คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เมื่อผู้อ่านคาถาปรากฏตัว
Real Rareness
เจ้าชายแรร์เน็สนั่งผิงไฟอยู่อย่างเงียบ ๆ ภายในถ้ำแห่งหนึ่งของป่าหนาทึบด้านตะวันออก บรรยากาศรอบตัวเย็นและชื้น เสียงลมภายนอกพัดกระหน่ำอื้ออึงอย่างรุนแรง เสียงฝนตกหนักราวกับบ้าคลั่ง ฟ้าส่งเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหวเป็นระยะ ๆ
“ฝนตกหนักมาเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว” เจ้าชายเอ่ยขึ้นเบา ๆ ราวกับรำพึงกับตัวเอง แววตาสีสนิมเหล็กจ้องมองเปลวไฟตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
“ก่อนผู้อ่านคาถาจะปรากฏตัวที่ป่าหนาทึบสีทองด้านทิศตะวันออก จะเกิดฝนตกหนักเจ็ดวันเจ็ดคืน และเกิดรุ้งกินน้ำสองวงฉายชัดบนท้องฟ้า ในกลางเดือนหก” เขาคิดถึงคำทำนายที่เคยได้ยินมา
“เหตุการณ์เกิดขึ้นหนึ่งอย่างแล้ว พรุ่งนี้ต้องรอดูต่อไป ถ้าพรุ่งนี้ผู้อ่านคาถาปรากฏตัวจริง ๆ ขอให้ข้าได้เจอก่อนใคร” เจ้าชายรู้สึกกังวลใจเพราะไม่มีผู้ทำนายคนไหนล่วงรู้ได้เลยว่าผู้อ่านคาถาจะเป็นหญิงหรือชาย เพียงแต่มีคนทำนายคนหนึ่งบอกไว้ว่า จะมีสัญลักษณ์ปานสีแดงรูปดาวที่ต้นแขนด้านซ้ายเท่านั้น
“ผู้เก่งการอ่านคาถาภาษาโบราณน่าจะเป็นชายมากกว่าเป็นหญิงนะ” สีหน้าเย็นชาของเจ้าชายมีความเครียดซ่อนอยู่
===========
เช้าวันใหม่มาถึง ฝนหยุดตกแล้ว เสียงใสแจ๋วของนกร้องคุยกันกระจุ๊กกระจิ๊กอยู่ตามยอดไม้ ท้องฟ้าปลอดโปร่งมองเห็นฟ้าสีคราม ไร้เมฆหมอกหนาทึบอย่างทุกวันที่ผ่านมา หยาดน้ำค้างสะท้อนแสงกับพระอาทิตย์เป็นประกายวับวาว บุรุษในชุดขาวหม่นเนื้อหยาบมองดูบรรยากาศรอบข้างที่เต็มไปด้วยความสดชื่น ทันทีที่รัศมีของพระอาทิตย์โผล่พ้นยอดเขาขึ้นมาเต็มดวง ทำให้ป่าหนาทึบทั้งป่ากลายเป็นสีทองจริง ๆ ฉับพลันนั้นเอง เกิดสายรุ้งเจ็ดสีข้ามผ่านขอบฟ้าราวกับสะพานไปสู่สรวงสวรรค์ ถึงสองวงด้วยกัน
“ทุกอย่างเกิดขึ้นครบตามคำทำนายไว้แล้ว”
ร่างสูงของเจ้าชายกระโดดขึ้นไปนั่งรออยู่บนต้นไม้สูงใหญ่อย่างว่องไว ดวงตาสีสนิมเหล็กมองนิ่งลงมาเบื้องล่างรอการมาเยือนของผู้อ่านคาถา
ไม่นานนัก ปรากฏร่างเล็กกระทัดรัดสวมชุดเทารัดกุม กำลังเดินมาอย่างรวดเร็ว ท่าทางระแวดระวังภัยอยู่ในที
“เจ้าเป็นใคร เจ้าจะใช่ผู้อ่านคาถาหรือไม่” เจ้าชายมองคนชุดเทาจากที่สูงอย่างไม่มั่นใจ กระชับดาบในมือแน่นขึ้นอย่างเตรียมพร้อมจู่โจมได้ทันที
“ผู้อ่านคาถา จะเป็นเด็กหนุ่มตัวนิดเดียวอย่างเจ้าหรือ?” เจ้าชายไม่อยากจะเชื่อว่า หนุ่มน้อยผู้นี้จะเป็นผู้ไขปริศนาภาษาโบราณบนดาบทองสีรุ้ง ซึ่งเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะเผยความลับของความวิเศษและมหัศจรรย์ ที่มีแต่ผู้เล่าขานกันมานานถึงพลังอำนาจมหาศาลของดาบทองสีรุ้ง
“หากเจ้าเป็นผู้อ่านคาถาจริง ข้าต้องฆ่าเจ้า ก่อนที่ใครจะแย่งชิงตัวเจ้าไปอ่านคาถาโบราณบนดาบทองสีรุ้งได้สำเร็จ ก่อนที่ความหายนะจะเกิดขึ้นบนโลกนี้”
บุรุษชุดเทาหยุดเดินแล้วก้มลงค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ในพุ่มไม้ สีหน้าแฝงความกังวล ขณะที่เสียงเล็กแหลมแผดร้องดังขึ้นอยู่ใกล้บริเวณนั้นอยู่ก่อนแล้วยิ่งดังขึ้น ๆ ครู่หนึ่งบรรจงประคองลูกนกตัวน้อยที่พลัดตกลงมาจากรังด้านบนของต้นไม้สูงใหญ่ แล้วพยายามปีนขึ้นต้นไม้เพื่อเอาลูกนกตัวน้อยกลับคืนสู่รัง
“เจ้าจะได้ไม่ต้องกำพร้าเหมือนข้าตอนนี้” หนุ่มชุดเทาพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
เจ้าชายเฝ้ามองการปีนป่ายขึ้นต้นไม้อย่างยากลำบากของบุรุษชุดเทา ดูท่าทางแล้วอาจจะตกลงมาตายทั้งคนทั้งนกหรือเปล่า?
แม้ต้นไม้ใหญ่จะลื่นเนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตก แถมยังเปียกและชื้น ปีนได้อย่างยากลำบากยิ่งนัก แต่คนชุดเทาไม่ละความพยายาม ในที่สุดก็ส่งลูกนกน้อยกลับคืนสู่รังได้สำเร็จ
“อยู่ดีๆ นะเจ้าหนู แล้วอย่าตกลงไปอีกล่ะ”
คนชุดเทาเอื้อมมือเปลี่ยนกิ่งไม้ที่ยึดไว้เตรียมปีนลงจากต้นไม้ แต่ทว่า!! กิ่งไม้นั้นภายนอกดูดีมั่นคงแข็งแรง แต่ด้านในผุกร่อน ไม่อาจต้านทานน้ำหนักตัวของเขาได้ หักโค่นลงพร้อมกับร่างของคนชุดเทาที่ลอยละลิ่วลงจากต้นไม้สูงทันที
เสียงร้องด้วยความตกใจของคนชุดเทาดังลั่น
ด้านล่างมีตะขาบยักษ์สีแดงเป็นมันเลื่อมเงาวาววับ ตัวใหญ่มหึมาราวกับเสกมาจากเวทมนตร์เลื้อยมาจากที่ใดไม่อาจทราบได้
“ตายล่ะ!” เจ้าชายตกใจกระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่ทันที
หนุ่มชุดเทาหล่นลงมากระแทกกับเจ้าตะขาบยักษ์แล้วกลิ้งไถลไปตามพื้นดิน ตะขาบยักษ์นัยน์ตาสีแดงจัด โกรธราวกับถูกจุดไฟไว้ในดวงตาคู่นั้น รีบขยับขานับร้อยคลานส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว มายังคนร่างเล็กหวังจะจมเขี้ยวพิษมรณะ
เด็กหนุ่มรีบพลิกตัวหลบก่อนที่เขี้ยวพิษของตะขาบยักษ์จะฝังลงบนร่าง แต่ทว่าเขี้ยวคมถากถูกต้นแขนเป็นทางยาวเกิดแผลลึก หนุ่มชุดเทาถอยหลังเบียดตัวเองกับต้นไม้ใหญ่อย่างสุดทางหนี เงาของเจ้าตะขาบยักษ์เคลื่อนเข้ามาใกล้จนบดบังแสงอาทิตย์ มองร่างตะขาบยักษ์ตรงหน้าตัวใหญ่มหึมาสูงท่วมหัว ทันใดนั้น! เจ้าตะขาบยักษ์ก็พุ่งตัวเข้ามาหา
“บีวาร์!!” หนุ่มชุดเทากรีดร้องเสียงหลงดังลั่นป่า ยกแขนป้องใบหน้าอย่างกลัวสุดขีด
ใจหายวาบนึกว่าต้องสิ้นชีวิตลง ณ วินาทีนั้นแล้ว รู้สึกตัวอีกที อยู่ในอ้อมแขนของบุรุษหนุ่มผมสีเทาเข้มบนต้นไม้สูง หัวใจยังเต้นโครมครามอย่างไม่เป็นจังหวะ
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เจ้าชายแรร์เน็สเอ่ยถามเสียงเรียบ พลางงงตัวเองว่าทำไมต้องช่วยเด็กคนนี้ด้วยนะ
คนฟังไม่เข้าใจภาษาที่ได้ยิน แต่จับจากน้ำเสียงที่แฝงความห่วงใยนั้นได้ พลางส่ายหัว
เจ้าชายพากระโดดลงสู่เบื้องล่าง เผชิญหน้ากับตะขาบยักษ์ ดาบสีเงินชี้ตรงไปยังตะขาบยักษ์ขนานกับพื้นดิน ปลายดาบสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายวาววับ หมายปลิดชีวิตของปิศาจร้าย
“อย่า….!!” เด็กหนุ่มรีบเข้าไปดึงมือเจ้าชายไว้ สีหน้านั้นวิงวอนขอร้อง
เจ้าชายหันมาขมวดคิ้วย่นยู่ยี่
“มันทำร้ายเจ้านะ”
หนุ่มชุดเทาไม่อาจรู้ความหมายของถ้อยคำที่ได้ยิน แต่เดาว่าเขาจะต้องบอกเหตุผลของการฆ่าตะขาบตัวนั้น
“เขาตกใจที่ข้าหล่นลงไปกระแทกโดนเขาเท่านั้นเอง ไม่ตั้งใจจะทำร้ายข้าหรอก ได้โปรดไว้ชีวิตเขาเถอะนะ”
เจ้าชายฟังภาษาคำพูดนั้นไม่รู้เรื่องเช่นกัน
“หยุดฆ่าฟันกันเสียทีเถอะ จะทำร้ายกันไปถึงไหน ข้าไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีกแล้ว ขอหยุดความแค้นทั้งปวงไว้ที่ตัวข้าเองได้หรือเปล่า”
คนชุดเทารั้งมือเจ้าชายเอาไว้ เขาสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความเมตตาอย่างประหลาด ถึงแม้จะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น แต่ก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ไม่กี่นาทีต่อมามือนั้นกลับเย็นลงอย่างรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง บุรุษผมเทารีบพาเด็กหนุ่มหนีไปจากตรงนั้นทันที
ร่างเล็กถูกวางลงบนพื้นหญ้าริมลำธาร บุรุษหนุ่มผมสีเทามองบาดแผลที่ต้นแขนของเด็กหนุ่มที่เป็นรอยไหม้ยาว เลือดยังไม่หยุดไหล ยกมือแตะแผลนั้นแผ่วเบา มีความร้อนแผ่รังสีออกมาตลอดเวลา
เด็กหนุ่มชักแขนหลบ
“เจ็บมากรึเปล่า… เจ้าโดนพิษตะขาบเข้าให้แล้ว ต้องถอนพิษ” เจ้าชายหันซ้ายหันขวา มองหญ้าที่ขึ้นริมลำธาร แล้วเด็ดหญ้าเหล่านั้นมาชิมดู มีรสขมฝาดและเฝื่อน
“ใช้ได้เลย” รีบเด็ดหญ้าที่ขึ้นริมลำธารมากำใหญ่ ๆ แล้วส่งให้เด็กหนุ่ม
“กินเข้าไป” เจ้าชายบอกเด็กหนุ่มพร้อมทำท่าทางประกอบให้เอาเข้าปาก
คนถูกสั่งมองหน้าคนสั่งอย่างงุนงง แม้จะไม่เข้าใจภาษานั้น แต่ก็พอเดาออก “กินหญ้าเนี่ยนะ ข้าไม่ใช่วัวใช่ควายนะ”
“อย่าบ่น!” แม้จะฟังไม่รู้ความแต่ก็เข้าใจว่าต้องการปฏิเสธ
“กินเข้าไปเร็ว ๆ” เจ้าชายไม่พูดเปล่ารีบฉีกหญ้าแล้วยัดเข้าปากเด็กหนุ่มอย่างไม่ปรานีปราศัย
เด็กหนุ่มจำใจฝืนกินหญ้า ทั้งขมทั้งฝาดและเฝื่อนสุด ๆ หลังจากโดนยัดเยียดเข้าปากอย่างไม่มีทางเลือก และเริ่มรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผลมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ข้าจะดูดพิษออกให้เจ้า” เจ้าชายขยับตัวเข้าไปใกล้
เด็กหนุ่มอยากจะขยับตัวถอยออกห่าง แต่หมดกำลังที่จะเคลื่อนไหวใด ๆ ความรู้สึกที่เหลือน้อยนิดกำลังจะดับวูบ
เจ้าชายฉีกแขนเสื้อบริเวณที่เป็นแผลฉกรรจ์นั้นออก ก่อนก้มลงดูดพิษจากบาดแผลนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่อยู่ในอ้อมแขนความรู้สึกเริ่มเลือนรางลงไปเรื่อย ๆ ก่อนหมดสติลง
ความร้อนแผ่ซ่านเข้าในไปในร่างของเจ้าชาย ประกอบกับความอ่อนเพลียและความเหน็ดเหนื่อย ทั้งยังชะล่าใจ ไม่กินหญ้าถอนพิษกันเอาไว้ก่อน การดูดพิษนั้น ทำให้พิษบางส่วนเล็ดรอดเข้าไปในร่างกายอย่างง่ายดาย แม้จะมีพละกำลังร่างกายที่แข็งแรง รวมทั้งยังมีพลังเย็นแฝงอยู่ในร่างกายก็ไม่อาจต้านทานพิษร้อนนี้ได้ เจ้าชายค่อย ๆ ล้มลงหมดสติเช่นกัน
=============
ความคิดเห็น