ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหิมะ

    ลำดับตอนที่ #25 : หมดหวังหมดหนทางรักษา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 53
      1
      24 เม.ย. 63

    ตอนที่ 25

     

    ภาพบางอย่างปรากฏขึ้นในสมองของเจ้าชายหิมะ แม้ว่าภาพนั้นจะเลือนราง  มองไม่ชัดถึงรายละเอียด  แต่ก็มองคร่าว ๆ ได้ว่าเป็นมนุษย์ที่มีมากกว่าหนึ่งคน  และคนเหล่านั้นกำลังดิ่งตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว  เขารู้สึกแปลกใจตัวเองที่มองเห็นภาพเหล่านั้นผุดขึ้นมาในหัวได้  เพราะปกติจะได้ยินเพียงเสียงการเคลื่อนไหวได้เท่านั้น

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่นั่งมองเจ้าชายแห่งเรียวนั่งเงียบไม่ยอมตอบคำถามนั้น  ว่าเขามาดูแลปกป้องเธอทำไม? 

     

    ไม่อยากตอบ! ก็ไม่ต้องตอบ! ไม่เห็นจะอยากรู้เลย!’  เธอบ่นประชดหนุ่มข้างตัวอยู่ในใจ

     

    แต่เมื่อเห็นเจ้าชายผมเทาเงียบไป  ในใจกลับรู้สึกผิด เธอไม่น่าถามคำถามไร้สาระอย่างนั้นออกไปเลย  ทำไมต้องเรียกร้อง ทำไมต้องอยากได้คำตอบอะไรจากบุรุษผู้นี้

     

    “แรร์เน็ส...แล้ว...พวกซีนิธเป็นยังไงบ้าง  ปลอดภัยดีรึเปล่า”  เจ้าหญิงเฟรนลี่นึกถึงหมอหนุ่มขึ้นมา  จึงถามคนข้างตัวด้วยกระแสจิต เพราะเกรงว่าเวลานี้ เขาอาจไม่อยากให้ส่งเสียงใด ๆ  มันน่าจะเป็นคำถามที่มีสาระขึ้นมาบ้าง  เขาน่าจะตอบน่า....

     

    “ซีนิธ แดนเทียน์ปลอดภัยดี  แต่มีคนบาดเจ็บหลายคน”  เจ้าชายแรร์เน็สตัดสินใจตอบด้วยกระแสจิตเช่นกันโดยไม่ได้หันมามอง  สายตายังจดจ้องมองลอดใบไม้ออกไปเพื่ออดูความเคลื่อนไหว

     

    “เรากลับไปช่วยพวกเขากันนะ”  เจ้าหญิงชักชวน

     

    “ตอนนี้เจ้าพูดภาษาเรียน่าได้คล่องมาก  แสดงว่า ซีนิธคงสอนดี”  เจ้าชายรู้สึกแปลกใจ  ก่อนหน้านี้เธอยังพูดกระท่อนกระแท่นเสียงแปร่ง ๆ อยู่เลย  ทำไมตอนนี้ถึงพูดได้อย่างชัดเจน รวดเร็วขนาดนี้

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่นิ่งคิดไปชั่วขณะ  นั่นสิ! ทำไมถึงได้พูดคล่องขนาดนี้  ซีนิธสอนภาษาเรียน่าให้ไม่กี่ประโยคเอง และเป็นประโยคง่าย ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น  แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับพูดได้คล่องแคล่ว  นึกจะพูดอะไร ก็สามารถพูดออกมาได้ทันที ได้ดั่งใจนึกเลยทีเดียว  ราวกับว่าตัวหนังสือเหล่านั้นเรียงอยู่ในสมองอย่างอัตโนมัติเลย  ตั้งแต่เธอปวดหัวครั้งก่อนจนสลบไป พอตื่นขึ้นมาก็สามารถพูดภาษาเรียน่าได้ป๋อเลย  มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่  ภาษาโบราณที่ใช้กับดาบนั่นมันออกมาจากหัวของเธอได้ยังไงกัน  เธอจะต้องค้นหาคำตอบนี้ให้ได้

     

     เจ้าหญิงชะเง้อคอมองผ่านพุ่มไม้หนาตรงหน้าตัวเองออกไป แต่ก็มองแทบไม่เห็นอะไรเลย มองเห็นได้ค่อนข้างลำบาก  จึงโน้มตัวเข้าไปใกล้เจ้าชายผมเทา  พุ่มไม้ตรงหน้าเจ้าชายนั้นสามารถมองเห็นได้ง่ายกว่า พลางเอื้อมมือไปลดกิ่งไม้ที่ขวางการมองเห็นลง  แต่เริ่มรู้สึกหงุดหงิดว่าต้องมานั่งหลบอะไรกันเนี่ยนั่งหลบมาตั้งนานแล้ว

     

    “ว่าไง เราไปช่วยซีนิธกันนะ!”  เจ้าหญิงส่งกระแสจิตถามต่อไม่เลิก เพราะยังไม่ได้คำตอบจากเจ้าชายเลย

     

    “แล้วเจ้ากำลังจะเดินทางไปที่ไหนเหรอ”  จำได้ว่ายังไม่เคยถามความเป็นมาเกี่ยวกับหนุ่มผมเทาเลย วันนี้ต้องสัมภาษณ์เขาเป็นค่าเวลาซักหน่อย

     

    “บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ?”  เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมตอบ  จึงทำหน้ายุ่ง

     

    “นี่เรานั่งหลบอะไรกันเหรอ! ไม่เห็นมีใครมาเลย  รอตั้งนานแล้ว  ว่าแต่ใครจะมาจับตัวข้าเหรอ  ทำไม?ต้องมาจับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างข้าด้วยล่ะ  เจ้าบอกข้าทีเถอะ”  เจ้าหญิงเริ่มเบื่อที่ต้องมานั่งหลบกลัวอะไรก็ไม่รู้  เกิดความสงสัยทำไมถึงมีใครอยากมาจับตัวเธอนัก

     

    เจ้าชายแห่งเรียวรู้สึกเสียสมาธิ ที่หญิงสาวข้างตัวเอาแต่ถามโน่นถามนี่ไม่หยุด   จึงต้องหันมาปรามให้หยุดถามได้แล้ว  แต่ทว่า...พอหันมากลับชนกับใบหน้าสวยที่ยื่นเข้ามาใกล้     จะถอยกลับก็ไม่ทันเสียแล้ว  ใบหน้าของเจ้าหญิงนั้นชนกับแก้มของเจ้าชายปิศาจอย่างจัง! ต่างฝ่ายต่างตกใจไม่แพ้กัน  ต่างคนต่างนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เหมือนทุกสรรพสิ่งจะหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว

     

    บุรุษผมเทานิ่งงันไปชั่วขณะ แทบจะหยุดหายใจ  ทำอะไรไม่ถูก  สมองยังงุนงงไปหมด รีบหันใบหน้ากลับอย่างเร็วที่สุด   ความรู้สึกอุ่น ๆ นั้นยังติดอยู่ที่แก้มอยู่เลย 

     

    เจ้าหญิงแห่งเบเนดิครีบหันหน้ากลับทันที  ถอยตัวเองให้ห่างจากเจ้าชายหิมะ  ดวงตากลมสีเขียวมรกตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าสวยนั้นร้อนผ่าวไปหมดด้วยความอายสุดขีด  ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นโครมครามอยู่ข้างใน  สองมือรีบยกปิดหน้าตัวเองอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี  อยากจะร้องกรี๊ดออกมาให้สุดเสียงจริง ๆ เลย  โกรธตัวเองนัก ทำไมถึงได้ซุ่มซ่ามไม่ระวังให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้  เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย...!!! 

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกอายจนไม่อาจสู้หน้าเจ้าชายได้รีบผลุนผลันลุกออกจากที่ซ่อนหลังพุ่มไม้นั้น

     

    “เฟรนลี่!” เจ้าชายปิศาจรีบลุกตามออกไปทันที  พร้อมกับคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้

     

    “ข้า...ข้า...” เจ้าชายแรร์เน็สพูดอึก ๆ อัก ๆ แล้วตัดสินใจพูดต่อให้จบประโยคนั้น

     

    “ขอโทษด้วยนะ ข้า...ไม่นึกว่า...เจ้า...จะ...”  เจ้าชายรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของเจ้าหญิงว่ารู้สึกเช่นไรจึงยอมรับผิดเสียเอง

     

    เมื่อเจ้าหญิงได้ยินดังนั้น  จึงหันหน้ามามองอย่างงุนงง เพราะรู้สึกว่า มันเป็นความผิดของเธอเองมากกว่า

     

    “ตะ..ต่อ... ไป...เจ้า...ต้องระวังหน่อ..ย...นะ”  เจ้าหญิงอ้อมแอ้มตอบแก้เก้อไปอย่างไม่เต็มเสียง  ใบหน้านั้นยังชาไม่หาย 

     

    ฝ่ามือที่จับข้อมือเจ้าหญิงเฟรนลี่ดึงเจ้าของมือนั้นให้หลบไปอยู่ข้างหลังเจ้าชาย  พร้อมกับหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับชายชุดดำที่พุ่งเข้ามาประชิดตัวทางด้านหลัง  อีกมือหนึ่งจับข้อมือศัตรูบิด ดาบในมือนั้นจึงทิ้งตัวลงกระทบพื้นดิน  พลังเย็นวิ่งจากฝ่ามือเจ้าชายหิมะไปยังข้อมือของฝ่ายตรงข้าม เกิดผลึกน้ำแข็งจับตัวลามไปตามฝ่ามือของชายคนนั้นจนถึงข้อศอก

     

    “โอ๊ย!  ข้าเอง!”  คนชุดดำเจ็บจนร้องเสียงหลง เมื่อถูกบิดแขนจนแทบหัก

     

    “เมแลนด์!”  ชายคนนั้นรีบดึงผ้าคลุมหน้าออกทันที  ผลึกน้ำแข็งนั้นทำให้แขนข้างนั้นเย็นจนชาปวดจนไม่สามารถขยับได้ชั่วขณะ

     

    “เจ้าเองเหรอ!”  เจ้าชายผมเทาขยับแขนฝ่ายตรงข้ามแรง ๆ ก่อนจึงปล่อยมือ  ผลึกน้ำแข็งตามท่อนแขนของอดีตนายทหารเรียวจึงสลายไป

     

    คนชุดดำอีกสองคนจึงดึงผ้าคลุมหน้าออกเช่นกัน

     

    “บีวาร์! เจ้ากลับมาแล้วเหรอ”  เจ้าหญิงเฟรนลี่มองเห็นใบหน้าของคนชุดดำอีกคน  สองเท้ารีบก้าวเท้าออกไปหาบุรุษผมทองด้วยความดีใจ พร้อมกับจับมือเขาบีบไว้แน่น

     

    “เฟรนลี่!! เป็นอะไรรึเปล่า?”  องครักษ์หนุ่มคลายความร้อนใจเมื่อเห็นเจ้าหญิงตรงหน้าปลอดภัยดีทุกประการ

     

    “ทำไมถึงใส่ชุดแบบนี้”  เธอมององครักษ์คู่กายในชุดดำดูแปลกตา

     

    “เราต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกับโจร จะได้ไม่ถูกสงสัยยังไงล่ะ”  บีวาร์ตอบ  พลางมองเลยจากหญิงสาวตรงหน้าไปมองเจ้าชายแรร์เน็สที่ยืนอยู่ไม่ไกล

     

    ดวงตาสีสนิมเหล็กมองหญิงสาวรีบวิ่งไปหาบุรุษผมทอง  จ้องมองด้วยความสงสัยถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่มีต่อกัน  เขาเหลือบมองเห็นคนชุดดำอีกคน ผมสีเขียวนั้นทำให้จำได้ว่าเธอคือคนที่ขโมยต้นเมิสร์ไปไม่ผิดแน่

     

    ==============

     

     

     

     

    หลังจากที่ซีนิธจัดการพาร่างบิดา มหาโจรริกเกอร์และเจ้าหญิงมายนาลี่กลับมายังค่ายกบฏริกเกอร์เพื่อทำการรักษาต่ออย่างเร็วที่สุด  และทำตามคำขอร้องของจอมโจรริกเกอร์เรื่องการดูแลทรัพย์สินเงินทองที่ปล้นมาได้  หมอหนุ่มจึงแบ่งทรัพย์สินส่วนหนึ่งให้บรรดาเหล่าทหารโจรไปทำทุนเพื่อให้พวกเขาได้ทำอาชีพสุจริต เลิกเป็นโจรอีกต่อไป  และที่เหลือเขาตั้งใจจะนำไปช่วยเหลือชาวบ้าน  พร้อมกับแจกยาถอนพิษให้กับโจรทุกคนได้เป็นอิสระ

     

    หมอหนุ่มมองคนเจ็บทั้งหมดนอนนิ่งหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาเหมือนคนเพียงนอนหลับไม่ได้บาดเจ็บใด ๆ แต่ทว่าเมื่อจับชีพจรกลับอ่อนลงอยู่ทุกขณะ บาดแผลต่าง ๆ  ไม่ดีขึ้นเลย  สร้างความทุกข์ใจให้กับเขาอย่างมาก   แม้จะพยายามหาสมุนไพรที่ดีที่สุดมาทา  มาพอก  มากินก็แล้ว  มิอาจทำให้บาดแผลเหล่านั้นดีขึ้นได้เลย   เขาพยายามคิดหาวิธีรักษาบุคคลทั้งสาม วิธีแล้ววิธีเล่าอาการก็ยังไม่ทุเลาแต่อย่างใด   ก่อนตะวันขึ้นบุตรชายหัวหน้าโจรใหญ่ออกตามหาต้นเมิสร์ตามไหล่เขา และหน้าผา  แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเลย  ตอนค่ำกลับมาปรุงยาค้นหาวิธีรักษาต่อ  แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาตลอดสองวันที่ผ่านมา

     

    แดนเทียน์ถอนหายใจเบา ๆ อย่างอ่อนใจ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ยาบรรเทาอาการจะหมดฤทธิ์ลง  หมอหนุ่มแห่งค่ายริกเกอร์กลับมาด้วยสีหน้าหมดอะไรตายอยาก  เขาเดินตรงไปตรวจอาการคนเจ็บทั้งสามคนอย่างรอปาฏิหาริย์  แต่ไม่มีปาฏิหาริย์ใด ๆ เกิดขึ้นเลย วันนี้อาการของแต่ละคนทรุดหนักลงอย่างเห็นได้ชัด   สองขาอันอ่อนแรงพาร่างนั้นไปนั่งซึมอยู่ต่อหน้าหลุมศพของมารดา เขารู้สึกมืดมนอนธการกับการค้นหาวิธีรักษาและหมดหวังกับการค้นหาต้นเมิสซ์ที่ยังไม่มีหนทางจะหาพบ 

     

    จากหมอหนุ่มขี้เล่น  ยิ้มง่าย  ช่างหยอกล้อและกวนประสาท  เปลี่ยนเป็นคนละคน  เงียบขรึม  ไม่พูดไม่จา  เศร้าซึมจนแดนเทียน์รู้สึกเป็นห่วง  และหนักใจ  เป็นสองวันที่ต้องทนอยู่อย่างอึดอัด ต้องทนความเฉยชาของบุตรชายหัวหน้าโจรใหญ่  เธอไม่กล้าปริปากพูดอะไร   รู้ตัวเองดีว่าเขายังโกรธเธออยู่  วันนี้เห็นเขานั่งเงียบอยู่ต่อหน้าหลุมศพของมารดานานแล้ว ราวกับรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้พ่อต้องบาดเจ็บปางตายเช่นนี้  แต่เหมือนยิ่งปล่อยไว้  อาการของเขากลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม  เหมือนคนที่กำลังวกวนอยู่ในความคิดแบบเดิม ๆ ของตัวเอง  วนแต่เรื่องเก่า อยู่แต่กับอดีต   อยู่แต่กับความคิดที่คอยทำให้ตัวเองเสียใจ   วันนี้เธอตัดสินใจที่จะพูดกับเขา  แม้จะรู้แก่ใจดีว่า  มันคงไม่มีความหมายอะไรสำหรับหมอหนุ่มเลย

     

    ซีนิธเจ้าจะทำยังไงต่อไป”  แดนเทียน์รวบรวมความกล้าถามออกไป  แม้จะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว

     

    บุตรชายของหัวหน้าโจรฝ่ายขวานั่งเงียบไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น  สายตาเหม่อมองอยู่เพียงแท่นหินสลักชื่อของมารดาของตนเท่านั้น

     

    ซีนิธ…”  เธอถอนหายใจออกเบา ๆ

     

    หมอหนุ่มแห่งค่ายโจรยังคงไม่มีคำพูดใดเหมือนเดิม ใบหน้านั้นหม่นหมอง และอมทุกข์ตลอดเวลา

     

    ซีนิธไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำกัน  เผื่อเจ้าจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง”  พลางคว้าแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้น  แต่ทว่าร่างนั้นกลับไม่ได้ลุกขึ้นตาม  ยังคงนั่งเฉยเป็นรูปปั้นไม่ตอบเธอ  และไม่สนใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย

     

    เจ้ายังโกรธข้าอยู่ใช่มั้ย…”

     

    ยังคงไม่มีคำตอบใด ๆ จากบุตรชายหัวหน้าโจรใหญ่

     

    ซีนิธข้าไม่ได้ตั้งใจนะ  ข้าไม่ได้อยากฆ่าใครทั้งนั้น  ข้าไม่รู้ตัวจริง ๆ   ว่าทำไปได้ยังไง  ไม่รู้จริง ๆ  เจ้าต้องเชื่อข้านะ  ข้าไม่ได้ตั้งใจ

     

    เธอยังคงพูดอยู่คนเดียว  โดยที่อีกฝ่ายไม่แสดงอาการยินดียินร้ายแต่อย่างใด  น้ำตาเริ่มซึมออกมาคลอดวงตาคู่นั้นไว้  สาวน้อยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้  หายใจเข้าลึก ๆ

     

    เจ้าทานอะไรหน่อยเถอะ  เดี๋ยวจะไม่มีแรง  แล้วจะไม่สบายไปนะ”   แล้วเลื่อนจานอาหารมาวางตรงหน้าชายหนุ่ม  เขาไม่ยอมทานอะไรเลยมาครึ่งค่อนวันแล้ว  ที่ผ่านมาก็ทานอะไรได้น้อยเหลือเกิน  ใบหน้านั้นตอบลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาเศร้าซึมเหมือนมีน้ำตาคลอไว้ตลอดเวลา  ร่างกายดูซูบผอมลงไปอย่างมาก

     

    ทานข้าวไม่ลง   งั้นทานผลไม้ก็แล้วกันนะ”  แล้วเลื่อนจานผลไม้ที่ปอกเรียบร้อยแล้วมาวางตรงหน้าชายหนุ่ม

     

    แต่เขากลับไม่ยอมแตะอะไรเข้าปากทั้งนั้น

     

    ซีนิธอย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ย…”  น้ำตาร่วงผล็อยละแก้มอย่างเหน็ดเหนื่อยหัวใจเหลือเกิน  น้ำตาที่พยายามจะกลั้นไว้  ห้ามไม่อยู่อีกแล้ว

     

    ข้าขอร้อง…”  น้ำเสียงนั้นสั่นเทาสะอึกสะอื้น

     

    จะต้องให้ข้าทำยังไงเจ้าบอกข้าสิ!” สองมือจับแขนบุตรชายหัวหน้าโจรเขย่าแรง ๆ

     

    ซีนิธยังคงไม่มีคำตอบให้เธอแม้แต่คำเดียว

     

    แดนเทียน์นั่งร้องไห้จนอ่อนล้าเธอยกมือป้ายน้ำตาข้างแก้ม   เธอจะไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก  แล้วนั่งนิ่งพยายามคิดหาหนทางที่จะต้องช่วยเขาออกจากสภาพนี้ให้ได้ 

     

    ได้!!  เมื่อเจ้าอยากเป็นอย่างนี้  อยากนั่งอยู่อย่างนี้  ข้าจะนั่งเป็นเพื่อนเจ้า”  หลังจากนั้นแดนเทียน์ไม่พูดอะไรกับซีนิธอีกเลย  ไม่ยอมกินอะไรเหมือนเขา   และคงกินอะไรไม่ลงเช่นกันที่เห็นหมอหนุ่มเป็นเช่นนี้  เมื่อตะวันลับหายไปจากเหลี่ยมเขา  ดวงจันทร์นวลตาโผล่พ้นยอดไม้ขึ้นมาแทนที่  ทำให้ยามค่ำคืนเดือนหงายสว่างไสว เธอยังคงนั่งเป็นเพื่อนเขาอยู่อย่างนั้น

     

    ซีนิธรู้สึกตัวหลังจากผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย   เขาหันมามองแดนเทียน์นั่งหลับพิงไหล่ของเขาอยู่ สองมือเล็กกอดอก  ห่อไหล่เหมือนกำลังหนีความหนาวเย็น  พอเขาขยับตัว  เธอก็รู้สึกตัวทันที  รีบขยับตัวขึ้นนั่งตัวตรง  สีหน้านั้นอิดโรยไม่น้อย

     

    เจ้ามานั่งทรมานตัวเองอยู่ทำไม”  เสียงเรียบ ๆ ของหมอหนุ่มเอ่ยถามเป็นประโยคแรก

     

    ไม่เลยข้าไม่ได้นั่งทรมานตัวเองนะ  ข้าแค่อยากนั่งเป็นเพื่อนเจ้า

     

    ไม่จำเป็นข้าไม่ต้องการเพื่อน”  หมอหนุ่มแห่งค่ายริกเกอร์ตอบเสียงห้วน

     

    ไม่เป็นไร  แม้เจ้าไม่ต้องการ  แต่ข้าก็เต็มใจจะนั่งเป็นเพื่อนเจ้า

     

    ตามใจ”  จบประโยคนั้นเขาไม่พูดอะไรกับเธออีกเลย 

     

    เขาอยากรู้นักเธอจะทำได้นานแค่ไหน

     

    หลังจากนั้นหมอหนุ่มไม่ได้ยินเสียงของคนที่นั่งอยู่ข้างกายอีกเลย  บรรยากาศรอบตัวมืดมิดดึกสงัด  และอากาศเย็นขึ้นทุกขณะ   สาวน้อยยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น  ไม่กินข้าวกินน้ำเป็นเพื่อนเขา  เหมือนที่ได้ลั่นวาจาไว้  ไม่บ่น  ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว  แม้จะอ่อนเพลียมาก เพราะที่ผ่านมาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเช่นกัน   แต่ยังไม่ละความตั้งใจเดิม   หากต้องตายไปตอนนี้  เธอก็ไม่เสียดาย    ชีวิตเธอไม่มีค่า  ไม่มีความหมายสำหรับใครอีกแล้ว…  ชีวิตจากนี้คงต้องอยู่ตัวคนเดียว  โดดเดี่ยว  ไร้พ่อแม่ญาติพี่น้อง  เธอไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม  เพื่ออะไร   โลกมันโหดร้ายสำหรับเธอเหลือเกิน  ทำร้ายเธอมาตลอดชีวิต  ไม่รู้เธอเกิดมาด้วยความผิดข้อไหน  จึงต้องทนกับโชคชะตาแบบนี้

     

    จากหมอหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบไม่สนใจใคร  เอาแต่อยู่กับความคิดวกวนของตัวเองเท่านั้น  แต่เมื่อมีคนมานั่งข้าง ๆ  ทำอาการอย่างเดียวกันกับเขา  ความคิดกลับเปลี่ยนแปลง  เริ่มหันมาสนใจคนที่นั่งอยู่ข้างตนเอง  คอยสังเกต  เขามองเห็นเด็กสาวนั่งนิ่งเงียบงัน  เงียบจนผิดปกติ  สีหน้าหมองเศร้าจนเขารู้สึกได้  ในแววตาเหมือนมีหยาดน้ำตาคลออยู่ตลอดเวลา  ที่สำคัญเธอไม่สนใจเขาอีกเลย  เหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองเช่นกัน  ซีนิธกลายเป็นฝ่ายที่คอยแอบมองเธอ 

     

    ชายหนุ่มไม่เข้าใจเธอเลย  ทำไมถึงต้องเลียนแบบการกระทำของเขาจนเหมือนมากขนาดนี้

     

    บุตรชายหัวหน้าโจรใหญ่รู้สึกตัวขึ้นตอนดึกของคืนเดือนหงาย  อากาศเริ่มเย็นลงอีก  จนเขาเองก็หนาวจนเกือบทนไม่ไหว  หันไปมองสาวน้อยที่อยู่ข้างกาย  ร่างเล็กบอบบางนั้นคู้ตัวงอหมอบฟุ้บอยู่กับพื้นดิน 

     

    แดนเทียน์”  เขาเรียกเธอ 

     

    แต่ไม่มีเสียงตอบ

     

    แดนเทียน์…”  เขาเรียกเธอเป็นครั้งที่สอง  แต่ทว่า  มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบจากความสงัดของยามราตรีกาล

     

    แดนเทียน์…!!”  บุตรชายของขุนโจรใหญ่ตกใจ  รีบเอื้อมมือจับแขนเธอเขย่า   ร่างนั้นไม่ตอบคำถามใด ๆ  เนื้อตัวของเธอเย็นเฉียบ  หมดสติไร้ความรู้สึก

     

    แดนเทียน์!”  เขาใจไม่ดี   กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปจริง ๆ

     

    ชายหนุ่มรีบประคองร่างเย็นเฉียบนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน   แล้วกอดเธอไว้เพื่อให้ร่างกายของเธออบอุ่นก่อนที่อาจจะแข็งตาย  สองมือลูบหลังหญิงสาวไปมาเพื่อให้เกิดความร้อน

     

    สักพักใหญ่คนหมดสติจึงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นช้าช้าเมื่อได้รับไออุ่นจากตัวชายหนุ่ม

     

    อย่า…”  เสียงนั้นแผ่วเบาขาดห้วงหายลงไปในลำคอ 

     

    อย่าแตะต้องตัวข้า…”  แล้วพยายามขยับตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขาด้วยกำลังที่เหลือน้อยนิดเต็มที

     

    ให้ข้าตายเถอะนะได้โปรด…”  น้ำตาไหลซึมจากปลายหางตาอย่างช้าช้าก่อนรินไหลละไปตามแก้มซีดขาวนั้น

     

    ซีนิธกอดเธอไว้แน่นกว่าเดิม  พลางตบแผ่นหลังของเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน  ร่างเย็นเฉียบนั้นเริ่มอุ่นขึ้นเป็นลำดับ

     

    ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอีก  เมื่อร่างกายของเธออุ่นขึ้นจึงแบกเธอขึ้นหลัง  เพื่อพากลับบ้าน   ระยะทางไม่ไกลนัก  แต่ทว่าต้องเดินฝ่าลมเย็นยะเยือกตลอดเวลา   บวกกับความอ่อนเพลียอย่างมากเพราะไม่มีอาหารตกลงถึงท้องเลย  และขาดการพักผ่อนอย่างเพียงพอ  ทำให้ร่างกายของเขาแทบแย่เช่นกัน  สิ่งที่ทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้  เพราะแรงใจ  ความตั้งใจที่จะต้องพาแดนเทียน์กลับไปถึงบ้านให้ได้   เคยคิดอยากให้คนอย่างเธอตายไปจริง ๆ  ด้วยแค้นใจที่พลั้งมือฆ่าบิดาอันเป็นที่รัก   ฆ่าแม้แต่คนที่หมดทางสู้และกำลังใกล้ตายได้ลงคอ  แต่พอถึงเวลานี้จริง ๆ  เขากลับไม่อาจปล่อยเธอตายจากไปแบบนี้ได้   ที่สำคัญด้วยคำมั่นสัญญาที่รับปากมารดาของเธอไว้

     

    ซีนิธพยายามแข็งใจจะพาแดนเทียน์กลับให้ถึงบ้าน  บ้านที่เคยมีพ่อ..แม่..แคร์เซีย…    วันนี้  เขาไม่มีใครอีกแล้วทุกคนกำลังจะตายจากเขาไปกันหมด  รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเหลือเกิน   เขาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า  พลางกัดฟันกรามแน่น   กล้ำกลืนน้ำตาแห่งความเสียใจให้ไหลกลับเข้าไปข้างใน   ขาเข้งนั้นสั่นอ่อนเปลี้ยเพลียแรงทุกย่างก้าว  จนก้าวเท้าต่อไปไม่ไหว  ร่างของเขาและเธอล้มฟุบลงกับพื้นดิน

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×