ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหิมะ

    ลำดับตอนที่ #26 : ปลิดชีพ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 41
      1
      13 พ.ค. 61

    ตอนที่ 26

     

    ร่างชายหนุ่มบนเตียงสะดุ้งตื่น !!

    “ท่านพ่อ!  เสียงของชายหนุ่มโพล่งขึ้นมา พร้อมกับลืมตาโพรงลุกขึ้นนั่งทันที  แม้ร่างกายจะอ่อนเพลียอยู่มากแต่ความเป็นห่วงกังวลทำให้หลับไม่ได้นาน  ดวงตาคมเข้มมองไปมารอบตัวอย่างงุนงง  เขากลับมาที่บ้านตัวเองได้อย่างไร?

    “แดนเทียน์ล่ะ!”  สมองค่อย ๆ รำลึกได้ว่า  ก่อนหน้าที่จะสลบไปนั้นเขากำลังแบกแดนเทียน์กลับมา  แล้วตอนนี้!  เธออยู่ที่ไหน?  เธอเป็นอะไรรึเปล่า?

     

    “เจ้าฟื้นแล้วเหรอ”  เสียงใสของหญิงสาวก้าวเข้ามาในห้องหมอหนุ่มแห่งค่ายริกเกอร์

     

    ซีนิธรู้สึกงง  เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?  หรือนี่มันคือความฝัน  ไม่ใช่ความจริง  เขาอาจจะตายไปแล้ว  ถึงได้มาเจอกับนางฟ้าแสนสวย

     

    “ซีนิธ...เป็นไงบ้าง...”  เธอยังถามต่อไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  พลางเดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ

     

    ชายหนุ่มบนเตียงกระพริบตาช้า ๆ ดวงหน้าของหญิงสาวที่เขาเฝ้าฝันถึงมาแสนนานปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้วขณะนี้  พลางเอื้อมมือไปกุมมือนางฟ้าเอาไว้

    “ข้าฝันไป...หรือเรื่องจริงกันแน่  ข้าตายแล้วใช่มั้ย”  สายตาเหลือบไปเห็นบุรุษผมเทายืนอยู่ข้างหลังของเจ้าหญิงเฟรนลี่ และกำลังเดินตรงมา

    ทำไม! แม้แต่ในฝันของข้า แรร์เน็สก็ยังตามมาด้วยรึเนี่ย!’  เขาไม่เข้าใจเลยจะตามรังควานกันไปถึงไหน  อยากจะขออยู่กับเธอตามลำพังบ้างได้รึเปล่า?

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่ตกใจ ที่อยู่ ๆ หมอหนุ่มก็เอื้อมมือมาจับมือของเธอไว้แน่น

     

    ดวงตาสีสนิมเหล็กที่มองตรงมาทำให้หมอหนุ่มต้องรีบปล่อยมือนางฟ้าแสนสวย

     

    “เจ้าและทุกคนปลอดภัยแล้วนะ” เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกโล่งใจที่หมอหนุ่มปล่อยมือเธอแล้ว รีบยกมือไพล่หลังไว้ พลางถอยห่างออกจากเตียงอีกเล็กน้อย

     

    “ปลอดภัยทุกคนเหรอ...?”  บุตรชายคนเดียวของหัวหน้าโจรใหญ่อ้าปากค้างด้วยความงุนงง ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน  มันเป็นไปได้หรือ?  สองเท้ารีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว  แต่ทว่า  ร่างกายยังอ่อนเพลียมากจึงทรงตัวไม่อยู่และทำท่าจะล้มลง สองมือจึงคว้าร่างเจ้าหญิงเฟรนลี่ที่ยืนอยู่ใกล้เอาไว้

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่ก้าวถอยหลังอย่างตกใจที่อยู่ ๆ แขนของเจ้าชายแห่งเรียวก็พรวดเข้ามาขวางตรงหน้า เพื่อประคองร่างของซีนิธเอาไว้ได้ทัน  ก่อนที่จะคว้าตัวเจ้าหญิงไว้เพื่อทรงตัว  หญิงสาวก้าวถอยหลังอย่างรีบด่วน!   เจ้าชายแห่งเรียวประคองร่างคนป่วยให้ถอยห่างจากเจ้าหญิงแห่งเบเนดิค

     

    “เจ้าน่าจะพักผ่อนต่ออีกหน่อยนะ”  เจ้าหญิงเฟรนลี่บอกหมอหนุ่มด้วยความเป็นห่วง  ดูอาการของเขายังไม่สู้ดีนัก

     

    “ข้า...จะต้องไปให้เห็น...กับตา”  น้ำเสียงของคนป่วยขาดห้วงเป็นระยะ เนื่องจากยังอ่อนเพลียอยู่ไม่น้อย แต่ตราบใดที่เขายังไม่เห็นด้วยตาตัวเองว่า ทุกคนปลอดภัยแล้ว  คงไม่อาจข่มตาหลับลงได้

     

    “ข้าจะพาเจ้าไปเอง”  เจ้าชายแรร์เน็สช่วยประคองหมอหนุ่มไปตามที่เขาต้องการ

     

    “ไม่เป็นไร  ข้ายังพอไหวอยู่”  บุตรชายของหัวหน้าโจรใหญ่รู้สึกเกรงใจบุรุษผมเทาไม่น้อย  จึงพยายามเดินไปด้วยตนเอง

     

    ===============

     

    เมแลนด์แอบเดินเข้ามาในห้องของกบฏริกเกอร์เพียงผู้เดียว  ร่างของคนเจ็บที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง  บัดนี้เขากลายเป็นเพียงคนแก่ผอมแห้งคนหนึ่งที่มีผมขาวโพลน   มือสองข้างของอดีตนายทหารหนุ่มนั้นกำแน่น  ดวงตาที่เพ่งมองมาที่ร่างบนเตียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง  ภาพคนในหมู่บ้านถูกทำร้าย  ถูกลากตัวไปสังเวยวิญญาณในพิธีเซค์ปรากฏขึ้นในห้วงนึก  ภาพภรรยาสุดที่รักและบุตรชายตัวน้อยไร้เดียงสา  ถูกดึงถูกทึ้งพรากไปจากอกผู้เป็นพ่อ  ภาพแห่งน้ำตายังจำฝังใจไม่มีวันลืม  เขาพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องผู้เป็นที่รักปานดวงใจ  แต่ก็ไม่อาจต้านทานพวกโจรที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง  และมีจำนวนมากได้  น้ำตารื้นขึ้นมาคลอดวงตาคู่นั้นจนแดงก่ำ  

     

    มีดพกถูกดึงออกจากฝัก  คมมีดสะท้อนกับแสงแดดยามสายที่สาดเข้ามาในห้อง  วันนี้ได้เวลาชำระหนี้แค้นเสียที  มือที่จับมีดพกยกขึ้นสูงเหนือร่างผู้บาดเจ็บ  ก่อนจะพุ่งลงกลางหน้าอกอย่างสุดแรงแค้น!!

     

    แต่ทว่าปลายมีดกลับหยุดชะงักลงที่อกเสื้อของคนเจ็บ ฝ่ามือของเจ้าชายหิมะยึดข้อมือของเมแลนด์ไว้ได้ทันควัน 

    “เมแลนด์!  เจ้าทำอะไร?”  เจ้าชายแรร์เน็สถามเสียงเข้ม  จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง

     

    ดวงตาของอดีตนายทหารเรียวเบิกโพลงด้วยความตกใจ!

    เจ้าชาย..แรร์เน็ส...!!”  พลางหันไปมองทุกคนที่ก้าวเข้ามาในห้องนั้น 

     

    “เมแลนด์ใจเย็น ๆ  เกิดอะไรขึ้น!”  บีวาร์เอ่ยถามเป็นคนแรก  เขาหันไปมองหน้าเจ้าหญิงแห่งเบเนดิคที่ซีดขาวด้วยความตกใจ  เพราะรู้ดีว่า เจ้าหญิงไม่โปรดการเข่นฆ่ากัน แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอ

     

    หญิงชุดเขียวมองเหตุการณ์นั้นอย่างตกตะลึงว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้  เมแลนด์พยายามกุลีกุจอช่วยดูแลอดีตมหาโจรใหญ่อย่างดี

     

    “มันลากคนทั้งหมู่บ้านมาสังเวยวิญญารในพิธีเซค์อย่างโหดเหี้ยม  ถ้าใครขัดขืนมันก็ฆ่า  ลูกเมียข้าถูกพวกมันจับมา  หนี้ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต”  เมแลนด์แผดเสียงระบายความเคียดแค้นออกมาอย่างเหลืออด  ริมฝีปากนั้นสั่นระริก

     

    ซีนิธยังจำภาพนั้นได้ติดตา  เขามองเห็นชาวบ้านที่ถูกจับตัวมาเซ่นสังเวยวิญญาณปิศาจร้ายในครั้งนั้น  เสียงโอดครวญร้องขอชีวิตดังโหยหวนไปทั่วบริเวณ

     

    เปลือกตาของอดีตมหาโจรริกเกอร์ค่อย ๆ ลืมขึ้น  ถ้อยคำของอดีตนายทหารหนุ่มปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงอันแสนเจ็บปวดนั้น  เขามองหน้าและสบตาเจ้าของมีดพกที่ยังค้างอยู่ตรงหน้า   ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเศร้า  ความสูญเสีย  ความเจ็บปวด  ความโกรธแค้น   เขาคงทำผิดมหันต์ที่ยากต่อการให้อภัยได้

     

    “ข้าขอชดใช้ให้เจ้าด้วยชีวิต”  พลางคว้ามือของเมแลนด์กดคมมีดแทงลงที่หน้าอกตนเองอย่างรวดเร็ว

     

    เจ้าชายแรร์เน็สดึงข้อมือเมแลนด์ขึ้นต้านแรงที่พยายามกดคมมีดลง  เกร็ดน้ำแข็งวิ่งจากฝ่ามือของเจ้าชายไปตามฝ่ามือของเมแลนด์และกบฏริกเกอร์ภายในพริบตา  ทำให้ทั้งคู่เคลื่อนไหวมือไม่ได้  มีดพกถูกเจ้าชายหิมะปลดออกไปทันที

     

    อดีตนายทหารหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เมื่ออีกฝ่ายแสดงเจตนาปลิดชีพตัวเอง

     

    “ไม่มีใครไม่เคยทำผิดหรอก”  เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคทำลายความเงียบงันพลางสาวเท้าเข้ามายืนข้างเตียงของคนเจ็บ

     

    “ความตายไม่อาจแก้ไขความผิดที่เคยทำได้  แต่การมีชีวิตอยู่ต่างหากที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้องได้  ข้าเชื่อว่า เจ้าจะทำประโยชน์ให้กับผู้คนได้อีกมาก  เจ้าจงให้โอกาสตัวเองเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะนะ”

     

     “เมแลนด์ เจ้าจะให้โอกาสริกเกอร์ได้รึเปล่า” เจ้าหญิงหันไปถามอดีตนายทหารเรียว

     

    เจ้าชายริกเกอร์มองหน้าเจ้าหญิงดวงตาสีมรกต  เขาสัมผัสได้ถึงความเมตตาและปรารถนาดีที่แผ่รังสีออกมาจากตัวเธอ

     

    อดีตนายทหารหนุ่มยืนนิ่งอย่างครุ่นคิด คำพูดของเจ้าหญิงแต่ละคำนั้นกระแทกโดนใจเขาอย่างแรง

      “ข้าจะให้โอกาสริกเกอร์  เหมือนที่ข้าได้รับโอกาสนั้นจาก ท่านแรร์เน็ส” เมแลนด์หันไปสบตากับเจ้าชายผมเทา

     

    “ขอบใจเจ้ามากนะ เมแลนด์”  เจ้าหญิงเฟรนลี่จึงยิ้มออกมาได้  หันไปมองเจ้าชายแห่งเรียวด้วยความปลื้มปิติ

     

    เจ้าชายหิมะมองเจ้าหญิงเฟรนลี่ยิ้มอย่างมีความสุข  ดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นเป็นประกายแจ่มใส  มุมปากของเจ้าชายนั้นมีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนอยู่  ทุกคนต่างยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้า สัมผัสความรู้สึกแห่งการให้อภัยด้วยหัวใจ

     

    หลังจากซีนิธตรวจอาการของคนเจ็บแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว น่าแปลกใจที่พบว่าทุกคนพ้นขีดอันตรายแล้ว บาดแผลฉกรรจ์ที่ถูกแทง  และรอยไหม้เกรียมใหญ่น้อยเลือนหายไปจนหมดอย่างน่าอัจศจรรย์  เพียงแต่ต้องการพักฟื้นร่างกายให้พละกำลังคืนกลับมาเท่านั้น  มันเหลือเชื่อจริง ๆ ว่าทุกคนจะรอดตายได้ราวกับปาฏิหารย์

     

    “เจ้าช่วยพวกเราด้วยวิธีไหนหรือ?”  บุตรชายหัวหน้าโจรใหญ่หันมาจ้องหน้าหญิงสาวด้วยความแปลกใจสุดขีด 

    “เจ้าใช้อะไรรักษา โปรดบอกข้าทีเถอะ”

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่หยิบต้นเมิสซ์ออกมา  แสงสว่างสีขาวเป็นประกายเจิดจ้าระยิบระยับรอบต้นไม้วิเศษ ซึ่งกำลังลอยอยู่เหนือฝ่ามือของผู้เป็นเจ้าของ 

    “ข้าใช้สิ่งนี้”  ดวงตาสีมรกตจ้องมองต้นไม้ในมืออย่างแปลกใจ  มันกำลังแตกยอดออกมาเป็นกิ่งใหม่  ที่มีความสูงเท่ากับต้นเดิมอย่างรวดเร็ว 

    “ต้นเมิสซ์!”  ดวงตาคมเข้มเบิกกว้างลุกวาว  สิ่งที่เขาตามหามาตลอดสามวันที่แท้อยู่กับเธอนี่เอง

     

    “แบมือออกมาสิ”  เจ้าหญิงรู้ดีว่า  กิ่งใหม่ที่แตกยอดออกมาต่อหน้าผู้ใด ผู้นั้นคือเจ้าของ

     

    ซีนิธยื่นมือออกมาข้างหน้าแล้วแบมือออก 

     

    “มันเป็นของเจ้าแล้ว ซีนิธ”  เจ้าหญิงเฟรนลี่ยิ้มมองกิ่งใหม่ของต้นเมิสซ์ปริดตัวเองออกจากกิ่งเดิม  แล้วลอยมาวางอยู่บนฝ่ามือของหมอหนุ่มแห่งค่ายริกเกอร์

     

    ซีนิธยิ้มจนแก้มปริด้วยความดีใจที่สุด

    “ข้าจะตั้งใจดูแลรักษาทุกคนอย่างเต็มความสามารถ  ขอบคุณมากจริง ๆ เฟรนลี่”

     

    ต้นเมิสซ์บนฝ่ามือหมอหนุ่มสว่างวาบเปล่งรัศมีออกมารอบตัวทันที ราวกับรับรู้ความตั้งใจนั้น

     

    “แล้วพวกท่านจะไปไหนกันต่อเหรอ  หากยังไม่รีบไปไหน อยู่พักที่นี่ก่อนเถอะ”

     

    “เราคงต้องรีบไปหมู่บ้านทัมเบอร์ มีโรคติดต่อกำลังระบาดหนัก”  เจ้าหญิงเฟรนลี่ตอบ พลางหันไปมองหญิงชุดเขียวราวกับจะบอกว่า ไม่ได้ลืมสิ่งที่เธอขอร้อง

     

    หญิงชุดเขียวจึงยิ้มออกมาได้  หลังจากที่กังวลใจอยู่นาน  กลัวว่าเจ้าหญิงเฟรนลี่จะลืมไปแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสที่ทวงถาม  เพราะเมื่อมาถึงทุกคนต่างวิ่งวุ่นช่วยเหลือคนบาดเจ็บในค่ายโจรริเกอร์กันยกใหญ่

     

    “ทัมเบอร์เดินทางใช้เวลาเป็นวัน  พักที่นี่ซักคืน พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางเถอะ  ข้าอยากไปช่วยด้วยอีกแรง  ถ้าจัดการเรื่องทางนี้เสร็จเรียบร้อย ข้าจะตามไปช่วยนะ  ข้าตั้งใจอยากออกตระเวณรักษาชาวบ้านอยู่พอดีเลย”  ซีนิธยิ้ม

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่พยักหน้ารับพลางยิ้ม

     

    “ท่านซีนิธ! ท่านอยู่ที่นี่เอง  ข้าต้มยาฟื้นกำลังมาให้ท่าน”  เด็กหนุ่มถือถาดถ้วยกระเบื้องทรงกลมก้าวเข้ามาในห้อง

    “ท่านรู้รึเปล่า  ยาฟื้นกำลังสูตรล่าสุดนี้  ช่วยชีวิตของทุกคนไว้ได้ แต่ออกฤทธิ์ช้าหน่อย”

     

    “นี่เจ้า...ยังอยู่เหรอ”  หมอหนุ่มมองหน้าคนถือถ้วยยา  เด็กหนุ่มผู้นี้เคยมาช่วยเขาดูแลทหารโจรที่เจ็บป่วยในค่ายมาตลอด  ช่วยต้มยา เตรียมยา เก็บยาสมุนไพรให้เขาเสมอ  แม้ว่าตอนนี้เขาจะได้แจกเงินทองให้แต่ละคนไปทำอาชีพใหม่แล้วก็ตาม  แต่เขาก็ยังไม่ยอมไปไหนอยู่ช่วยดูแลทหารโจรที่บาดเจ็บจากการต่อสู้จำนวนมาก

    “ข้ากับเพื่อนไปเจอท่านกำลังหมดสติ  จึงช่วยกันพาท่านกับแดนเทียน์กลับมาบ้าน  ระหว่างทางก็พบท่านผู้นี้! บอกว่าจะช่วยรักษาคนบาดเจ็บทุกคน”  พลางผายมือมาทางเจ้าหญิงเฟรนลี่

    “ทหารโจรที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ ที่จะตายไม่ตายแหล่ ตอนนี้แต่ละคนอาการดีขึ้น และใกล้หายเป็นปกติแล้ว  ทุกคนอยากอยู่ช่วยท่านรักษาดูแลคนเจ็บป่วย”  เด็กหนุ่มสาธยายด้วยความดีใจ

    “ขอบคุณเจ้าและทุกคนมากนะ”  ซีนิธียิ้ม  ที่สมุนโจรแต่ละคนไม่ใช่เป็นเพียงผู้รับเท่านั้น  แต่ยังส่งต่อการให้ไปยังผู้อื่นต่อไป

    ==============

     

    บีวาร์นั่งนิ่งอยู่บนโขดหินใต้ต้นไม้ใหญ่ กำลังนั่งรอเจ้าหญิงเฟรนลี่ คิ้วขมวดกันยุ่งอย่างครุ่นคิด หมู่บ้านทัมเบอร์นั้นอยู่ในเขตอาณาจักรเบเนดิค ซึ่งทำให้เขาเป็นกังวลใจเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหญิง  หากเจอทหารของพวกกบฏที่ตามล่าตัวเจ้าหญิงอยู่จะทำเช่นไร ตอนแรกเขาคิดเพียงว่า เจ้าหญิงให้ใบต้นเมิสซ์ไปซักใบสองใบเรื่องก็คงจบ  ไม่จำเป็นต้องไปถึงหมู่บ้านนั้นด้วยตนเองเลย 

    “บีวาร์มีไรเหรอ”  เธอมองเห็นสีหน้าขององครักษ์หนุ่มก็รู้ว่า ต้องมีเรื่องกังวลใจเป็นแน่

     

    “ทัมเบอร์ อยู่ในเขตแดนของอาณาจักรเบเนดิค ข้าไม่อย่างให้ท่านไปที่นั่น  มันเสี่ยงเกินไป  ขอให้เปลี่ยนความตั้งใจด้วยเถิด”  หนุ่มผมทองลุกขึ้นจากโขดหิน  มองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาขอร้อง

     

    “บีวาร์...ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า  แต่...เจ้าจะให้ข้าหนีไปถึงเมื่อไหร่  ข้าต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆไปตลอดชีวิตของข้าเลยมั้ย?  หมู่บ้านทัมเบอร์เป็นประชาชนของข้ากำลังเดือดร้อน  ข้าต้องไปช่วยพวกเขา  พวกทรราชอาจเลิกตามหาข้าแล้วก็ได้  เจ้าอาจจะกังวลมากเกินไป”  ดวงตาสีมรกตจ้องมองบุรุษผมทอง 

    “ถ้าชีวิตที่เหลืออยู่  ข้าทำอะไรไม่ได้  ช่วยอะไรใครไม่ได้เลย  ชีวิตนี้จะอยู่ต่อไปทำไม  เพื่ออะไร  ในเมื่อมันไร้ค่าขนาดนั้น  เจ้าเข้าใจใช่มั้ย?” 

     

    “ไม่ได้หมายถึง  ไม่ให้ช่วยซักหน่อย  เราก็ให้ต้นเมิสซ์ไปสองสามใบก็เพียงพอแล้ว  ไม่ต้องไปด้วยตนเองก็ได้นี่”  บุรุษผมทองยังไม่หายกังวลใจ

     

    “มีคนป่วยจำนวนมาก  ข้าไม่แน่ใจว่า มันจะเพียงพอหรือเปล่า”  เธอได้ยินมาว่า มันเป็นโรคติดต่อที่แพร่เชื้อได้เร็วมาก

     

    “ท่านจะไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป  ถ้ายอมไปขอความช่วยเหลือจากคู่หมั้นของท่าน”  ใจเขานั้นอยากให้เจ้าหญิงไปขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรเรียว

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่หันขวับมามอง

    “ไม่มีทาง!  เลิกคิดได้แล้ว  เพราะข้าไม่อยากรบกวนใคร  เราไม่ได้ติดต่อกันนานมาก ข้าแทบไม่รู้จักคู่หมั้นเลยด้วยซ้ำ  จะให้ข้าด้านหน้าไปขอความช่วยเหลือได้อย่างไร?”  เจ้าหญิงพูดจริงจังหนักแน่นเป็นครั้งแรก  หลังจากที่พยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด 

     

    “ข้าอยากบอกท่านว่า  ข้าพบคู่หมั้นของท่านแล้ว  เขาจะช่วยท่านได้” บีวาร์ตัดสินใจที่จะบอกความจริงว่าใครคือคู่หมั้นของเจ้าหญิง

     

    “เจ้าไม่อยากดูแลข้าแล้วใช่รึเปล่า? ถึงได้ผลักไสข้าไปหาคู่หมั้นอยู่เรื่อย  เจ้าบอกมาสิ!” เจ้าหญิงหงุดหงิดหัวใจเหลือเกิน  คำก็ให้ไปหาคู่หมั้น สองคำก็คู่หมั้นจะช่วยเหลือได้

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้น  ข้าแค่...” บีวาร์ยังพูดไม่ทันจบ  เจ้าหญิงเฟรนลี่ก็สวนคำขึ้นมาทันที

    “ถ้าไม่ใช่ก็เลิกพูดถึงเขาซะ!  ข้าไม่อยากพบเข้าใจรึเปล่า?  ต่อไปห้ามเจ้าพูดถึงคู่หมั้นของข้าอีก”  เจ้าหญิงเฟรนลี่พูดอย่างขึงขังก่อนรีบเดินหนีไปทันที  รู้ถึงปวดใจเหมือนกำลังถูกตอกย้ำว่าเธอเป็นคนมีเจ้าของแล้ว  ทำไมท่านพ่อต้องจับให้เธอหมั้นกับใครไม่รู้ตั้งแต่เด็กแบบนี้ด้วย  เธออยากมีโอกาสเลือกคู่ครองด้วยตนเองอย่างคนอื่นเขาบ้าง

     

    เจ้าชายแรร์เน็สชะงักฝีเท้าเมื่อมองเห็นบุรุษผมทองและเจ้าหญิงเฟรนลี่ยืนคุยกันอยู่ตามลำพัง  แม้จะไม่ได้เดินเข้าไปใกล้  แต่หูกลับได้ยินเสียงแว่ว ๆ  และได้ยินคำว่า  “คู่หมั้น”  มันหมายความถึงอะไร

     

    ที่แท้บีวาร์เป็นคู่หมั้นของเฟรนลี่หรือ? เจ้าชายผมเทาครุ่นคิดอยู่ในใจ  คำนั้นเหมือนทำให้เขาและเธอห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

     

    ==============

     

    แผนที่แผ่นใหญ่ของค่ายกบฏริกเกอร์ถูกกางอยู่บนโต๊ะไม้ยาวตัวใหญ่กลางห้อง  รอบโต๊ะเต็มไปด้วยชายหนุ่มฉกรรจ์   บนแผนที่ด้านเหนือเป็นหุบเหว  ด้านทิศตะวันออกติดแม่น้ำทอน  ด้านขวาติดกับป่าต้องคำสาป  ค่ายริกเกอร์มีทางเข้าออกได้เพียงทางเดียว

     

    “สายสืบรายงานมาแล้วว่า ผู้อ่านคาถาอยู่ที่ค่ายกฏบริกเกอร์แน่นอน  ตอนนี้ค่ายริกเกอร์แตกแล้ว  หลังจากกบฏริกเกอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส  แทบไม่มีทหารเหลืออยู่เลย  ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำอาชีพใหม่”  ชายชุดดำทะมึนก้าวเข้ามาในห้องแล้วโค้งคำนับเพื่อรายงานข่าวจากสายสืบ

     

    “เราจะบุกจับตัวผู้อ่านคาถาคืนนี้  เจ้าจงนำกำลังไปซุ่มไว้  ปิดทางเข้าออกทั้งหมด  ให้รอรับคำสั่งที่จุดนัดหมาย  เราจะต้องพาผู้อ่านคาถากลับแดเรนให้จงได้!”  เจ้าหญิงเทลรีนประกาศกร้าว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×