[GOT7] Midnight Crisis l JackBam - [GOT7] Midnight Crisis l JackBam นิยาย [GOT7] Midnight Crisis l JackBam : Dek-D.com - Writer

    [GOT7] Midnight Crisis l JackBam

    โดย REALIES

    The story about . . . ' YOU and ME ' II

    ผู้เข้าชมรวม

    966

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    966

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ต.ค. 58 / 02:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    แนะนำตัวละคร / ทักทายผู้อ่าน / เขียนตามใจชอบ พิมพ์ตรงนี้ได้เลย...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Midnight Crisis

      Title  :  Midnight Crisis  (SF)

      Author  :  REALIES



       

       

      นับตั้งแต่เดบิวต์...ทริปอเมริกาครั้งนี้คือทริปที่เหนื่อยที่สุด

       

       

      ลำพังการทุ่มเทพลังกายทั้งมวลในคอนเสิร์ตเพื่อตอบแทนเสียงเชียร์ของแฟนๆก็สูบเอาเรี่ยวแรงให้หดหายไปได้มากมายอยู่แล้ว  แม้เขาจะยอมรับว่าสุขใจที่ได้กระโดดโลดเต้นอยู่ท่ามกลางแสงไฟ  แต่ความเหนื่อยล้าของร่างกายก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเช่นกัน

       

      ยิ่งบวกรวมเข้ากับความอ่อนเพลียจากการเดินทางข้ามรัฐเป็นว่าเล่นตลอดหลายวัน การพักผ่อนที่ไม่เคยเพียงพอด้วยว่าร่างกายไม่อาจปรับสภาพให้เข้ากับเวลาของอีกซีกโลกหนึ่งได้  ส่งผลไปถึงสภาพจิตใจจนหงุดหงิดง่ายอย่างที่ได้แต่นึกโมโหตัวเองในใจอยู่หลายครั้ง...

       

       

      และเพราะความที่ไม่ทันระวัง  ก็ทำให้เขาสูญเสียสิ่งสำคัญไปในช่วงกลางทริปของการเดินทาง...

       

       

      สิ่งสำคัญที่ว่านั้นก็เช่น . . . รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กคนนั้น

       


       

      ตลอดหลายวันในอเมริกาเขาไม่เคยอยู่คนเดียว  รอบกายยังคงแวดล้อมด้วยสมาชิกร่วมวงที่ผูกพันกันประหนึ่งคนในครอบครัว  แม้แต่ตอนนอนก็ยังคงมีรูมเมทประจำคนเดิมร่วมห้องอย่างทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ

       

       

      แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงเป็นความเงียบงันจากเด็กคนนั้น . . . ทั้งๆที่เรายังคงนอนอยู่ในห้องเดียวกัน

       

       

      เขาจำไม่ได้แล้วว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร...อาจเป็นเพราะเรื่องเล็กน้อยจากความงี่เง่าของเขา  ความเอาแต่ใจและดื้อตาใสของอีกฝ่าย  สภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการตะลอนเดินทางข้ามรัฐไปมา  หรืออาจจะหมายถึงทุกอย่างที่ว่ามา...

       

       

      รู้ตัวอีกที...ข้างกายเขาก็ไร้เงาเด็กคนนั้นเช่นที่เคยเป็นมาเสมอไปเสียแล้ว

       

       

      ไม่...เด็กคนนั้นไม่ได้หายไปไหน  เราทั้งหมดยังคงอยู่ด้วยกันและทำงานตามตารางเวลาที่วางไว้ล่วงหน้าได้อย่างไร้ข้อบกพร่อง  ยังคงร้องเพลงและปล่อยร่างกายไปตามจังหวะดนตรีที่เป็นของพวกเราได้เป็นอย่างดี  ยังคงสนุกสนานกับแฟนๆที่ส่งเสียงเชียร์อยู่รอบกาย  ยังคงยกยิ้มกว้างได้จากใจเมื่อเห็นการเซอร์ไพรส์วันเกิดที่ถูกจัดขึ้นหลายครั้งเพื่อใครคนนั้น

       

       

      แต่เขารู้ดี...และมั่นใจว่าเด็กคนนั้นก็รู้สึกเหมือนกัน . . . ว่าระหว่างเรามันมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม

       

       

      แต่ความห่างเหินและหมางเมินอย่างจงใจระหว่างเราคงอยู่ไม่นานนัก...

       

       

      ต้องขอบคุณที่เขารู้จักเด็กคนนั้นดีพอๆกับที่อีกฝ่ายรู้จักเขา...การปรับความเข้าใจให้ตรงกันระหว่างเราจึงเกิดขึ้นในคืนนั้น

       

       

      และมันก็มากพอที่จะทำให้เด็กคนนั้นต้องสวมมาส์คปิดปากเอาไว้ในเช้าวันรุ่งขึ้น...

       



       

       

      ***

       

       

       

       

      หลังการเดินทางอันยาวนาน...ในที่สุดวันที่ได้ก้าวเท้าเหยียบเข้าไปในหอพักอันแสนคุ้นเคยก็มาถึง

       

      ทุกอย่างยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป  เว้นไว้ก็แต่กล่องของขวัญที่อาจเรียกได้ว่ามหาศาลที่วางกองอยู่ในห้องนั่งเล่น  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้เป็นเจ้าของตามสิทธิอันชอบธรรมในของขวัญกองใหญ่เหล่านั้นจะดีใจมากแค่ไหนยามที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นั่งแกะกล่องของขวัญจำนวนมากในขณะที่สมาชิกคนอื่นเรียงคิวกันใช้ห้องน้ำก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในห้องนอนส่วนตัวของแต่ละคน

       

      เวลากว่าค่อนคืนของเขาไหลผ่านอย่างเรียบเรื่อยไปกับการช่วยเด็กคนนั้นแกะกล่องของขวัญและจัดเรียงให้เข้าที่เข้าทาง  กว่าจะรู้ตัวว่าเวลาล่วงเข้าดึกดื่นก็ตอนที่ช่วยกันกระหน่ำถ่ายรูปของขวัญที่ได้รับมาจนสะใจและเริ่มรู้สึกได้ว่าเนื้อตัวเหนอะหนะเพราะตั้งแต่กลับมาถึงที่พักต่างก็ยังไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกาย  เป็นมือเล็กเรียวของอีกฝ่ายที่ดึงให้เขาลุกขึ้นจากพื้นห้องนั่งเล่นแล้วรุนหลังให้เดินเข้าห้องนอนของเจ้าตัวเพื่อเข้าไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ลึกด้านใน

       

      คนที่ทรุดกายลงบนเตียงกำลังจะหยิบเครื่องมือสื่อสารคู่ใจมาไว้ในมือเตรียมจะเช็คความเป็นไปในโลกออนไลน์อย่างที่ทำจนติดเป็นนิสัย  แต่เพียงเขาปรายตามองพลางพยักเพยิดไปทางนาฬิกาแขวนบนฝาผนังที่บอกเวลาซึ่งกำลังจะล่วงเข้าสู่วันใหม่   ไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านั้น...เด็กคนนั้นก็ยอมวางมือถือลงบนหัวเตียงแล้วเดินเข้ามาใกล้ให้เขายกแขนขึ้นเกี่ยวรอบลำคอแล้วลากพากันเดินลึกเข้าไปภายในเพื่อตรงไปยังห้องน้ำขนาดเล็กที่อยู่ด้านในสุด

       


       

      เสียงน้ำตกกระทบพื้นดังแผ่วเบากว่าที่ควรจะเป็นเพราะความเกรงใจสมาชิกในวงอีกคนที่หลับสนิทอยู่ในห้องนอนส่วนตัวไม่ไกลจากห้องน้ำด้านใน  ทำให้เขาที่กำลังคุ้ยหาชุดนอนบนชั้นวางของหน้าห้องน้ำพลอยเบามือไปด้วย   เมื่อหยิบได้เสื้อกล้ามสีดำพร้อมกางเกงผ้ายืดให้ตัวเองและเสื้อยืดลายขวางพร้อมกางเกงขายาวเข้าชุดกันให้อีกคนได้ก็ตรงเข้าไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกให้เด็กคนนั้นออกมารับเสื้อผ้าชุดใหม่ไปผลัดเปลี่ยน

       

       

      ทว่า...เสียงกระซิบที่ดังลอดบานประตูออกมาว่าให้เขาเอาเสื้อผ้าเข้าไปให้เนื่องจากเจ้าตัวกำลังติดพันอยู่กับการสระผมจุดชนวนความรู้สึกบางอย่าง

       

       

      ยิ่งเมื่อเร้นกายหายเข้าไปหลังบานประตูแล้วพบภาพที่ไม่อาจละสายตา . . . ความรู้สึกที่ว่านั้นก็ยิ่งชัดเจน

       

       

      หยดน้ำจากฝักบัวที่ตกกระทบร่างคือสิ่งที่รับรู้หลังก้าวเข้าไปยืนใต้ม่านละอองน้ำบางเบาซ้อนหลังใครอีกคน  เขาเฝ้ามองอาการสะดุ้งของคนในอ้อมแขนอย่างสนใจเมื่ออีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมรอบช่วงเอวเปล่าเปลือย   สองมือที่ตอนแรกสาละวนอยู่กับการชำระล้างฟองสีขาวบนหัวเลื่อนลงจับกระชับท่อนแขนที่โอบรอบเอวด้วยความตกใจก่อนทั้งร่างจะหันกลับมาหาคนที่อยู่ด้านหลัง   เสียงอุทานเรียกชื่อเขาจากปากของเด็กคนนั้นพลันสั่นระริกเสียจนชวนให้ความรู้สึกหวามไหวยิ่งเตลิดไปไกล  แต่สิ่งที่เขาทำมีเพียงรอยยิ้มบางเบาที่ส่งให้อีกฝ่ายในขณะที่ยกมือขึ้นช่วยล้างคราบลื่นและฟองสีขาวออกจากเส้นผมเปียกชื้นของคนตรงหน้าเชื่องช้าสวนทางกับอัตราการเคลื่อนไหวของก้อนเนื้อในอกซ้าย

       

       

      ไม่เคยมีช่องว่างระหว่างเรา . . . นั่นคือเรื่องที่เขาและเด็กน้อยตรงหน้ารู้ดีกว่าใคร 

       

       

      สิ่งที่เด็กคนนั้นทำจึงเป็นการโอนอ่อนยอมให้เขาช่วยล้างผมให้แต่โดยดี  ทั้งที่เขินอายเสียจนไม่อาจสบสายตาทว่าเรียวแขนผอมบางคู่นั้นกลับเลื่อนขึ้นคล้องรอบเอวเขาช้าๆ  ย่นระยะห่างระหว่างสองร่างให้ใกล้เข้าจนแทบได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของกันและกันดังชัดเจน

       

       

      การเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นไปอย่างลื่นไหลยามที่เลื่อนใบหน้าเข้าชิดใกล้  สายตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน  ดำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ลึกล้ำที่ต่างก็รู้จักดียามที่ริมฝีปากค่อยๆแนบนาบความรุ่มร้อนเข้าหากัน...

       

       

      แน่นอน . . . มันไม่ใช่จูบแรกระหว่างเรา

       

       

      เช่นเดียวกับที่เราต่างก็ไม่ใช่จูบแรกของกันและกัน

       

       

      แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น . . . ริมฝีปากที่ทาบทับกลับยิ่งขยับบดเบียดแนบแน่นยิ่งขึ้นอย่างไม่อาจห้ามใจ

       

       

      ความเนิบช้าพลันล่าถอยเมื่อเรียวลิ้นขยับเข้าเกี่ยวกระหวัดรัดรึง  ฉุดดึงอารมณ์ลึกล้ำให้ยิ่งทะยานสูงพอๆกับสองมือที่ไต่ไล้ไปตามเรือนกายของกันและกันอย่างโหยหา   เขาไม่โทษกลไกร่างกายของผู้ชายวัยรุ่นที่เป็นตัวนำให้ทุกอย่างดำเนินไป  ไม่โทษว่าเป็นเพราะร่างกายกระหายการปลดเปลื้องเบื้องลึกสุดแห่งดำฤษณาที่ห่างหายไปนาน

       

       

      สิ่งที่ประสาทสัมผัสทั้งร่างจดจ่ออยู่นาทีนี้มีเพียงจูบแนบแน่นซึ่งทวีความร้อนแรงขึ้นทุกทีตามแต่ละวินาทีที่เลยผ่าน...

       

       

      ลมหายใจหอบสั่นที่แลกเปลี่ยนกันอย่างชิดใกล้ปลุกความรู้สึกวูบไหวให้พุ่งทะยาน  ส่งผ่านเรียวลิ้นรุ่มร้อนซอกซอนทั่วโพรงปากอย่างไม่มีใครยอมใคร  เคลื่อนใบหน้าพลิกเปลี่ยนองศาไปมายามที่เขาขยับถอดเครื่องแต่งกายท่อนบนออกจากร่างอย่างไม่เห็นความสำคัญใด 

       

       

      หอบครางพลางแย่งกันช่วงชิงลมหายใจ  สองมือฟอนเฟ้นร่างกายที่แนบสนิทอย่างเร่งเร้าขึ้นทุกที

       


       

      ครั้งนี้ . . . เรามาไกลกว่าที่เคย

       


       

      เป็นเขาเองที่เลื่อนมือลงต่ำ  ลูบไล้ผ่านหน้าท้องเรียบเนียนลงสู่ความรุ่มร้อนเบื้องล่าง  และนั่นก็ทำให้คนในอ้อมแขนสะดุ้งสุดกาย  ชะงักทุกการกระทำในขณะที่เหลือบสายตาไหวสั่นขึ้นมามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ

       

      เพียงหนึ่งประโยคที่เอ่ยถามยามริมฝีปากฉ่ำชื้นเจ่อบวมผละออกห่าง...ก็ลบทุกความคลางแคลงไม่มั่นใจในแววตาของเด็กน้อยตรงหน้าไปได้ในทันที

       


       

      เชื่อใจฮยองไหม...

       


       

      เรียวแขนผอมบางที่ขยับเข้าโอบรัดรอบลำคออีกครั้งอย่างแนบแน่นคือคำตอบที่ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใด  ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เราต้องการจนถึงจุดสุดท้ายแห่งห้วงอารมณ์   ความสุขสมปรีดิ์เปรมแล่นพล่านทั่วร่างจนต้องประคองกอดกันและกันเอาไว้    

       

       

      รู้สึกดีแทบยอมตายแม้ว่าอ่อนแรงจนหายใจไม่ทันยามที่ประสานสายตาสั่นสะท้านเข้าหากันอีกครั้ง...ไม่มีใครพูดอะไรในขณะที่รอให้ลมหายใจหอบสั่นกลับเข้าสู่สภาวะปกติในอ้อมกอดของกันและกัน

       



       

      เขารู้ดี...แม้ระหว่างเราในตอนนี้มีเพียงความเงียบงัน

       




       

      แต่มันไม่มีวันเหมือนกับความเงียบงันที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันก่อนอย่างแน่นอน . . .




      .



      .



      .



      *END*




      ...จงใจปล่อยเบลอชื่อตัวละคร...แต่ก็คงเดาได้อยู่แล้วเนอะว่าสื่อความถึงใคร ^^

      ...ขออภัย...สำหรับเสียงเคาะสนิมที่ดังมากของคนเขียน TT

      ...ขอบคุณ...ทุกคนที่คลิกเข้ามาอย่างยิ่งจากใจจริง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×