readMe
ดู Blog ทั้งหมด

เดินตามความฝัน:เรียนต่อปริญญาโทเมืองนอก!!

เขียนโดย readMe

กลับมาเจอกันอีกแล้วนะบล็อกเด็กดี ห่างหายไปนานพอสมควร

ขอเกริ่นไว้ก่อนสัก หลายๆข้อเกี่ยวกับบล็อกหรือไดอารี่ที่จะเขียนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

 

หนึ่ง. เราเป็นเด็กปีสอง เรียนอยู่มหิดล ไม่ได้เป็นเด็กมัธยมปลายแล้วนะ แต่หน้ายังเด็กอยู่อิอิ(เหรอ?)

สอง. เรากำลังตั้งใจเรียนอย่างมากเท่าที่จะทำได้เพราะอยากได้เกรด สาม.ศูนย์มาให้พ่อกับแม่และนั่นนำพามาสู่ข้อถัดไป

สาม. ไดอารี่หรือบล็อกต่อจากนี้อาจจะไม่ได้อัพสม่ำเสมอ เพราะถ้าวันไหนต้องทำการบ้านดึกมากๆหรือนอนน้อยติดต่อกันหลายวัน จะไม่มีแรงอยากจะทำสิ่งใดๆเลย แต่จะพยายามอัพอย่างน้อยสองอาทิตย์ครั้ง หรือถี่กว่านั้น 

สี่. บล็อกหรือไดอารี่ของเรานั้น ปะปนกันไป ทั้งมีสาระและไม่มี นอกจากนี้ก็ยังยาวมากด้วย ถ้าคุณเป็นเด็กไทนที่อ่านไม่เกินเจ็ดบรรทัดแล้วล่ะก็ บล็อกเราอาจนำพาความยากลำบากมาสู่คุณได้

ห้า. เรากำลังหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่อยากเรียนโทที่ต่างประเทศ(อังกฤษหรืออเมริกา)หรือน้องๆที่มีความฝันว่าอยากเรียนเมืองนอก(และบ้านไม่คอ่ยจะมีตังค์) มาพยายามไปด้วยกันเถอะ

 

 

จุดเริ่มต้นของความฝันนี้มีมาตั้งนานละ คืออยากไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆแล้ว ทว่าฐานะทางการเงินที่บ้านไม่ดีเท่าไหร่ ในช่วงที่ผ่านๆมา แม้พ่อกับแม่เราจะสนับสนุนให้เน้นภาษาอังกฤษและตั้งใจเรียนแค่ไหนก็ตาม เราโชคดีหน่อยที่พ่อเห็นความสำคัญเรื่องภาษา พื้นฐานเลยค่อนข้างจะมีอยู่บ้าง และตอนนี้ก็เรียนแบบอินเตอร์อยู่ แต่เรารู้ว่าไอ้ที่เราเรียนกับที่มันอยู่เมืองนอกน่ะต่างกัน

มาก แค่ระบบการเรียนการสอนก็ไม่เหมือนกันแล้ว

 

ตอนเข้าปีหนึ่งเราก็มีความคิดว่าอยากไปเรียนโทเมืองนอก แบบว่านะ เราก็ฝันไปเรื่อย แต่ปีหนึ่งซนมาก เกเร ไม่ตั้งใจเรียน พอขึ้นปีสอง ก็ตระหนักได้ว่า อนาคตแกจะลำบากแน่ๆถ้าไม่ตั้งใจเรียนตั้งแต่ตอนนี้ เลยตั้งมั่นไว้ว่า ปีสองนี้จะเอาเกรด สาม ไปฝากพ่อกับแม่และฝากตัวเองสักหน่อย เลยพยามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด

 

ซึ่งเหนื่อยมาก บอกเลย อาจจะเพราะขึ้นปีสองแล้วด้วย มันไม่ใช่วิชาที่เรามีพื้นฐานมาก่อน แบบ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ การบ้านก็เยอะ มีทุกวัน ส่งอาทิตย์ต่ออาทิตย์ จะสอบก็จะสอบ แค่ทำการบ้านก็เหนื่อยเกินกว่าจะอ่านหนังสือแล้ว 

 

พอมาถึงจุดนึง จุดที่เราเหนื่อยและท้อแท้สุดๆ หลังจากพยายามมาเดือนเต็มๆ เป็นจุดที่เรารู้สึกว่า ที่ทำอยู่เหมือนไม่มีความหมายอะไรแล้ว เราไม่อยากทำต่อแล้ว เราหมดแรง แม้เราพยายามจะคิดแง่ดีแค่ไหน แต่การมีเป้าหมายเพื่อเกรดสาม กับมีงานทำในอนาคต มันไม่ดึงดูดอะไรเราเลย พูดง่ายๆคือเราหมดไฟ แล้วคณะที่เราเรียนอยู่ บอกเลยว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันไม่ใช่คณะที่เราอยากเข้าแต่แรก ทว่าถามว่าเกลียดไหม เราก็ไม่ได้เกลียด เรารู้สึกว่า ตัวเองไม่มีจุดหมาย และไหลไปตามกระแส ที่บอกว่า “เกรดดี งานดี มีเงิน” 

 

และเราก็หยุดตัวเอง กลับมาทบทวนตัวเอง ว่าตอนนี้เรามีความสุขไหม? ที่เราทำอยู่เพื่ออะไร? เพื่อใคร? และในวันนั้นเอง เราเจอเรื่องราวของคนๆนึง ที่เขาเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา เขาเดินทางไปทั่วกว่ายี่สิบเอ็ดประเทศ เจอคนหลากหลาย ได้ไปในสถานที่มากมาย 

 

หลักจากอ่านเรื่องราวเหล่านั้นจบ เราพึ่งรู้ว่าตัวเองร้องไห้ บางทีอาจจะเริ่มตั้งแต่ต้นเรื่องแต่ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ เราไม่รู้ว่าทำไมถึงร้องไห้ แต่เรานึกได้ถึงความฝันลมๆแล้งๆที่ผ่านมานานมากแล้ว ว่าเราเคยฝันว่าอยากจะมีชีวิตแบบนั้น 

 

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้น

เรากลับมาถามตัวเองว่า ตอนนี้เธอดีพอรึยัง เธอเก่งพอรึยัง และคำตอบทั้งหมดก็คือ ไม่ (แน่นอนล่ะ ๕๕๕๕) จากนั้นเราก็ย้อนกลับมายังสิ่งที่เรากำลังจะล้มเลิกมันไป 

 

พอคิดว่าที่เรากำลังพยายามทำเกรดให้ได้สามขึ้น ไม่ใช่เพราะอยากมีงานทำดีๆในอนาคต แต่เราทำเพราะความฝันที่ว่าเราจะไปเรียนต่อโทเมืองนอก และจะมีชีวิตแบบที่เราฝันเอาไว้ แค่คำว่าความฝันอย่างเดียว เปลี่ยนเรื่องเดิมให้กลายเป็นอีกเรื่องไปเลย 

 

มุมมองต่อสิ่งต่างๆเราไม่เหมือนเดิม เมื่อมุมมองเราเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เรามีแรงที่จะเดินหน้าต่อ ไปยังสิ่งที่เรานึกถึงแล้วเรามีความสุข เราเริ่มต้นเปลี่ยนจากที่อยากได้เกรดสามเพราะอยากมีงานทำดีๆ เป็นเราอยากได้เกรดดีๆ เพราะเราอยากมีชีวิตที่ดี มีชีวิตที่เราอยากจะมีและอยากเป็น

 

แน่นอนว่าเราอาจจะไม่ได้ไปเรียนต่อแบบที่หวังเอาไว้ แต่อย่างน้อยเราก็ยังพยายามอยู่ พยายามทำให้สิ่งที่ดูไกลสำหรับเรา ค่อยๆเป็นจริงขึ้นมาทีละนิดๆ ดีกว่าเราใช้ชีวิตแบบไม่มีจุดหมายอะไรเลย หรือถ้ามีก็เป็นจุดหมายของคนอื่น 

 

ตอนนี้เราเหนื่อยมาก แต่ก็รู้เสมอว่าเรากำลังเหนื่อยเพราะอะไร เพื่ออะไร เราอาจจะท้อมาก แต่เราก็ท้ออยู่แปบเดียว เพราะเรารู้ว่าที่เราท้อเพราะอะไร และเราก็ใช้คำพูดๆหนึ่งเตือนตัวเองเสมอเวลาที่เราเริ่มเหนื่อยและท้อใจว่า มันอาจจะไกลเกินไปสำหรับเรา If your dream not scare you,It’s not BIG enough. 

 

ถ้าใครมีความฝันอยู่ไม่ว่าจะเป็นความฝันแบบไหน ให้ลองคิดและถามตัวเอง แบบที่เราทำ ในเวลาที่เราเหนื่อย ท้อ และหมดหวัง มันจะช่วยหาทางออกให้เราได้เอง นอกจากนี้ ก็ขยันหาแรงบัลดาลใจใหม่ๆเพิ่มตลอดเวลา อย่างเราก็เข้าไปอ่าน ไปดูรูป ของคนที่เรียนเมืองนอกทุกวัน ให้เป็นแรงบัลดาลใจของตัวเอง 

 

เตือนตัวเองเสมอ ว่าที่เธอทำอยู่นี้เพื่ออะไร 

พยายามให้ดีที่สุด หาความสุขของตัวเองให้เจอ

 

 

 

 

 

 
 
 

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น