[ D18 ] Edelweiss our love
....
ผู้เข้าชมรวม
814
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ในห้องรับรองของโรงเรียนนามิโมริที่ถูกยึดเป็นห้องประจำของประธานกรรมการคุมกฏระเบียบแห่งโรงเรียนนามิโมริที่วันดีคืนดีก็คุมทั้งเมือง หรือเป็นกฏระเบียบซะเอง ร่างในชุดนักเรียนนั่งทำงานประจำอยู่บนโต๊ะทำงานตัวเดียวในห้อง นกสีเหลืองตัวกลมปุ๊กที่เกาะอยู่บนโต๊ะ เอียงคอมองร่างของ ‘ฮิบาริ เคียวยะ’ ที่นั่งทำงานอยู่ ก่อนจะเริ่มร้องเพลงประจำโรงเรียนที่เจ้าตัวชอบ ภายในห้องมีเพียงเสียงเพลงจากนกตัวน้อยสีเหลืองน่ารักนี้เท่านั้น จนกระทั่ง...
“เคียวยะ”
เสียงตะโกนเรียกชื่อเจ้าของห้องที่ดังเกินจำเป็น พร้อมกับร่างของแขกประจำที่พาตัวเองเข้ามาในห้องโดยไม่คิดขออนุญาติจากคนบนโต๊ะทำงานแม้แต่น้อย
“มีธุระอะไร”
เสียงตอบกลับอันเย็นชาจากประธานกรรมการคุมกฏ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังอารมณ์เสียเข้าขั้นสุดๆ คนที่รักชีวิตทั้งหลายคงต้องออกห่างเขาในตอนนี้แน่ๆ เว้นแต่ม้าโง่ที่ไม่รักชีวิตตัวหนึ่ง ที่ยังคงฉีกยิ้มแฉ่งมองคนตรงหน้าอย่างไม่รู้สึกถึงอันตรายที่พร้อมจะงาบชีวิตเขาได้ทุกเมื่อ
“ไม่มี แต่มานั่งเล่นเหมือนเดิม”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของแก ถ้าไม่มีธุระก็ไปซะ”
“ใจร้าย พูดกับอาจารย์อย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะ เคียวยะ”
“มันเรื่องของชั้น”
‘ดีโน่ คาบัคโรเน่’ บอสรุ่นที่10 แห่งคาบัคโรเน่แฟมิลี่ มาเฟียชื่อดังในอิตาลี มองหน้าลูกศิษย์ตัวน้อยก่อนจะยิ้มออกมา ยอมรับชั้นเป็นอาจารย์ด้วยแฮะ
เหมือนจะรู้สึกถึงความคิดของคนที่นั่งสบายอยู่บนโซฟาได้ กรรมการคุมกฏคนเก่งจึงรีบเบือนหน้าหนี เพื่อซ่อนใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีระเรือ บ้าเอ้ย ชั้นกำลังอารมณ์เสียอยู่แท้ๆ
“ท่าทางเคียวยะคงอารมณ์ไม่ดีจริงนะเนี่ย ถ้างั้นชั้นไปก่อนแล้วกัน แล้วจะมาใหม่นะ”
ใครเขาขอให้แกมากัน
เมื่อแขกขาประจำออกจากห้องไปพร้อมกับรอยยิ้มเหมือนพอใจที่ได้แกล้งร่างบางเล็กๆน้อย ห้องทั้งห้องก็เริ่มกลับมาเงียบอีกครั้ง ความเงียบที่ก่อต่อขึ้นทำให้เด็กหนุ่มหันมาทำงานของตัวเองต่อ
ให้ตายเถอะ ทำไมชั้นถึงได้รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานะ
วันนี้ร่างในชุดนักเรียนพร้อมสายคาดแขนสีแดงบ่งบอกถึงตำแหน่งก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ในห้องประจำของตัวเองเหมือนทุกวัน ห้องเงียบสงบอย่างน่าประหลาด เพราะแขกประจำที่ต้องมาก่อกวนวันละครั้งดันหายไปไหนก็ไม่รู้
วันนี้ไม่มาเหรอเนี่ย ฮิบาริคิด ก็ดีแล้วนี่ จะได้สงบๆ บ้าเอ๊ย แล้วทำไมชั้นต้องไปคิดถึงเจ้าบ้านั่นด้วยล่ะ
เหมือนกับสิ่งที่รอคอยอยู่ได้มาถึงแล้ว ทันทีที่เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ร่างบนโต๊ะทำงานก็รีบเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่แทบจะทันที
“คุณเคียวครับ”
ไม่ใช่เหรอเนี่ย
‘คุซาคาเบะ’ รองประธานกรรมการคุมกฏเดินมาพร้อมกับเอกสารอีกปึกหนึ่งในมือ
ฮิบาริเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาเรียกเขาด้วยชื่อ แต่แปลกทำไมทีเจ้าหัวสีทองนั่นเรียกชื่อเขากลับไม่รู้สึกหงุดหงิดสักนิด
“มีธุระอะไร คุซาคาเบะ”
“ผมเอารายชื่อคนทำผิดกฏมาให้ครับ”
“อืม ขอบใจ”
คุซาคาเบะเดินเอาเอกสารที่ถือมาวางไว้ที่โต๊ะ ก้มหัวให้คนบนโต๊ะทีหนึ่งและเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ห้องอยู่ในภายใต้ความเงียบอีกครั้ง
ไม่มางั้นสินะ
เบื่อชะมัด
เสียงพึมพำในใจของเด็กหนุ่มเจ้าของห้องที่นั่งเล่นเจ้านกตัวสีเหลืองอยู่บนโซฟาในห้องรับรองของโรงเรียนนามิโมริที่กลายเป็นห้องของเขาไปแล้ว
ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้วที่แขกประจำหายไปจากห้องรับรองนี้ แรกๆเขาก็รู้สึกสงบดีอยู่หรอก แต่หลังๆมานี้เขากลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป รู้สึกไม่ชินทุกครั้งที่นั่งทำงานในห้องแต่ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วที่เขาคิดว่าเคยน่ารำคาญ
เมื่อวานเขาหลบความน่าเบื่อของห้องรับรองขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าและบังเอิญได้ยินเสียงพวกสัตว์กินพืชที่ขึ้นมาสุมหัวกันบนดาดฟ้าคุยกัน ปกติเขาคงจะไม่สนใจสักเท่าไหร่ถ้าไม่บังเอิญได้ยินชื่อที่คุ้นหูเข้า
‘รีบอร์น คุณดีโน่เขาไปทำอะไรที่เทือกเขาเอล์ฟล่ะนั่น’
เอล์ฟ?
‘เห็นว่าไปหาใครหืออะไรสักอย่างนี่แหละ ถ้าแกว่างขนาดมาสนใจเรื่องของเจ้านั่นไปทำให้ตัวเองแข็งแกร่งซะจะดีกว่านะ’
ปัง!
เสียงเล็กๆของเด็กดังขึ้น ตามด้วยเสียงปืนอีกนัดที่ตามมาติดๆ
‘เย้ยย รีบอร์นทำอะไรของนายเนี่ย’
‘หุบปากแล้ววิ่งไปซะ เจ้าห่วยสึนะ’
เมื่อเจ้าของชื่อสึนะวิ่งจากไป รีบอร์นเงยหน้าขึ้นมองตรงที่เขาอยู่แวบหนึ่งก่อนจะกระโดดตามออกไป
นิ้วเรียวเขี่ยขนของนกตัวกลมสีเหลืองเป็นรอบที่ล้านได้แล้ว เด็กหนุ่มที่คงจะเริ่มเบื่อขึ้นมาบ้างแล้ว จึงหยิบเสื้อคุมตัวนอกมาพาดไหล่ ตั้งใจว่าจะออกไปเดินตรวจในเมืองซะหน่อย คงจะหาพวกสัตว์กินพืชให้ขย้ำเล่นแก้เบื่อได้บ้าง
หลังจากขย้ำพวกสัตว์กินพืชที่ชอบสุมหัวข้างทางไปหลายตัว ร่างบางก็เดินมาถึงสวนสาธารณะนามิโมริ ดอกซากุระที่กำลังผลิบานอยู่ร่วงหล่นลอยมาตามสายลม
“ว้า ที่นี่ที่ไหนล่ะเนี่ย ชั้นคงไม่ได้หลงทางหรอกนะ”
เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อร่างบางหันไปตามเสียง สิ่งที่พบทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกที่เหมือนกับได้ของสำคัญที่หายไปกลับคืนมา
ร่างสูงที่มีผมสีเหมือนขนของฮิเบิร์ด ร่างสูงที่เป็นต้นเหตุให้เขารู้สึกเหมือนขาดบางอย่างมาตลอดทั้งสัปดาห์ กำลังมองต้นซากุระพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง คงเพราะร่างสูงที่ทำตัวสมกับเป็นบอสเฉพาะเวลามีลูกน้องในยามนี้ไม่มีใครข้างกายจึงดูเงอะงะแปลกๆ
เมื่อตั้งสติได้ฮิบาริก็แสยะยิ้มออกมา มือที่ถือทอนฟาเริ่มเงื้อขึ้น เตรียมพร้อมจะขย้ำเป้าหมายเต็มที่ ให้สมกับที่ทำให้เขาเหงา(?) มาตลอด1สัปดาห์
ผลัวะ ปลั้ก
โดยไม่มีสัญญาณเตือนหรืออะไรทั้งสิ้น ทอนฟากระแทกหัวของดีโน่เข้าพอดี ร่างสูงที่ไม่ทันตั้งตัวลงไปนั่งยองๆกับพื้น มือกุมหัวที่โดนทอนฟาฟาดอย่างเจ็บปวด
“อะไรกัน แค่หลงทางยังไม่พอ พระเจ้ายังจะแกล้งผมอีกหรอครับ” บ่นพึมพำโทษพระเจ้าซะแล้ว
“หึ”
“เอ๋” แล้วร่างสูงก็หันมาสบเขากับร่างบางที่กำลังเงื้อทอนฟาขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงมาอีกที “แว้กกก เคียวยะ ใจเย็นๆ มีอะไรคุยกันได้”
เจ้าของทอนฟาคงไม่มีอารมณ์มาคุยกับร่างสูงสักเท่าไหร่เพราะ นอกจากจะทำเป็นไม่ได้ยินแล้ว ทอนฟาในมือยังใกล้เข้ามาเรื่อยๆอีกต่างหาก
แต่คราวนี้ดีโน่เบี่ยงตัวหลบได้ทันพอดี ร่างสูงคว้าแส้ที่เอวออกมาตวัดสองสามทีหวังจะช่วยให้ตนพ้นจากภัยที่อยู่ตรงหน้า
“ง่า”
เว้นแต่แส้ที่ตวัดออกไปดันพันรัดรอบตัวเขาจนกลายเป็นมัมมี่ กลายเป็นเป้านิ่งชั้นดีให้ร่างบางที่กำลังอยากขย้ำคนได้ระบายอารมณ์
ฮิบาริแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัวพร้อมกับย่างสามขุนเข้าหาร่างมัมมี่ที่นอนเงียบๆน้ำตาเล็ดอยู่บนพื้น(เพราะแส้ปิดปากไว้พอดี) ทอนฟาในมือเงื้อขึ้นสูง
หลังจากขย้ำเหยื่อจนพอใจ ฮิบาริก็จำเป็นต้องลากเหยื่อที่ตัวเองกลับห้องรับรองเพื่อสอบสวน(?)ต่อ
“ไปหาอะไรมา”
หลังจากเล่นจ้องตากับในห้องเงียบๆในที่สุดฮิบาริก็ยอมเป็นคนออกปากทำลายความเงียบก่อน ช่วยไม่ได้ก็คนที่ปกติพูดมากดันโกรธเรื่องที่โดนซ้อมก่อนถามซะนี่
“หาของ” ดีโน่ตอบอย่างงอนๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “แล้วเคียวยะรู้ได้ไงล่ะ เป็นห่วงฉันล่ะสิ เอ หรือว่าคิดถึงฉันกันแน่นะ” อารมณ์ดีขึ้นทันตา
“งี่เง่า” ตอบพร้อมกับเบือนหน้าที่เริ่มขึ้นสีหนี
“ใช่ใช่มั้ยล่ะ ชั้นดีใจที่เคียวยะคิดถึงอย่างนี้”
“....”
“อ้า ใช่” ดีโน่เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่อก หยิบของบางอย่างส่งให้ ทำให้ร่างเล็กต้องหันกลับมาอย่างช่วยไม่ได้ “ชั้นให้เคียวยะนะ”
ของที่ดีโน่ส่งให้เป็นดอกไม้เล็กๆดอกหนึ่ง มันมีสีขาวเป็นรูปดาวแฉก ตรงกลางเหมือนจะมีดอกอยู่ 3-4ดอก ‘ดอกเอเดลไวส์’
“รู้ความหมายของมันมั้ยเคียวยะ” ร่างสูงมองร่างบางที่จ้องของที่เขาให้อย่างพิจารณา เคลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของร่างบาง
“อืม” ร่างบางตอบ คลี่ยิ้มบางๆ
‘ดอกเอเดลไวส์ ดอกไม้ที่ขึ้นในเทือกเขาเอล์ฟบริเวณหน้าผาที่สูงชัน หากจะเก็บมันต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผาเพื่อเด็ด ฉายาของมันคือดอกไม้อันเป็นนิรันดร์ เพราะเมื่อเก็บมันมาแล้วมันจะคงอยู่ไปได้ตลอด ชายในเทือกเขาเอล์ฟจึงนิยมให้กับคนที่ตนหมายปอง’
เมื่อเห็นท่าทีของคนตรงหน้าดีโน่ก็เลื่อนมาประกบจูบริมฝีปากสีกุหลาบของร่างบางตรงหน้า ร่างบางชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธรสจูบนี้ ลิ้นหนาที่หยอกล้อกับลิ้นของร่างบาง
“อืมมม”
ฮิบาริครางออกมาเสียงเบาเมื่อร่างสูงถอนจูบออก
“เคียวยะ... ให้ตายสินายกำลังทำให้ชั้นอดใจไม่อยู่” ร่างสูงกล่าว
ผลัวะ
เสียงทอนฟากระแทกเข้าที่หัวของดีโน่แบบเต็มแรง
“นายไปเก็บดอกไม่นี่มาได้ยังไง”
‘นอกจากนั้น ดอกเอเดลไวส์ยังเป็นดอกไม้ชนิดแรกที่ได้รับการคุ้มครอง ห้ามคนทั่วไปเด็ด หากฝ่าฝืนต้องจำโทษมากมาย’ นี่คือคำจากสารคดีเรื่องดอกเอเดลไวส์ที่เปิดในวิชาอะไรสักอย่างที่เขาเรียนมา เจ้านี่คงอยู่ที่นั่นด้วยแน่ๆ คงคิดอะไรแผลงๆอย่างนี้
“ฮะฮะ” ดีโน่เริ่มหัวเราะแห้งๆ เขารู้ดีว่าฮิบาริเป็นคนเคร่งกฏขนาดไหน “เคียวยะ ฉันเป็นมาเฟียนะ ปกติก็ไม่ได้ทำตัวตามกฏหมายเท่าไหร่อยู่แล้ว...”
“เฮ้ออออ” ฮิบาริถอนหายใจ คาดว่าคงปลงกับคนตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว
“อ๊ะ เคียวยะ แล้วนั่นจะเดินหนีไปไหนล่ะ” ดีโน่รับวิ่งตามทันทีที่เห็นประธานกรรมการคุมกฏเดินออกจากห้องไป
“รอชั้นด้วย เคียวย้า”
ผลงานอื่นๆ ของ นิมนต์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ นิมนต์
ความคิดเห็น