{D18}my side... (Y) v.dino
...
ผู้เข้าชมรวม
553
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
My side <Dino’ side>
“บอสครับ”
ผมหันไปหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้กำลังคลอไปด้วยหยาดน้ำตาไปหาโรมาริโอ้ที่ยืนทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของผม พลางใช้แขนเสื้อซับน้ำตาที่ไหลออกมาบนแก้ม “มาแล้วเหรอ โรมาริโอ้”
“ครับ เอ่อ บอสมีอะไรเหรอครับ”
“ฉันตัดสินใจแล้ว”ผมบอกอย่างมาดมั่น
“หะ เอ่อ ตัดสินใจอะไรครับบอส” โรมาริโอ้ทำท่าตกใจปนแปลกใจ ก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจนัก(ว่าจะรู้คำตอบดีรึเปล่า)
“ฉันจะขอเคียวยะแต่งงาน พรุ่งนี้เลย”
“ครับ เฮ้ยยยยย”
ชื่อของผมคือ ดีโน่ คาวัลโรเน่ บอสรุ่นที่สิบแห่งคาวัลโรเน่แฟมิลี่ ตระกูลมาเฟียเก่าแก่แห่งอิตาลี ปัจจุบันหลังจากติดซีรี่ส์เกาหลีมาพักใหญ่ ก็ใช้เวลาว่างจากการเคลียงานของแฟมิลี่และไปหาเคียวยะมานั่งจ้องคู่พระนางที่ดำเนินไปตามบทบาทในจอสี่เหลี่ยม
และในซีรี่ส์เรื่องล่าสุดที่ผมเพิ่งดูจบไปทำให้ผมได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างอย่างแน่วแน่
มันเป็นเรื่องของพระเอกกับนางเอกที่หลงรักกันมานานแต่ไม่ได้บอกอีกฝ่ายและจากกันไปไกล จนกระทั่งทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้งพระเอกได้ตัดสินใจที่จะบอกความรู้สึกให้นางเอกฟัง แต่นางเอกก็มาด่วนจากไปก่อนเพราะอุบัติเหตุ ทิ้งให้พระเอกจมอยู่กับความเศร้าและความรู้สึกเสียดายที่ตอนมีโอกาสตั้งมากแต่ไม่ได้พูดคำนั้นกับนางเอก
นั่นล่ะที่ทำให้ผมคิดได้ ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน ดังนั้นหากอยากจะทำอะไรก็รีบทำซะก่อนที่มันจะสายเกินไป ดังนั้น ผมอยากอยู่กับเคียวยะ แลพจะขอเคียวยะแต่งงานวันพรุ่งเลย
“โรมาริโอ้ ส่งคนไป ‘จัดการ’ ห้องกรรมการคุมกฎซะ ฉันจะพาเคียวยะออกไปห่างๆที่นั่นในตอนที่พวกนายจัดการเอง” ผมออกคำสั่งพลางวางแผนการเซอร์ไพซ์ขอแต่งงานเคียวยะในใจ ต้องเป็นที่ๆเคียวยะชอบที่สุด ดาดฟ้าคงไม่ได้ ห้องกรรมการคุมกฎนี่ล่ะเหมาะดีแล้ว ส่วนเรื่องอื่นก็... จริงสิ
“โรมาริโอ้ เตรียมเอาเครื่องบินออกกัน ฉันจะไปเลือกแหวนให้เคียวยะเดี๋ยวนี้เลย”
ทุกอย่างอยู่ในแผนหมดแล้ว เหลือแค่พาเคียวยะไปที่อื่นก่อนเท่านั้น
ร้อน
ผมใช้มือข้างหนึ่งปาดเหงื่อออกจากหน้าผากที่มีเส้นผมสีทองอร่ามคลุมอยู่ของผม มืออีกข้างฉวยโอกาสโอบคนข้างๆเข้ามาใกล้ๆตัว ถึงจะทำให้มันร้อนกว่าเดิมก็ตาม
“ไงเคียวยะ ชอบที่นี่มั้ย”
เบื้องหน้าคนผมกับคนตัวเล็กข้างๆคือ พีระมิด
ใช่ไม่ผิด มันคือพีระมิดสักที่ในอียิปต์ เมื่อวานหลักจากเลือกแหวนเสร็จเรียบร้อยผมก็บุกไปลากเคียวยะถึงที่เพื่อจะให้พวกโรมาริโอ้ไปจัดการกับห้องรังรองที่ถูกยึดเป็นห้องประธานกรรมการคุมกฏแห่งนามิโมริให้กลายเป็นสถาณที่โรแมนติกสำหรับการขอแต่งงานของผม
“ก็ดี” ประธารกรรมการคุมกฎตอบด้วยน้ำเสียงที่มีความเบื่อหน่ายเจืออยู่
เคียวยะเบื่องั้นเหรอ นั่นสิ ความจริงผมก็เบื่อเหมือนกัน ผมไม่ได้สนใจพวกสถาปัตยกรรมสักหน่อยนี่ ผมสนคนข้างๆตอนนี้มากกว่า ตอนที่พาออกมาแค่คิดว่าจะพาออกมาให้ไกลจากห้องรังรองนั่นที่สุดเลยพามาถึงอียิปต์แท้ๆ ไม่น่าเล้ย
~ชั้นจะขย้ำแกให้ตาย ผัวะ ปั้ก ฟลุบ ผัวะ~
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่ผมบรรจงตั้งเป็นประโยคเด็ดของคนข้างๆดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับท่ามกลางสายตาแปลกๆของเด็กหนุ่มข้างๆ
(ดีโน่ ลูกน้องแกกำลังทำลายห้องรังรองของนามิโมริอยู่ล่ะ นายทะเลาะอะไรกับฮิบาริงั้นเหรอ) เสียงแบบเด็กเล็กๆของรีบอร์นดังผ่านมาทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเนิบๆ แต่เนื้อหานี่มันไม่ได้ชวนให้เนิบตามเลย
“ห๊า” ผมตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ ผมสั่งให้ไปจัดการห้องไม่ใช่เหรอ หรือว่าพวกนั้นจะเข้าใจความหมายคำว่าจัดการของผมผิด แย่ล่ะสิ เคียวยะรักห้องนั้นมากนะ ถ้ารู้เรื่องเข้าจบไม่สวยแหงๆ ต้องรีบกลับไปจัดการแล้ว
“โรมาริโอ้ กลับด่วนนน”
ผมรีบพุ่งขึ้นรถที่มีโรมาริโอ้ประจำที่คนขับให้อยู่แล้ว ทันทีที่ประตูปิด รถก็ทะยานออกไปด้วยความเร็วที่ยังไงก็ไม่ทันใจผมอยู่ดี
หวังว่าห้องนั้นจะยังไม่เป็นอะไรนะ
“เอาไงดีครับบอส”
โรมาริโอ้ร้องถามผมที่กำลังยืนมองสภาพห้องที่เคยเป็นห้องรับรองและห้องประธานกรรมการคุมกฎแห่งโรงเรียนนามิโมริที่เหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิมาหมาดๆเหมือนวิณญาณจะหลุดออกจากร่าง
พื้นที่ในห้องแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลยแม้แต่น้อย เละเทะไปหมด ไม่ใช้แค่นั้น ข้าวของส่วนใหญ่ก็เสียหายจนไม่เหลือสภาพเดิม ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“คือ เหมือนพวกผมจะเข้าใจผิดไปนิดหน่อย ขอโทษด้วยครับบอส” หัวหน้ากลุ่มของพวกที่ผมส่งมาจัดการห้องพูด แล้วทั้งหมดก็ก้มหัวขอโทษผมอย่างพร้อมเพรียง
“ช่างเถอะ พวกนายช่วยจัดการให้ที่นี่กลับสู่สภาพเดิมก่อนที่เคียวยะจะรู้ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เคียวยะเหรอ เคียวย้า”
ผมลืมเคียวยะไว้ที่นั่น ให้ตายเถอะ
“โรมาริโอ้ วาติโน่ยังอยู่ที่นั่นใช่มั้ย ให้มาดูแลเคียวยะก่อน อ้อ อย่าให้เคียวยะรู้ล่ะว่าเป็นคนที่ฉันส่งมา เตรียมเครื่องบินด้วย ฉันจะรีบกลับไปที่นั่นให้เร็วที่สุด” ผมสั่งอย่างรีบร้อน โรมาริโอ้ก็รีบต่อสายประสานงานอย่างรวดเร็ว เขากรอกเสียงสั่งงานต่างๆผ่านโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันมาหาผม “จะออกรถไปที่สนามบินทันทีครับ”
ขออย่าให้เคียวยะเป็นอะไรเลย ถูกทิ้งไว้ในที่ไม่รู้จักแบบนั้นต่อให้เป็นเคียวยะก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี
ผมรีบร้อนลงจากรถทันทีที่เห็นเคียวยะอยู่ในสายตา ฝนกำลังเทลงมาในทะเลทรายอันแห้งแล้งไร้ซึ่งสิ่งใด ที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางสายฝนบนผืนทรายเวิ้งว้างนี้คือร่างของเด็กหนุ่มผมสีรัตติกาลที่ในมือทั้งสองข้างมีทอนฟาคู่ใจอยู่
เคียวยะ
ผมเดินเข้าไปหาร่างที่ยืนหันหลังให้ผม ร่มในมือถูกกางออกให้คนตัวเล็กตรงหน้านี่เพียงคนเดียว ผมปล่อยให้หยาดฝนตกลงมากระทบตัวเองโดยไม่คิดจะปัดป้อง
“ขอโทษนะ เคียวยะ”
เคียวยะหันมามองผมด้วยสายตาแบบที่ผมไม่ค่อยได้เห็นจากเจ้าตัวนัก มันเป็นสายตาที่บอกถึงความโล่งใจ
“โกรธฉันรึเปล่า ขอโทษด้วยจริงๆ” พอเห็นสายตาแบบนั้นผมก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก
ฟรึบ
ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆเคียวยะก็โผเข้ามากอดผมเอาไว้แน่น แต่ก็กอดตอบอย่างจะปลอบโยน ถึงข้างนอกจะดูแข็งแกร่งกว่าใครแต่ความจริงคนในอ้อมแขนผมก็เป็นแค่คนปกทั่วไป มีด้านที่อ่อนไหวภายในเช่นกัน ผมรู้ดี
“ถ้าคราวหน้ากล้าทิ้งฉันไว้อีก ฉันขย้ำแกแน่” เคียวยะพูดเสียงอู้อี้ เนื่องจากหน้ายังคงซุกอยู่ในอ้อมแขนของผม
“ฮะฮะ ฉันไม่กล้าแล้วล่ะ ก็ฉันไม่อยากเห็นนานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นแล้วนี่”
“...”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว” ผมลูบเส้นผมนุ่มๆนั้นเบาๆเหมือนกับคนในอ้อมแขนนี่เป็นเด็กๆ
“ว่าแต่ทำไมตอนนั้นถึงได้รีบขนาดนั้นล่ะ” เคียวยะเงยหน้าขึ้นมาถาม
“ก็ เอ่อ... อ่า...” ผมอ้ำอึ้ง จะห้บอกตรงๆว่าไปจัดการห้องประธานกรรมการนักเรียนที่เละเทะไม่มีชิ้นดีคงไม่ได้
“...” พอเห็นผมอ้ำอึ้ง เคียวยะก็ผละออกจากอ้อมแขนมากจ้องผมอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ
“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจยาว เปลี่ยนแผนกะทันหันเลยแล้วกัน “เอาเถอะ ยังไงนายก็ต้องรู้อยู่ดี”
“?”
ผมคุกเข่าลงกับพื้นทรายเปียกๆ มือล้วงเข้าไปความหาแหวนที่เก็บไว้อย่างดีในอกเสื้อโค้ด และหยิบกล่องกำมะหยี่เล็กๆสีแดงออกมา มืออีกข้างยื่นมาเปิดฝากล่องออกอย่างทะนุถนอม ด้านในเป็นแหวนสีเงินกลมเกลี้ยงที่ทำจากทองคำขาวที่ผมบรรจุเลือกมาอย่างดีให้เหมาะกับคนตรงหน้า
“ถึงบรรกาศจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่...” ผมเหร่ตามองไปรอบกายที่ยังคงมีหยดน้ำตกลงมาจากฟ้าไม่ขาดสาย แล้วหันกลับมามองหน้าเคียวยะอย่างจริงจัง “เคียวยะ แต่งงานกับฉันนะ”
“...” เคียวยะมองหน้าผมนิ่ง “ไม่...”
“นั่นสินะ ฮะๆ ฉันคงใจร้อนไปล่ะนะ” ผมรู้สึกเหมือนมือไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะประคองกล่องแหวนเล็กๆในมือได้ มุมปากก็หนักเกินกว่าจะยกเป็นรอยยิ้มได้ ผมรู้สึกรื้นๆที่ดวงตาทั้งสอง เคียวยะคงเกลียดผมแล้วสินะ ก็ผมทิ้งเขานี่นา
ผมกำลังจะเก็บแหวนกลับไปไว้ในอกเสื้อ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เก็บ มือเรียวๆก็เอื้อมมาคว้ากล่องเอาไว้ก่อน
“ไม่...”
“พอแล้วล่ะเคียวยะ ฉันรู้แล้ว” ผมรู้สึกเหมือนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไม่เอานะ ต่อหน้าเคียวยะผมต้องเข้มแข็งสิ
“ไม่ให้แต่งกับนายแล้วจะให้ไปแต่งกับใคร”
“เอ๋?” ผมเงยหน้ามองเคียวยะอย่างงงๆ แล้วพอเข้าใจความหมายก็ยิ้มกว้าง “งั้นก็...”
ผมลุกขึ้นกอดเคียวยะไว้ในอ้อมแขนแน่น เพราะเป็นแบบนี้ล่ะ ผมถึงปล่อยคนๆนี้ไปไม่ได้
“จริงๆแล้วฉันกะจะไปขอนายแต่งงานที่ห้องกรรมการนักเรียน เลยต้องพานายออกมาก่อนจะได้ไปตกแต่งสถานที่ได้” ผมสารภาพทั้งที่ยังกอดเคียวยะไว้ แน่นอนว่าผมยังเก็บเรื่องที่ตอนนี้ห้องเละไม่เหลือเค้าเดิมเอาไว้ก่อน...
แต่เชื่อเถอะ กว่าเคียวยะจะรู้เรื่องก็ถอนตัวจากผมไม่ได้แล้ว
ผมเองก็ไม่คิดจะปล่อยเคียวยะไปเหมือนกัน
ผลงานอื่นๆ ของ นิมนต์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ นิมนต์
ความคิดเห็น