เป็นอีกวันหนึ่งที่สายฝนเทกระกระหน่ำลงมาเหมือนกับทุกๆ วัน ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบเวลาฝนตกนะ เพราะมันเย็นสบายดี และเวลาได้นั่งปล่อยใจมองสายฝนที่ตกลงมาก็ทำให้ได้คิดอะไรได้มากมาย...
วันนี้ก็เหมือนเคย ผมนั่งมองสายฝนผ่านบานกระจกสีทึมตรงระเบียงห้องพัก นั่งคิดทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาทั้งวัน เลยไปถึงเดือนที่ผ่านมา ปีที่ผ่านมา หน้าที่การงาน ชีวิตเก่าๆ สมัยเรียนหนังสือ นึกถึงเพื่อนๆ ที่เคยร่วมเล่น ชวนกันเที่ยวสนุก เหมือนความคิดมันจะฉายออกมาเป็นภาพบนบานกระจกให้เห็น
เสียงโทรศัพท์มือถือกระชากผมจากภวังค์ เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ผมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสาย...ปลายสายยิ่งทำให้ผมต้องงุนงงกว่าเบอร์ที่ปรากฏอยู่...เธอคือนก อดีตคนรักเก่า ไม่สิต้องบอกว่าอดีตคนที่ผมเคยรักมากกว่า
“ฮัลโหล บอล...นี่นกนะ” ผมยังจำน้ำเสียงเธอได้ดี แม้เธอจะไม่บอกชื่อ ผมก็รู้ว่าเธอคือใคร แต่เสียงของเธอดูเศร้าเหลือเกินจนทำให้ผมอดที่จะถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แทนที่จะถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนอย่างคนที่ไม่ได้เจอกันนานควรจะถาม
“นกมีเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้นกอยู่หน้าคอนโดบอลนะ ลงมาหาหน่อยได้มั้ย” แต่ละประโยคที่เธอพูดชวนให้ผมรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน นอกจากเธอจะรู้เบอร์โทรศัพท์ของผม ซึ่งผมเปลี่ยนมาหลายรอบแล้ว เธอยังรู้ที่พักใหม่ของผมด้วยนับตั้งแต่ย้ายออกมาจากหอพักหลังมหาวิทยาลัย
“ได้สิ เดี๋ยวบอลลงไปหานะ” ผมตอบรับคำขอเธอทันที โดยที่ไม่ใส่ใจกับความสงสัยของตัวเองเลย
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยผมค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรม ทำกิจกรรมทุกอย่างที่ทางคณะหรือภาควิชาจัด ทำให้ด้เจอกับนก นกเป็นรุ่นน้องผมหนึ่งปี เธอเป็นคนที่สวยคนหนึ่ง ใบหน้าเรียว รูปไข่ คิ้วโก่งได้รูป จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากอิ่ม เวลาที่มองเธอยิ้มผมแทบจะละลายเสียตรงนั้น
ผมได้เจอเธอครั้งแรกในวันที่ฝนตกหนักเธอวิ่งมาจากประตูหน้ามหาวิทยาลัยเนื้อตัวเปียกปอนเพราะกลัวจะมาไม่ทันการประกวดดาวของมหาวิทยาลัย ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือก ทำให้ผมได้รู้จักและใกล้ชิดกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ นกเป็นคนที่ไม่ถือตัวเป็นกันเองกับทุกคน หลังจากนั้นผมก็ตามเทียวไล้เทียวขื่อเธอเรื่อยมา จนผมรู้สึกว่า ฐานะของผมกับเธอก็คงเรียกว่าคบกันในระดับหนึ่ง แต่เธอก็ไม่เคยยอมรับกับผม หรือคนอื่นสักครั้งว่าเป็นแฟนกับผม นอกจากเวลาคุยโทรศัพท์กันเธอจะบอกกับผมว่า เราคบกัน ศึกษากันไปเรื่อยๆ ไม่อยากรีบร้อน
จนวันหนึ่งผมก็ได้รู้เรื่องที่ไม่อยากรู้จากปากของเพื่อนสนิทของผมที่เป็นแฟนกับเพื่อนของนกอีกทีหนึ่ง เพื่อนของผมมันกำลังเมาได้ที่ก็มาเล่าให้ผมฟังว่าจริงๆ แล้วนกมีแฟนอยู่แล้ว แต่เป็นคนอายุมากกว่านกสิบกว่าปี หรือเรียกง่ายๆ ว่านกมีเสี่ยเลี้ยง ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อเจ้าเพื่อนขี้เมาของผมหรอก จนผมบังเอิญเห็นว่ามีรถเบนซ์คันหรูมารับนกที่หอพักในค่ำวันหนึ่งทำให้ผมช็อคและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ผมจึงตัดสินใจถามเธอตรงๆ ซึ่งเธอก็ยอมรับจนได้หลังพยายามบ่ายเบี่ยงมานาน แต่ผมบอกกับเธอว่ายอมรับได้และจะไม่โกรธที่เธอทำกับผมแบบนี้
หลังจากวันนั้นผมกับนกก็กลายเป็นเพียงอดีต ผมพยายามเรียนและก็ทำกิจกรรมเพื่อให้ลืมเรื่องของนกและก็หลีกเลี่ยงที่จะพบหน้ากับเธอเพราะต้องการจะตัดเธอให้ขาดให้ได้ นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมชอบนั่งมองเหม่อเวลาฝนตก...
ฝนตกหนาเม็ดขึ้นเมื่อผมลงมาถึงหน้าคอนโด ผมโกรธตัวเองที่รีบมากเกินไปจนลืมหยิบเอาร่มมาด้วยจึงทำได้แค่ยืนอยู่ใต้กันสาดมองหานก ที่ตู้โทรศัพท์ก็ไม่มี ใต้ต้นไม้ก็ไม่เห็น ที่ๆ พอจะหลบฝนได้มองจนทั่วก็ไม่เห็นเงาของหญิงสาวที่ผมคุ้นตา ผมเริ่มรู้สึกว่าจะโดนหลอกอีกหรือเปล่า จึงหันหลังจะกลับขึ้นห้องก็มาเจอกับนกที่ยืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...
เธอยืมก้มหน้า ตัวสั่น ใบหน้าซีดขาวไม่มีร่องรอยของเครื่องสำอาง ผมรู้สึกว่าเธอผอมลงไปจากเดิมมาก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอยังอยู่กับผมเธอจะไม่เป็นแบบนี้ ถึงแม้ผมจะไม่ร่ำรวยเท่าผู้ชายขับรถเบนซ์แต่ผมเชื่อว่าจะดูแลนกได้ดีกว่าที่เธอเป็นตอนนี้
“นกดูผอมไปมากเลยนะ ไม่สบายหรือเปล่า” ผมทักทายเธอด้วยความห่วงใย เธอยังคงก้มหน้า นกคงรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับผมแล้วยังมาขอความช่วยเหลือจากผมอีก แต่สำหรับผมนกคือคนที่ผมเคยรัก และตอนนี้ก็ยังรักเธออยู่ ไม่ว่าเธอจะทำผมเจ็บสักแค่ไหน ผมก็ยินดีจะช่วยเหลือเธอ
“ถ้าไม่รังเกียจ ขึ้นไปเช็ดผม เช็ดตัวข้างบนก่อนดีมั้ย” ผมเห็นเธอเงียบจึงเสนอให้เธอขึ้นไปที่ห้อง ผมไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นเพียงแค่เห็นว่าเธอคงเปียกฝนมานานมากแล้ว และดูท่าทางจะไม่สบายมาก ดูจากสีหน้าท่าทางแล้ว จึงอยากจะให้เธอสบายตัวขึ้น
นกยังคงไม่พูดอะไร แต่ก็เดินตามผมขึ้นมาบนห้องอย่างว่าง่าย...เมื่อถึงห้องผมก็จัดแจงหาผ้าเช็ดตัวมาให้เธอ บอกกับเธอว่าถ้าอยากอาบน้ำก็เชิญตามสบาย แล้วค่อยมาคุยกัน แต่เธอปฏิเสธ เธอบอกว่าอยากจะขอให้ผมช่วยเหลือเธอบางอย่าง...
“บอลคะ นกอยากให้บอลช่วยอะไรนกสักอย่างได้ไหม” นกเริ่มพูดถึงสาเหตุที่เธอมาหาผมในยามวิกาลและฝนตกแบบนี้
“ให้ช่วยอะไรเหรอนก” ผมถามพลางมองใบหน้าซีดขาวของเธอด้วยความสงสาร
“บอลสัญญากับนกนะว่าบอลจะช่วย” เธอพูดเสียงดังขึ้น ผมยังครุ่นคิดอยู่ครู่นึ่ง... “บอลสัญญากับนกได้มั้ย” เอาก็เอาผมปลุกใจตัวเอง “สัญญานก” ผมตัดสินใจสัญญาออกไป
“ลูกของนกหาย...” เธอพูดเสียงแผ่วเบา
“อะไรนะ” ผมได้ยินชัดเจนเต็มสองหูแต่ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ลูกของนกหายไป...” เธอย้ำอีกครั้ง คราวนี้ผมอึ้งกิมกี่ คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ผมไม่อยากจะเชื่อว่าช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เจอกับเธอแค่ 2 ปีที่ผ่านมาเธอจะมีลูก เธอมีลูกกับใคร ใช่ผู้ชายที่ขับรถเบนซ์คนนั้นหรือเปล่า
“หาย...หายไปได้ยังไง” ผมทำใจแข็งถามเธอ ทั้งๆ ที่ใจผมมันแตกสลายไปตั้งแต่ได้ยินเธอบอกครั้งแรก
“ไม่รู้...นกจำได้ว่าวันนั้นนกปวดท้องมาก คงใกล้จะคลอด นกปวดท้องจนทนไม่ไหวมารู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล หมอกับพยายบาลพยายามให้นกเบ่ง นกก็เบ่ง นกเจ็บมากเลยบอล เจ็บแบบที่ไม่เคยเจ็บมาก่อน นกรู้เลยว่าเวลาที่แม่คลอดลูกมันเจ็บปวดขนาดไหน นกเบ่งจนหมดแรงแล้วก็หมดสติไป มารู้สึกตัวอีกทีท้องนกก็แฟบแล้ว นกมองหาลูกแต่ไม่รู้ว่าลูกของนกอยู่ที่ไหน ถามใครก็ไม่มีใครตอบ นกสับสนมากไม่รู้จะทำยังไง แฟนของนกเขาก็หายไปไม่มาหานกอีก จนนกต้องมาขอความช่วยเหลือจากบอลให้ช่วยตามหาลูกของนกให้หน่อย”
นกเล่าความทุกข์ให้ผมฟัง น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อขังอยู่ที่เบ้าตา แต่ผมพยายามเก็บมันเอาไว้เพราะไม่อยากให้นกต้องเสียใจไปมากกว่านี้ ผมทั้งรักทั้งสงสารเธอ ที่ต้องมารับกับวิบากกรรมที่โหดร้ายขนาดนี้ ผมตัดสินใจที่จะช่วยนกตามหาลูก โดยมีข้อมูลเพียงแค่ชื่อโรงพยาบาลที่เธอไปคลอดลูกนอกจากนั้นผมก็มืดแปดด้าน
“นกขอบคุณบอลมากนะ ที่ช่วยนก นกขอโทษกับทุกๆ อย่างที่ทำให้บอลเสียใจ” เธอพูดพร้อมกับหยาดน้ำตาใสๆ ที่ไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม
“เดี๋ยวนกกลับก่อนนะ รบกวนบอลมากแล้ว” เธอเอามือเรียวเล็กปาดน้ำตาบนใบหน้าแล้วทำท่าจะลุก ผมอยากจะรั้งมือเธอเอาไว้ให้เธออยู่กับผมก่อน เพราะข้างนอกฝนยังไม่หยุดตก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากถามเธอว่าให้ไปส่งไหม นกปฏิเสธบอกว่าแค่นี้ก็รบกวนผมมากเกินพอแล้วอย่าลำบากเปียกฝนไปส่งเธอเลย พูดเสร็จเธอก็เดินไปเปิดประตูออกจากห้องผมไป ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเสียงฟ้าร้องดังลั่น จะปลุกจิตสำนึกผู้ชายให้ลุกตามไปส่งเธอ
ผมเปิดประตูจะตามไปส่งเธอ แต่เธอจากไปเสียแล้วทิ้งเอาไว้เพียงรอยน้ำชื้นๆ ที่อยู่หน้าประตูให้ผมรู้สึกว่าเมื่อสักครู่มันไม่ใช่ความฝัน...
รุ่งขึ้นผมเดินทางไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านชานเมืองตามที่นกได้บอกผมไว้เมื่อวาน ซึ่งเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่มี เพื่อตามหาลูกของนกที่หายไป
“ผมมาตามหาลูกของคุณ นาริน อินธิรา น่ะครับ” ผมเข้าไปสอบถามที่ฝ่ายทะเบียนของโรงพยาบาล พยาบาลที่ทำหน้าที่ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนใช้คอมพิวเตอร์หาข้อมูล พยาบาลสาวตกใจเล็กน้อยก่อนถามผมว่าลูกของใครอีกครั้ง
“ลูกของคุณนารินครับ นาริน อินธิรา” ผมย้ำชัดๆ ให้คู่สนทนาได้ยินอีกครั้ง
“เสียใจด้วยนะคะ เธอเสียแล้วค่ะ” ผมตกใจและรู้สึกโกรธมากที่ทางโรงพยาบาลแห่งนี้ เก็บเงินค่ารักษาแพงเสียเปล่าแต่ลูกคนไข้ตายทั้งคนกลับไม่กล้าที่จะแจ้งให้คนไข้รู้ แย่จริงๆ แต่ก็ไม่อยากด่าว่าอะไรจึงหอบเอาหัวใจที่เศร้าหมองเดินกลับออกมาจากโรงพยาบาลแห่งนั้น ใจหนึ่งก็โกรธทางโรงพยาบาลแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยอะไรนกได้ ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้ทำผิดอะไร มันเป็นความผิดของโรงพยาบาล...
ผมไปนั่งพักทำใจในร้านกาแฟใกล้ๆ กับโรงพยาบาลแห่งนั้น พยายามกดหาเบอร์ที่นกโทรมาหาผมเมื่อคืน แต่ก็จำไม่ได้ว่าเบอร์ไหน หรือว่าผมเผลอลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ่งทำให้ผม สับสน กระสับกระส่ายวุ่นวายใจคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี จึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย...
“เฮ้ย กิ่ง แกพอจะมีเบอร์ของนกหรือเปล่า” ผมถามทันทีเมื่อรู้ว่ามีคนรับสาย
“นกไหน...”กิ่งถามกลับด้วยน้ำเสียงงุนงง
“นกอ่ะ นกที่ชั้นเคยคบตอนเรียนน่ะ” ผมอธิบาย
“แกจะเอาไปทำไมวะ” เพื่อนสาวซักไซ้ผมอีก
“เออน่า...มีหรือเปล่า ถ้ามีก็บอกมา ถ้าไม่มีก็แค่นี้นะ” ผมเริ่มเซ็ง
“เดี๋ยวๆ หาแปปนึง ไม่รู้ว่ายังใช้เบอร์เดิมอยู่หรือเปล่านะ” เพื่อนรักของผมไม่เคยทำให้ผมผิดหวังจริงๆ “อ่ะ 086-661....... ไม่รู้นะว่ายังใช้เบอร์นี้อยู่หรือเปล่า” เพื่อนสาวบอกหมายเลขแล้วก็วางสายไป
ผมรีบกดโทรหานกทันที “เลขหมายนี้ยังไม่เปิดใช้บริการ....” ผมมองที่หน้าจออีกครั้งว่ากดผิดหรือเปล่า ลองกดโทรอีกครั้ง “เลขหมายนี้ยังไม่เปิดใช้บริการ...” เหมือนเคย ผมกำโทรศัพท์แน่นไม่รู้จะหาวิธีไหนติดต่อนกได้เลย ผมจึงตัดสินใจไปที่หอพักที่นกเคยอยู่
“นาริน....นกน่ะเหรอ ย้ายออกไปนานแล้วนะ มีอะไรหรือเปล่าคุณ” เจ้าของหอที่นกเคยอยู่ก็ไม่รู้ว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน
ผมเดินก้มหน้าคอตกออกมาจากตัวอาคาร ชนเข้ากับเด็กนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ผมรีบขอโทษแล้วจำได้ว่าน้องคนนี้เคยเป็นน้องรหัสของนก ผมจึงถามหานกกับน้องคนนี้...เธอมีสีหน้าตกใจเมื่อผมถามถึงนก ผมก็เข้าใจว่าคงคิดว่าผมยังไม่รู้เรื่องนกกับผู้ชายขับรถเบนซ์คันนั้นแต่เปล่าเลย...
“พี่นก....เอ่อ....พี่นกเสียไป 3 วันแล้วค่ะพี่ หนูเพิ่งไปช่วยงานศพพี่เขากลับมานี่แหละค่ะ” รุ่นน้องพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“ว่าไงนะน้อง เอาดีๆ ดิ พี่ไม่ชอบอำนะ” ผมพูดเสียงเข้ม
“จริงค่ะพี่ หนูไม่ได้โกหก” เด็กสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เป็นไรตาย?” ผมถาม
“พี่เขาเสียเลือดมากตอนคลอดลูกน่ะค่ะ ตายทั้งแม่ทั้งลูก” น้องรหัสของนกตอบ ผมแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้น เป็นไปไม่ได้ เมื่อคืนนกยังมาหาผมอยู่เลย จะเป็นไปได้ยังไง เธอจะตายได้ยังไง ผมกลับไปที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง เพื่อตอบข้อข้องใจของตัวเอง
พยาบาลคนเดิมเห็นหน้าผมก็หน้าเสีย ไม่กล้าสบตาผม แต่ผมก็ยังเดินเข้าไปถามย้ำเธออีกครั้งว่าลูกของนกนั้นตายแล้วจริงๆ
“ค่ะลูกของคุณนาริน เสียชีวิต พร้อมกับคุณนาริน เพราะเธอเสียเลือดมากค่ะ” พยาบาลสาวตอบเสียงแผ่ว
ผมรีบไปยังวัดที่น้องรหัสของนกบอกเอาไว้ ไปทันพอดีที่เขากำลังลำเลียงศพขึ้นเมรุ ผมเห็นรูปหน้าศพชัดๆ กับตาว่าเป็นรูปของ นก หรือ นาริน อินธิรา ในรูปเป็นนก ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มสดใส รอยยิ้มที่ผมเคยหลงรัก และเป็นรูปที่ผมถ่ายให้กับเธอเองกับมือ....
ผมกลับมานั่งมองสายฝนที่ตกลงมาเช่นเดิม คราวนี้ผมไม่ได้มองเหม่อเข้าไปในสายฝนเหมือนเคย แต่ผมมองไปยังตู้โทรศัพท์...หวังจะเห็นนกยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อโทรมาหาผมอีกครั้ง และผมจะบอกกับเธอว่า “ลูกของเธอนอนหลับสบายดี...”
ความคิดเห็น