ฝันร้าย? - ฝันร้าย? นิยาย ฝันร้าย? : Dek-D.com - Writer

    ฝันร้าย?

    โดย RenLennon

    โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป้นเรื่องจริงหรือ ควาามจริงคืออะไรและอะไรที่ร้ายกันแน่

    ผู้เข้าชมรวม

    56

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    56

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ต.ค. 56 / 15:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                     ณ เมืองชายเขาแห่งหนึ่ง ในวันอาทิตย์ที่ปกติแล้วทุกคนจะหยุดอยู่บ้าน กลุ่มช่างตัดเสื้อกลับง่วนอยูกับการตัดแพทเทิร์นและตัดผ้า อากาศในห้องเสื้อร้อนด้วยแสงแดดยามบ่ายแต่ยังพอทนที่อย่างน้อยก็มีลมพัดลอดหน้าต่างเข้ามาบ้าง เศษผ้าเกลื่อนอยู่ที่พื้นปลิวน้อยๆตามแรงลม

                      ขณะที่ทุกคนกำลังทำงานกันขันแข็งประตูก็เปิดขึ้น ชายวัยกลางคนก้าวเข้ามาพร้อมส่งเสียงดัง

                      “เฮ้ มาทานของว่างหน่อยมั้ย เบเกอรี่จากช่างทำขนมที่เก่งที่สุดของหมู่บ้าน” เขาส่งเสียงทุ้มนุ่มกลั้วหัวเราะออกมาช่างตัดเสื้อสี่คนจึงเงยหน้าขึ้นมาดูด้วยสีหน้าหน่ายๆ

                      “คุณปีเตอร์นี่ก็รักเมียจริงจรี๊ง ถ้าคุณเธอมาได้ยินคงชื่นใจไปหลายวัน” สาวผมแดงพูดขึ้น เธออายุราวสามสิบปลายๆ เป็นสาวใหญ่หุ่นเนื้อนมไข่สุดเซ็กซี่ของหมู่บ้าน ทุกคนเรียกเธอว่าเจน

                      “แต่ฉันก็ไม่ค้านอะไรหรอกนะ ก็ขนมของคุณเอมิลี่อร่อยจริงๆนี่นา” สาวน้อยวัยยี่สิบเอ่ยเสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมเดินไปเปิดตะกร้าสาน ภายในเต็มไปด้วยมัฟฟินหลากสีสัน เธอหมายจะหยิบชิ้นที่มีครีมสีเหลืองนวลแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหญิงสาวอีกคนแว้ดขึ้นมา

                      “หยุดนะโรซี่ เธอน่าจะรับรู้สภาพตัวเองแล้วยอมรับซะว่าควรจะกินอะไรหรือไม่ควรจะกินอะไร” หญิงรูปร่างระหงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโรซี่พูดพร้อมก้าวออกมา เธอเดิมมาจับแก้มยุ้ยๆของโรซี่แล้วก็ไปจับผมดำฟู่ฟ่องไม่เป็นทรง “หัดดูแลตัวเองสักหน่อยคงดูดีขึ้นมาบ้าง” หญิงสาวหันกลับไปทันทีที่พูดจบโดยไม่เหลือบดูสีหน้าขุ่นเคืองของโรซี่

                      “ไม่ทานหน่อยล่ะเคธี่” ปีเตอร์ถามเมื่อเห็นเธอทำท่าจะเดินออกจากห้อง

                      “ไม่ละค่ะ ขอบคุณ ฉันไปสูดอากาศน่อยละ” พูดแค่นั้นสาวร่างระหงก็เดินออกไป ปีเตอร์หันกลับมาที่คนอื่นๆในห้อง เขาเห็นมาธานั่งกินขนมอยู่คนเดียวเงียบๆ ทอดสายตาไปนอกหน้าต่าง

                      เธอเองก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเคธี่ และโรซี่ พวกเธอสามคนเข้ามาทำงานที่นี่ไล่ๆกัน เข้ามาในตัวแห่งช่างตัดเสื้อ แต่แน่นอนว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านรับตัดเสื้อธรรมดาแต่เป็นร้านตัดเสื้อของคณะละครชื่อดัง

                      เจนเห็นเหตุการณ์นี้บ่อยจนเอือมแล้ว สองคนนี้เขม่นกันมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนเธอเองก็ไม่เข้าใจสักนิดว่าเคธี่จะไปจิกโรซี่ทำไมในเมื่อเธอเองก็เหนือกว่ามาธาแทบทุกด้านถ้าไม่นับฝีมือการตัดเย็บที่เป็นรองอยู่เล็กน้อยเท่านั้น แต่แล้วเธอก็ได้ยินข่าวลือว่าสองคนนี้ชอบผู้ชายคนเดียวกัน ว่ากันว่าผู้ชายคนนั้นเป็นนักเดินทาง เขาแวะเมืองชายเขาแห่งนี้เพื่อจะเดินทางเลาะช่องเขาไปยังอีกฟากหนึ่ง

                      มาธาเองก็ไม่สนใจความไม่ลงรอยของเคธี่และโรซี่ เธอเหม่อมองออกไป เธอทอดสายตาไปยังถนนสายหลัก สุดทางหินสายนี้จะเป็นทางที่นำปสู่ช่องเขา ว่ากันว่าหากเดินทางข้ามไปอีกฟากหนึ่งจะเจอเมืองท่าที่จะเปิดสู่ทะเลและความเจริญ มาธาไม่อาจจินตนาการได้ว่าความเจริญที่ว่าเป็นอย่างไร มีคนเดินทางผ่านเมืองนี้ไปสู่อีกฟากหนึ่งแต่ก็น้อยคนนักที่กลับมา

                      “ว่าแต่คุณปีเตอร์ทำไมถึงเอาแบบมาให้ช้าแถมยังเร่งจะให้เสร็จไวๆอีก ผู้กำกับเขาคิดอะไรอยู่นะ” เจนบ่นอย่างหัวเสีย

                      “เอาเถอะๆ งานนี้ให้ค่าจ้างเพิ่มพิเศษ” ปีเตอร์ตอบ

                      “ให้มันได้อย่างงั้นเถอะ” โรซี่เอ่ยขึ้น “ขอวันหยุดเพิ่มด้วยก็จะดีมาก นี่ฉันไม่ได้เสริมสวยมากหลายวันแล้ว ดูสิ ยัยเคธี่มากระแนะกระแหนฉันจนได้” โรซี่ม้วนผมตัวเองหวังว่าจะให้เป็นลอนสวยแต่มันกลับพันนิ้วของเธอแทน

                      “วันหลังถ้าไปเที่ยวก็ชวนมาธาไปด้วยสิเคธี่ เธอเองก็หัดเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดีนะมาธา” เจนพูดขึ้น เธอเห็นว่ามาธามักจะอยู่เงียบๆจนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะไม่มีเพื่อน

                      “นั่นสิมาธา แต่งตัวเสียหน่อยเธอเองก็สวยไม่เบา แต่งให้ยัยนั่นหมดรัศมีไปเลย” โรซี่สำทับ

                      “โอ้ยโรซี่ เธอกับเคธี่เองก็พอๆกันซะบ้างเถอะ” เจนบ่นหน่ายๆ ปีเตอร์ที่เงียบไปพักใหญ่มองม้วนผ้าแล้วก็พูดขึ้น

                      “จริงสิ ถ้าหมดผ้าชุดนี้แล้วครั้งหน้าจะมีผ้าใหม่ๆมานะ มาจากเมืองฝั่งนู้น”

                      “จะมาเมื่อไหร่เหรอคะ” มาธาโพล่งขึ้นมาเป็นครั้งแรก “ฉันหมายถึงผ้าน่ะ”

                      “ไม่รู้สิ น่าจะเดือนหน้านะ”

                      “แล้วถ้าจะข้ามไปอีกฟาก จะมีคนไปอีกเมื่อไหร่คะ” มาธาถามขึ้นอีกครั้ง

                      “นี่เธอจะไปเหรอ ฉันว่าอยู่ในเมืองนี้ก็ปลาดภัยแล้ว เดินทางไปพร้อมกับคนอื่นๆก็ใช่ว่าจะปลอดภัย” ปีเตอร์พูดเตือนด้วยความหวังดี แต่มาธาก็กลับไปอยู่ในโลกส่วนตัวอีกครั้ง เธอทอดสายตาไปที่ทางสายเดิม

                      

                      การทำงานล่วงมาถึงเวลากลางคืน จากแสงแดดสาดส่องเหลือเพียงแสงจากตะเกียง ไฟจากเพลิงที่ลุกโชติช่วงก่อให้เกิดเงาสั่นไหว กงจักรหมุนไปเรื่อยๆพร้อมกับสายฝนด้านนอกที่ไม่มีทีท่าว่าจะหบุดและดูเหมือนจะเป็นพายุด้วยซ้ำ ฟ้าคำรามดังสนั่นหวั่นไหว สายฟ้าฟาดจนท้องฟ้าสีดำสว่างวาบ

                      ทุกคนเร่งมือเพื่อให้งานทันส่งวันอังคาร

                      “นี่โรซี่ หยิบเข็มให้หน่อย” เคธีพูดขึ้น เธอต้องเริ่มเนาแล้วแต่เข็มดัยอยู่ไกลเสียนี่

                      “หยิบเองสิ” โรซี่บอกปัด เธอกำลังง่วนอยู่กับการตัดผ้า

                      “มันจะอะไรนักหนา กะอีแค่หยิบเข็ม” เคธีขึ้นเสียงบ้าง

                      “ก็ไม่ได้อะไรหรอกย่ะ เห็นมั้ยว่าตัดผ้าอยู่ ถ้าชิ้นนี้เสียจะทำยังไง ผ้าก็มีจำกัดนะ” โรซี่ตัดผ้าชิ้นนี้เสร็จพอดีกับที่พูดจบแล้วก็วางกรรไกรมากระแทกโต๊ะ โรซี่มองเคธีอย่างเอาเรื่องและเจอสายตาแบบเดียวกันท้าทายกลับมา

                      “จะหยิบรึไม่หยิบ”

                      “หึ ฉันไม่เด็กขนาดแยกงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกหรอกย่ะ” โรซี่พูดพร้อมยักคิ้วไปหนึ่งที โรซี่เอื้อมมือไปหยิบเข็มโดยไม่ได้บอกแล้วส่งให้เคธีแบบส่งๆ เพราะความไม่ระมัดระวังเข็มนั้นจึงทิ่มเคธี

                      “โอ้ย นี่เธอ” เคธีพูดได้แค่นั้นแล้วก็โงนเงนล้มพับลงไป เมื่อเจนกับมาธาเห็นดังนั้นจึงรีบมาดู โรซี่เห็นแล้วก็อารมณ์เสีย

                      “จะนอนก็ดูเวล่ำเวลาหน่อย คนเค้าทำงานกัน คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงนิทราหรือไงยะ” เจนลองเขย่าตัวเรียกโรซี่ดูแต่ก็ไร้การตอบสนอง ดูหมือนเธอจะหลับไปจริงๆ

                      “อะไรกัน อย่างกับเจ้าหญิงนิทรา” มาธารำพึงกับตัวเองแต่ก็ไม่มีทางลอดหูโรซี่ไปได้

                      “จะเป็นได้ยังไงกัน ก็ไม่มีเจ้าชาย” โรซี่ยังไม่เชื่อว่าเคธีจะสลบไปจริง เจนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่แล้วเธอก็เห็นเข็มที่อยู่ในมือเคธี

                      “นี่มันเข็มที่คุณผู้หญิงเก็บสะสมไว้หรือเปล่า” เจนทำงานมานานกว่าคนอื่นเลยพอจะได้ยินมาบ้างว่าคุณผู้หญิงเจ้าของคณะละครชอบสะสมของแปลก แม้เข็มนี้จะดูเป็นของธรรมดาๆ แต่ก็มีตำนานว่าเป้นเข็มที่ทิ่มเจ้าหญิงนิทรา ”ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”

                      “ไม่รู้สิคะ ตกลงยัยนี่สลบจริงใช่มั้ย” มาธายังประหยัดคำพูดและปล่อยให้โรซี่ถามไป

                      “คงอย่างนั้นช่วยกันอุ้มไปที่โซฟานั่นแล้วกัน” สิ้นคำของเจนโรซี่อิดออด แต่ทำได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องยอมช่วย เธอจึงไปจัดแจงโซฟา

                      เมื่อจัดแจงให้เคธีนอนเรียบร้อยก็ต้องมานั่งกุมขมับเพราะไม่รู้ว่าเคธีเป็นอะไรไปมากกว่านี้หรือเปล่า จะออกไปตามหมอตอนนี้ก็ติดที่ฝนตกหนักไม่รู้จะฝ่าพายุไปยังไง เสียงลมพัดหวีดหวิวจนทำเอาสะดุ้งหลายครั้น อีกอย่างงานที่สุมอยู่นี้ดูท่าจะไปเสร็จทันเสียแล้ว

                      ทั้งสามคนมองหน้ากันไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา เจนเองทั้งที่อาวุโสที่สุดในนี้ก็ไม่รู้จะแนะนำให้ทำอย่างไรต่อไป แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตู มาธาหันไปมองประตูอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆก็หันตามไปดู

                      “มีคนมาเหรอคะ” มาธาเอ่ยทำลายความเงียบ เธอย่อยไปที่ประตูด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆ ดึกดื่นป่านนี้ไม่น่าจะมีใครมาอีก หรือถ้าเป็นปีเตอร์เขาก็น่าจะส่งเสียงเรียก เธอเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตู จับลูกบิดแล้วก็ต้องชะงักเพราะฟ้าแลบเห็นเงาคนด้านนอกผ่านกระจกขุ่น มาธาทำใจกล้าบิดประตูแง้มดู อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอายุราวยี่สิบปลายๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอนแต่ก็ไม่วายส่งยิ้มสุภาพมาให้มาธา

                      “ขอผมเข้าไปหลบฝนเสียหน่อยนะครับ เห็นมีแต่ที่นี่ที่มีแสงลอดออกไป” มาธาเปิดประตูกว้างขึ้นอีกนิดแล้วหันไปสบตากับเจน เจนพยักหน้าให้เขาเข้ามาได้เพราะดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร อีกอย่างจะไปหาที่หลบฝนที่อื่นเวลานี้คงลำบากไม่น้อย

                      “ขอบคุณครับ ผมเฮนรี่ วิลสัน เพิ่งข้ามเขามา”

                      “นี่คุณข้ามเขามาในเวลาแล้วก็อากาศแบบนี้หรือคะ “ เจนเอ่ย

                      “ครับ ผมมีความจำเป็นนิดหน่อย” เขาตอบอย่างสุภาพ

                      “ยังไงก็ถือว่าโชคดีที่ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย แค่เวลากลางวันสภาพอากาศปกติยังยากเลย ในนั้นมีอันตรายตั้งมากมาย”

                      “อันตรายอะไรหรือครับ ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย” ชายหนุ่มพูดแล้วส่งยิ้ม เพียงเท่านี้ก็สร้างความหวั่นไหวให้สตรีในห้อง มาธาเองก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาช่างน่าหลงใหล แต่เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความรู้สึกแปลกๆนี้มันคืออะไร เธอรู้สึกว่าคนคนนี้มีบางอย่างหยั่งไม่ถึง

                      “ในป่านั่น มีปีศาจ อสุรกายเต็มไปหมด ฉันก็รู้ไม่ละเอียดนักหรอก แต่ก็รู้ว่ามันสามารถเปลี่ยนให้คนเป็นพวกมันได้ ป่าบนเขาเป็นเหมือนกำแพงแยกเราออกจากเมืองท่า ถ้าไม่มีภูเขานั่นก็คงจะดี” เจนกล่าวลอยๆ “ว่าแต่คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ หรือว่าจะเดินทางไปยังเมืองลึกเข้าไปในแผ่นดิน”

                      “ก็ตามนั้นแหละครับ ผมสนใจเรื่องคำสาปนิดหน่อย เห็นว่าเมืองนี้มีของแบบนั้นอยู่”  เขาพูดแล้วก็สบตากับทุกคน

                      “เอ่อ ถ้าคุณสนใจเรื่องคำสาปช่วยดูเข็มอันนี้ให้หน่อยได้มั้ยคะ” โรซี่พูดพลางยื่นเข็มไปข้างหน้าแต่ก็ถูกเจนรั้งแขนไว้

                      “เธอจะบ้าเหรอ นี่มันของของคุณผู้หญิงนะ”

                      “เอาน่าคุณเจน ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ” โรซี่ตอบแล้วยื่นไปให้ชายหนุ่มดูอีกครั้ง ”นี่ค่ะ”

                      เขาหยิบเข็มเล็กๆขึ้นมาดูอย่างพิจารณา “เห็นว่าเป็นเข็มที่ทิ่มเจ้าหญิงนิทรา โอ้ย” เจนหยิกแขนปลายๆให้หญิงสาวสงบปากสงบคำเสียบ้าง

                      “ดูๆแล้วก็เป็นของต้องคำสาปอย่างที่คุณว่านั่นแหละครับ ผมทายว่าผู้ต้องคำสาปต้องอยู่ในห้องนี้แน่ ผมพูดถูกมั้ย” สาวๆนิ่งเงียบ เขาไล่สบตาหญิงที่ละคนและหันไปเห็นเคธีที่นอนอยู่บนโซฟาพอดี เฮนรี่เดินไปคุกเขาพิจารณาใบหน้ายามหลับใหลของสาวผมทอง

                      “พวกคุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะลองแก้คำสาปของเธอดู”

                      “ไม่หรอกค่ะ รีบๆปลุกให้ฟื้นๆมาช่วยกันทำงานเร็วยิ่งดี” โรซี่ตอบ แต่ต้องโดนเจนตีแขนอีกครั้ง

                      “ไว้ใจเกินไปรึเปล่า”

                      “มันก็ต้องแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็ไม่ได้ทำงานกันพอดี” หญิงสาวที่เงียบอยู่นานมองการโต้เถียงของสองคนนี้ผ่านๆ เธอลอบมองใบหน้าของชายแปลกหน้าที่อาบไล้ด้วยแสงตะเกียง เหมือนเธอจะเห็นเขากำลังยิ้มแต่แววตาดูเหี้ยมพิกล เธอคงตาฝาดไปเมื่อเขาหันมาถามเธอด้วยความสุภาพว่าจะยอมให้เธอช่วยเพื่อนของเธอไหมโดยไร้วี่แววของความเหี้ยมโหดเลย น้ำเสียงอบอุ่นสุภาพทำให้เธอตอบเขาไป

                      “ได้ค่ะ” เพียงเท่านั้นเจนกับโรซี่ก็หันมามองเธอเป็นตาเดียว แต่เมื่อสบตากันแล้วก็คิดว่าน่าจะตัดสินใจดีแล้วจึงไม่ห้ามอะไรเพราะน้อยครั้งนักที่มาธาจะพูดหรือแสดงการตัดสินใจอะไรออกมา

                      ชายหนุ่มยิ้มรับและก้าวไปหาเคธีอีกครั้ง เขาโน้มตัวไปใกล้ๆหญิงผู้นิทราแล้วก้มจุมพิตเธอ ทุกคนจ้องภาพนี้ตาไม่กระพริบ เจ้าชายที่มาช่วยเจ้าหญิงนิทราเพื่อฟื้นจากความฝัน ภาพนี้ช่างเหมือนกับในเทพนิยาย แต่ชายหนุ่มยังไม่ถอนริมฝีปากจากเคธี มาธาที่มองอยู่นานเห็นว่าเกิดความผิดปกติ ผิวของเคธีซีดลงอย่างเห็นได้ชัดแม้อาจด้วยแสงตะเกียงสีเหลือง เขาถอนปากจากเธอแล้ว เธอค่อยๆเผยอตาและลุกขึ้นนั่ง ดูไม่มีอะไรผิดปกติ มาธาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

                      “โล่งอกไปทีนะ ฟื้นขึ้นมาได้ ขอบคุณมากนะคะคุณวิลสัน” เจนพูดขึ้นอย่างโล่งอก

                      “ไม่เป็นไรครับ”

                      มาธาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชายหนุ่มเดินไปมองนอกหน้าต่างรอฝนหยุดส่วนคนอื่นๆก็เริ่มทำงานอีกครั้งไม่เว้นเคธี มาธาเห็นดังนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะทำงาของตัวเอง

                      ไม่มีใครสังเกตเลยว่าเข็มที่เคธีเอาไปเย็บผ้าต่อก็คือเข็มค้องคำสาปอันเดิม

                      มาธาทำงานไปก็ระแวงไป ภาพที่เคธีซีดเผือดไปนั้นยังติดตาอยู่ เธอลอบมองชายหนุ่มสลับกับเคธีเป็นระยะๆ ในที่สุดก็พบความผิดปกติจนได้

                      เคธีสั่นเกร็งขึ้นมา มือจิกขอบโต๊ะแน่น หอบหายใจหนักหน่วงรุนแรง มาธาไม่อาจเห็นใบหน้าชองเธอได้ ชายหนุ่มเองดูท่าคงจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเคธีจึงเดินมาหาเธอช้าๆ เขาหยุดอยู่ห่างเคธีสักหนึ่งฟุต เขายินยิ้มน้อนๆอยู่อย่างนั้น รอยยิ้มไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าของชายหนุ่มแต่ว่าจะเป็นรอยยิ้มแบบไหนเท่านั้นเอง

                      มาธานิ่งงันทำอะไรไม่ถูก เธอหยุดถีบจักรแล้วได้แต่ยกมือมาปิดปากไว้

                      “รอก่อนนะ เคธี” ชายหนุ่มพูดกับเคธีอย่างนั้น มาธาไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรเคธียอมนั่งลงแต่โดยดี เขาละความสนใจจากเคธีและกันมาสบตากับมาธา เธอตื่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อหันไปดูรอบๆตัวก็พบว่าทั้งเจนและโรซี่สลบไปหมดแล้ว

                      ชายหนุ่มเดินไปดูที่เจนและโรซี่ที่กำลังสลบ เขาหันกลับมามองเธออีกครั้ง

                      “ทำไมเธอไม่สลบล่ะ” เขาเดินมาใกล้มาธาขึ้นเรื่อยๆ “คงเป็นความผิดพลาดของผมเองแหละ”

                      ยังไม่ทันที่เฮนรี่จะทำอะไรต่อเคธีก็เกิดอาละวาดขึ้นมา เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง มาธารีบวิ่งไปที่ประตูทันที เคธีหนิบกรรไกรได้ก็วิ่งไล่แทงเธอ มาธาคล้าลูกบิดประตูได้แต่ก็เปิดไม่ออก

                      “ไม่เอาน่าเคธี อยู่เฉยแล้วให้ผมจัดการเถอะ” เคธีหยุดการกระทะแต่สีหน้าแววตายังบ้าคลั่ง เฮนรี่ค่อยๆเดินเข้ามา แต่คราวนี้เขาไม่เก็บงำอะไรอีกแล้ว แววตาอำมหิตไม่ปิดบัง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เธอถอยจนติดประตู เขาไม่รอช้าบีบคางของเธอไว้

                      “จะกินหมดเลยดีมั้ยนะ ต้องยอมรับว่าแม้จะเป็นฐานะอาหารเธอก็น่าสนใจมาก จิตอาลัยอาวรณ์ โอ้ว ดูท่าจะมีเรื่องปิดบังไว้เยอะนะ ฮะฮะฮะ” หญิงสาวมองชายหนุ่มที่บัดบี้ฉีกยิ้มน่ากลัว เธอน้ำตานองหน้า จังหวะที่เขาเคลื่อนหน้าเข้ามาเธอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของคนที่เธอเฝ้ารอมานาน แต่ไม่ทันจะได้เรียกออกไปเขากลับโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว

       

                      มาธาเบิกตาโพลงตื่นขึ้นมาบนเตียงอันแสนคุ้นเคย แสงแดดลอดผ้าม่านบอกว่านี่เป็นเวลาเช้าแล้ว เธอค่อยๆปรับลมหายใจให้เป็นปกติทั้งที่ยังไม่หายกลัว

                      มาธาไล่สายตาไปตามสิ่งของต่างที่อยู่ในแสงสลัว ดูแล้วเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นคงเป็นเพียงแค่ความฝัน เธอเดินไปแหวกม่านดูบรรยากาศด้านนอก นอกหน้าต่างนี่เห็นทิวเขาและทางมุ่งไปสู่ช่องเขา เธอมองทิวทัศน์นั้นอย่างทุกๆวัน แน่นอนว่าเขาจะต้องกลับมา ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ปลุกเธอตื่นจากภวังค์

                      มาธาเดินไปที่ประตู ก่อนเอื้อมมือเปิดเธอก็ลังเลใจ มั้งความกลัวจากความฝันเมื่อคืนและความระแวง เธอเช่าห้องชั้นสองของที่นี่เป็นที่พักอาศัยหลังจากเสียคุณยายซึ่งเป็นญาติคนเดียวของเธอไป ตั้งแต่อยู่ที่นี่เธอแทบไม่ได้ติดต่อกับใครเลย

                      เมื่อเปิดประตูออกมาธาก็ต้องเอามือขึ้นปิดปาก ที่นอกประตูมีชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปลายๆยืนอยู่ ผมสีน้ำตาลตาสีชา เธอจำเขาได้ในทันทีและกระโดดกอดเขาไว้ ทั้งสองคุณแลกจุมพิศอย่างดูดดื่มราวกับจะดูดกลืนความหวานจากจูบที่ไม่ได้รับมาแสนนาน

                      “ในที่สุดคุณก็มา” มาธาเอ่ย เธอไม่รู้จะบรรยายความดีใจออกมาได้อย่างไร เขาเป็นคนสำคัญที่เธอเหลืออยู่ “มาแต่เช้าเลย” มาธาไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่พูดประโยคพื้นๆ แม้ในระหว่างการรอคอยอันยาวนานเธอจะเฝ้าคิดบทสนทนาระหว่างเธอกับเขา

                      “ไปทานอะไรในตลาดมั้ย วันนี้ผมจะอยู่กับคุณทั้งวัน”

                      “ได้สิ”

                      “คุณผอมไปเยอะเลยนะ”ชายหนุ่มพูดพลางโอมเอวหญิงสาว

                      “อื้ม งั้นคุณกลับมาแล้วก็ขุนฉันให้อ้วนเลย”

                      “ฮ่าๆๆ นี่ถ้าคนที่อื่นมาเห็นคุณตอนนี้คงคิดว่าเป็นคนละคน” ชายหนุ่มขยี้หัวหญิงสาวเบาๆ

                      “ไม่เอานะแฮรี่ หัวยุ่งหมดแล้ว” มาธาตอบหน้ามุ่ย

                      “ก็ยุ่งอยู่แล้วไมใช่เหรอ ไปเปลี่ยนชุดสิจะได้ออกไปหาอะไรกินกัน”

                      “อื้ม” มาธาไม่คิดเลยว่าความสุขจะมาหาไวขนาดนี้

       

                      ที่ตลาดมาธาและแฮรี่นั่งกินกาแฟและแซนด์วิชที่ร้านหนึ่ง

                      “คุณมาถึงกี่โมง”

                      “ประมาณหกโมงได้ละมั้ง”

                      “นี่อย่าบอกนะว่าเดินทางตอนกลางคืน” มาธาอดตกใจไม่ได้ เดินทางตอนกลางคืน อันตรายมากนะนั่น

                      “เอาน่าๆ ก็มาถึงแล้วนี่ไง ช่วงนี้มีคนเดินทางกลับเยอะตอนกลางคืนก็ปลอดภัย”

                      “แต่คุณก็รู้นี่ว่าบนเขาปีศาจเยอะแค่ไหน” มาธายังอดกังวลไม่ได้

                      ยังไม่ทันได้คุยต่อแซนด์วิชกับกาแฟก็มาเสิร์ฟพวกเขาหยุดคุยทานอาหาร แต่กัดไปไม่ได้กี่คำก็ต้องชะงักเมื่อปีเตอร์เดินมาหา

                      “มาธา ตามหาซะแทบแย่ วันนี้ช่วยไปที่ห้องเสื้อหน่อยได้ไหม งานด่วนน่ะ ต้องเสร็จวันอังคาร ถ้าเธอไม่ไปต้องไม่ทันแน่ๆ คนขาดอยู่ด้วย” ปีเตอร์พูดพร้อมสีหน้าอ้อนวอน “นะ”

                      “เอ่อ” มาธาลังเลเพราะส่วนหนึ่งเธออยากอยู่กับแฮรี่มากกว่า และอีกอย่างเธอยังหลอนความฝันเมื่อคืนไม่หาย ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ ไม่สิ แฮรี่กลับมาแล้วนี่นา

                      “ไปเถอะมาธา ยังไงผมก็ไม่ได้รีบไปไหนเสียหน่อย” แฮรี่ตอบยิ้มๆ

                      “ค่ะ” คำตอบของมาธาทำให้ปีเตอร์ยิ้มออกมาได้

                      “งั้นเดี๋ยวทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปที่ห้องเสื้อนะ คิดว่าคนอื่นๆน่าจะไปกันแล้ว”

                      “เอ่อ ขอโทษนะคะวันนี้มีใครมาบ้าง”

                      “รู้สึกจะมีเจน เคธี แล้วก็โรซี่นะ สงสัยคงได้ฟังเคธีกับโรซี่ปะทะคารมณ์กันอีกแน่ๆ สองคนนี้เจอกันทีไรเป็นง่องแง่งใส่กันทุกที” ปีเตอร์บ่นลูกน้อง ส่วนมาธาก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป ส่วนปีเตอร์ก็แยกออกไปหลังพูดจบ มาธามองตามปีเตอร์ไปเล็กน้อย
                      “คุณจะต้องเดินทางอีกเมื่อไหร่” หญิงสาวถามขึ้นด้วยความกังวลนิดๆ

                      “ไม่รู้สิ ผมอาจจะต้องกลับบ้านสักครั้ง”

                      “ให้ฉันไปด้วยได้มั้ย”

                      “มันอันตรายนะมาธา”

                      “แต่คุณก็ไปมาแล้วนี่นา ฉันดูแลตัวเองได้นะ ให้ฉันไปเถอะ ฉันเบื่อเมืองนี้เต็มทนแล้ว”

                      “เอาน่าผมสัญญาว่าผมจะกลับมาอย่างที่ผมกลับมาคราวนี้ไง” เขาจ้องมองมาธาเข้าไปในดวงตา “นะ”

                      มาธาหลบสายตานั่น เธอหวั่นไหวและไม่อยากอยู่ในความเหงาอีกแล้ว ไม่มีอะไรการินตีว่าเขาจะกลับมา ผู้หญิงหลายคนในเมืองนี้ถูกทิ้งให้จบอยู่กับคำสัญญา แล้วนี่เธอจะเชื่อเขาได้หรือไม่

                      มาธาเบนสายตาไปนอกร้าน มองร้านรวงต่างๆ ถึงเธอจะเติบโตที่เมืองนี้แต่ที่นี่ไม่ได้มีความทรงจำดีๆให้จดจำมากนัก อีกฟากของถนนเป็นร้านขายยาและเคมีภัณฑ์ เด็กหญิงคนหนึ่งเดินถือห่อยาออกมา ช่างดูคล้างเธอเมื่อหลายปีก่อน วันที่คุณยายค่อยๆเจ็บป่วยลงเรื่อยๆและจากเธอไป เธอได้แต่ภาวนาให้คุณยายได้เจอกับคุณปู่เสียที คนที่ท่านรอมาทั้งชีวิต

                      มาธาออกจากภวังค์และเห็นโรซีเดินออกมา เธอแต่งตัวไม่เหมือนปกติ นี่โรซี่เปลี่ยนสไตล์แล้วหรือ ถ้าไม่มองดีๆคงจำไม่ได้ มาธาว่าจะทักแต่โรซี่รีบเดินไปก่อน และแฮรี่เรียกเธอ

                      “รีบทานเถอะ กาแฟเย็นหมดแล้ว”

                      “อื้ม”

       

                      วันนี้มาธาไม่อาจสลัดความกังวลเรื่องแฮรี่ไปได้ ไม่รู้ว่าเธอกลายเป็นคนวิตกจริตไปตั้งแต่เมื่อไหร่ การทำงานล่วงมาจนถึงตอนบ่ายที่แดดแผดเผา มาธาจดจ่ออยู่กับงานจนมีคนเปิดประตูเข้ามา

                      “เฮ้ มาทานของว่างหน่อยมั้ย เบเกอรี่จากช่างทำขนมที่เก่งที่สุดของหมู่บ้าน” มาธาตกใจจนกรรไกรแทบร่วงหลุดจากมือ เธอหันมองรอบตัว ทั้งบรรยากาศและสถานการณ์ทุกอย่างเหมือนในฝันไม่มีผิด

                      “คุณปีเตอร์นี่ก็รักเมียจริงจรี๊ง ถ้าคุณเธอมาได้ยินคงชื่นใจไปหลายวัน” คำพูดของเจนทำเอามาธาขนลุก ท้องร้องโครกครากทำให้มาธาได้สติ เธอไปหยิบมัฟฟินมากินพยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆโดยมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างที่ทำเป็นประจำ

                      มาธาคิดว่าต้องไม่ทำให้เหตุการณ์อย่างเมื่อคืนเกิดขึ้นอีก แน่นอนอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนฝันคือแฮรี่กลับมาแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะมาเป็นปีศาจนั่นได้

                      มาธาปรับความคิดอีกครั้ง วันนี้เป็นวันทำงานล่วงเวลา เธอควรตั้งใจทำงานเผื่อจะได้ค่าจ้างเพิ่มเงินเก็บจะได้มากพอจะไปตั้งตัวหรือเดินทางไปพร้อมกับแฮรี่ได้ เธอได้ยินเสียงปีเตอร์พูดถึงเรื่องผ้าแว่วเธอจึงโพล่งถามไปด้วยความสงสัย

                      “จะมาเมื่อไหร่เหรอคะ” เธอเว้นระยะนิดหน่อย “ฉันหมายถึงผ้าน่ะ”

                      “ไม่รู้สิ น่าจะเดือนหน้านะ”

                      “แล้วถ้าจะข้ามไปอีกฟาก จะมีคนไปอีกเมื่อไหร่คะ” มาธาถามขึ้นอีกครั้ง บางทีถ้าเธอลาออกแล้วเดินทางก่อนผ้าล็อตหน้าจะมา ไม่สิ ต้องทำยังไงให้ได้ไปกับแฮรี่ไม่ว่าเขาจะยอมหรือไม่ก็ตาม

                      มาธาได้สติขึ้นอีกครั้งหลังพบว่าคำพูดของเธอเหมือนกับในฝันไม่มีผิด แถมปฏิกิริยาของคนอื่นก็ยังเหมือน มาธาถ้าเธอมีสติมันก็ไม่มีอะไรหรอกน่า เธอบอกตัวเองดังๆในใจ

                      ตลอดการทำงานของวันนี้มาธาพยายามมีสมาธิจดจ้องอยู่กับทุกฝีเข็ม แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ผวาทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้น ความเหมือนนี้มันเป็นไปได้ยังไง

                      เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าไปจนถึงตอนกลางคืน ตะวันลาลับแทนที่ด้วยดวงจันทร์ แต่ดวงจันทร์ส่องแสงได้ไม่นานเมฆฝนก็เคลื่อนมาบังและสายฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เวลานี้ไม่มีร้านค้าเปิดขายสินค้าแล้ว

                      ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                      นี่เป็นสิ่งแรกที่ไม่เหมือนในฝัน ไม่มีใครสลบ แค่มีคนมาเคาะประตูเท่านั้น มาธาดีใจขึ้นมาแต่เธอที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ต้องไปทำหน้าที่เปิดประตูอยู่ดี

                      เปิดประตูออกดู มีผู้ชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นไม่ได้หน้าตาเหมือนในฝันถึงจะอายุใกล้ๆกันก็เถอะ มาธาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

                      “เอ่อ ผมขอหลบฝนหน่อยได้ไหม เพิ่งลงจากเขามาน่ะครับ” เจนพยักหน้าเชิงอนุญาตว่าให้เขาเข้าได้

                      “ขอบคุณครับ” มาธารู้สึกว่าคนคนนี้ให้บรรยากาศคุ้นๆ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เธอวางใจว่าเรื่องแบบเมื่อคืนจะไม่เกิดแน่นอน

                      “อ้อ ลืมแนะนำตัวไป ผมลูซิเฟอร์ครับ ผมเป็นนักแสดงเปิดหมวก” เขากล่าวและยิ้มทักทาย

                      “ค่ะ ดิฉันเจน นี่มาธา โรซี่ แล้วนี่ก็เคธี” เจนกล่าวแนะนำทีละคน

                      “พวกคุณสนใจจะดูการแสดงของผมหน่อยไหม เพื่อเป็นการตอบแทนผมอยากแสดงอะไรให้คุณดูสักหน่อยหนึ่ง”

                      “ไม่เป็นไรหรอกพวกเราต้องทำงาน” เจนตอบ แต่แล้วตะเกียงดวงหนึ่งก็ดับไปทำให้แสงเหลือน้อยเกินกว่าจะเย็บผ้าได้

                      “เอายังไงดีเนี่ย มีน้ำมันอนู่แถวนี้รึเปล่า” เคธีพูดขึ้น

                      “คงต้องรอคุณปีเตอร์แล้วล่ะ ไม่มีใครเอามาเติมเพราะคิดว่าวันนี้ไม่ต้องทำงาน กะจะรอขนเข้ามาวันจันทร์นี่แหละ”

                      “เห้อ” เคธีถอนหายใจ

                      “งั้นก็ดูการแสดงของผมหน่อยเป็นไง เพื่อฆ่าเวลาน่ะ”

                      “ก็ได้”

                      “งั้นเชิญคุณผู้หญิงมาร่วมชมแสดงกลเล็กๆน้อยๆ” ลูซิเฟอร์ผายมือไปทางเคธี เคธียักไหล่ประมาณว่าให้เขาเริ่มได้

                      เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอกหยิบไพ่ออกมาหนึ่งสำรับแล้วสับจากนั้นก็พูดขึ้น

                      “ขอให้พวกคุณช่วยปรบมือให้จังหวะ ประมาณนี้นะครับ”เขาปรบมือบอกจังหวะ แต่ละคนตบมือไปก็อยากรู้ไปว่าเขาจะทำอะไรกันแน่

                      เขาสับไพ่ไปมาด้วยท่าทางต่างๆตามจังหวะ และดูราวกับกำลังร่ายรำ เงาจากตะเกียงริบหรี่ให้บรรยากาศดูมีมนต์ขลังขึ้นมา จังหวะหนึ่งเขาวาดมือมาบังหน้าไว้ และเมื่อเอามือออกไปจึงเห็นหน้าคนอื่น เขาปลอมตัวหรือ นี่เป็นหน้ากากหรือไง ทุกคนต่างทึ่งและสงสัยไม่น้อยไปกว่ากัน หน้าตาของเขาเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าหนึ่ง

                      “เฮนรี่” มาธากับโรซี่อุธานพร้อมกัน ทั้งสองคนมองหน้ากัน

                      นักแสดงเปิดหมวกหยุดสับไพ่ เขาดีดนิ้วเคธีลงไปกองกับพื้น ดวงตาไร้แวว เขาหันมาเหยีดยิ้ม ทุกนถูกตรึงไว้ด้วยความกลัวจนไปกล้าขยับ

                      “โอ้เจ้าหญิงนิทรา สนุกมั้ยคุณผู้หญิง ผมควรจะเป็นเจ้าชายมาช่วยปลุกเธอมีมั้ยนะ” เขาพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย “น่าเสียดาย คงปลุกไม่ตื่นแล้วล่ะ แหม่ ดูสวยๆอย่างนี้ วิญญาณรสชาติงั้นๆเองนะ ใครต่อดี” เขาทำท่าลูบเครา

                      ตอนนี้เจนค่อยขยับไปทางประตู เมื่อเธอหันกลังหมายว่าจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดไพ่ใบหนึ่งถูกขว้างมาปักหัวของเธอ โรซี่กรีดออกมา ส่วนมาธากรีดร้องแต่กลับไม่มีเสียงออกมาจากลำคอเลย

                      “เสียมารยาทนะ ดูการแสดงให้จบก่อนสิ” เขากันมามองโรซี่

                      “ดูแล้วคุณน่าจะพอใจกับการแสดงนะ การแสดงของเจ้าหญิงนิทราน่ะ รู้สึกว่ายาพิษที่คุณห่อเก็บไว้จะเป็นหมันซะแล้ว” หน้าโรซี่ที่ซีดอยู่แล้วซีดลงไปอีก มาธาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่โรซี่ตั้งใจจะฆ่าเคธีเหรอ

                      “เอาล่ะ อยากจะรู้เหลือเกินว่าจิตใจของคนคิดร้ายจะอร่อยสักแค่ไหน” พูดจบร่างโรซี่กระตุกหนึ่งครั้งและกองอยู่ที่พื้น

                      มาธารีบวิ่งไปที่ประตู สะดุดร่างเจนที่นอนขวางอยู่ เธอลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง แต่วิ่งได้ไม่ทันถึงประตูเธอถูกกระชากอย่างแรงให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา สายฟ้าฟาดมาเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาโถมเข้ามาหาเธอ บัดน้หน้าตาของเขาดูเป็นริ้วหน้ากลัว ไม่ต้องเก็บร่างจริงแล้ว เขาไม่อยู่ในบทบาทอีกต่อไป เขาอ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยว มาธาสุดจะสิ้นหวัง ในที่สุดเธอก็ได้มองอย่างเต็มตา ดวงตาอันไร้แววคู่นั้น

       

                      “แฮรี่ คุณ”  มาธาได้สติ ตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของแฮรี่ข้างนอกห้องเสื้อบริเวณมุมตึกหนึ่ง

                      “คุณไม่ต้องกลัว มันตายแล้ว ผมจัดการมันแล้วล่ะ” มาธากอดแฮรี่ เธอปลอดภัยแล้ว

                      “รีบหลบฝนเถอะ กลับบ้านกัน ไปที่ห้องฉัน หรือไม่ก็รีบออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ”

                      “เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่ง อย่าขยับเร็วนัก” แฮรี่ค่อยๆลุกขึ้นมา มาธาเห็นจึงเป็นกังวลว่าเขาอาจบาดเจ็บ เธอเข้าไปช่วยพยุง

                      “คุณโอเคมั้ย”

                      “โอย เดี๋ยวนะ ขอยืดตัวหน่อย” แฮรี่ว่าพลางบิดตัว ยือหลังให้ตรง มาธามองเขาอย่างไม่เข้าใจ

                      “จุกจังเลย”

                      “หืม”

                      “ผมอิ่มน่ะ” มาธาหันมามองเขา เขาค่อยๆเลียปากช้าๆ

                      “คุณสนิทกับพวกเธอมั้ย” อยู่ๆเขาก็เปลี่ยนเรื่องจนเธอตามไม่ทัน

                      “ใคร”

                      “ก็พวกที่อยู่ในห้องเสื้อไง”

                      “ไม่หรอก ฉันค่อนข้างเงียบเวลาอยู๋กับพวกเขา”

                      “ไม่เป็นไรๆ” เขาพึมพัมออกมา

                      “ผมอิ่ม แต่ก็ยังกินได้ เป็นนักเดินทางต้องกินเยอะๆสิ จะเจอเมืองต่อไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

                      “คุณอยากเดินทางไปกับผมมั้ย”

                      “จริงเหรอ” เธอรู้สึกประหลาดใจมากที่เขาถามอย่างนั้นแต่ก็ดีใจ

                      “ไปกับผมมั้ย”

                      “ไปสิ”

                      “งั้น” เขาเว้นระยะ “ลงไปอยู่ในท้องผมเถอะนะ ที่รัก”

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×