ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    @SIAM,ณ สยาม (ชื่อยังไม่แน่นอน)

    ลำดับตอนที่ #1 : @SIAM,ณ สยาม ver.short story,เรื่องสั้น

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 55













    ร้านกาแฟทรูช็อป@สยาม

     

     

    เด็กหนุ่มในชุดนร.ของรร.นานาชาติกำลังสะบัดหัวสีทองอ่อน พลางเงยหน้าขึ้นบิดขี้เกียจจากการนอนหลับมาเกือบสองชั่วโมง ผิวของเขาขาวซีด ผมสีบรอนซ์ทองอ่อนๆ แต่กลับมีดวงตาสีดำสนิท

     

     

    “คาปูชิโน่ได้แล้วค่ะ”พนักงานสาววางแก้วกาแฟแก้วที่สี่ลงบนโต๊ะ และเก็บแก้วที่หมดแล้วไปอีกครั้งแม้จะไม่มีร้านไหนที่ต้อนรับคนนอนหลับ แต่จำนวนกาแฟที่เด็กหนุ่มคนนี้สั่งทำให้เธอไม่สามารถไล่เขาไปได้

     

     

    “ขอบคุณนะพี่สาว”ว่าจบก็รับแก้วกาแฟนั่นมาดูดรวดเดียวจนพร่องไปเกือบทั้งหมด อ้าปากหาวแล้วเท้าคางกับโต๊ะ มองออกไปด้านนอก ยังถนนอีกฝั่งที่ซึ่งกลุ่มเด็กวัยรุ่นหัวเกรียนหน้าตาไม่ได้ดีเด่ออกจะเหียกและลิงยังหน้าตาน่ารักกว่ากำลังเกาะกลุ่มสูบบุหรี่ไม่อายฟ้าอายดิน ว่าบุหรี่นั้นห้ามจำหน่ายแก่เด็กอายุต่ำกว่า18ปี แต่จะว่าเด็กก็ไม่ผิดนัก ไอ้ผู้ใหญ่ที่กำลังเดินเฉดฉายอยู่บนจอทีวี ท่ามกลางการเมืองที่เน่าเฟะต่างหากล่ะที่ผิด ถ้าผู้ใหญ่บางคนมันไม่ขายหรือซื้อให้ เด็กที่ไหนมันจะไปสูบกันล่ะ “งี่เง่าสิ้นดี”เด็กหนุ่มพึมพำ มองชาวต่างชาติที่กำลังเดินปะปนกับคนไทยบนท้องถนน ป่านนี้ก็คงเข้าใจว่า วัฒนธรรมที่ดีงามของเด็กไทยนั่นมีการสูบบุหรี่อยู่ข่างถนนเพิ่มลงไปด้วย

     

     

    บางที บางสิ่งบางอย่างก็ควรจะได้รับการเปลี่ยนแปลง

     

     

    “ไงครับไอ้คุณเชน ทำหน้าเบื่อโลกอีกแล้วนะเพื่อน”ผู้มาใหม่สองคนทิ้งตัวลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะ คนที่ทักใส่เพียงเสื้อยืดกระทิงแดงแจกฟรี กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม และร้องเท้าแตะตราช้างดาว ทว่าดูราวกับหลุดออกมาจากปกนิตยสารโว้ค เหมือนอย่าที่มีใครเคยพูด ถ้าหน้าปานเทพบุตรต่อให้เสือกผ้ามันทุเรศแค่ไหนก็ยังดูเทพบุตรได้อยู่ดี

     

     

    “พวกคุณทำให้ผมต้องรอถึงสองชั่วโมง อย่ามากวนตีน”เชนยันตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงจากท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ดวงตาคู่เนือยๆนั่นดูแวววาวขึ้นมานิดนึง

     

     

    “ไอ้เบสท์มัวแต่ม่อสาวอยู่ ไม่เกี่ยวกับฉัน”อีกคนออกตัว โยนความผิดให้เด็กหนุ่มหน้าตาดีนามว่าเบสท์ทันที

     

     

    “อ้าว ไอ้ออฟ ไหงแกทำแบบนี้ล่ะ เพื่อนกันป่ะเนี่ย”

     

     

    ออฟยักไหล่ไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ในบรรดาเด็กหนุ่มทั้งสาม ออฟดูธรรมดาที่สุดแล้ว เขาแต่งตัวตามแฟชั่นก็จริง แต่ไม่แปลกเท่าอีกสองคน

     

     

    “อาทิตย์นี้มีอะไรสนุกๆอีกล่ะ”ออฟเปิดประเด็น

     

     

    “ไม่มี”เชนและเบสท์ตอบพร้อมกัน ดูเบื่อโลกพอๆกัน

     

     

    “ถ้าพวกแกไม่มีฉันก็ไม่มีน่ะสิ ไอ้พวกชอบสร้างเรื่อง”ออฟทำหน้าเซ็งอีกคนแต่ยังไม่วายจิกกัดเพื่อนตัวเอง

     

     

    “สยามตอนนี้ ไม่น่าเดินเลยนะ พวกคุณว่าไหม”แล้วสายตาของเชนก็เบือนออกไปนอกหน้าตายังไอ้กลุ่มเด็กหน้าเหียก ที่เริ่มม่อสาวนุ่งสั้น ปากแดง“งี่เง่ามากเลยล่ะ งี่เง่าจนผมอยากซดคาปูชิโน่อีกสามแก้ว”ไม่ว่าเปล่าแต่กวักมือเรียกพนักงานสาวคนเดิมมาอีกครั้ง

     

     

    “ต่อให้แกซดอีกยี่สิบแก้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก ยกเว้นแต่ว่าแกจะนอนไม่หลับไปสามวัน แล้วก็เข้าห้องน้ำทุกๆสิบนาที”เบสท์ถากถาง แต่ดูไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกับเพื่อนตัวเอง

     

     

    ออฟกอดอก“นั่นสินะ ดูงี่เง่าจริงๆด้วย”

     

     

    เงียบไปพักใหญ่ ขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสามเฝ้ามองเด็กหัวเกรียนเหล่านั้นลูบนั่นลูบนี่และเด็กสาวปากแดงเหล่านั้นก็ดูดีอกดีใจ ก่อนจะพากันโอบไหล่โอบเอว กอดคอ เดินไปยังฝั่งสยามดิสฯ และเพียงไม่นาน ณ จุดเดิม ก็เริ่มมีเด็กผู้ชายมองหน้าหาเรื่องกันอีกครั้ง และไม่ใช่กลุ่มเดิม

     

     

    คาปูชิโน่สามแก้วมาถึงพร้อมๆกับที่เชนส่งแก้วล่าสุดที่หมดเกลี้ยงให้พนักงานสาว และเริ่มต้นดูดแก้วใหม่อย่าเอาเป็นเอาตาย เบสท์กับออฟพาสายตามาที่โต๊ะดังเดิม นั่งจ้องเชนที่ดูดคาปูชิโน่ จนหมดแก้วที่หนึ่ง เริ่มแก้วที่สอง หมดแก้วที่สองเริ่มแก้วที่สาม และเมื่อหมดแก้วที่สาม เชนก็ยกมือขึ้นเนือยๆ เรียกพนักงานสาวคนเดิมมาเก็บตังค์

     

     

    “คุณเพื่อน ผมว่าเรามาลงมือกันเถอะ”รอยยิ้มแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าสุดเนือยของเชน และนั่นทำให้ใบหน้าที่ดูเบื่อโลกเปล่งประกายเจิดจ้า ขณะที่ออฟเริ่มหัวเราะส่งผลให้ความธรรมดาที่เคยเกาะอยู่จางหายไป คนในร้านหันมามองเขาจ้องมองใบหน้าที่กำลังเปล่งเสียงหัวเราะด้วยอาการราวกับเคลิบเคลิ้ม

     

     

    ขณะที่เบสท์เพียงขยับรอยยิ้มจาง “มันต้องให้ได้อย่างนี้สิคุณเพื่อนเชน”

     

     

    วันเดียวกันเวลาหนึ่งทุ่มสิบนาที

     

     

    เด็กวัยรุ่นกลุ่มเมื่อเช้า เดินออกมาจากตรอก พร้อมกับเด็กสาวกลุ่มเดียวกัน ทว่ายังไม่พ้นจากตรอกแคบๆนั่นก็ถูกขวางเอาไว้ ด้วยร่างสูงของเด็กผู้ชายสามคน

     

     

    “อะไรวะ พวกมึงเป็นใครมาเกะกะอะไรพวกกู หลบไปถ้าไม่อยากเจ็บตัว ไม่รู้เหรอว่าที่นี่ถิ่นใคร”

     

     

    ไร้คำตอบจากเด็กหนุ่มสามคนที่มาขวางทางทว่าไม่นาน หนึ่งในนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก“เฮ้ย ออฟ แกว่าเราจะเจ็บตัวไหมวะ”

     

     

    “ไม่นะ”เบสท์เอ่ยตอบ แต่แล้วเด็กหนุ่มที่ยืนตรงกลางก็เอ่ยขัดด้วยเสียงเนือยๆ

     

     

    “พวกคุณกวนตีนช้าไปไหม”

     

     

    เหมือนทั้งเบสท์และออฟจะพึ่งรู้สึกว่าช้าไปจริงๆอย่างที่เชนว่า เพราะคนในตรอกเริ่มกัดฟันกรอดๆ

     

     

    “พวกมึงอยากรนหาที่เองนะ!! เฮ้ยพวกมึง จัดการ!!”ตัวที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าใหญ่ตะโกน ขณะที่พวกที่เหลือ เริ่มเดินมาล้อมเด็กหนุ่มทั้งสาม และอีกสามคนก็ไม่ปฏิเสธ ยอมโดนบีบเข้าไปจนสุดตรอก แคบๆที่เหม็นขยะและท่อระบายน้ำ

     

     

    “คุณออฟมืดแบบนี้ ผมไม่ชอบเลย”เสียงเนือยๆดังขึ้น และนั่นเรียกความโกรธสุดขั้วของพวกที่ล้อมได้เป็นอย่างดี พวกมันเริ่มควักอาวุธออกมา มีตั้งแต่สนับมือ คัตเตอร์ ไปถึงมีดพก

     

     

    “นั่นสินะ”ออฟเอ่ยอย่างเห็นด้วย ดูราวกับทั้งสามไม่เห็นพวกที่ล้อมและปล่อยจิตอาฆาตแค้นอยู่ในสายตา และนั่นก็ทำให้ความอดทนทั้งหมดขาดลง

     

     

    “พวกมึง!!ตาย!!”

     

     

    ทันใดนั้นเสียงตึงก็ดังขึ้นกลางวง ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวชะงัก แสงไฟสีส้มอ่อน เปล่งประกายสะท้อนให้แสงสว่างท่ามกลางตรอกมืดๆ เผยให้เห็นใบหน้าของเชน เบสท์และออฟที่เบื้องหน้ามีเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ มันสูงพอๆกับเสาไฟฟ้าบนทางด่วน ทว่าทั้งต้นเป็นสีเขียว ที่ฐานสลักเสลาลวดลายงดงาม และตัวโคมไฟด้านบน เป็นนกหงส์สีทองราวกับคำบอกเล่าในนิทานป่าหิมพานต์ ที่จะงอยปากของนกสีทองตัวนั้นคาบดวงแก้วรูปหยดน้ำอ่อนช้อยเป็นที่มาของแสงสว่างสีส้มทอง

     

     

    “อะไร.. มะ..มาได้ไง!?”หนึ่งในพวกมันพุดขึ้นชี้ที่เสาไฟแสนสวยต้นนั้นอย่างตกตะลึง และคนอื่นๆก็ดูตกตะลึงเหมือนกัน

     

     

    “มันอยู่...อยู่ที่ถนนอัก...อะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอวะ!!”

     

     

    ทันใดนั้นบนใบหน้าของทั้งสามก็ขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม“ถนนอักษะ พวกคุณเรียกเกือบถูกแล้วล่ะ”เชนพยักหน้าจากนั้นก็เบือนหน้าไปทางออฟ“คุณออฟคุณไม่ควรทำของหลวงสวยๆงามๆเสียหายนะ มันไม่ดี”

     

     

    “อ่า... ก็ฉันว่ามันสวยดีนี่ ไม่ต้องห่วงเชน เดี๋ยวเสร็จเรื่องมันจะกลับไปอยู่ที่เดิมเหมือนไม่อะไรเกิดขึ้นเลยล่ะ”ออฟเกาคาง และยืนยันกับเพื่อนสนิทตัวเอง 

     

     

    ตัวหัวหน้ากัดฟันกรอด ไม่ว่าไอ้เสานี่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่คืนนี้พวกมันจะต้องนอนกองอยู่แทบเท้าพวกมันแน่ๆ ยังไงไอ้พวกประหลาดๆนี่ก็มีอยู่สามคน แต่เขามีเป็นสิบ

     

     

    มันกระชับมืดพกในมือแน่น และอาศัยช่องว่างที่ไอ้คนใส่ชุดนร.หันไปคุยกับพวกมัน พุ่งมัดเข้าใส่!!

     

     

    จู่คนที่ใส่เสื้อกระทิงแดงก็เบือนสายตาคมนิ่งมาทางมัน ก่อนมันจะเห็นใบหน้าราวเทวดานั่นค่อยแปรเปลี่ยน ตาขาวเริ่มกลับกลายเป็นสีดำ รูปร่างสูงของมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ผิวขาวสว่างเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท พร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มมีเขี้ยวยาวงอกออกมา และปากที่เริ่มฉีกกว้างมากขึ้นเรื่อยๆจนเกือบถึงใบหู นิ้วมือนิ้วเท้าที่เริ่มงอกยาวและมีเล็บแหลมคม หลังที่จู่ๆก็มีปีกสีดำงอกยาวออกมาเหมือนปีกค้างคาว 

     

     

    “อ๊ากกกก!! อย่า...ยะ...”พวกของตัวหัวหน้าเริ่มมึนงงที่จู่หัวหน้าตัวเองก็ชะงักมีดที่เกือบจะแทงที่ลำตัวของเชน และร้องลั่น มือและขาสั่นระริก ก่อนมีดพกจะตกลงบนพื้น ล้มลง ดวงตาเบิกกว้างมองไอ้คนน่าตาดีที่สุดในสามคนอย่างหวาดกลัวสุดขีด

     

     

    “อืม... ไอ้หมอนี่เลวใช้ได้เลยล่ะ เห็นฉันในระดับที่เจ็ดเลยล่ะ เป็นไง น่ากลัวใช่ไหม?”เบสท์พูดขึ้นเบาๆพร้อมกับหัวเราะ ขณะที่ตัวหัวหน้ากรีดร้องลั่น หวาดกลัวสุดขีดเพราะสิ่งที่มันเห็นไม่ใช่ใบหน้าของเด็กหนุ่มรูปงาม แต่เป็นตัวอะไรสักอย่างที่เหมือนซาตานที่มันชอบดูในหนังสือการ์ตูนหรือในหนังเสียงหัวเราะและเสียงพูดธรรมดาของเบสท์ เมื่อเข้าหูมันกลับเป็นเสียงคำราม วังเวงแสบแก้วหู ฉุดดึงทุกความอ่อนแอและความหวาดกลัวออกมาจากก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก

     

     

    และแล้วมันก็ขับถ่ายน้ำสีเหลืองๆออกมาจนชุ่มกางเกงอยากจะหนีแต่ก็ไม่สามารถขยับหนีได้

     

     

    คราวนี้คนรอบๆแม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็หวาดกลัวขึ้นมาบ้างจากความไม่ปกติทั้งหมดนี้พวกมันเริ่มถอยหลังหนีทีละก้าว แต่แล้วขาที่จะก้าวทั้งหมดก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก

     

     

    “ทำไม! ทำไมขยับไม่ได้!!”หนึ่งในนั้นร้องตะโกน ขณะที่เหลือพยายามกระชากขาตัวเองออกจากพื้น แต่ไม่เป็นผล แสงไฟสีส้มเริ่มจางลง ความสลัวเริ่มเข้ามาแทนที่ 

     

     

    “เอาล่ะ พวกคุณนอนกันวันละกี่ชั่วโมง”เสียงเนือยๆของเชนดังขึ้น ไม่สนใจตาที่เบิกกว้างของเด็กผู้ชายและเด็กสาวที่น้ำตาไหลพรากอย่างตื่นกลัว “บางทีผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันเพราะชอบฝันร้ายบ่อยๆ ไม่มีใครชอบฝันร้ายหรอกเนอะ ผมก็ไม่ชอบ”

     

     

    ตาสีดำสนิทหยีลงจากการหัวเราะ“สักสี่วันเป็นไง เลขสี่เป็นเลขที่ดีนะ ในภาษาญี่ปุ่นเลขสี่ออกเสียงเหมือนคำว่า ตาย เลยล่ะ”

     

     

    และแล้วพวกมันที่เหลือก็เข้าใจว่าหัวหน้ามันกรีดร้องเพราะอะไร

     

     

    หนึ่งทุ่มสิบนาที

     

     

    เบสท์เดินนำออกมาจากตรอกมืดๆนั่น ตามด้วยเชนและออฟ จากนั้นทังสามก็หลบฉากให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่วิ่งแตกตื่นกรีดร้องออกมาจากตรอก คนแถวนั้นหันไปมอง ส่ายหัวพร้อมกัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาไม่สนใจเรื่องของวัยรุ่นมีปัญหาเหล่านี้

     

     

    “เดี๋ยว!!”

     

     

    เบสท์ชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองในตรอก ในนั้นมีเด็กผู้ชายหัวเกรียนกำลังยืนจังก้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มของผู้ชนะแม้ใบหน้าของมันจะเต็มไปด้วยเหงื่อและริ้วรอยของความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ก็ตาม

     

     

    “ฉันรู้พลังของพวกแกหมดแล้ว คราวนี้พวกแกไม่รอกแน่!!”

     

     

    “ผมก็รอมาตั้งนานว่าเมื่อไหร่คุณจะเผยตัวออกมาซะที”

     

     

    “ฉลาดดีนี่”เบสท์เอียงคอเอ่ยปากชม

     

     

    “แต่ยังฉลาดไม่พอ”ออฟปิดท้าย และทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็หยุดเคลื่อนไหว ผู้คนที่กำลังยิ้มกำลังหัวเราะ กำลังเลือกซื้อของ กำลังเดินกลับบ้านหยุดทุกอย่างเหมือนแผ่นหนังที่ถูกกดปุ่มค้าง

     

     

    “พวกแก..!”

     

     

    แผ่นดินเริ่มสะเทือน พื้นหินปูนเริ่มแยกออกจากกัน แสงสีแดงฉานเริ่มฉายสว่างขึ้นมา ลูกไฟลาวาลอยขึ้นมาจากพื้นดิน และรูปร่างผอมๆหัวเกรียนๆก็เริ่มเลือนราง ก่อนจะมีร่างที่เหมือนก็อปปี้ปรากฏเป็นสิบรายล้อม

     

     

    “ไอ้ลาวานี่ก็น่ากลัวดีอยู่หรอกนะ แต่ไอ้ร่างแยกนี่มันกากชะมัด”เบสท์บ่นพึมพำ ทั้งสามไม่สะทกสะท้านกับแผ่นดินที่กำลังไหวๆอยู่เลยแม้แต่น้อย

     

     

    “คอยดูละกัน!!”

     

     

    เชนกระพริบตาปริบๆ มองร่างแยกมากมายที่มองเห็นเป็นเพียงเงาเลือนราง เอี้ยวตัวหลบซ้ายขวา เหมือนเพื่อนๆอีกสองคน ตาสีดำสนิทแวววาวขึ้นเล็กน้อย ก้มตัวหลบลูกไฟลาวา 

     

     

    คนที่ดูสบายที่สุดคงไม่พ้นออฟ ที่แค่ยืนนิ่งๆ อ้าปากหาวมองเพื่อนอีกสองคนที่ขยับเนื้อขยับตัวออกกำลังกาย แต่สำหรับออฟแค่นี้ก็กินแรงพอสมควร เพราะเขาต้องป้องกันตัวเองและควบคุมเวลากับมิติด้วย

     

     

    ตาสีดำสนิทของเชนสอดส่ายหาตัวจริง พร้อมๆกับเบสท์

     

     

    “อ้า...”เสียงร้องของเชนดังขึ้นก่อนร่างสูงในชุดนร.นานาชาตินั่น จะกระโดดไปข้างหน้ายาวๆสามก้าว แล้วยื่นมือไปคว้าร่างของไอ้ตัวการออกมา

     

     

    เหมือนอีกฝ่ายรอจังหวะนี้อยู่ มันเงื้อมือขึ้นสุด ใบหน้าปรากฏแววของชัยชนะก่อนจะอัดฝ่ามือที่ล้อมรอบด้วยลาวาสีแดงมาที่ศีรษะสีบรอนซ์ทองของเชนเต็มแรง

     

     

    ในเสี้ยววินาทีนั้น เชนย้ายสายตาสีดำสนิทของตนไปยังตาของอีกฝ่ายที่เบิกกว้าง

     

     

    “อ๊ากกกกกก!!!!!”

     

     

    ลูกไฟลาวาเลือนหายไปก่อนจะโดนผมสีบรอนซ์ทองเพียงนิดเดียว ตาสองข้างของมันปูดโปนปัดป่ายไปทั่วตัว ราวกับไล่อะไรบางอย่างออกไป

     

     

    เชนเหวี่ยงแขนแรงๆ เพื่อสะบัดไอ้คนที่เขาจับหัวอยู่ไปให้พ้นๆ“น่ารังเกียจจัง”

     

     

    แล้วก็ปัดๆมือกับเสื้อของเบสท์ที่ก้าวมายืนข้างๆ

     

     

    “ไอ้บ้า มันสกปรกนะเว้ย!”

     

     

    “ก็เสื้อคุณมันแจกฟรีนี่นา”เชนยังคงเช็ดต่อไปจนพอใจ ออฟเดินมาใกล้ๆทั้งสอง

     

     

    “ยังใช้ได้ผลในเสี้ยววินาทีเสมอเลยนะ”ออฟออกความเห็น “ ความหวาดกลัว ฉันไม่กล้ายุ่งกับแกจริงๆนะเชน แล้วยังต้องเจอไอ้นี่ไปสี่วันสี่คืนอีก ไม่ได้หลับไม่ได้นอน”

     

     

    เบสท์ยกมือห้ามออฟให้หยุดพูด ก้มตัวลงไปใกล้ๆ คนที่ยังปัดอะไรสักอย่างที่ทั้งสามมองไม่เห็นออกจากตัวและเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง

     

     

    “ตราชั่งแห่งบาปปิดท้ายเรียบร้อยแล้วครับคุณเพื่อนเชน”

     

     

    “ระดับไหนวะ ดูสิ น้ำลายฟูมปากออกมาเลย”ออฟหัวเราะ แต่ยังดูรังเกียจไม่น้อย ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติ ไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆครั้งนี้

     

     

    “แปดแหน่ะ เลวจริงๆ”เบสท์ตอบ หันหลังออกมาจากจุดนั้น เด็กหนุ่มทั้งสามตรงไปยังร้านกาแฟอีกร้านที่อยู่ไม่ไกลออกไป 

     

     

    หนึ่งอาทิตย์ต่อมา

     

     

    ร้านกาแฟทรูช้อป

     

     

    พนักงานสาวคนเดิม ยืนมองเด็กหนุ่มผมบรอนซ์คนเดิมจากหลังเคาเตอร์ คาปูชิโน่นี้เป็นแก้วที่สี่ และเมื่อเอาไปเสิรฟ์เด็กหนุ่มคนนั้นก็เงยหน้ามาขอบคุณเธอเหมือนเดิม

     

     

    ไม่นานนัก เพื่อนอีกสองคนของเด็กหนุ่มคนนั้นก็เดินเข้ามาในร้าน และสั่งคาปูชิโน่กับลาเต้เพิ่มอย่างละแก้ว

     

     

    “พี่สาว วันนี้เพิ่มเค้กช็อกโกแลตอีกสามด้วยนะ วันนี้พวกผมมีฉลอง”เด็กหนุ่มที่หน้าตาดีที่สุดบอกกับเธอ เขาดูเข้าถึงง่ายที่สุดแล้ว

     

     

    “วันเกิดใครเหรอจ๊ะ ให้พี่แต่งหน้าเค้กให้ด้วยดีไหม?”พนักงานสาวถามตามหน้าที่

     

     

    “ไม่ใช่วันเกิดใครหรอกฮะพี่สาว แค่วันนี้การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจบลงแล้วเท่านั้นเอง”เด็กหนุ่มผมบรอนซ์เอ่ยตอบเสียงเนือยๆ ชูนิ้วขึ้นอีกหนึ่งนิ้วเป็นการรู้กันว่าขอคาปูชิโน่เพิ่มอีกหนึ่งแก้ว

     

     

    แม้พนักงานสาวจะไม่ค่อยเข้าใจที่เด็กหนุ่มสามคนกำลังจะสื่อเท่าไหร่ แต่เธอก็เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วเหมือนกัน อย่างน้อย ถนนฝั่งตรงข้ามที่เคยมีเด็กวัยรุ่นผู้ชายสูบบุหรี่ก็หายไป

     

     

    เด็กที่ทะเลาะหาเรื่องกันบนถนนก็ไม่มีอีกแล้ว และผู้หญิงขายบริการที่เคยเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วก็ไม่โผล่มาให้เห็นอีก

     

     

    สำหรับเธอ การเปลี่ยนแปลงนี้มาโดยที่เธอไม่รู้ตัวแต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็นึกขอบคุณคนเหล่านั้นอยู่ในใจ

     

     

    “จะว่าไปช่วงนี้น้องได้ยินข่าวแปลกๆกันบ้างไหม พี่เห็นข่าวในโทรทัศน์ ที่เด็กวัยรุ่นหลายร้อยคนเกิดอาการประสาทหลอนและนอนไม่หลับกัน บางคนถึงกับจะฆ่าตัวตายเพื่อให้นอนหลับเลยนะ”

     

     

    เธอกำลังเก็บโต๊ะอยู่จึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มแปลกประหลาดบนใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสาม“น้องๆก็ระวังตัวกันหน่อยแล้วกัน เผื่อว่าบางทีมันอาจจะเป็นโรคติดต่อ แต่เห็นว่าพอครบสี่วันอาการก็หายปกติ แล้วเด็กพวกนั้นจู่ๆก็เป็นคนดีขึ้นมาเลยล่ะ”

     

     

    เชนเงยหน้าจากแก้วกาแฟแล้วเอ่ยปาก“บนโลกนี้มีคนอยู่สามประเภท พวกแรกลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลง พวกที่สองนั่งมองการเปลี่ยนแปลง พวกที่สาม ไม่เคยรู้อะไรเลย”

     

     

    พนักงานสาวขมวดคิ้ว เธอกำลังพยายามเข้าใจว่าเด็กหนุ่มกำลังสื่ออะไรกันแน่“พี่สาวเป็นแบบไหนกันล่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้ามีพิมพ์ผิดบ้างก็ขอโทษนะ ไม่แน่ใจว่าฉบับบนี้แก้คำผิดแล้วหรือยัง
    จะทยอยลงตอนย่อยๆที่เขียนไว้มาลงนะ
    ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่าน
    ยินดีรับคำติและคำชม

    #กระดาษฟอยล์#FOILPAPER

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×