสร็จ ตะวันก็ลาลับขอบฟ้าซะแล้ว คุณป้าให้แม่บ้านมาชวนพวกเราไปทานข้าวที่เรือนไทย หลังจากที่พวกเราทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณป้าได้เตือนเกี่ยวกับกฎ 3 ข้อ สำหรับการนอนค้างที่นี้
1. ให้เข้านอนก่อนเที่ยงคืน
2. ไม่ว่าตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงอะไร ก็ห้ามข่านรับ และห้ามออกจากเต็นท์เด็ดขาด
3. หลังตะวันตกดินไปแล้วไม่ให้ออกไปนอกเขตของสวนดอกไม้เด็ดขาด
ถ้าไม่ทำตามกฎ 3 ข้อนี้ ป้าจะให้กลับบ้านทันที เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาป้าจะไม่รับผิดชอบ
เมื่อพวกเรากลับมาที่เต็นท์ จึงแยกย้ายกันเข้านอน โดยฉันนอนกับแชมป์ ส่วนแบงค์นอนกับแม็ก ฉันหันหน้าไปบอกฝันดีกับแชมป์ “ฝันดีนะแชมป์”
“อื้อ...ฝันดี” แชมป์ตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ตาปรื้อๆเหมือนจะหลับเต็มทีแล้ว
ฉันเอื้อมมือไปดับไฟจากตะเกียงไฟฟ้า (ตะเกียง led) หลังจากหัวถึงหมอน สติฉันก็ดับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ป่าน ป่าน ป่าน ~
ใครมาเรียกฉัน แล้วนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว เช้าแล้วหรอ
ฉันได้ยินเสียงคนเรียกดังมาแต่ไกลๆ ฉันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลาตีสาม ฉันหันไปมองแชมป์ก็ยังนอนหลับอยู่ เมื่อมองลอดหน้าต่างไปยังเต็นท์ของแม็กกับแบงค์ก็ปิดไฟสนิท สงสัยฉันจะหูฟาด ฉันจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
ป่าน ป่าน ป่าน ~
ฉันได้ยินเสียงคนเรียกชื่อฉันอีกแล้ว เป็นเสียงผู้หญิง น้ำเสียงเย็นยะเยือก แต่ในบริเวณนี้มีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวนิ คิดได้แบบนั้น ฉันจึงเอาผ้าห่มมาคลุมโปง พูดพึมพำกับตัวเองว่าฉันหูฟาด ฉันคิดไปเอง
สวบสาบ ~
ฉันได้ยินเสียงเหมือนคนเดินเหยียบใบไม้ เสียงใกล้เช้ามาทางเต็นท์ของฉันเรื่อยๆ ฉันโผล่หน้าออกไปดูตรงทางเข้าเต็นท์เห็นเงาของใครสักคนเดินอยู่รอบๆเต็นท์ ฉันกลัวมากจนขนแขนตั้งชัน ฉันต้องขยับไปนอนกอดแชมป์ที่กำลังหลับไม่รู้เรื่อง พร้อมกับหลับตามท่องนะโม 3 จบ ซ้ำไปซ้ำมาจนผล็อยหลับไป
วันที่ 20/11/XX
“ป่าน! ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันดูทะเลหมอก” แชมป์ตะโกนข้างหูฉัน เพื่อปลุกให้ฉันตื่น
ฉันที่กำลังงัวเงียอยู่นั้น ถูกแชมป์ดึงแขนให้ลุกขึ้นและลากออกไปจากเต็นท์ ฉันและเพื่อนทั้ง 3 คน ขับรถมาที่ม่อนแจ่ม เพื่อดูทะเลหมอกในยามเช้า ภาพตรงหน้าทำให้ฉันตื่นเต้นมาก เป็นภาพเมฆหมอกสีขาวเหมือนปุยนุ่น ปกคลุมภูเขาสีเขียวสวยงามมาก ฉันเอามือถือมาถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจไว้
@ห้องอาหาร
ฉันนั่งมองอาหารบนโต๊ะไปมาพร้อมกับกลืนน้ำลายเสียงดังอึก ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม ผักต้ม แคปหมู ไก่นึ่ง ไข่ปาม
“เช็ดน้ำลายก่อนไหม?”
ฉันเอามือมาเช็ดปากตัวเอง “ไหน ไม่ให้มีอะไรเลย น้ำลายฉันไม่ได้ไหลสักหน่อยแชมป์ แกก็พูดเว่อร์ไป แต่อาหารบนโต๊ะน่าทานทั้งนั้นเลยนะ”
“น่าทาน ก็ทานให้เยอะๆนะจ๊ะหนูป่าน”
“ป่านจะทานให้เต็มที่เลยค่ะคุณป้า” ฉันยิ้มร่า
“คุณป้าครับ วันนี้แชมป์กับเพื่อนขอจัดปาร์ตี้เล็กๆ ปิ้งบาบีคิวในสวนตรงที่กางเต็นท์ได้ไหมครับ”
“ได้สิ แต่อย่าลืมนะว่าพวกเธอจะต้องเข้านอนก่อนเที่ยงคืน”
“รับทราบครับ/ค่ะ” พวกเราตอบรับพร้อมกัน และพยักหน้ารับทราบ “ขอบคุณครับ/ค่ะคุณป้า”
คุณป้าพยักหน้ารับ
“คุณป้าค่ะ ป่าน ฉันเห็นว่าที่ไร่มีสวนดอกไม้ และสวนส้ม ป่านจะขออนุญาตคุณป้าไปเดินชมสวนได้ไหมค่ะ”
“ได้สิ เดี๋ยวป้าให้สมศักดิ์พาไปนะ”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ” ฉันพนมมือไหว้ขอบคุณงามๆ
ลุงสมศักดิ์นำทางไปชมสวนต่างๆ และบรรยายว่าสวนดอกไม้ที่อยู่ใกล้กับจุดกางเต็นท์จะมีดอกไม้หลากหลายชนิด ได้แก่ กุหลาบอังกฤษพันธุ์ตัดดอกจะส่งกลิ่นหอมสดชื่นตลอดทั้งวัน แปลงถัดไป ดอกคาร์เนชั่น ดอกเบญจมาศ ดอกลิลลี่ ตามลำดับ ถัดจากแปลงดอกไม้ทางด้านหลังจะเป็นไร่ผลไม้ ฝั่งซ้ายมือปลูกต้นสตอร์เบอร์รี่ ส่วนฝั่งขวามือจะปลูกต้นส้มสายน้ำผึ้ง ขณะที่เดินชมสวน ฉันถ่ายรูปด้วยกล้องโพลารอยด์ และเอามาแปะไส้ที่สมุดบันทึกเอาไว้เพื่อเป็นที่ระลึกว่าเคยมาที่นี้แล้ว
หลังจากที่เดินชมสวนจนทั่วหมดแล้ว ช่วงบ่ายพวกเราเดินทางไปตลาดเพื่อซื้อของมาทำบาร์บีคิว ขณะที่เดินซื้อของอยู่ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังแบงค์ ซึ่งลักษณะของผู้หญิงคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคยเหมือนคนรู้จัก
แม็กเดินมาข้างๆฉัน พร้อมกับเอาศอกสะกิดแขนของฉัน “แบงค์นัดสาวที่ไหนมาด้วยว่ะ” เขากระซิบเสียงเบาที่ได้ยินกันแค่ 2 คน
“ฉันว่าคุ้นๆเหมือนอิงแฟนแบงค์”
“ไหนบอกว่าแฟนไม่มา แอบมาเซอร์ไพร์กันหรือป่าวนะ”พูดจบ เขาก็เดินตรงไปกอดคอแบงค์ “พาสาวที่ไหนมาด้วยว่ะ เมื่อกี้ฉันเห็นนะโว้ย”
“พูดบ้าอะไร ไม่ได้พาใครมาด้วยสักหน่อย” แบงค์ทำสีหน้างงๆ
“แต่เมื่อกี้ฉันเห็นจริงๆยืนอยู่ข้างแกเลย”
“แกคงตาฝาดแล้วล่ะ” แบงค์ตบไหล่แม็กเบาๆ ก่อนจะเดินเลือกซื้อของต่อ ปล่อยให้แม็กยืนงงด้วยวามสงสัย
“พวกเราคงตาฝาดกันไปเองจริงๆตามที่แบงค์พูดนั่นล่ะ ไปซื้อของกันต่อเถอะ” ฉันพูดพร้อมกับจูงมือแม็กให้เดินไปด้วยกัน
ช่วงเย็นพวกเราทั้ง 4 คนมาอยู่ที่จุดกางเต็นท์ ฉันกับแชมป์ทำหน้าที่ย่างบาร์บี้คิว กุ้ง ปลาหมึก ส่วนแบงค์ก่อกองไฟเล็กๆ แม็กเตรียมเครื่องดื่ม เมื่ออาหารเสร็จแล้ว พวกเรามานั่งรอบกองไฟพูดคุยกันเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมาว่าเป็นยังไงกันบ้าง การมาเที่ยวด้วยกันครั้งนี้รู้สึกยังไง และที่ขาดไม่ได้คือการร้องเพลงเบาๆ โดยมีแม็กเป็นมือกีต้าร์ แบงค์ร้องเพลง
ตอนนี้เวลาก็ล่วงมาสี่ทุ่มแล้ว ฉันจึงชวนเพื่อนให้เก็บของ หลังจากนั้นจะได้อาบน้ำเข้านอนกัน แบงค์กับแม็กขอนั่งเล่นกันต่อสักพัก ฉันกับแชมป์จึงไปอาบน้ำและเข้านอน พร้อมกับกำชับให้ทั้ง 2 คนเข้านอนก่อนเที่ยงคืนตามที่คุณป้าได้บอกไว้ 2 หนุ่มพยักหน้าเป็นการตอบรับ
หลังจากที่ฉันหลับไปสักพัก ฉันได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงและผู้ชาย ที่เหมือนคุยกันถูกคอ ฉันหันไปมองแชมป์ก็ยังหลับอยู่ จึงก้มมองเวลาที่โทรศัพท์บอกเวลา 23.45 น. ส่วนข้างนอกเต็นท์ยังมีแสงสว่างจากกองไฟอยู่ ฉันจึงปลุกแชมป์ให้ตื่น และให้ลองฟังว่าได้ยินเสียงผู้หญิงเหมือนกันไหม ซึ่งแชมป์ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเหมือนกัน
“แต่ที่นี่มีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวนะ ฉันว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว ฉันไม่สบายใจเลย” ฉันพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาเมื่อคืนที่ได้ยินเสียงคนเรียกให้แชมป์ฟัง
“ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้” แชมป์เอามือกุมขมับ พร้อมกับถอดหายใจ “ใจเย็นๆก่อน แกรออยู่ที่เต็นท์ เดี๋ยวฉันออกไปดู 2 คนนั้น”
“โอเค รีบๆๆกลับมานะ”
“อื้ม” แชมป์พยักหน้าแล้วเดินออกจากเต็นท์ไป
แชมป์เดินที่กองไฟไม่เห็นใครเลย จึงเดินไปดูที่เต็นท์ของ 2 หนุ่ม ขณะกำลังเปิดเข้าไปในเต็นท์ มีมือเย็นๆมาสัมผัสที่ไหล่ข้างขวาและมีลมพัดผ่านบริเวณต้นคอ ทำให้ขนแขนลุกขึ้นชันด้วยความกลัว
“มาทำอะไร”เสียงผู้ชายแหบๆพูดยานคาง
แชมป์ทำใจดีสู้เสือ ข่มตาทำสมาธิสักพัก “ท่องในใจเป็นไงเป็นกันว่ะ” ก่อนจะเห็นไปมองของหลังช้าๆ
“แบร่!”
“เชี้ย!!” แชมป์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ภาพตรงหน้าคือเป็นไอ้แบงค์ที่ใช้ผ้าขนหนูคลุมหัว ทาแป้งทั่วหน้าขาวผ่อง และเอาไฟฉายส่องหน้า “ทำอะไรของแกว่ะแบงค์ ตกใจหมด!” หลังจากพูดจบก็ตบหัวไอ้แบงค์ไปหนึ่งที
“หูย มือหนักชิบหาย” แบงค์ลูบหัวปรอยๆ
“พวกแก 2 คนไปไหนกันมา ไอ้ป่านเป็นห่วง”
“ไปอาบน้ำ กลับมาก็เห็นแกมาด้อมๆมองๆหน้าเต็นท์เนี้ย” แม็กตอบ
“แล้วทำไมพวกแกไม่ดับกองไฟ”
“น้องณิชชาเขานั่งอยู่” แบงค์ตอบ
“ณิชชาไหนว่ะ” แชมป์งงกับคำตอบเพื่อน “ไม่มีใครสักคน”
“เมื่อกี้น้องยังอยู่เลย น้องบอกเป็นญาติของป้าแก”
“ห๊ะ! ทำไมฉันไม่รู้เรื่องว่ะ”
“พวกแกมีอะไรกัน? เสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวาย” ฉันออกมาจากเต็นท์แล้วถามหนุ่มๆ
“ไม่มีหรอก ป่ะๆ เข้านอนกันได้แล้ว” แชมป์บอกปัดๆ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด~
เสียงนาฬิกาข้อมือของแบงค์ดังบอกเวลาเที่ยงคืน บรรยากาศเงียบวังเวง สักพักลมก็พัดแรงเหมือนกับกำลังมีพายุ เสียงนกร้องดังก้องไปทั่วสวนส้ม หลังจากนั้นฝูงนกก็บินแตกออกมาจากสวนส้มพุ่งหน้าที่พวกเรา
“ทุกคนนั่งลง”
พวกเรานั่งลงหลบฝูงนก และหันไปมองตามเสียง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสูงประมาณ 160 ซม. หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก สวมชุดเอี๊ยมสีเขียวขี้ม้า สียึดช้างในสีขาว ผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินมาทางพวกเรา
“น้องณิชชาไปไหนมาครับ” แบงค์ถาม
“ณิชชาไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” หญิงสาวยิ้ม
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อณิชชา แกไปรู้จักเขาได้ยังไง” ฉันถามแบงค์
ขณะที่แบงค์กำลังจะตอบ หญิงสาวที่ชื่อณิชชาก็พูดขึ้น “คือ...ณิชชาเป็นหลานของคุณป้าค่ะ พอดีเห็นพี่ 2 คนเขานั่งอยู่หน้ากองไฟ ณิชชาก็เลยเข้ามานั่งคุยด้วยแค่นั่นเอง ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว พวกพี่เข้านอนกันเลยจะดีกว่านะคะ”
“น้องณิชชาจะให้พี่ไปส่งที่บ้านไหมครับ” แบงค์เสนอตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ ใกล้ๆ แค่นี้เอง”
ฉันกับแชมป์เข้ามาในเต็นท์สักพัก ได้ยินเสียงแม็กร้องเรียกแบงค์ว่าจะไปไหน ให้กลับเข้าเต็นท์มา ฉันจึงออกไปดูเห็นแบงค์เดินไปทางสวนส้ม ซึ่งคุณป้าห้ามไม่ให้เข้าไป ฉันร้อนใจจึงวิ่งตามแบงค์ไป เมื่อไปถึงสุดทางของสวนดอกไม้พบว่าแบงค์หายไป แม็กกับแชมป์ก็วิ่งตามหลังฉันมา
“แบงค์หายไปไหน? ทำไมเดินไวจัง” แม็กถาม
“ไม่รู้ ฉันเดินตามหลังมันมา อยู่ดีๆมันก็หายไป”
“นั่นไง แบงค์อยู่ในสวนส้ม” แม็กพูดพร้อมกับชี้ไปในสวน
ฉันมองตามมือของแม็ก แต่มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากต้นส้ม แม็กกำลังจะก้าวเท้าไปในเขตสวนส้ม
“อย่าออกไป” ฉันหันไปตามเสียง พบว่าเป็นน้องณิชชาที่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกพี่มาทำอะไรที่นี่ ทำไมพวกพี่ไม่ฟังคำเตือนของคุณป้าค่ะ”
“เพื่อนที่หายไปในสวนส้ม พี่จะไปตามเพื่อนพี่” ฉันพูด
“พี่แน่ใจได้ยังไงว่าเป็นเพื่อนพี่ สิ่งที่พี่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คิดก็ได้”
ฮ่าๆๆๆ
หลังจากที่ณิชชาพูดจบก็มีเสียงผู้หญิงหัวเราะดังก้องสวนส้ม พร้อมกับมีล้มกระโชกแรงอีกครั้ง ทำให้ฉันเซถลา และล้มเข้าไปในเขตสวนส้ม
แม็กรีบเดินเข้ามาในเขตสวนส้มเพื่อพยุงฉันให้กลับไปที่ฝั่งสวนดอกไม้ ซึ่งก็ไม่ทันเสียแล้ว ภาพตรงหน้าของพวกเรามีแต่สวนส้มล้มรอบเต็มไปหมด ฉันกับแม็กมองหน้ากันด้วยความสับสน
แชมป์เห็นเพื่อนทุกสองคนหยุดนิ่งไม่ยอมเดินมาหาเขาสักที จึงตัดสินใจก้าวข้ามมายังเขตสวนส้มพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแขนฉันและแม็ก ทำให้ภาพตรงหน้าพวกเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม คือข้างหน้าเป็นสวนดอกไม้ ส่วนข้างหลังสวนส้ม
ขณะที่แชมป์รีบพาพวกเราไปในเขตสวนดอกไม้ แต่อยู่ๆแบงค์ซึ่งมาจากไหนไม่รู้ยืนขว้างทางเข้าอยู่ และพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือก “จะไปไหนกัน อยู่ที่นี้ด้วยกันเถอนะ” แบงค์แสยะยิ้ม
แชมป์ตกใจกระโดนถีบแบงค์ให้เข้าไปในเขตสวนดอกไม้ และไม่ลืมที่จะลากฉันกับแม็กเข้าไปสวนดอกไม้ด้วย ระหว่างที่ขากำลังจะถึงเขตสวนดอกไม้ มีผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดกระโปรงสีขาว ผิวขาวซีดมาดึงขาแม็กเข้าไปในสวนส้ม ฉันกับแชมป์จึงช่วยกันดึงแม็กเอาไว้ แบงค์ที่เพิ่งได้สติจึงช่วยกันอีกแรง แต่พวกเรา 3 คนก็สู้แรงผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ทำให้พวกเราล้มทับกันในเขตสวนส้ม โดยมีผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ข้างหน้า และหัวเราะด้วยความสะใจ
“วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้ามีอะไรจะให้พวกเจ้าเล่นสนุกๆ ข้าจะนับ 1-10 ให้พวกเจ้าหาทางออกจากที่นี้ให้ได้ ถ้าหาไม่ทางออกไม่เจอพวกเจ้าจะต้องมาอยู่กับข้า” พูดจบก็หัวเราะเสียงดังก้อง
ฉันมองไปรอบๆ ภาพตรงหน้าเป็นเหมือนภาพลวงตา มองไปทิศทางไหนก็มีแต่ต้นส้มเต็มไปหมดเหมือนอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอ สักพักหญิงชุดขาวเริ่มนับ 1 ทุกคนมองหน้ากันก่อนจะเริ่มออกตัววิ่ง
ฉันจับมือแชมป์วิ่งออกไปพร้อมกัน ระหว่างที่วิ่งอยู่นั้น รู้สึกว่ามือของแชมป์เย็นผิดปกติ จึงก้มลงมองมือของแชมป์เป็นมีสีขาวซีด ฉันค่อยๆหันไปข้างหลังพบว่าคนที่อยู่กับฉันไม่ใช่แชมป์ แต่เป็นผู้หญิงชุดขาวที่กำลังแสยะยิ้มให้ฉันอยู่ ด้วยความตกใจฉันร้องกรี๊ดสุดเสียง สะบัดมือออกจากผีสาว และออกตัววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต พรางตะโกนเรียกหาเพื่อนด้วยเสียงสั่นเครือ “แบงค์ แม็ก แชมป์ พวกแกหายไปไหน มาช่วยฉันด้วย” ยิ่งฉันออกแรงวิ่งมากเท่าไรก็ไม่เจอทางออกสักที
ฉันหยุดวิ่งและมองไปรอบๆรู้สึกเหมือนวิ่งวนกลับมาที่เดิม ฉันพยายามหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อรวบรวมสติ หลังจากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดหน้าเข็มทิศเพื่อหาทางออก ขณะที่กำลังเดินตามเข็มทิศอยู่นั้นมีมือหนึ่งยืดออกมาจากความมืดจับแขนของฉันไว้ ทำให้ฉันหยุดและหันไปมอง ฉันเบิกตากว้างก่อนจะเรียก “ณิชชา”
ณิชชาเอานิ้งชี้มาแตะที่ปากตัวเอง ทำท่าจุ๊ๆให้เงียบ และพาฉันเดินไปหาทางออก ฉันเห็นสวนดอกไม้อยู่ข้างหน้า กำลังจะเดินถึงทางออกอยู่แล้ว
ผีสาวชุดขาวที่ไม่รู้มาจากไหน อยู่ดีๆก็โผล่มาข้างหลังและตามพวกเรามาติดๆ พร้อมกับขยับปากพูดคำว่า “สิบ” ฉันตกใจค้าง ทำให้ผีสาวได้จังหวะพุ่งตรงมาเข้ามาบีบคอฉันอย่างรวดเร็ว
ณิชชาเห็นว่าฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงกระโดดทีบผีสาวให้กระเด็นออกไป ผีสาวมองตาขว้างดวงตาแดงกล่ำ พูดด้วยเสียงเหี้ยม “เจ้ามายุ่ง หญิงผู้นี้เป็นของข้า” หลังจากพูดจบก็พุ่งตรงมาที่ฉันอีกครั้ง
ณิชชาไวกว่าจึงผลักฉันกระเด็นเข้าไปในเขตสวนดอกไม้ แต่ใยจำกรรมหัวของฉันดันกระแทกกับก้อนหินอย่างแรง ทำให้ฉันเกินอาการมึน และภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นคือ ณิชชาถูกผีสาวบีบคออยู่ หลังจากนั้นสติของฉันก็ดับไปพร้อมกับความกลัวกับสิ่งที่ได้พบเจอ ผสมกับความกังวัลเป็นห่วงณิชชา และพวกเพื่อนๆจะเป็นอะไรหรือ?
กลับมาที่ปัจจุบัน วินปิดสมุดบันทึกด้วยความสงสัย ทำไมสมุดบันทึกถูกเขียนถึงแค่นั่งกินบาร์บีคิวด้วยกัน แล้วหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรที่ทำให้ป่านถึงยังไม่ฟื้นมาสักที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ แอด~
วินหันไปมองตามเสียง เห็นแชมป์เดินเข้ามาพร้อมกับคุณป้า ในมือถือกระเช้าผลไม้
“หนูป่านเป็นยังไงบ้าง ฟื้นหรือยัง” คุณป้าถาม พร้อมกับลูบหัวป่านเบาๆ
“คุณหมอบอกว่าอาการโดยรวมดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตอนนี้คุณหมอยังตอบไม่ได้ว่าป่านจะฟื้นเมื่อไร ขึ้นอยู่ที่ตัวของป่านเองครับ”
“ถ้าวันนั้นทุกคนเชื่อป้า ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“วันนั้นเกิดอะไรขึ้นหรอครับ เพราะในสมุดบันทึกของป่านก็ไม่ได้บอกอะไรไว้ บอกถึงแค่กินบาร์บี้คิวกัน”
“คุณป้าไม่รู้เรื่องหรอกครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังเอง” แชมป์กล่าว
“งั้นเราไปนั่งคุยกันที่โซฟาดีกว่า”
“หลังจากที่พวกเรากินบาร์บีคิวกันเสร็จ พวกเราเห็นแบงค์เดินเข้าไปในสวนส้มซึ่งเป็นเวลาหลังเที่ยงคืน ห้ามเดินเข้าไปเด็ดขาด แต่สิ่งที่พวกเราเจอคือผู้หญิงผมยาวใส่ชุดขาว เขาจะเอาเราไปอยู่ด้วย
พวกเราเลยพากันวิ่งหนีออกจากสวนส้ม ตอนแรกป่านจับมือผมอยู่ สักพักเธอก็ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี และสะบัดมือผมออกก่อนจะวิ่งหายไป ผมและคนอื่นๆเลยเดินตามหาป่าน ไปเจอป่านที่ทางออกไปลานจอดรถ พวกเราจึงพาป่านขึ้นรถและขับออกจากบ้านคุณป้า
ขณะที่แบงค์ขับรถ มีผู้ชายคนหนึ่งมายืนขว้างถนน ผมคิดว่าคงไม่มีใครมาเดินบนถนนเวลานี้แน่นอน เลยบอกให้แบงค์ขับผ่านไปเลยอย่าเบรก เมื่อขับผ่านไปสักพักเจอคนเดิมอีก
พวกเราเจอผู้ชายคนนั้นอยู่ 3 ครั้ง เมื่อตัวรถพ้นจากจังหวัดเชียงใหม่ไปแล้ว ผมรู้สึกแปลกใจว่าทำไมป่านเงียบตลอดทาง จึงหันไปมองป่าน พบว่าเธอก้มหน้าอยู่ ก่อนที่ผมจะได้ถามป่านว่าเป็นอะไรหรือป่าว รถก็ส่ายไปส่ายมา เนื่องจากคนขับจะหลับใน
แม็กเลยถามว่า ‘แบงค์ไหวไหม ให้ช่วยขับหรือเปล่า’
อยู่ๆป่านก็พูดขึ้นมาว่า ‘เดี๋ยวฉันจะขับรถให้’ ผมจึงหันหน้าไปมอง ซึ่งทำให้ผมตกใจมาก ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ป่าน แต่เป็นอิงแฟนของแบงค์
แบงค์เองก็ตกใจจึงเบรกรถกะทันหัน พร้อมกับถามว่า ‘เธอมาได้ยังไง '
'ฉันก็มาตามแกไปอยู่ด้วยไง' อิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกพร้อมกับหัวเราะลั่น ด้วยความตกใจผมจึงเปิดประตู และผลักอิงตกรถไป
หลังจากนั้นแบงค์จึงเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วสูง ขับไปได้สักพัก อิงมาปรากฏตัวที่กลางถนนและพุ่งตรงเข้ามาใส่รถ แบงค์ตกใจมากจึงหักหลบไปเจอรถบรรทุกส่วนทางมาพอดี ทำให้แบงค์หักหลบกะทันหัน ส่งผลให้รถพุ่งไปชนกับต้นไม้ริมข้างทาง
แบงค์เจ็บหนักไม่นานก็หมดลมหายใจ แม็กที่อยู่ข้างคนขับตะกายออกมาจากรถแล้วสลบไป ส่วนผมกระเด็นออกมานอกรถ ก่อนจะหมดสติไปเช่นกัน
ส่วนป่านตัวจริงยังอยู่ที่บ้านคุณป้า คุณป้าพบป่านนอนหมดสติที่สวนดอกไม้ จึงพามาส่ง รพ. เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ครับ”
“หนุ่มๆมาทางนี้เร็ว หนูป่านขยับนิ้ว”
วินกับแชมป์รีบเดินมาที่เตียง ป่านเริ่มรู้สึกตัวแล้ว วินจีงไปกดกริ่งที่หัวเตียงเพื่อเรียกหมอและพยาบาลมาดูอาการเพิ่มเติม ป่านตอบสนองได้ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร พักรักษาตัวไม่กี่วันก็ออกจาก รพ.ได้
แอด~ ปังǃ
“ป่านแกฟื้นแล้วหรอ เป็นยังไงบ้าง แกจำฉันได้ไหม”
“ใจเย็นๆก่อนแม็ก ฉันไม่เป็นอะไรมาก ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” ฉันกุมมือทั้ง 2 ข้างของแม็กเอาไว้ แล้วมองข้ามแม็กไปทางด้านหลัง ไม่เจอใคร “แล้วแบงค์ล่ะ ไม่มีด้วยหรอ”
“แบงค์มาไม่ได้แล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะ แบงค์เป็นอะไร!” ฉันเขย่าแขนแม็กแรงๆ
“แบงค์เสียแล้ว วันนั้นเกิดอุบัติเหตุแบงค์หักหลบรถบรรทุกชนกับต้นไม้ มันทนผิดบาดแผลไม่ไหวเลยสิ้นใจ ก่อนจากไป แบงค์ฝากขอโทษแกด้วยที่ทำให้เจอเรื่องแบบนี้”
ฉันตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หูในอื้อไปหมด รู้สึกวิงเวียนศีรษะ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่ ฮือๆ”
“แล้วตัวแกล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับแก ทำไมถึงนอนหลับเป็นเดือนแบบนี้” แชมป์ถาม
ฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่าฉันเจออะไรมาบ้างก่อนจะสลบไป
“สรุปคือที่แกรอดมาได้เพราะณิชชาช่วยไว้” แชมป์ถาม
“ใช่”
“ณิชชาที่หนูป่านพูดถึง ใช่คนตัวเล็กๆใส่เสื้อสีขาว เอี๊ยมสีเขียวใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
คุณป้าทำหน้าตกตะลึง และเหมือนจะร้องไห้
“คุณป้าร้องไห้ทำไมค่ะ เกิดอะไรขึ้นกับณิชชาหรือเปล่า”
“ป้าคิดถึงณิชชา” คุณป้าหยุดเว้นวรรคสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “ณิชชาคือลูกสาวของป้าเอง แกเสียไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่ป้าไม่ให้พวกหนูออกจากบริเวณสวนดอกไม้ เพราะเป็นอาณาเขตที่ดวงวิญญาณของณิชชาดูแลอยู่ ส่วนบริเวณสวนส้มที่ป้าไม่ให้เขาไป เพราะเจาของพื้นที่คนเดิมเขาหวง ดังนั้นหลังจาก 5 โมงเย็นป้าจะให้คนงานหยุดงานทั้งหมด เพื่อไม่เป็นการรบกวนเขา ไม่งั้นพวกคนงานก็จะเจอแบบพวกหนู”
“แล้วที่แบงค์เจอเกี่ยวกับที่เรื่องที่พวกหนูฝ่าฝืนกฎ 3 ข้อด้วยหรือเปล่าค่ะ”
“ฉันว่าไม่เกี่ยวหรอก เป็นกฎแห่งกรรมของแบงค์เอง ฉันไปถามญาติของอิงแล้วว่าทำไมถึงตาย เขาเล่าว่าอิงตกเลือดจากการทำแท้ง ทำให้เสียชีวิต แบงค์สัญญากับอิ้งไว้ว่าถ้าเอาเด็กออกจะไม่ทิ้งไปไหน แต่สุดท้ายแบงค์ก็จะเลิกกับอิง ด้วยความโกรธอิงเลยไปตามเอาชีวิตแบงค์ เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันตามสัญญา” แม็กกล่าว
“แสดงว่าตอนนั้นแบงค์ก็ไม่รู้ว่าอิงเสียแล้ว”
“ใช่”
“วันนี้เป็นวันสิ้นปีแล้ว ผมรู้ว่าที่ผ่านมาพวกคุณเจออะไรกันมาบ้าง มันคงจะยากถ้าจะให้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่ขอให้ลืม แต่ขอให้จำเอาไว้เป็นบทเรียนในชีวิตว่าทำอะไรควรมีสติ และคิดก่อนทำเสมอ พรุ่งนี้ปีใหม่ขอให้เจอสิ่งที่ดี เริ่มต้นกันใหม่นะ“ วินพูดให้กำลังพวกเรา
“ขอบคุณนะวิน” ฉันเข้าไปโอบกอดวินเอาไว้
10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 Happy New Year! ปัง! ปัง!
เสียงจากโทรทัศน์ทำให้รู้ว่าขณะนี้เป็นวันใหม่แล้ว 01/01/20XX พวกเราเดินออกไปที่ระเบียงดูพลุที่ถูกจุดด้วยความตื่นตาตื่นใจ พลุถูกจุดขึ้นฟ้าเรื่อยๆ มีสีสันหลากหลายสวยงาม
ช่วงเช้าพวกเราไปทำบุญถวายสังฆทาน และอุทิศส่วนกุศลให้แบงค์และอิง ฉันขอให้พวกเธอทั้ง 2 คน พบเจอแต่ความสุข ฉันจะทำบุญไปให้เยอะๆ เพื่อให้พวกเธอได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ พวกฉันจะคิดถึงแกเสมอแบงค์
แบงค์ยืนมองเพื่อนๆในมุมหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอบคุณนะ ฉันจะคิดถึงพวกแกทุกคน”
-จบบริบูรณ์-
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ กวินภัค ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กวินภัค
ความคิดเห็น