ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหิมะ

    ลำดับตอนที่ #10 : ยันพิธีเชค์เริ่มขึ้นแล้ว หมอหนุ่มแห่งค่ายโจรจะหยุดยั้งพิธีนี้ได้หรือไม่?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 96
      0
      1 มิ.ย. 63

     

    กลิ่นหอมของปลาย่างสุกเกรียมกำลังดีสองตัววางอยู่บนไม้ข้างกองไฟ  เจ้าชายแรร์เน็สเติมไม้เพื่อเป็นเชื้อเพลิงลงในกองไฟ ไฟที่ทำท่าจะมอดลงค่อยลุกโชนขึ้นอีกครั้ง  เหลือบสายตามองปลาย่างแวบหนึ่ง  ก่อนหันไปหยุดสายตาไว้ที่หญิงสาวซึ่งกำลังนอนหลับอย่างอ่อนเพลียอยู่ไม่ไกลนัก  สายตาของเจ้าชายเต็มไปด้วยความกังวล  เกิดคำถามขึ้นมากมายในใจ  เป็นห่วงเจ้าของดวงตาสดใสสีเขียวมรกตจะยอมกินปลาย่างหรือไม่  วันก่อนเจ้าชายจับไก่ป่ามาย่างเป็นอาหาร  เธอกลับทำท่าบีบจมูกปฏิเสธ 

     

    สามวันมาแล้วตั้งแต่เจ้าหญิงเฟรนลี่ตื่นขึ้นมาหลังจากถูกนางปิศาจร้ายสิงคืนนั้น  เธอไม่ยอมทานอะไรเลย  นอกจากน้ำเปล่า  บุรุษผมเทาครุ่นคิด  ไม่เข้าใจว่า  หญิงสาวไม่ชอบหรือเป็นเพราะอำนาจของปิศาจร้ายตนนั้นยังไม่สิ้นฤทธิ์  หรือเพราะอะไรกันแน่   พลางหงุดหงิดหัวใจถึงความเป็นคนกินอะไรยากเย็น  เลือกกินเสียเหลือเกินของหญิงสาว

     

    มดตัวน้อยเดินไต่อยู่บนเรือนผมของเจ้าหญิง  ชายหนุ่มเอื้อมมือจับตัวมันออกอย่างเบามือ  พลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้  เจ้าหญิงมักคอยปรามไม่ให้ฆ่ามด  หรือยุง  หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีชีวิต  สิ่งนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของเธอด้วยหรือเปล่าเขาหยุดสงสัย หยุดกังวลเกี่ยวกับหญิงสาวเอาไว้ก่อน  เพราะอย่างไรก็ตามคงต้องรอเธอตื่นขึ้นมาก่อนถึงจะได้รู้กัน ว่าเธอจะยอมทานหรือไม่?  หรือจะยังคงบ่ายเบี่ยงเช่นเดิม

     

     

     

     

    ภาพความฝันเมื่อคืนนี้วิ่งเข้ามาแทนที่ในสมอง  เมื่อเจ้าชายหยุดความกังวลเกี่ยวกับเจ้าหญิงเฟรนลี่ได้แล้ว  แววตาสีสนิมเหล็กดูเลื่อนลอยดิ่งจมลงไปอยู่กับความฝันนั้น...

     

    ไอเย็นลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ  เจ้าชายแรร์เน็สวิ่งฝ่ากลุ่มควันออกมา  พบบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดนายทหารเต็มยศแห่งอาณาจักรเรียวยืนรออยู่ตรงหน้า

     

    ท่านพ่อ….!!”  เจ้าชายรีบก้าวซวบเข้าไปหาบิดาทันที  จับมือผู้ให็กำเนิดแน่นด้วยความดีใจเป็นที่สุด

     

    ท่านพ่อไปอยู่ไหนมา  ให้ข้าไปอยู่ด้วยนะ  ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว  ได้โปรดเถอะ”  แววตาที่จ้องมองบิดาเต็มไปด้วยคำขอร้อง

     

    แรร์เน็สยังไม่ถึงเวลาของเจ้า  เจ้าต้องอยู่ที่นี่ต่อไป

     

    ไม่!!  ท่านพ่อ   ข้าไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม  ให้ข้าไปด้วยนะ  ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน  เหนื่อยมากได้โปรดเถอะท่านพ่อให้ข้าไปด้วยเจ้าชายผมเทาพยายามอ้อนวอนขอร้องบิดาอีกครั้ง

     

    เจ้าต้องอยู่แรร์เน็สอยู่เพื่อทำความดี และช่วยเหลือผู้คน  ปกป้องคนที่ควรปกป้อง”  คำพูดของบิดาเน้นคำหนักแน่นชัดเจน

     

     “ที่สำคัญเจ้ามีหน้าที่ที่ต้องทำ”  พลางตบบ่าบุตรชายอย่างให้กำลังใจ

     

    ดวงตาสีสนิมเหล็กขมวดเข้าหากัน  หน้าที่?”

     

    เจ้ามีหน้าที่ต้องคอยดูแล  และปกป้องคน ๆ หนึ่ง

     

    ใครเขาเป็นใคร?”

     

    แล้ววันหนึ่งเจ้าจะรู้เอง  พ่อต้องไปแล้ว  พ่อเป็นกำลังใจให้เจ้าเสมอแรร์เน็ส  จำไว้นะ  เจ้าต้องอยู่เพื่อคอยดูแล และปกป้องคน ๆ นั้น

     

    ไม่!!  ท่านพ่อ!!  อย่าเพิ่งไป!” เจ้าชายวิ่งตามร่างของบิดาที่กำลังไกลห่างออกไปเรื่อย ๆ

     

     “ให้ข้าไปด้วยให้ข้าไปด้วยให้ข้าไปด้วย…..….”  เขาตะโกนจนสุดเสียง  สองมือพยายามไขว่คว้าร่างของบิดาเอาไว้  แต่เหมือนยิ่งไขว่คว้า  ร่างนั้นก็ยิ่งห่างไกลออกไป   จนหายลับไปในที่สุด

     

    =======================

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่ลืมตาขึ้นช้าช้าภาพตรงหน้าเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น  เป็นรูปใบหน้าของบุรุษ  โครงหน้าสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยความเย็นชา  ดวงตาสีสนิมเหล็กขณะนี้ดูเลื่อนลอย  ปอยผมสีเทาที่ปรกหน้าพริ้วตามลมแผ่วอย่างเชื่องช้า  หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง  มองหน้าเจ้าชายนิ่งเงียบเหมือนรูปปั้นไร้ความรู้สึก  พลางยกมือโบกผ่านหน้าเจ้าชายไปมา  บุรุษผมเทายังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น  ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นดูเศร้าและหม่นหมองเหลือเกิน  อย่างที่ไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้มาก่อนจากบุรุษผู้นี้

     

    แรร์เน็ส…”  เจ้าหญิงแตะแขนเจ้าชายเบา ๆ

     

    บุรุษหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยตื่นจากภวังค์  มองหญิงสาวตรงหน้า

     

    เจ้ามีหน้าที่ต้องคอยดูแล  และปกป้องคน ๆ หนึ่ง”  เสียงบิดายังดังก้องอยู่ในสมอง

     

    คน ๆ นั้นเป็นใคร…”  เจ้าชายพึมพำเบา ๆ กับเหตุการณ์ในความฝัน

     

    เป็นเจ้าหรือเฟรนลี่?”  พลางจ้องมองใบหน้าของเจ้าหญิงแห่งเบเนดิค

     

    เจ้าตื่นแล้วหรือ”  เจ้าชายแรร์เน็สถาม  ก่อนหันไปหยิบกระบอกน้ำไม้ไผ่ส่งให้เจ้าหญิง

     

    สายตาสีเขียวมรกตเหลือบเห็นปลาย่างข้างกองไฟ  ทำให้เจ้าหญิงรีบดื่มน้ำจากกระบอกไม้ไผ่เข้าไปมากจนพุงกาง

     

    ไม้เสียบปลาย่างควันกำลังกรุ่นหอมฉุย  ไหม้เกรียมกำลังดี  เลื่อนมาอยู่ตรงหน้าเจ้าหญิงแห่งเบเนดิค

     

    หญิงสาวสั่นหัว

    ข้าอิ่มแล้ว”  พลางตบท้องเบา ๆ  แล้วยิ้มแหย ๆ

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่นั่งนิ่งมองปลาย่างเสียบไม้ถูกยื่นมาหยุดอยู่ตรงหน้านานแล้ว   ไม่เข้าใจว่าจะต้องให้ส่ายหน้าอีกกี่ครั้งเจ้าชายแรร์เน็สจึงจะเอาปลาย่างนั้นไปทางอื่นเสียที

     

    ข้าไม่หิว…” หญิงสาวยกมือแตะข้อมือของเจ้าชายแรร์เน็สเบา ก่อนออกกำลังผลักไปทางอื่น

     

    เจ้าชายผมเทาขมวดคิ้วย่น  เจ้าไม่ได้กินอะไรมา สามวันแล้ว”  แล้วขยับปลาย่างกลับมาตรงหน้าเจ้าหญิงอีกครั้ง

     

    เจ้าต้องกินบ้างนะ  ไม่งั้นเจ้าจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหน”  เจ้าชายพยายามพูดดีดีกับเจ้าหญิงอย่างอดทนที่สุด  หลังจากที่พูดมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว  แต่เดิมเจ้าชายไม่เคยต้องพูดอะไรซ้ำซากบ่อย อย่างนี้เลย

     

    ข้าไม่หิว”  เจ้าหญิงพยายามบอกเจ้าชาย 

     

    กินนิดหน่อยก็ได้”  เจ้าชายพูดพลางเลื่อนปลาย่างมาตรงหน้าอีก  เจ้าอย่าคิดมากเลย  สัตว์พวกนี้เป็นอาหารของเรานะ  มันเกิดมาเป็นอาหารของเราตั้งนานแล้ว”  เจ้าชายคิดได้ว่า  บางทีเจ้าหญิงอาจจะไม่อยากทานเนื้อสัตว์ก็ได้

     

    ข้าไม่อยากกิน…”  หญิงสาวรู้สึกอึดอัด  ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เจ้าชายเข้าใจถึงเหตุผลของเธอได้  ด้วยความขัดข้องทางภาษา  ที่พูดกันไม่เข้าใจ  ถึงพูดกันรู้เรื่องก็ไม่รู้ว่าเจ้าชายจะยอมรับในเหตุผลของเธอหรือไม่  นึกตำหนิตนเอง เมื่อพระบิดาจัดหาครูมาสอนภาษาเรียน่าให้  เธอกลับหนีเรียนเป็นประจำ ด้วยความอยากประชดพระบิดาที่หมั้นหมายเธอกับเจ้าชายแห่งเรียวตั้งแต่เด็ก ๆ  ไม่งั้นตอนนี้เธอคงจะพูดกับบุรุษแห่งอาณาจักรเรียวผู้นี้รู้เรื่องไปตั้งนานแล้ว  อดคิดถึงบีวาร์องครักษ์ประจำตัวที่มีความสามารถพูดได้ทุกภาษา  โดยเฉพาะภาษาเรียน่าที่สามารถพูดได้คล่องแคล่วชำนิชำนาญมากเป็นพิเศษ

     

    เจ้าอย่าเลือกกินได้มั้ยมีอะไรก็กินเข้าไปเถอะโทนเสียงของเจ้าชายเริ่มดังขึ้นจนเกือบเหมือนเสียงตะคอกใส่

     

    ก็บอกว่าไม่กินยังไงล่ะ ข้าไม่กินข้ากินไม่ลงเข้าใจมั้ย?”  เสียงเจ้าหญิงก็เริ่มแข็งขึ้นเช่นกัน     แล้วปัดมือเจ้าชายอย่างแรง  มีผลให้ปลาย่างที่อยู่ในมือเจ้าชายตกลงพื้นดินอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

    บุรุษผมเทามองตามปลาย่างที่หล่นบนพื้นเปื้อนขี้ดิน  แล้วหันขวับมามองหน้าคนหัวดื้อ  ทำหน้าเครียดด้วยความโมโห  ก่อนจะหุนหันลุกขึ้นอย่างอารมณ์เสีย  เดินจ้ำอ้าวหน้านิ่วคิ้วขมวดหายเข้าป่าไปทันที

     

    เจ้าหญิงผ่อนลมหายใจเบา ๆ   แม้จะไม่เข้าใจภาษาที่เจ้าชายพูด  แต่ก็รู้ดีว่าเจ้าชายต้องการบอกอะไร  และคงไม่พอใจเธอเอามาก ๆ

     

    ข้าขอโทษนะ แรร์เน็สที่สร้างความยุ่งยากให้กับเจ้า   แต่ข้ากินมันไม่ลงจริง ๆ

     

    เจ้าหญิงไม่รู้จะอธิบายให้เจ้าชายเข้าใจได้อย่างไร  ว่าทุกครั้งที่เธอเห็นเขายื่นซากศพของสัตว์ตัวไหนมาให้ก็ตาม  เธอจะมองเห็นภาพตอนสัตว์ตัวนั้นมันกำลังร้องขอชีวิต  มันกำลังหนีอย่างสุดกำลัง  มันกำลังร้องไห้  มันกำลังเจ็บปวดทรมานสุดแสน  ภาพเหล่านั้นมันทิ่มแทงหัวใจของเธอจนทำให้ไม่อาจกินมันลงได้อีกแล้ว  ตั้งแต่พระมารดาของเจ้าหญิงเฟรนลี่ตั้งครรภ์  ก็มีอาการแพ้ท้องจนทานเนื้อสัตว์อะไรไม่ได้เลย  จนกระทั่งเจ้าหญิงตัวน้อยออกมาลืมตาดูโลกก็ไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ใด ๆ ได้อย่างคนปกติธรรมดา  ราวกับเป็นแรงอธิษฐานจากชาติก่อน

     

    ============== 

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่นั่งนิ่งคิดไปต่าง ๆ นานา   เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าตะคอกใส่ขนาดนี้เลย แม้แต่พระบิดาหรือพระมารดาก็ตาม  และยังมีบีวาร์ทหารองครักษ์ที่คอยดูแลเอาใจใส่  คอยเข้าใจเธอมาตลอด   เธอคิดทบทวนมาสองวันแล้วว่าเธอควรแยกทางกับบุรุษผมเทา  เธอรบกวนเขามานานเกินไปแล้ว  เป็นภาระให้เขาต้องคอยดูแลเอาใจใส่ เขายุ่งยากลำบากเพราะเธอมามากพอแล้ว  วันนี้เธอต้องตัดสินใจเสียทีหลังจากลังเลอยู่นาน   แต่ทว่ากลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกหากจะต้องจากกันไปจริง ๆ   เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคมองกำไลเงินที่ข้อมือ  พลอยสีอำพันบนกำไลเงินปรากฏแสงเรืองอ่อน ๆ  แสดงว่าบีวาร์ต้องอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้มากนัก  เขาคงเป็นห่วงเธอแย่แล้ว  และกำลังตามหาเธออยู่อย่างกังวลใจเหลือเกิน

     

    เมื่อตัดสินใจได้แล้ว  เจ้าหญิงจึงขยับตัวลุกขึ้น  แม้จะยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ไม่น้อย  แต่ก็แข็งใจเดินออกจากกระท่อมร้างจากไป

     

    แรร์เน็สข้าขอบคุณเจ้าที่คอยดูแลข้ามาตลอดต่อไปนี้...ข้าจะไม่รบกวนเจ้าอีกแล้วจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจอีก….  จะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับเจ้าอีกต่อไป…”   น้ำตารื้นขึ้นมาคลอดวงตาสีเขียวมรกตเอาไว้

     

    ข้าจะไม่ลืมเจ้าเลย...ลาก่อน…” 

     

    เจ้าหญิงยกมือปาดน้ำตาที่รินไหลข้างแก้มนวล  เท้าค่อยก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า..ช้าทีละก้าว

     

    เดินไปได้ไม่ไกลเจ้าหญิงรู้สึกเหนื่อยจนหมดแรง   หัวหมุน  มึนงง  ตื้อไปหมด  รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม  รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว  แม้อากาศรอบตัวจะร้อนจัด  ตัวเบาหวิว  ร่างบางนั้นหมดสติทรุดลงกับพื้น

     

    เจ้าชายแรร์เน็สรีบออกตามหา เมื่อพบว่าเจ้าหญิงหายไป  ในที่สุดก็ตามมาทัน  เห็นเจ้าหญิงเป็นลมฟุบอยู่กับพื้น  รีบเข้ามาประคองร่างนั้นไว้ทันที

     

    ครู่หนึ่งเจ้าหญิงเฟรนลี่จึงรู้สึกตัว

     

    เจ้าจะไปไหน  เห็นมั้ย  ไม่ยอมกินอะไร  ถึงได้เป็นลมเป็นแล้งอย่างนี้”  เจ้าชายแรร์เน็สดุเสียงเครียด กึ่งเป็นห่วงระคนกัน

     

    เจ้าหญิงขยับตัวออกจากการประคองไว้ของเจ้าชาย

     

    บุรุษผมเทายื่นปลาย่างมาตรงหน้า  “ทีนี้เจ้าต้องกินนะ   ถ้าเจ้าไม่ยอมกิน  ข้าจะเชือดไอ้พวกนี้ให้หมด  จนกว่าเจ้าจะยอมกิน

     

    หญิงสาวเบิกตาโต  เมื่อมองเห็นไก่ป่า  กระต่ายป่า  อย่างละสี่ห้าตัวถูกมัดไว้  สัตว์เหล่านั้นกำลังดิ้นรน  กระสับกระส่ายอย่างรู้ชะตากรรมของตัวเอง

     

    ไม่นะแรร์เน็ส  เจ้าอย่าทำนะ”  เจ้าหญิงเฟรนลี่ร้องเสียงหลง

     

    ถ้าเจ้ายอมกินปลาย่าง  ข้าก็จะไม่ฆ่ามัน”   แล้วใช้ดาบเงินเชือดคอไก่อย่างรวดเร็ว  ไก่ตัวนั้นคอพับลงทันที  เลือดแดงไหลทะลักออกมาราวกับเปิดก๊อก

     

    ไม่…..!!!!!  อย่า….…..….!!”  เจ้าหญิงกรีดร้องจนสุดเสียง

     

    มันรวดเร็วมาก  ไก่ยังไม่ทันรู้สึกเจ็บหรอก  เจ้าไม่ต้องกลัวนะ”  เจ้าชายแรร์เน็สยิ้มเยาะที่มุมปาก  แล้วลงมือเชือดกระต่ายอีกตัวทันที

     

    ไม่!!!  อย่าทำ!!  ได้โปรด…”  เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคถลาเข้าไปจับมือเจ้าชายไว้

     

    ข้ายอมแล้ว……ข้ายอม...แล้..ว...ว...”  น้ำตาพาลไหลรินออกมาด้วยความสงสารไก่และกระต่ายตัวนั้นเหลือเกิน  และไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุให้สัตว์สองตัวนั้นต้องตายอย่างนี้

     

    ================ 

     

    เจ้าชายแรร์เน็สเดินกลับมาเกือบถึงกระท่อมร้าง   มองเห็นเจ้าหญิงเฟรนลี่สลบหมดสติอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมร้าง   รีบวิ่งเข้าไปหาทันที  วางถุงย่ามลงกับพื้นโดยพลัน  ประคองร่างแน่นิ่งของเจ้าหญิงไว้ในอ้อมแขน  สีหน้าของเธอยังดูอิดโรยอยู่มาก  ครู่หนึ่งร่างในอ้อมแขนกลับกรีดร้องด้วยความตกอกตกใจ  เจ้าชายรีบจับมือของเจ้าหญิงเอาไว้

     

    เฟรนลี่!!”  เจ้าชายผมเทาพยายามเรียกเจ้าหญิงให้ตื่นจากฝันร้าย

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายเหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายเต็มใบหน้าสวยนั้น  หายใจหอบถี่   มองหน้าเจ้าชายแรร์เน็สด้วยความตกใจกลัว  แล้วรีบผลักตัวเจ้าชายออกไป  ถอยตัวเองออกมาให้ห่างอย่างเร็วที่สุด 

     

    เฟรนลี่!!  เจ้าเป็นอะไร!!  เกิดอะไรขึ้น!”

     

    ดวงตาสีมรกตมองไปมารอบ ตัว   ไม่มีไก่กับกระต่ายที่ถูกมัดไว้   ไม่มีเลือด  ไม่มีซากศพของไก่กับกระต่ายสองตัวนั้นที่โดนเชือด  

     

    ฝันไป….”  เธอจึงหายใจออกอย่างโล่งอก

     

    เจ้าชายหยิบย่ามมาวางตรงหน้าเจ้าหญิงเฟรนลี่  ข้างในย่ามมีแต่ผลไม้ป่าเต็มไปหมดเลย

     

    ทีนี้กินได้หรือยัง”  เจ้าชายถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

     

    ริมฝีปากบางของเจ้าหญิงจึงค่อย คลี่ยิ้มออกมาได้  ความตกอกตกใจผ่อนคลายหายไปอย่างหมดสิ้น  รอยยิ้มแห่งความสุขเข้ามาแทนที่  พลางค้อมศีรษะลงเป็นการขอบคุณชายหนุ่ม  ก่อนหยิบผลไม้เข้าปากกัดกินอย่างเอร็ดอร่อยและหิวกระหายเต็มที่

     

    แรร์เน็สเจ้าไม่ได้ใจร้ายเหมือนในฝันข้าดีใจเหลือเกิน  ขอบคุณมาก นะ

     

    เจ้าชายแรร์เน็สมีสีหน้าที่ดูดีขึ้น  แค่ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าหญิง  ทำให้รู้สึกสบายใจ  หายเหนื่อย  หายกังวลใจ  ราวกับจะทำให้ได้ทุกอย่าง  ขอให้เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตคนนี้มีรอยยิ้มก็เพียงพอแล้ว

     

    ================ 

     

    ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นัก  มีแสงสว่างลอดผ่านจากช่องด้านบนได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น  จึงทำให้ห้องมืดสลัว  และดูอับ   มีเตียงเก่า ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง  มีผนังอยู่เพียงสามด้าน  ด้านที่เหลือประกอบด้วยท่อนเหล็กเป็นซี่ เรียงกันเป็นกรงขังดีดีนี่เอง

     

    หญิงสาวเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องขัง  สมองครุ่นคิดอย่างหนัก  เกิดคำถามขึ้นมาอย่างมากมาย  คำพูดของชายหนุ่มคนนั้นจะเชื่อถือได้หรือไม่  คนที่ลอบเข้ามาหาเธอเมื่อสามวันก่อน   เธอควรทำตามที่เขาบอกหรือไม่   แต่เธอไม่มีทางเลือกเอาเสียเลย  หากทุกคำพูดที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง   เธอควรอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือเขา  ที่สำคัญเธอไม่สนใจว่าเธอจะหนีรอดออกจากที่นี่ได้หรือไม่   ขอเพียงเธอได้มีโอกาสแก้แค้นให้พ่อแม่ของเธอ   เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว   เหลือวันนี้อีกเพียงวันเดียว  เธอจะต้องเข้าพิธีเซค์แล้ว  เธอจะทำอย่างไรดี?

     

    มองดูไม้เล็กแหลมคมสามอันที่เขาให้ไว้ติดตัวเพื่อใช้ยามจำเป็น  โดยเฉพาะเมื่อพบหัวหน้ากบฎริกเกอร์  แล้วรีบเก็บซ่อนอาวุธดังกล่าวเอาไว้ทันที  เมื่อได้ยินเสียงโซ่ตรวนดังขึ้นจากการไขกุญแจประตูเหล็กด้านบน   เสียงรองเท้าและการเดินหนัก ลงบรรไดหิน  เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา  กุญแจโซ่ขนาดใหญ่หน้าห้องขังของเธอถูกไขให้เปิดออก  ร่างยักษ์ของโจรหน้าตาดุดันโผล่หน้าเข้ามา

     

    ข้าได้รับคำสั่งให้มาพาเจ้าไปตรวจร่างกาย  และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เพื่อรอเข้าพิธีเซค์ในวันพรุ่งนี้”  สิ้นเสียงกร้าว  เธอถูดฉุดกระชากลากตัวไปทันที

     

    หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว   หญิงสาวถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าขมุกขมอมและคลุกไปด้วยขี้ฝุ่นและขี้ดิน  เป็นชุดสีขาวสะอาดตา  ความงามของวัยสาว  ผิวพรรณอันผุดผ่อง  ทำให้เธอกลายเป็นหญิงงามในพริบตา

     

    ดวงตาคู่งามนั้นสะดุดเล็กน้อยเมื่อถูกนำตัวมาตรวจร่างกาย  เธอจำได้เขาคือคนที่ลอบเข้าไปพบเธอในห้องขังเมื่อสองวันก่อน  ที่แท้เขาเป็นหมอในค่ายโจรนี่หรอกหรือนี่แสงสว่างทำให้มองเห็นใบหน้าอันอ่อนโยนและความคมเข้มบนใบหน้าชายหนุ่มชัดเจน

     

    โปรดนำมือของเจ้าออกมาวางข้างหน้า”  น้ำเสียงสุภาพที่เอ่ยขึ้น  ทำให้หญิงสาวแปลกใจ  ในความแตกต่างของกิริยาหมอโจรหนุ่ม  ที่แตกต่างจากโจรคนอื่นโดยสิ้นเชิง 

     

    ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่งราวกับกำลังอ่านใจของกันและกัน

     

    ซีนิธสังเกตสีเล็บทุกนิ้วของเธอเป็นเป็นมันเงาวับ และเป็นสีชมพูระเรื่อ  แสดงถึงสุขภาพโดยรวมของเธอสมบูรณ์ดี   แล้วยกมือแตะข้อมือของหญิงสาวแผ่วเบาด้วยความสุภาพเผื่อจับดูชีพจรการเต้นของหัวใจ   และตรวจเบื้องต้นส่วนต่าง ของร่างกายจนเสร็จเรียบร้อย

     

    สุขภาพของเจ้าแข็งแรงดี  ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  ทำอะไรด้วยสติ  อย่าตื่นเต้นตกใจจนเกินไป”  สองประโยคสุดท้ายราวกับจะบอกบางสิ่งบางอย่างอยู่นัย

     

    ขอให้เจ้าเชื่อข้านะ

     

    สาวน้อยพยักหน้ารับ

     

    ===================== 

     

     

    วันใหม่เดินทางมาถึง  บริเวณพิธีเซค์ผ้าสีขาวถูกขึงจนตึงล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยม  โต๊ะยันต์พิธีตั้งอยู่ด้านหน้าของกระโจมสีขาวซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก  มีทางเข้าออกได้อยู่เพียงทางเดียว  ทหารโจรรายล้อมอยู่ด้านนอกของผ้าสีขาวเป็นพันนาย  เมื่อดวงตะวันเคลื่อนตัวมาตรงศีรษะ เป็นเวลาฤกษ์ดีที่สุดที่จะประกอบพิธี

     

    กระถางไฟถูกจุดขึ้นหมายถึงพิธีกรรมเริ่มต้นขึ้นแล้ว  เสียงสวดมนต์ร่ายคาถาเสียงต่ำ ประสานเสียงกันดังคลอตลอดเวลาของเหล่านักพรต  เพิ่มความขลังและศักดิ์สิทธิ์   เมฆหมอกสีเทาทะมึนเริ่มเคลื่อนตัวมาบดบังดวงอาทิตย์ให้หม่นมัว  ลมพัดแรงจนใบไม้เอนลู่ไหวไปเป็นทางเดียวกัน  เสียงลมอื้ออึงอล  หวีดหวิว  และเสียงใบไม้เสียดสีกันปะปนกับเสียงร้องโหยหวนของปิศาจดังกึกก้องทั่วสารทิศ  ท้องฟ้าปรากฎสายฟ้าแลบแปลบปลาบ   รอบนอกของพิธีเกิดฝนตกหนักอย่างบ้าคลั่ง 

     

    บรรดาระดับหัวหน้าโจรยืนเข้าแถวหน้ากระดานขนาบข้างซ้ายขวาลดหลั่นกันตามฐานะ  หัวแถวด้านขวาปรากฏร่างของหนุ่มใหญ่  ขุนโจรวาร์เดอร์หัวหน้าโจรฝ่ายขวายืนนิ่งด้วยความสงบเมื่อมองจากภายนอก  แต่ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวลในตัวบุตรชายยิ่งนัก

     

    หัวหน้ากบฏริกเกอร์ยืนนิ่งมองสาวน้อยในชุดสีขาวถูกนำตัวเข้ามาในปะรำพิธี    เมื่อเดินมาใกล้ถึงโต๊ะยันต์พิธีศักดิ์สิทธิ์  ทหารโจรสองคนจึงปล่อยมือจากแขนของหญิงสาว   ก่อนถอยหลัง  โค้งคำนับให้หัวหน้ากบฎอย่างนอบน้อม  แล้วหันหลังเดินออกไป

     

    เจ้าชื่ออะไร”  เสียงอันทรงพลังเอ่ยถาม 

     

    ชายหนุ่มใหญ่อยู่ในชุดขาวสะอาดตาเช่นกัน  บุคลิกน่าเกรงขาม ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่า  หยักโศกเล็กน้อย  เพิ่มความคมเข้มของใบหน้าอันหล่อเหลา  รอยยิ้มน้อย ที่มุมปากทำให้เขาดูมีเสน่ห์  ดวงตาคมเข้มสีนิลที่ไม่เคยครั่นคร้ามหวาดกลัวต่อสิ่งใดคู่นั้น  แฝงความเลือดเย็น และร้ายลึกซ่อนอยู่ข้างใน  ถึงแม้เขาจะมีอายุเกือบหกสิบปี  แต่ยังดูหนุ่มมากและเต็มไปด้วยพละกำลังความแข็งแกร่งดุจพญาราชสีห์

     

    หญิงสาวพยายามมีสติ  แม้จะยังอดตื่นเต้นไม่ได้  ได้ยินเสียงเต้นรัวของหัวใจของตัวเองดังอยู่ตลอดเวลา 

     

    ข้าชื่อเพอลี่  แดนเทียน์” 

     

    มหาโจรหนุ่มใหญ่สบตาของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่ง   เธอรู้สึกแปลกเหมือนสูญเสียการควบคุมตนเอง  หลังจากสบตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจคู่นั้นแล้ว  ราวกับตกอยู่ภายใต้มนต์สะกด

     

    หนุ่มใหญ่ยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า

     

    สาวน้อยวางมือของตนเองลงบนฝ่ามืออันใหญ่โตของบุรุษตรงหน้า  เขาสัมผัสมือของเธอแผ่วเบา พาเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์  ความรู้สึกเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นที่เธอรับรู้ความเป็นตัวของตัวเองได้  นอกนั้นไม่อาจฝืนความต้องการของบุรุษชุดขาวข้างกายได้เลย

     

    ซีนิธเตรียมพร้อมแล้วใช่มั้ย….??”  ความรู้สึกเลือนลางที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดเหมือนเป็นเพียงเส้นด้ายบางเบาแห่งความกังวลใจ

     

    พิธีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว……..

     

    ============ 

     

     

     

    ด้านนอกของพิธีเซค์ฝนกำลังตกหนัก  ทะเลเมฆสีเทาดำทะมึนครอบคลุมพื้นที่ไว้ทุกทิศทุกทาง  ทั้งเสียงฟ้าเสียงฝนคำรามกึกก้องกัมปนาท  ราวกับระคนเสียงปิศาจโหยหวน   บานหน้าต่างที่ปราศจากแสงแห่งตะวันในยามบ่ายคล้อยหม่นมัวไปถนัดตา   ละอองฝนสาดกระเซ็นเข้ามาในห้องบางเบา  คราบของน้ำส้มแห้งกรังอยู่ในแก้วน้ำทรงสูงบนโต๊ะไม้ข้างเตียงนอน     บนเตียงหนานุ่ม  บุตรชายของขุนโจรฝ่ายขวานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนั้น  ทั้ง ที่เขาไม่ใช่คนนอนตื่นสายจนถึงเวลาบ่ายคล้อยเช่นนี้  มิหนำซ้ำวันนี้เขาจะต้องตื่นเพื่อทำภารกิจสำคัญตามที่ได้ตั้งใจไว้  แต่ไม่อาจต้านทานฤทธิ์ยานอนหลับจากน้ำส้มคั้นที่ดื่มก่อนนอนไปเมื่อคืนนี้ 

     

    ครู่ใหญ่ชายหนุ่มบนเตียงขยับตัวเมื่อฤทธิ์ของยานอนหลับหมดลง  ลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ  รีบลุกพรวดขึ้นนั่ง

     

    ตายล่ะ!”  ชายหนุ่มหันขวับ  มองออกไปนอกหน้าต่างทันที  เห็นม่านฝนหนาทะมึนหม่นมัวไปหมดทุกสารทิศ  แสดงว่าพิธีเซค์ยังไม่สิ้นสุด   แล้วลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว  แม้จะมีอาการมึนศีรษะอยู่ไม่น้อย   ก่อนลุกขึ้นมองเห็นแก้วน้ำส้มที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน  หยิบขึ้นมามองพลางขมวดคิ้วย่นราวกับนึกอะไรบางอย่างออก  แล้วกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ  รีบรุดออกจากบ้านทันที

     

    ซีนิธ!!  เจ้าจะไปไหน”  แคร์เซียรีบตะโกนตามหลัง  พลางวิ่งเข้ามาดึงแขนบุตรชายของเจ้าของบ้านเอาไว้  ก่อนที่เขาจะก้าวพ้นประตูบ้านออกไป

     

    ท่านใช่มั้ย?”  ซีนิธจ้องหน้าสาวใช้  “วางยานอนหลับข้า!”  เขาพูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

     

     

    เจ้าจะไปไหน  ท่านวาร์เดอร์สั่งให้เจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าท่านจะกลับมา ห้ามออกไปไหนทั้งนั้นแคร์เซียไม่ตอบคำถามบุตรชายของหัวหน้าโจรใหญ่  กลับถามคำถามกลับไปทันที

     

    ท่านพ่อเป็นคนสั่งท่านให้วางยาข้าใช่มั้ย?” บุตรชายหัวหน้าโจรฝ่ายขวาเค้นหาคำตอบจากเธอ

     

    ท่านวอร์เดอร์ห่วงเจ้าที่สุดนะ ซีนิธ”  แคร์เซียพูดเสียงอ่อนลง

     

    ท่านคิดว่าข้าจะไปไหน แคร์เซียชายหนุ่มลดเสียงกร้าวลง  เขารู้ดีถึงความเป็นห่วงของบิดา  และรู้ดีว่าสิ่งที่เขาจะทำนี้  ต้องสร้างความลำบากให้กับบิดาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

     

    ข้าไม่รู้…  รู้แต่เจ้าอย่าไปเลยนะ  มันอันตราย  เชื่อท่านพ่อเถอะ”  มือที่จับมือชายหนุ่มบีบแน่นขึ้น  เธอรู้สึกเป็นห่วงเขาเหลือเกิน 

     

    ข้าทรยศต่อความรู้สึกผิดของข้าไม่ได้อีกแล้ว  และข้าจะไม่ยอมมอบตนบนทางผิดอีกต่อไป ถ้าข้าอยู่ต่อ  ข้าจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต  ข้าต้องไป”  น้ำเสียงนั้นหนักแน่นด้วยวิญญาณแห่งการเป็นนักสู้  และจะไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบากใด   ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้านี้

     

    ซีนิธกุมมือของแคร์เซียเอาไว้  พลางจ้องหน้าหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับมารดาของตน

     

    ฝากดูแลท่านพ่อด้วยนะ

     

    แล้วโอบกอดเธอเอาไว้   ผู้หญิงคนนี้เปรียบเสมือนแม่แท้   คอยดูแลเขามาตลอดตั้งแต่เล็ก  หลังจากแม่ของเขาตายจากไป

     

    สาวใหญ่กอดเด็กหนุ่มไว้แน่นด้วยความรักและอาทรราวกับเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเช่นกัน  มือเล็ก ของเด็กชายตัวน้อยที่เคยโอบกอดเธอไว้  บัดนี้เติบใหญ่จนเธอกลายเป็นคนตัวเล็กไปแล้วสำหรับเขา  และตอนนี้เธอกลับโอบตัวเขาไม่ถึงเสียแล้ว  เธอรู้ดีว่าไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจของเขาได้เลย  ไม่เคยคิดว่าเขาจะกล้าขนาดนี้  หลายคนอาจยอมจำนนต่อความรู้สึกผิดในใจ  แม้จะรู้ว่าไม่ดีก็ตาม  โดยไม่กล้าเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตัวเอง  เพราะเกรงจะเกิดผลกระทบและปัญหาต่าง ตามมา   แต่บุตรชายของขุนโจรวาร์เดอร์หาเป็นเช่นนั้นไม่

     

    ขอบคุณที่ท่านดูแลข้ามาตลอด  บุญคุณของท่าน  ข้าจะจดจำไว้ตลอดไป  ผู้หญิงที่ข้ารักรองจากท่านแม่ก็คือท่านนะ  แคร์เซีย…” จบประโยคนั้น  เขาถอยตัวออกมา

     

    อย่าไปนะ  ซีนิธ…  ข้าขอร้อง…..”   น้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอดวงตาคู่นั้นไว้   เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายข้างหน้ากำลังจะมาเยือน

     

    ขอโทษที่ข้า  ทำตามที่ท่านขอร้องไม่ได้  ดูแลตัวเองด้วยนะแล้วตัดใจเดินจากไปทันที

     

    ซีนิธ!!!  อย่าไปนะ!!”  แคร์เซียพยายามตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าฝนที่ดังกระหน่ำรัวอย่างบ้าคลั่ง

     

    ซีนิธได้โปรดอย่าไป   กลับมาซีนิธซีนิธ….”  เธอพยายามเรียกเขากลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า  มองเขาวิ่งฝ่าฝนตกหนักออกไป

     

    ซีนิธผิวปากเรียกม้าสีหมอกคู่ใจ  ไม่นานม้าตัวโปรดคู่ยากของเขาวิ่งฝ่าฝนออกมา   เขากระโดดขึ้นขี่ม้าอย่างคล่องแคล่วแล้วควบหายลับไปในม่านฝนหนาทึบ

     

    ซีนิธ…………..!!!”  ไม่ว่าจะพยายามเรียกเขากลับมาสักกี่ครั้ง  ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของเขาได้เลย

     

     

    แคร์เซียทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้  เธอจะทำอย่างไรดี  ทั้งที่รู้ว่า  มีอันตรายรอเขาอยู่เบื้องหน้า  แต่กลับไม่สามารถห้ามปรามเขาไว้ได้เลย  ครู่หนึ่งเธอคิดอะไรบางอย่างออก  รีบเช็ดน้ำตา  หักห้ามความเสียใจ   แล้วลุกขึ้น  เธอจะไม่มัวนั่งเสียใจเอาแต่ร้องไห้โดยไร้ประโยชน์เช่นนี้   เธอจะไม่รออยู่ที่นี่ด้วยความกระวนกระวายใจอย่างนี้เด็ดขาด  รออยู่อย่างสิ้นหวัง   รออยู่อย่างไม่ทำอะไรเลย  รออยู่อย่างยอมจำนน  อย่างน้อยเธอต้องรีบไปแจ้งเรื่องนี้ให้ขุนโจรวาร์เดอร์รับรู้    แม้ว่าจะเป็นการทำผิดกฏของค่ายริกเกอร์อย่างร้ายแรงก็ตาม   เพราะในขณะทำพิธีเซค์ห้ามผู้หญิงออกจากบ้านโดยเด็ดขาด  แต่เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้น  ในใจมีแต่ความเป็นห่วงซีนิธเพียงอย่างเดียว   หญิงสาวรีบใส่เสื้อกันฝน  แล้วเดินฝ่าฝนตกหนักออกไป 

     

    ด้านนอกลมแรง  ต้นไม้ซัดส่ายไปมา  เสียงฟ้าคำรามดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั้งฟ้า  บรรยากาศรอบข้างเย็นเฉียบด้วยน้ำฝน  รอบด้านเต็มไปด้วยมืดหม่นมัว  อึมครึม  น่าสะพึงกลัวยิ่งนัก  แต่ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น  เธอไม่คิดถอยหลังกลับแน่นอน  ขณะเดินไปต้องคอยระมัดระวัง  คอยหลบทหารโจรที่กระจายกำลังเฝ้าอยู่ตามจุดต่าง

     

    เจ้ากำลังจะไปไหน”   เสียงกร้าวกระแทกกระทั้นดังขึ้นข้างตัว   มือหนัก ตบลงบนบ่าของเธอ    แคร์เซียหันขวับไปมองเจ้าของมือทันทีด้วยความตกใจ   และที่ตกใจยิ่งกว่านั้น  เขาเป็นโจรหนุ่มที่เคยจะขืนใจเธอเมื่อสิบปีก่อน

     

    อ้าวแคร์เซียเองหรอกหรือ….ไม่เจอกันสิบปี  เจ้ายังคงความสาวและความงามไม่เปลี่ยนไปเลย”   เสียงกร้าวร้าวเมื่อครู่อ่อนลง  มองเธอด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย  ไม่ต่างจากเมื่อสิบปีก่อนแม้แต่น้อย

     

    เวลานี้  เขาห้ามผู้หญิงออกจากบ้าน  เจ้าออกมาทำไม”  มือของเขายังไม่ยอมละออกจากหัวไหล่ของเธอ  บีบไหล่หญิงสาวแน่นขึ้น  มืออีกข้างยื่นไปเชยคางหญิงสาว  คิ้วดกหนานั้นขมวดเป็นปมเล็กน้อย

     

    แคร์เซียขยับใบหน้าออกจากฝ่ามือของโจรหนุ่ม  พยายามมีสติ  แม้จะรู้สึกลัวผู้ชายคนนี้เหลือเกิน  ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

     

    ข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปเรียนท่านวาร์เดอร์  ได้โปรดกรุณาหลีกทางให้ด้วย

     

    เจ้ายังคงจงรักภักดีวาร์เดอร์อยู่ทำไม  ในเมื่อเขาไม่เคยรักเจ้าเลย  อกของข้ายังว่างสำหรับเจ้าเสมอนะ”  ไม่พูดเปล่าสองแขนอันทรงพลังดึงกระชากร่างบางเข้ากระแทกกับแผ่นอกแข็งแรงของเขา

     

    หญิงสาวเกร็งตัว  ขืนตัวฝืนไว้  หัวใจเต้นแรงขึ้น ด้วยความกลัวเหลือเกิน  กลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิม

     

    ข้าเป็นคนของท่านวาร์เดอร์แล้ว  ได้โปรดกรุณาให้เกียรติข้าด้วย

     

    คำก็วาร์เดอร์สองคำก็วาร์เดอร์ทำไมในใจเจ้าถึงมีแต่เค้าข้าอยากรู้นัก!”   ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธปนกับความอิจฉาหัวหน้าโจรใหญ่  ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวในค่ายริกเกอร์ทำไมถึงได้พากันสนอกสนใจพ่อลูกสองคนนี้กันนักหนา  ไม่ว่าจะเป็นวาร์เดอร์  หรือเป็นซีนิธ  ต่างมีแต่สาว หมายปองมากมาย

     

    และถ้าเจ้าเป็นของข้า  เจ้าที่วาร์เดอร์ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว  จะเป็นเช่นไร”  ชายหนุ่มยิ้มหยัน  จ้องหน้าหญิงสาวในอ้อมแขน  ที่ใบหน้าห่างกันเพียงคืบเดียว 

     

    อย่านะเจ้าอย่าทำอะไรบ้า นะ”  เธอจ้องหน้าเขาเขม็ง  พยายามจะผละตัวออก  แต่ยิ่งขยับตัวก็ยิ่งถูกพละกำลังของชายหนุ่มกอดรัดเอาไว้แน่นขึ้น

     

    ถ้าเจ้ายอมเป็นของข้าดีดี  เจ้าจะได้ไม่เจ็บตัว  และข้าจะปล่อยเจ้าไปหาวาร์เดอร์ด้วย  โอเคมั้ยจ๊ะ!”  เขากระซิบบอกข้างหูหญิงสาว  ลมหายใจอุ่น ของโจรหนุ่มกระทบผิวแก้มของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนก้มลงฝังรอยจูบบนแก้มนวลของหญิงสาว

     

    แคร์เซียรีบหันใบหน้าหลบอย่างรังเกียจ 

    ไม่มีทางข้ายอมตายดีกว่า”  เธอรู้ดีว่า  ถึงแม้เธอจะยอม  ชายผู้นี้ก็ไม่มีวันรักษาคำพูด  ถึงเธอจะไม่ยอม  เขาจะต้องขืนใจเธอให้ได้

     

    ใจเด็ดจริงนะ  ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าตายหรอก  ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด  อย่างที่ไม่เคยรับมาก่อน”  แล้วหัวเราะเสียงดังอย่างผู้มีชัยชนะ

     

    ข้าอยากรู้ว่าวาร์เดอร์จะช่วยเจ้าได้อีกครั้งมั้ย  คราวนี้  ฮ่าฮ่าฮ่า…” พลางระเบิดเสียงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างสะใจ

     

    แคร์เซียก้มลงกัดมือของโจรหนุ่มอย่างสุดแรงเกิด

     

    โอ๊ย!”

     

    จังหวะนั้นเองเธอรีบผละออกมาจากอ้อมกอดของโจรถ่อย  พยายามวิ่งหนีให้เร็วที่สุดอย่างสุดชีวิต

     

    ฤทธิ์เยอะนักนะแบบนี้ข้าชอบ”  แล้วส่งเสียงหัวเราะระรัวราวกับคนบ้า  วิ่งตามเธอไปอย่างไม่ลดละ

     

    ช่วยด้วย!!  ใครก็ได้ช่วยที”   เธอวิ่งไปพลางตะโกนแข่งกันเสียงฟ้าเสียงฝนที่ตกหนักราวกับฟ้ารั่วอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  น้ำที่ขังบนพื้นดินแตกกระจายตามการวิ่งของเธอ

     

    มือแข็งแรงคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน  หญิงสาวรีบสะบัดอย่างแรงจนหลุดเป็นอิสระ  สิ่งที่มือของโจรหนุ่มคว้าไว้ได้คือเสื้อกันฝนของหญิงสาวเท่านั้น  โจรร่างยักษ์ยังคงวิ่งตามเธอไปอย่างไม่ลดละ  และคว้าตัวเธอได้ในที่สุด  เสื้อสีขาวของหญิงสาวเปียกปอนลีบติดกายจนมองเห็นผิวสีเนื้อด้านใน  และทรวดทรงองเอวของหญิงสาวชัดเจนขึ้น  เธอพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลัง  แต่ไม่อาจต้านทานกำลังมหาศาลของเขาได้เลย  โจรยักษ์แบกเธอขึ้นบ่า   และไม่สนใจว่าเธอจะระดมรัวตีเขาและดิ้นรนขนาดไหน  แล้วพาหลบเข้าเพิงป้อมยามที่อยู่ใกล้ที่สุด

     

    เขาวางเธอลงบนเตียงไม้  แล้วแสยะยิ้มอันแสนน่ากลัว   เขารอเวลานี้มานานเหลือเกิน   ไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริงได้ในวันนี้  โจรหนุ่มไม่รอช้ารีบกระโดดขย่ำเหยื่อไว้ทันที  เสื้อของเธอถูกเขากระชากจนฉีกขาด  เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนียนอันงดงามบริเวณลำคอและเนินไหล่

     

    ไม่………..!!!  ออกไปนะ!!” 

     

     

     

     

    มือทั้งสองพยายามดันใบหน้าของโจรเลวที่เต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรังราวกับฝอยขัดหม้อ  ที่พยายามก้มหน้าเข้ามาใกล้ทุกที เขาระดมจูบมือของเธอที่พยายามผลักไสไล่ส่งเขาออกไปอย่างสุดกำลัง   ทำให้หญิงสาวรู้สึกขยักแขยงเต็มที่  กำลังที่ยั้บยั้งการคุกคามของโจรหนุ่มจึงลดลง  มีผลให้สองมืออันหยาบกร้านของโจรร้ายดึงมือสองข้างของเธอออกอย่างง่ายดาย  แล้วล็อคมือสองข้างนั้นลงกับพื้นเตียง  ก้มหน้าลงหมายสัมผัสผิวเนียนนุ่มที่เขาเคยฝันใฝ่ด้วยความเสน่หามาแสนนานด้วยความหื่นกระหาย

     

    พลั่ก!!”

     

    เสียงท่อนไม้ขนาดใหญ่ฟาดเข้าเต็มแรงที่ต้นคอของโจรระยำอย่างสุดแรงเกิด  ร่างนั้นเซหันไปตามแรงกระแทกล้มฟุบลงแน่นิ่งทันที  แล้วระดมฟาดซ้ำอย่างเดือดดานด้วยไฟแห่งโทสะ  ชายหนุ่มกระชากคอเสื้อของไอ้ชาติชั่วเหวี่ยงไปอีกทางหนึ่งให้พ้นออกจากตัวหญิงสาว

     

    ท่านไม่เป็นไรใช่มั้ยแคร์เซีย…”   รีบถลาเข้าไปหาด้วยความร้อนใจ  พลางถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก  ประคองเธอให้ลุกขึ้น   แล้วคลุมเสื้อห่อตัวหญิงสาวเอาไว้

     

    ซีนิธ!!”  เธอโผเข้ากอดเขาร้องไห้โฮ

     

    ข้ามาทันใช่มั้ยบอกข้าสิ?”  เขาภาวนาขอให้เป็นเช่นนั้น  มิฉะนั้นแล้วเขาคงรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต   สองมือโอบกอดร่างหญิงสาวที่เขารักราวกับเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดประมาณมิได้

     

    แคร์เซียพยักหน้าทั้งน้ำตากอดเขาแน่น 

     

    ข้าไม่เป็นไรแล้วขอบใจเจ้าเหลือเกินขอบใจจริงจริง

     

    โชคดีที่เขาตัดสินใจวกกลับมาตรวจดูหลุมพรางตามแผนที่ทำไว้  และตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการรับมือกับมหาโจรริกเกอร์  จนได้ยินเสียงกรีดร้องของแคร์เซีย

     

    ท่านมาที่นี่ทำไม  ถ้าท่านเป็นอะไรไป  รู้มั้ยว่าข้าจะเสียใจแค่ไหน”  ซีนิธยิงคำถามใส่เมื่อเห็นเธอคลายความตกใจกลัวลงแล้ว

     

    ข้าไม่สบายใจ  เมื่อรู้ว่าเจ้ากำลังอยู่ในอันตราย  ข้าจะไปบอกท่านพ่อของเจ้า”  แล้วบีบมือของบุตรชายของขุนโจรฝ่ายขวาไว้แน่น

     

    อย่าไปเลยนะ  ซีนิธ  ข้าเป็นห่วงเจ้า”   แม้เธอจะรู้ดีว่าไม่อาจยั้บยั้งเขาไว้ได้  แต่ยังไม่วายพยายามขอร้องให้เขาเปลี่ยนความตั้งใจ

     

    ผู้อ่อนวัยกว่ากุมมือแคร์เซียเอาไว้  “ข้าไม่ไปไม่ได้  ท่านอย่าห่วงข้าเลย  ข้าอยากให้ท่านเข้าใจข้า  ได้มั้ย…”  แล้วจ้องมองเธออย่างขอร้อง

     

    งั้นให้ข้าไปด้วยนะ  ข้าจะได้ช่วยเจ้าอีกแรง”  

     

    มันอันตราย  ข้าไม่อยากกังวลใจ  และละล้าละลังเป็นห่วงท่าน  ท่านอย่าไปเลยนะ  ถ้าท่านอยากช่วยข้าจริง ขอให้ท่านกลับไปอยู่ที่บ้านรอข้าที่ห้องลับใต้ดิน”  เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น

     

    รับปากข้าสิ  แคร์เซีย…”

     

    แคร์เซียพยักหน้ารับคำอย่างเสียไม่ได้  เธอไม่อยากทำให้เขาเป็นห่วงหรือกังวลใจไปมากกว่านี้

     

    ข้าต้องไปแล้ว  อย่าลืมสิ่งที่ท่านรับปากกับข้าไว้นะ”   ชายหนุ่มปล่อยมือ

     

    เธอทำได้แต่มองเขาวิ่งหายไปในม่านฝนด้วยความเป็นห่วง

     

    ============

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×