คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : The world of odd dog#1 #2(ตอนนี้ขอใส่2ตอนนะคะ)
1
“นายนี่ก็ทำอร่อยพอใช้ได้เลย แต่ไหม้ไปหน่อยนะ”สุนัขสีขาวตัวใหญ่บ่น “เออ”เด็กหนุ่มผมสีแดงถลึงตามองด้วยความโมโห ท่ามากจริงวุ้ย หมาตัวนี้ แถมยังกินจนเกลี้ยงแล้วยังมาบ่นอีก หงุดหงิดโว้ยยย
“กินเสร็จแล้วก็ออกไปได้แล้ว กลับบ้านนายไป”ผมรีบไล่มันไปก่อนที่จะทำให้ผมหงุดหงิดมากไปกว่านี้
“ได้ไงกัน นายลำบากทำไก่ทอดอันมีค่าให้ฉันกิน ฉันไม่ลืมบุญคุณนายหรอก เพื่อเป็นการตอบแทนฉันจะพานายไปที่โลกของฉัน”มันพูดอย่างยินดีปรีดา ยิ้มหน้าบานราวกับว่ามันเป็นฮีโร่ผู้ได้กอบกู้โลกไว้ นั่งตัวตรงเชิดอกอีก ถ้าไม่ติดว่ามันกินจนพุงย้อยนะน่ะ ผมต้องรีบปฏิเสธมันซะแล้ว
“อ๊ะนายไม่ต้องแสดงความดีใจขนาดนั้นหรอก อยากไปมากสินะงั้นไปกันเลย”หมาน้อย(ที่ขนาดตัวไม่น้อย)ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษหลังจากกินอิ่มไม่ฟังคำพูดของใคร มันกระโจนเข้าหาเด็กหนุ่ม และประทับจูบที่แสนดูดดื่มให้กับเด็กหนุ่ม!!
“เฮ้ยยย” อ๊ากกกกกกกม่ายนี่ฉันโดนหมาจูบเหรอนี่ ม๊ายยยย
สติต่างๆของเด็กหนุ่มไม่รับรู้อะไรอีก
โลกรอบตัวเด็กหนุ่มหมุนวนกลับไปกลับมาฉายภาพที่สุนัขสีขาวตัวโตจูบซ้ำแล้วซ้ำอีกซ้ำแล้วซ้ำอีก วนกลับไปกลับมาอย่างนั้น..
“เป็นอะไรไป ดีใจที่เห็นโลกใหม่สินะ อื้มๆต้องเป็นอย่างงี้แน่ๆ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้น ผมมีสติอีกครั้งและก็ตั้งใจที่จะด่ากราดไม่ยั้งใส่เจ้าหมาผู้ไม่รู้จักกาลเทศะ เมื่อหันไปทิศทางที่มีเสียงก็เตรียมที่จะตะโกนระบายอารมณ์สุดแรงเกิด..
“กล้าดียังไงมาจู..บ ห๊าาาาาาา!? ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย” ผมต้องฝันไปแล้วแน่ๆนี่มันปีที่โลกเจริญแล้วนะเทคโนโลยีล้ำสมัยไปถึงไหนแล้ว แต่นี่มัน.. พื้นที่สีเขียวเต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวชอุ่ม ต้นไม้ขนาดใหญ่ ดอกไม้หลากสีสัน สิ่งปลูกสร้างเล็กใหญ่ บ้านเรือนต่างๆถูกสร้างโดยไม้และของจากธรรมชาติ ปลูกสร้างอยู่บนต้นไม้ไม่ก็อยู่ใกล้ๆกับโคนต้นไม้ ผู้คนใช้เท้าเดินทางเป็นสังคมที่ไม่รีบร้อน ดูอบอุ่นเหมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ขนาดน่าจะเท่าเมืองใหญ่ๆ
“ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย”ผมถามอย่างมึนงงกับชีวิต
“ก็โลกของฉันไง”เสียงเจ้าหมาชั่วร้ายดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นตัวชั่วร้ายในสายตาของผมไปแล้ว
ผมหันกลับไปหาตัวเจ้าปัญหาที่พาผมมาที่ที่ผมไม่รูจัก
เอ๋ สิ่งที่ผมเห็นมีเพียงเด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ตัวสูงโปร่ง แถมเสียงมันเหมือนกับเจ้าหมาชั่วขนาดนี้ ผมมันก็ยังเป็นสีขาวอีก แต่นี่มันคน แถมอายุน่าจะใกล้เคียงกับผม เด็กนี่มันใครวะ ดูเหมือนมันจะเข้าใจความคิดผมยังมีหน้ามายิ้มเยาะอีก
“แกคือหมาตัวนั้นเหรอ”นี่เป็นประโยคเดียวที่ผมนึกออก
“แกเหรอไม่สุภาพเลยแต่ก็ใช่แหละ ข้าเป็นพี่หมาสุดหล่อตัวเมื่อกี้ที่ช่วยพาเจ้ามาที่นี่ไงละ”มันยังคงอวดอย่างภาคภูมิใจ “มาสิข้าจะพาเจ้าเที่ยว”
ตลอดทั้งวันผมได้ท่องเที่ยวไปรอบเมือง มีอาหารแปลกตาของใช้หน้าตาประหลาดๆที่ไม่เคยเห็น ผู้คนที่ดำเนินชีวิตคนละแบบ และส่วนใหญ่ผู้คนจะดำเนินชีวิตร่วมกับธรรมชาติ เหมือนกับต่างคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน เป็นที่ที่แปลกตาแต่ก็กลับสวยงามเข้ากับเมือง ตะวันตกดิน อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้น บางทีผมควรต้องรีบกลับแล้ว ถึงจะไม่อยากกลับก็เถอะ เห้อ
“เจ้าหมาพาผมกลับได้แล้วละ”น่าแปลกเที่ยวกันทั้งวันยังไม่รู้ชื่อกันอีกและแน่นอนมันก็ไม่รู้ชื่อผม “หือเจ้าพูดอะไรนะเจ้าหัวเลือด” ใช่มันเรียกผมว่าอย่างนั้น
“ข้าบอกว่าจะพาเจ้ามาโลกของข้าถูกต้องใช่ไม๊”มันถามผมพร้อมทำท่าราวกับเป็นศาสตร์ตราจารย์
“เออ”
“ใช่ แต่ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะพาเจ้ากลับโลกของเจ้าเหมือนกัน”มันตอบเสียงดังฟังชัด
“เออ... เฮ้ยยยยย” นี่มันอะไรกันผมจะไม่ได้กลับบ้านเหรอ วันนี้ผมต้องใช้ประโยคนี้ถึงสองครั้งแล้วสิ
นี่มันวันบ้าอะไรวะเนี่ย?
2
ผมอยากจะร้องไห้จริงๆสงสัยจะเป็นความจริงว่าอย่าไว้ใจคนเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกผมควรจะเชื่อที่คนโบราณเตือน ฮือๆ
“จะคร่ำครวญอีกนานไม๊เนี่ย ห๊ะ”เจ้าหมาบ้านั่นมันยังไม่สำนึกถึงความผิดของตัวเองยังคงนอนตีพุงไม่สงสารผมเลย เอาละ ผมจะมาท้อแท้ไม่ได้ ผมลุกขึ้นยืนอย่างมุ่งมั่นอีกครั้ง ผมจะต้องหาทางกลับบ้านให้ได้!!!
“เจ้าหมา มีวิธีพาผมกลับบ้านไหม”ผมลองถามอีกครั้ง
“อืมมม ก็น่าจะมีลองถาม บูลเล็ทอาจจะรู้”มันทำท่าคิดพร้อมตอบออกมา
“นายต้องช่วยผมกลับบ้านนะ”ผมมองมันอย่างมีความหวังแต่มันกลับจ้องกลับมาสายตาอ่านได้ว่า “ทำไมฉันต้องช่วยนาย” ผมต้องคิดวิธีใหม่แล้วมันชอบอะไรน้า........ อ้อนึกออกแล้ว หึหึ
”ฉันจะให้ไก่ทอดนายถ้ากลับถึงบ้าน”
“โอเค!! ตกลงเลยพรุ่งนี้เราไปหาบูลเล็ทตั้งแต่เช้าตรู่กันเถอะ”เสียงตกลงดังขึ้นรวดเร็ว ไม่มีคิดแม้แต่วินาทีเดียวหลังจากได้ยินคำว่าไก่ทอด เยส!!นี่ละความหวังใหม่ของผม ผมปัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ยิ้มอย่างมีมารยาท
“ยังไงเราก็ร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว งั้นขอแนะนำตัวก่อนนะ ผมคาร์ล ลอซเซ่ อายุ16ปี ลักษณะเด่นชัดผมสีแดงสด ตาสีมรกต สูง172 น้ำหนัก 52 กิโล อุปนิสัย ร่าเริ...”
“เดี๋ยวๆๆๆ นี่เจ้าจะแนะนำตัวหรือมาสมัครงานเนี่ยฮ่าฮ่า จะอธิบายอะไรขนาดนี้ แล้วไอ้ลักษณะเด่นชัดนั่นมันอะไรข้ามีตา ดูก็เห็นหรอกน่า” หมาน้อยในร่างเด็กหนุ่มยังคงหัวเราะไม่หยุด แต่ก็ยอมลุกขึ้นมาโค้งตัวเก้าสิบองศา พูดกับผม ถึงมันจะกลั้นหัวเราะเต็มที่
“ข้าชื่อมูส รีเบล เป็นสุนัขอย่างที่เจ้าเคยเห็นแต่ข้าไม่ใช่พวกสุนัขชั้นต่ำธรรมดานะ ลักษณะ...เด่นถ้าร่างนี้..ก็ผมสีข..าว ตา...สีฟ้า ของ...ที่ชอบไก่ทอด ส่ว..นสูงก็ฮ่าฮ่า โอ้ยไม่ไหวแล้วเจ้าพูดอะไรน่าตลกอย่างงี้ได้ไงเนี่ย”มันพูดติดๆขัดๆแถมยังกลั้นหัวเราะตลอดเวลาที่พูดอีก
บางทีความสามารถพิเศษของมูสอาจจะเป็นทำให้คนรอบข้างอยากฆ่าก็เป็นได้
ผมคงต้องทำตัวให้ชินซะแล้ว เห้อออ
“คาร์ล มนุษย์นี่ต้องนอนรึป่าว??”และมูสก็ได้รับคำตอบเป็นสายตาอาฆาตที่อ่านได้ว่า “แล้วเอ็งนอนไหมละ” มันจึงเดินอย่างจนใจนำทางเขาไปชั้นบน ห้องนอนขนาดเล็กที่มีหน้าต่างให้แสงจันทร์ลอดเข้ามา เตียงสองชั้นกับตู้เสื้อผ้าอีกตู้ดูเรียบง่ายแต่ก็เป็นห้องนอนที่สะอาดตาดี
“คาร์ลนอนข้างล่างนะ ข้าจะนอนข้างบน”มูสรีบพูดก่อนผมจะเดินเข้าห้อง
ผมเดินเข้าห้องและนอนลงอย่างเหนื่อยอ่อน คงต้องเก็บแรงไว้ต่อสู้กับเจ้ามูสนั่นแล้วแหะ...
**************
อับอายๆๆ>////<
ขนาด2ตอนยังสั้นแค่นี้ฮ่าๆ
ความคิดเห็น