แบกเป้เที่ยว ตอนเกาะสีซัง - แบกเป้เที่ยว ตอนเกาะสีซัง นิยาย แบกเป้เที่ยว ตอนเกาะสีซัง : Dek-D.com - Writer

    แบกเป้เที่ยว ตอนเกาะสีซัง

    เที่ยวไปยิ้มไป เดินไปหัวเราะไป ตอนเกาะสีซํงพาเพลิน

    ผู้เข้าชมรวม

    235

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    235

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.ค. 49 / 12:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เกาะสีซัง

       หมดระยะแล้วครับ…. 

      เสียงตะโกนเอาจริงเอาจังไล่ผู้โดยสารที่มักนั่งหลับบนรถเป็นประจำอย่างผม

       "ช่วยไม่ได้คนมันเคย"

      เสียงตระโกนเตือนอีก ครั้งนี้เด็กรถตระโกนเอ็นคอแทบพลันกัน ทำหน้ายังกับยักษ์วัดโพธิ์ท้าดวลกับยักษ์วัดแจ้ง ผมยังทำหน้างงๆ ทำไมถึงเร็วนักวะ เพิ่งขึ้นรถเมื้อกี้นี้เอง 

      แย่จังกำลังฝันถึงน้องพอลล่า พอดี

       "หมดระยะครับ ลงตรงนี้ ถ้าไม่ลงจะขับชนเสาไฟฟ้า" เด็กรถตระโกนอีกที่ได้ผลครับ 

      ทุกคนแย่งกันลง

        "ได้เวลาโทรหาคุณนกแล้ว" ผมเดินตรงมุ่งไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ

       "สวัสดีค่ะ นกกำลังพูดอยู่" เสียงเหมือนยังไม่ตื่นฟืนคืนสติ

       "ขอสายคุณเบริด์ครับ" ผมเลืยนเสียงอาฉี เสียงหล่อเรียกสติ

       "ไม่มีคนชื่อเบริดค่ะ นี้เป็นเบอร์ของนก"

       "คุณนกให้เบอร์คุณเบริดมา ผมเลยโทรหาคุณเบริด"

       "อะไรนะค่ะ" ได้ผล เสียงเริ่มเข้าที่เข้าทาง 

       "ก็คุณนกให้เบอร์คุณเบริดมาผมเลยโทรหาคุณนกนะสิ..ฮะ..งง..งอ งง เต็มหัว"

       "เรียว..อย่ามากวนประสาทแต่เช้าได้ไหม"

       "กรุณาลืมตาแล้วดูเวลา ขณะนี้เวลา 7.00 เช้า อีกหนึ่งชั่วโมงเรือจะออกจากท่าแล้ว กรุณายกก้นไปเข้าห้องน้ำได้แล้ว ผมจะรออยู่ข้างล่าง"

       ผมเดินข้ามสะพานลอยมุ่งหน้าไปที่จุดนัดพบ แต่แล้วผมก็ต้องหยุดเหยียบเบรกแทบไม่ทัน เกือบชนแม่ค้าขายหมูปิ้ง

       "หมูปิ้งห้าไม้ ข้าวถุงหนึ่งครับ" ผมยิ้มให้แม่ค้าคือไม่อยากมีปัญหากับแม่ค้าตอนเช้าๆ

       เดี๋ยวก่อนนะขอชิมหมูปิ้งก่อนเดี๋ยวคุยต่อ เช้าๆแบบนี้ได้อะไรร้อนๆ มากระทบปากแบบหมูปิ้งก็ดีเหมือนกัน ยิ่งกินกับข้าวเหนียวร้อนๆ นะ อูยส์ อร่อยชวนเชลล์กินเชียว

       หอมจริงๆ ขนาดผมอยู่บนสะพานลอยยังได้กลิ่นเลยอ้าว ไม่งั้นเท้าผมไม่เบรกซะเหม็นหึ่งขนาดนี้หรอก(ไม่ได้เหยียบอุจจาระหมา อย่าเข้าใจผิด)

       "เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ เรียว" แว่วเสียงเรียกอย่างสบายอารมณ์

       "เหลือเฟื่อ ไม่ต้องรีบ อีกห้านาที"

       "อย่าทำเป็นพูดเล่นสิ รู้ว่านกผิด"

       "ถ้ารู้ตัวก็รีบๆ เราต้องไปท่าเรือให้ทัน" ผมสาวเท้าก้าวนำหน้า

       "เดี๋ยวก่อน...อะไรอยู่ในมือ ส่งมาซะดีๆ ขอชิมหน่อยเดี๋ยวไม่มีแรงเดิน"

       "ฮ้าว...เอาไป กินเอาแรง ไม่ใช่กินเอาไปสะสมเป็นไขมัน" ผมยื่นหมูปิ้งให้ทั้งถุง

       ผมเดินไปฟังเสียงบ่นไปด้วย ม๋วนใจจริงๆ ขอบอก 

       ผมพยายามตลลงราคากับกับรถตุ๊กๆ ไปท่าเรือจรินทร์ คันแรกเอาหกสิบบาท คันที่สองสามสิบ ยังไม่ทันต่อราคาลงมา คุณนกกระโดดขึ้นไปนั่งเฉยเลย

       "เอาคันนี้แหล่ะ ไปเลยลุง" นกพูดพรางชี้มือออกคำสั่ง

       ลุงคนขับพยายามเอาใจผู้โดยสารสุดใจ หักซ้ายขวา แซงคันหน้าโดยไม่เกรงใจท่านยมบาลกับท่านสุวรรณเลย อายุเป็นเพียงตัวเลยจริงๆ

       "ขับได้ใจ ถูกใจจริงๆ ยังงี้เดียวมีทิป" นกกระชิบข้างหูผม

       รถเลี้ยวซ้ายเข้าซอยป้ายบอกว่า ท่าเรือจรินทร์ ผมพยายามจดจำเส้นทางที่มาให้ได้ 

      เผื่อไว้ขากลับ รถเริ่มไต่สะพานที่ยื่นออกไปสู่ทะเล เรือประมงจอดเต็มไปหมด ผู้คนเดินวุ่นเหมือนโดนน้ำร้อน มีรถจอดเต็มสองข้างสะพาน

      ผู้คนต่อรองราคากันอยู่ บ้างก็ขนของลงจากเรือกันอย่างขมักเขม็น ตุ๊กๆวิ่งผ่านอย่างช้าๆ ทุกคนหยุดยืนมองมายังเราอย่างกับไม่เคยเห็นคนหล่อกับคนสวยมาท่าเรือ ฮา...

       รถขับช้าๆ เพราะมีสิ่งของวางขว้างเต็มไปหมด ลุงคนขับค่อยๆฉะลอและหยุดลง

       "ถึงแล้วครับ ท่าเรือจรินทร์"

       "ถึงแล้วหรอครับ ไม่เห็นมีคนที่จะไปเกาะเลยนี้ครับ มีแต่เรือประมงกับพ่อค้าแม่ค้าเต็ม" ผมพยายามสำรวจมองหากลุ่มคนที่มารอเรือ

       "ใช่ท่าเรือที่จะไปเกาะสีซังหรือเปล่าค่ะคุณลุง"

       "ฮ้าวหรอ ทำไมไม่บอกว่าไปเกาะสีซังหละ เราต้องไปท่าเรือเกาะลอยโน่น"

       "ไม่ใช่เท่าเรือจรินทร์หรอครับ เห็นหนังสือบอกว่าต้องท่าเรือจรินทร์ 

      เพราะมีเรือออกทุกๆชั่วโมงไปเกาะสีชัง"

       "ตั้งแต่สะพานข้ามสะพานเกาะลอยสร้างเสร็จเข้าก็ย้ายไปที่เกาะลอยครับ 

      ตรงนี้ก็กลายเป็นท่าสำหรับเรือประมง" ลุงคนขับบอก

       "แล้วทำไมเพิ่งบอกหละครับลุง ขายหน้าหมด ยิ่งไม่มีครีมกันหน้าแตกอยู่ด้วย"

       "ก็ไม่บอกลุงว่าจะต่อไปไหนนี้น่า งั้นเดี๋ยวลุงไปส่งท่าเรือเกาะลอยหล่ะกัน"

       อยากกระโดดน้ำทะเลตายจริงๆ แต่นึกได้ว่าวายน้ำไม่เป็น มาผิดได้ยังไงเนี้ย 

      หนังสือบ้ามันเปลี่ยนมาตั้งนานแล้ว

       คนที่กำลังยืนมองอยู่ถึงกับหัวเราะหันหน้ายิ้มให้กัน อายนะอาย อย่ามองสิ ต้องเชิดหน้าเข้าไว้ลูก เชิดเข้าไว้

       "เอากาวตราช้างไหม นกมีกาวติดกระเป๋ามาด้วย"

       "อย่าตอกย้ำได้ไหม สีตีนยังรู้พลาด นักปราญช์ยังรู้พั้ง หล่อๆยังงี้ก็มีพลาดพั้งบ้างหล่ะน่า"

       อยากหัวเราะเป็นภาษาอังกฤษ Five Five เป็นไง

       ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าอย่าโว้ยหละกัน ฝากไว้ก่อน

       "ลุง ซิ่งเลยค่ะ ให้ทันเทียว แปดโมงเช้านะค่ะ"

       เอาหล่ะสิ ถึงคราวซวย ถ้านกเอยปากแบบนี้หละก็ ขนแขนสแตนอัฟทันที หน้าตาก็ออกจะสวยดี(บ้าง)ไม่น่าชอบความเร็วเลย ยิ่งตุ๊กๆไม่มีเข็มขัดนิรภัยด้วยสิ ลุงแกก็เอาใจผู้โดยสารจริงๆ ซิ่งไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมและหน้าผม

       รอดตายมาได้ไงเนี้ย แถมทันเวลาเรือออก ขอบคุณลุงที่พามาส่งด้วยความสามารถเฉพาะตัว(เยาวชนอย่าเลียนแบบเชียวนะ) อย่างปลอดภัยแต่ที่ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งไม่ใช่ใครที่ไหน ยัยซาดิส์....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×