คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : @SIAM,ณ สยาม ver.short story,เรื่องสั้น
ร้านกาแฟทรูช็อป@สยาม
เด็กหนุ่มในชุดนร.ของรร.นานาชาติกำลังสะบัดหัวสีทองอ่อน พลางเงยหน้าขึ้นบิดขี้เกียจจากการนอนหลับมาเกือบสองชั่วโมง ผิวของเขาขาวซีด ผมสีบรอนซ์ทองอ่อนๆ แต่กลับมีดวงตาสีดำสนิท
“คาปูชิโน่ได้แล้วค่ะ”พนักงานสาววางแก้วกาแฟแก้วที่สี่ลงบนโต๊ะ และเก็บแก้วที่หมดแล้วไปอีกครั้งแม้จะไม่มีร้านไหนที่ต้อนรับคนนอนหลับ แต่จำนวนกาแฟที่เด็กหนุ่มคนนี้สั่งทำให้เธอไม่สามารถไล่เขาไปได้
“ขอบคุณนะพี่สาว”ว่าจบก็รับแก้วกาแฟนั่นมาดูดรวดเดียวจนพร่องไปเกือบทั้งหมด อ้าปากหาวแล้วเท้าคางกับโต๊ะ มองออกไปด้านนอก ยังถนนอีกฝั่งที่ซึ่งกลุ่มเด็กวัยรุ่นหัวเกรียนหน้าตาไม่ได้ดีเด่ออกจะเหียกและลิงยังหน้าตาน่ารักกว่ากำลังเกาะกลุ่มสูบบุหรี่ไม่อายฟ้าอายดิน ว่าบุหรี่นั้นห้ามจำหน่ายแก่เด็กอายุต่ำกว่า18ปี แต่จะว่าเด็กก็ไม่ผิดนัก ไอ้ผู้ใหญ่ที่กำลังเดินเฉดฉายอยู่บนจอทีวี ท่ามกลางการเมืองที่เน่าเฟะต่างหากล่ะที่ผิด ถ้าผู้ใหญ่บางคนมันไม่ขายหรือซื้อให้ เด็กที่ไหนมันจะไปสูบกันล่ะ “งี่เง่าสิ้นดี”เด็กหนุ่มพึมพำ มองชาวต่างชาติที่กำลังเดินปะปนกับคนไทยบนท้องถนน ป่านนี้ก็คงเข้าใจว่า วัฒนธรรมที่ดีงามของเด็กไทยนั่นมีการสูบบุหรี่อยู่ข่างถนนเพิ่มลงไปด้วย
บางที บางสิ่งบางอย่างก็ควรจะได้รับการเปลี่ยนแปลง
“ไงครับไอ้คุณเชน ทำหน้าเบื่อโลกอีกแล้วนะเพื่อน”ผู้มาใหม่สองคนทิ้งตัวลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะ คนที่ทักใส่เพียงเสื้อยืดกระทิงแดงแจกฟรี กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม และร้องเท้าแตะตราช้างดาว ทว่าดูราวกับหลุดออกมาจากปกนิตยสารโว้ค เหมือนอย่าที่มีใครเคยพูด ถ้าหน้าปานเทพบุตรต่อให้เสือกผ้ามันทุเรศแค่ไหนก็ยังดูเทพบุตรได้อยู่ดี
“พวกคุณทำให้ผมต้องรอถึงสองชั่วโมง อย่ามากวนตีน”เชนยันตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงจากท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ดวงตาคู่เนือยๆนั่นดูแวววาวขึ้นมานิดนึง
“ไอ้เบสท์มัวแต่ม่อสาวอยู่ ไม่เกี่ยวกับฉัน”อีกคนออกตัว โยนความผิดให้เด็กหนุ่มหน้าตาดีนามว่าเบสท์ทันที
“อ้าว ไอ้ออฟ ไหงแกทำแบบนี้ล่ะ เพื่อนกันป่ะเนี่ย”
ออฟยักไหล่ไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ในบรรดาเด็กหนุ่มทั้งสาม ออฟดูธรรมดาที่สุดแล้ว เขาแต่งตัวตามแฟชั่นก็จริง แต่ไม่แปลกเท่าอีกสองคน
“อาทิตย์นี้มีอะไรสนุกๆอีกล่ะ”ออฟเปิดประเด็น
“ไม่มี”เชนและเบสท์ตอบพร้อมกัน ดูเบื่อโลกพอๆกัน
“ถ้าพวกแกไม่มีฉันก็ไม่มีน่ะสิ ไอ้พวกชอบสร้างเรื่อง”ออฟทำหน้าเซ็งอีกคนแต่ยังไม่วายจิกกัดเพื่อนตัวเอง
“สยามตอนนี้ ไม่น่าเดินเลยนะ พวกคุณว่าไหม”แล้วสายตาของเชนก็เบือนออกไปนอกหน้าตายังไอ้กลุ่มเด็กหน้าเหียก ที่เริ่มม่อสาวนุ่งสั้น ปากแดง“งี่เง่ามากเลยล่ะ งี่เง่าจนผมอยากซดคาปูชิโน่อีกสามแก้ว”ไม่ว่าเปล่าแต่กวักมือเรียกพนักงานสาวคนเดิมมาอีกครั้ง
“ต่อให้แกซดอีกยี่สิบแก้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก ยกเว้นแต่ว่าแกจะนอนไม่หลับไปสามวัน แล้วก็เข้าห้องน้ำทุกๆสิบนาที”เบสท์ถากถาง แต่ดูไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกับเพื่อนตัวเอง
ออฟกอดอก“นั่นสินะ ดูงี่เง่าจริงๆด้วย”
เงียบไปพักใหญ่ ขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสามเฝ้ามองเด็กหัวเกรียนเหล่านั้นลูบนั่นลูบนี่และเด็กสาวปากแดงเหล่านั้นก็ดูดีอกดีใจ ก่อนจะพากันโอบไหล่โอบเอว กอดคอ เดินไปยังฝั่งสยามดิสฯ และเพียงไม่นาน ณ จุดเดิม ก็เริ่มมีเด็กผู้ชายมองหน้าหาเรื่องกันอีกครั้ง และไม่ใช่กลุ่มเดิม
คาปูชิโน่สามแก้วมาถึงพร้อมๆกับที่เชนส่งแก้วล่าสุดที่หมดเกลี้ยงให้พนักงานสาว และเริ่มต้นดูดแก้วใหม่อย่าเอาเป็นเอาตาย เบสท์กับออฟพาสายตามาที่โต๊ะดังเดิม นั่งจ้องเชนที่ดูดคาปูชิโน่ จนหมดแก้วที่หนึ่ง เริ่มแก้วที่สอง หมดแก้วที่สองเริ่มแก้วที่สาม และเมื่อหมดแก้วที่สาม เชนก็ยกมือขึ้นเนือยๆ เรียกพนักงานสาวคนเดิมมาเก็บตังค์
“คุณเพื่อน ผมว่าเรามาลงมือกันเถอะ”รอยยิ้มแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าสุดเนือยของเชน และนั่นทำให้ใบหน้าที่ดูเบื่อโลกเปล่งประกายเจิดจ้า ขณะที่ออฟเริ่มหัวเราะส่งผลให้ความธรรมดาที่เคยเกาะอยู่จางหายไป คนในร้านหันมามองเขาจ้องมองใบหน้าที่กำลังเปล่งเสียงหัวเราะด้วยอาการราวกับเคลิบเคลิ้ม
ขณะที่เบสท์เพียงขยับรอยยิ้มจาง “มันต้องให้ได้อย่างนี้สิคุณเพื่อนเชน”
วันเดียวกันเวลาหนึ่งทุ่มสิบนาที
เด็กวัยรุ่นกลุ่มเมื่อเช้า เดินออกมาจากตรอก พร้อมกับเด็กสาวกลุ่มเดียวกัน ทว่ายังไม่พ้นจากตรอกแคบๆนั่นก็ถูกขวางเอาไว้ ด้วยร่างสูงของเด็กผู้ชายสามคน
“อะไรวะ พวกมึงเป็นใครมาเกะกะอะไรพวกกู หลบไปถ้าไม่อยากเจ็บตัว ไม่รู้เหรอว่าที่นี่ถิ่นใคร”
ไร้คำตอบจากเด็กหนุ่มสามคนที่มาขวางทางทว่าไม่นาน หนึ่งในนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก“เฮ้ย ออฟ แกว่าเราจะเจ็บตัวไหมวะ”
“ไม่นะ”เบสท์เอ่ยตอบ แต่แล้วเด็กหนุ่มที่ยืนตรงกลางก็เอ่ยขัดด้วยเสียงเนือยๆ
“พวกคุณกวนตีนช้าไปไหม”
เหมือนทั้งเบสท์และออฟจะพึ่งรู้สึกว่าช้าไปจริงๆอย่างที่เชนว่า เพราะคนในตรอกเริ่มกัดฟันกรอดๆ
“พวกมึงอยากรนหาที่เองนะ!! เฮ้ยพวกมึง จัดการ!!”ตัวที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าใหญ่ตะโกน ขณะที่พวกที่เหลือ เริ่มเดินมาล้อมเด็กหนุ่มทั้งสาม และอีกสามคนก็ไม่ปฏิเสธ ยอมโดนบีบเข้าไปจนสุดตรอก แคบๆที่เหม็นขยะและท่อระบายน้ำ
“คุณออฟมืดแบบนี้ ผมไม่ชอบเลย”เสียงเนือยๆดังขึ้น และนั่นเรียกความโกรธสุดขั้วของพวกที่ล้อมได้เป็นอย่างดี พวกมันเริ่มควักอาวุธออกมา มีตั้งแต่สนับมือ คัตเตอร์ ไปถึงมีดพก
“นั่นสินะ”ออฟเอ่ยอย่างเห็นด้วย ดูราวกับทั้งสามไม่เห็นพวกที่ล้อมและปล่อยจิตอาฆาตแค้นอยู่ในสายตา และนั่นก็ทำให้ความอดทนทั้งหมดขาดลง
“พวกมึง!!ตาย!!”
ทันใดนั้นเสียงตึงก็ดังขึ้นกลางวง ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวชะงัก แสงไฟสีส้มอ่อน เปล่งประกายสะท้อนให้แสงสว่างท่ามกลางตรอกมืดๆ เผยให้เห็นใบหน้าของเชน เบสท์และออฟที่เบื้องหน้ามีเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ มันสูงพอๆกับเสาไฟฟ้าบนทางด่วน ทว่าทั้งต้นเป็นสีเขียว ที่ฐานสลักเสลาลวดลายงดงาม และตัวโคมไฟด้านบน เป็นนกหงส์สีทองราวกับคำบอกเล่าในนิทานป่าหิมพานต์ ที่จะงอยปากของนกสีทองตัวนั้นคาบดวงแก้วรูปหยดน้ำอ่อนช้อยเป็นที่มาของแสงสว่างสีส้มทอง
“อะไร.. มะ..มาได้ไง!?”หนึ่งในพวกมันพุดขึ้นชี้ที่เสาไฟแสนสวยต้นนั้นอย่างตกตะลึง และคนอื่นๆก็ดูตกตะลึงเหมือนกัน
“มันอยู่...อยู่ที่ถนนอัก...อะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอวะ!!”
ทันใดนั้นบนใบหน้าของทั้งสามก็ขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม“ถนนอักษะ พวกคุณเรียกเกือบถูกแล้วล่ะ”เชนพยักหน้าจากนั้นก็เบือนหน้าไปทางออฟ“คุณออฟคุณไม่ควรทำของหลวงสวยๆงามๆเสียหายนะ มันไม่ดี”
“อ่า... ก็ฉันว่ามันสวยดีนี่ ไม่ต้องห่วงเชน เดี๋ยวเสร็จเรื่องมันจะกลับไปอยู่ที่เดิมเหมือนไม่อะไรเกิดขึ้นเลยล่ะ”ออฟเกาคาง และยืนยันกับเพื่อนสนิทตัวเอง
ตัวหัวหน้ากัดฟันกรอด ไม่ว่าไอ้เสานี่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่คืนนี้พวกมันจะต้องนอนกองอยู่แทบเท้าพวกมันแน่ๆ ยังไงไอ้พวกประหลาดๆนี่ก็มีอยู่สามคน แต่เขามีเป็นสิบ
มันกระชับมืดพกในมือแน่น และอาศัยช่องว่างที่ไอ้คนใส่ชุดนร.หันไปคุยกับพวกมัน พุ่งมัดเข้าใส่!!
จู่คนที่ใส่เสื้อกระทิงแดงก็เบือนสายตาคมนิ่งมาทางมัน ก่อนมันจะเห็นใบหน้าราวเทวดานั่นค่อยแปรเปลี่ยน ตาขาวเริ่มกลับกลายเป็นสีดำ รูปร่างสูงของมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ผิวขาวสว่างเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท พร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มมีเขี้ยวยาวงอกออกมา และปากที่เริ่มฉีกกว้างมากขึ้นเรื่อยๆจนเกือบถึงใบหู นิ้วมือนิ้วเท้าที่เริ่มงอกยาวและมีเล็บแหลมคม หลังที่จู่ๆก็มีปีกสีดำงอกยาวออกมาเหมือนปีกค้างคาว
“อ๊ากกกก!! อย่า...ยะ...”พวกของตัวหัวหน้าเริ่มมึนงงที่จู่หัวหน้าตัวเองก็ชะงักมีดที่เกือบจะแทงที่ลำตัวของเชน และร้องลั่น มือและขาสั่นระริก ก่อนมีดพกจะตกลงบนพื้น ล้มลง ดวงตาเบิกกว้างมองไอ้คนน่าตาดีที่สุดในสามคนอย่างหวาดกลัวสุดขีด
“อืม... ไอ้หมอนี่เลวใช้ได้เลยล่ะ เห็นฉันในระดับที่เจ็ดเลยล่ะ เป็นไง น่ากลัวใช่ไหม?”เบสท์พูดขึ้นเบาๆพร้อมกับหัวเราะ ขณะที่ตัวหัวหน้ากรีดร้องลั่น หวาดกลัวสุดขีดเพราะสิ่งที่มันเห็นไม่ใช่ใบหน้าของเด็กหนุ่มรูปงาม แต่เป็นตัวอะไรสักอย่างที่เหมือนซาตานที่มันชอบดูในหนังสือการ์ตูนหรือในหนังเสียงหัวเราะและเสียงพูดธรรมดาของเบสท์ เมื่อเข้าหูมันกลับเป็นเสียงคำราม วังเวงแสบแก้วหู ฉุดดึงทุกความอ่อนแอและความหวาดกลัวออกมาจากก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก
และแล้วมันก็ขับถ่ายน้ำสีเหลืองๆออกมาจนชุ่มกางเกงอยากจะหนีแต่ก็ไม่สามารถขยับหนีได้
คราวนี้คนรอบๆแม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็หวาดกลัวขึ้นมาบ้างจากความไม่ปกติทั้งหมดนี้พวกมันเริ่มถอยหลังหนีทีละก้าว แต่แล้วขาที่จะก้าวทั้งหมดก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก
“ทำไม! ทำไมขยับไม่ได้!!”หนึ่งในนั้นร้องตะโกน ขณะที่เหลือพยายามกระชากขาตัวเองออกจากพื้น แต่ไม่เป็นผล แสงไฟสีส้มเริ่มจางลง ความสลัวเริ่มเข้ามาแทนที่
“เอาล่ะ พวกคุณนอนกันวันละกี่ชั่วโมง”เสียงเนือยๆของเชนดังขึ้น ไม่สนใจตาที่เบิกกว้างของเด็กผู้ชายและเด็กสาวที่น้ำตาไหลพรากอย่างตื่นกลัว “บางทีผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันเพราะชอบฝันร้ายบ่อยๆ ไม่มีใครชอบฝันร้ายหรอกเนอะ ผมก็ไม่ชอบ”
ตาสีดำสนิทหยีลงจากการหัวเราะ“สักสี่วันเป็นไง เลขสี่เป็นเลขที่ดีนะ ในภาษาญี่ปุ่นเลขสี่ออกเสียงเหมือนคำว่า ตาย เลยล่ะ”
และแล้วพวกมันที่เหลือก็เข้าใจว่าหัวหน้ามันกรีดร้องเพราะอะไร
หนึ่งทุ่มสิบนาที
เบสท์เดินนำออกมาจากตรอกมืดๆนั่น ตามด้วยเชนและออฟ จากนั้นทังสามก็หลบฉากให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่วิ่งแตกตื่นกรีดร้องออกมาจากตรอก คนแถวนั้นหันไปมอง ส่ายหัวพร้อมกัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาไม่สนใจเรื่องของวัยรุ่นมีปัญหาเหล่านี้
“เดี๋ยว!!”
เบสท์ชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองในตรอก ในนั้นมีเด็กผู้ชายหัวเกรียนกำลังยืนจังก้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มของผู้ชนะแม้ใบหน้าของมันจะเต็มไปด้วยเหงื่อและริ้วรอยของความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ก็ตาม
“ฉันรู้พลังของพวกแกหมดแล้ว คราวนี้พวกแกไม่รอกแน่!!”
“ผมก็รอมาตั้งนานว่าเมื่อไหร่คุณจะเผยตัวออกมาซะที”
“ฉลาดดีนี่”เบสท์เอียงคอเอ่ยปากชม
“แต่ยังฉลาดไม่พอ”ออฟปิดท้าย และทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็หยุดเคลื่อนไหว ผู้คนที่กำลังยิ้มกำลังหัวเราะ กำลังเลือกซื้อของ กำลังเดินกลับบ้านหยุดทุกอย่างเหมือนแผ่นหนังที่ถูกกดปุ่มค้าง
“พวกแก..!”
แผ่นดินเริ่มสะเทือน พื้นหินปูนเริ่มแยกออกจากกัน แสงสีแดงฉานเริ่มฉายสว่างขึ้นมา ลูกไฟลาวาลอยขึ้นมาจากพื้นดิน และรูปร่างผอมๆหัวเกรียนๆก็เริ่มเลือนราง ก่อนจะมีร่างที่เหมือนก็อปปี้ปรากฏเป็นสิบรายล้อม
“ไอ้ลาวานี่ก็น่ากลัวดีอยู่หรอกนะ แต่ไอ้ร่างแยกนี่มันกากชะมัด”เบสท์บ่นพึมพำ ทั้งสามไม่สะทกสะท้านกับแผ่นดินที่กำลังไหวๆอยู่เลยแม้แต่น้อย
“คอยดูละกัน!!”
เชนกระพริบตาปริบๆ มองร่างแยกมากมายที่มองเห็นเป็นเพียงเงาเลือนราง เอี้ยวตัวหลบซ้ายขวา เหมือนเพื่อนๆอีกสองคน ตาสีดำสนิทแวววาวขึ้นเล็กน้อย ก้มตัวหลบลูกไฟลาวา
คนที่ดูสบายที่สุดคงไม่พ้นออฟ ที่แค่ยืนนิ่งๆ อ้าปากหาวมองเพื่อนอีกสองคนที่ขยับเนื้อขยับตัวออกกำลังกาย แต่สำหรับออฟแค่นี้ก็กินแรงพอสมควร เพราะเขาต้องป้องกันตัวเองและควบคุมเวลากับมิติด้วย
ตาสีดำสนิทของเชนสอดส่ายหาตัวจริง พร้อมๆกับเบสท์
“อ้า...”เสียงร้องของเชนดังขึ้นก่อนร่างสูงในชุดนร.นานาชาตินั่น จะกระโดดไปข้างหน้ายาวๆสามก้าว แล้วยื่นมือไปคว้าร่างของไอ้ตัวการออกมา
เหมือนอีกฝ่ายรอจังหวะนี้อยู่ มันเงื้อมือขึ้นสุด ใบหน้าปรากฏแววของชัยชนะก่อนจะอัดฝ่ามือที่ล้อมรอบด้วยลาวาสีแดงมาที่ศีรษะสีบรอนซ์ทองของเชนเต็มแรง
ในเสี้ยววินาทีนั้น เชนย้ายสายตาสีดำสนิทของตนไปยังตาของอีกฝ่ายที่เบิกกว้าง
“อ๊ากกกกกก!!!!!”
ลูกไฟลาวาเลือนหายไปก่อนจะโดนผมสีบรอนซ์ทองเพียงนิดเดียว ตาสองข้างของมันปูดโปนปัดป่ายไปทั่วตัว ราวกับไล่อะไรบางอย่างออกไป
เชนเหวี่ยงแขนแรงๆ เพื่อสะบัดไอ้คนที่เขาจับหัวอยู่ไปให้พ้นๆ“น่ารังเกียจจัง”
แล้วก็ปัดๆมือกับเสื้อของเบสท์ที่ก้าวมายืนข้างๆ
“ไอ้บ้า มันสกปรกนะเว้ย!”
“ก็เสื้อคุณมันแจกฟรีนี่นา”เชนยังคงเช็ดต่อไปจนพอใจ ออฟเดินมาใกล้ๆทั้งสอง
“ยังใช้ได้ผลในเสี้ยววินาทีเสมอเลยนะ”ออฟออกความเห็น “ ความหวาดกลัว ฉันไม่กล้ายุ่งกับแกจริงๆนะเชน แล้วยังต้องเจอไอ้นี่ไปสี่วันสี่คืนอีก ไม่ได้หลับไม่ได้นอน”
เบสท์ยกมือห้ามออฟให้หยุดพูด ก้มตัวลงไปใกล้ๆ คนที่ยังปัดอะไรสักอย่างที่ทั้งสามมองไม่เห็นออกจากตัวและเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ตราชั่งแห่งบาปปิดท้ายเรียบร้อยแล้วครับคุณเพื่อนเชน”
“ระดับไหนวะ ดูสิ น้ำลายฟูมปากออกมาเลย”ออฟหัวเราะ แต่ยังดูรังเกียจไม่น้อย ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติ ไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆครั้งนี้
“แปดแหน่ะ เลวจริงๆ”เบสท์ตอบ หันหลังออกมาจากจุดนั้น เด็กหนุ่มทั้งสามตรงไปยังร้านกาแฟอีกร้านที่อยู่ไม่ไกลออกไป
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
ร้านกาแฟทรูช้อป
พนักงานสาวคนเดิม ยืนมองเด็กหนุ่มผมบรอนซ์คนเดิมจากหลังเคาเตอร์ คาปูชิโน่นี้เป็นแก้วที่สี่ และเมื่อเอาไปเสิรฟ์เด็กหนุ่มคนนั้นก็เงยหน้ามาขอบคุณเธอเหมือนเดิม
ไม่นานนัก เพื่อนอีกสองคนของเด็กหนุ่มคนนั้นก็เดินเข้ามาในร้าน และสั่งคาปูชิโน่กับลาเต้เพิ่มอย่างละแก้ว
“พี่สาว วันนี้เพิ่มเค้กช็อกโกแลตอีกสามด้วยนะ วันนี้พวกผมมีฉลอง”เด็กหนุ่มที่หน้าตาดีที่สุดบอกกับเธอ เขาดูเข้าถึงง่ายที่สุดแล้ว
“วันเกิดใครเหรอจ๊ะ ให้พี่แต่งหน้าเค้กให้ด้วยดีไหม?”พนักงานสาวถามตามหน้าที่
“ไม่ใช่วันเกิดใครหรอกฮะพี่สาว แค่วันนี้การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจบลงแล้วเท่านั้นเอง”เด็กหนุ่มผมบรอนซ์เอ่ยตอบเสียงเนือยๆ ชูนิ้วขึ้นอีกหนึ่งนิ้วเป็นการรู้กันว่าขอคาปูชิโน่เพิ่มอีกหนึ่งแก้ว
แม้พนักงานสาวจะไม่ค่อยเข้าใจที่เด็กหนุ่มสามคนกำลังจะสื่อเท่าไหร่ แต่เธอก็เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วเหมือนกัน อย่างน้อย ถนนฝั่งตรงข้ามที่เคยมีเด็กวัยรุ่นผู้ชายสูบบุหรี่ก็หายไป
เด็กที่ทะเลาะหาเรื่องกันบนถนนก็ไม่มีอีกแล้ว และผู้หญิงขายบริการที่เคยเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วก็ไม่โผล่มาให้เห็นอีก
สำหรับเธอ การเปลี่ยนแปลงนี้มาโดยที่เธอไม่รู้ตัวแต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็นึกขอบคุณคนเหล่านั้นอยู่ในใจ
“จะว่าไปช่วงนี้น้องได้ยินข่าวแปลกๆกันบ้างไหม พี่เห็นข่าวในโทรทัศน์ ที่เด็กวัยรุ่นหลายร้อยคนเกิดอาการประสาทหลอนและนอนไม่หลับกัน บางคนถึงกับจะฆ่าตัวตายเพื่อให้นอนหลับเลยนะ”
เธอกำลังเก็บโต๊ะอยู่จึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มแปลกประหลาดบนใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสาม“น้องๆก็ระวังตัวกันหน่อยแล้วกัน เผื่อว่าบางทีมันอาจจะเป็นโรคติดต่อ แต่เห็นว่าพอครบสี่วันอาการก็หายปกติ แล้วเด็กพวกนั้นจู่ๆก็เป็นคนดีขึ้นมาเลยล่ะ”
เชนเงยหน้าจากแก้วกาแฟแล้วเอ่ยปาก“บนโลกนี้มีคนอยู่สามประเภท พวกแรกลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลง พวกที่สองนั่งมองการเปลี่ยนแปลง พวกที่สาม ไม่เคยรู้อะไรเลย”
พนักงานสาวขมวดคิ้ว เธอกำลังพยายามเข้าใจว่าเด็กหนุ่มกำลังสื่ออะไรกันแน่“พี่สาวเป็นแบบไหนกันล่ะ”
ถ้ามีพิมพ์ผิดบ้างก็ขอโทษนะ ไม่แน่ใจว่าฉบับบนี้แก้คำผิดแล้วหรือยัง
จะทยอยลงตอนย่อยๆที่เขียนไว้มาลงนะ
ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่าน
ยินดีรับคำติและคำชม
#กระดาษฟอยล์#FOILPAPER
ความคิดเห็น