โคโยตี้ที่รัก - โคโยตี้ที่รัก นิยาย โคโยตี้ที่รัก : Dek-D.com - Writer

    โคโยตี้ที่รัก

    เรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่บังเอิญต้องพบกับเรื่องที่น่าตื่นเต้นแต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา...

    ผู้เข้าชมรวม

    2,203

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    2.2K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ย. 49 / 10:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผมชื่อ ธนา เป็นกราฟิกดีไซน์ ของบริษัทแห่งหนึ่ง ผมเป็นคนค่อนข้างที่จะเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จะคุยก็แต่กับเพื่อนสนิทไม่กี่คนเท่านั้น ชีวิตส่วนใหญ่ของผมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตหวือหวาหรือไปเที่ยวเตร่เหมือนคนอื่นๆ เพื่อนๆ เคยชวนผมหลายครั้ง แต่ผมเองที่เป็นคนปฏิเสธพวกเขาเสียทุกครั้ง ผมชอบที่จะใช้ชีวิตคนเดียว ทำอะไรคนเดียว เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สบายใจดี ไม่ต้องคอยใคร ไม่ต้องง้อใคร ได้ทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ก็มีบางครั้งที่ผมก็นึกอิจฉาคู่รักที่เขาเดินจูงมือกัน

                  หลายคนเคยบอกว่าการจะทำงานด้านนี้ต้องเป็นคนที่มีโลกทัศน์กว้าง ต้องเดินทางบ่อยๆ เพื่อจะได้มีไอเดียใหม่ๆ มาสร้างงาน แต่สำหรับผม..ไม่ใช่อย่างนั้น โลกของผมคือห้องสี่เหลี่ยมในคอนโดย่านชานเมือง สาเหตุที่ผมเลือกที่นี่เพราะมันเงียบสงบไม่ค่อยมีผู้คนถึงแม้ว่ามันจะอยู่ห่างไกลจากที่ทำงานของผมสักหน่อยก็เถอะ มันทำให้ผมมีสมาธิกับการทำงานมากกว่าการเดินทางไปตามที่ต่างๆ ซึ่งมีคนพลุกพล่านเห็นแล้วพาลทำให้สมองหยุดทำงานไปเสียดื้อๆ แต่ใช่ว่าผมจะขลุกตัวอยู่แต่ในห้องเพียงอย่างเดียว สถานที่แห่งหนึ่งที่ผมชอบไปก็คือห้องสมุด นั่นล่ะสถานที่เปิดโลกกว้างของผม ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในห้องสมุดโดยไม่ต้องออกไปผจญกับอากาศร้อน เพียงแค่นั่งอยู่ในห้องแอร์สบายๆ เงียบๆ มันก็มีความสุขแล้ว เมื่อมีความสุขงานที่ออกมาก็จะมีประสิทธิภาพ ผมคิดอย่างนี้จริงๆ

                  ใครๆ ก็ถามผมว่าไม่เบื่อบ้างหรือที่ทำแต่อะไรซ้ำๆ ในทุกๆ วันแบบนี้...ไม่เลย ผมไม่เคยเบื่อกับสิ่งที่ผมทำอยู่ มันเป็นความสุขของผมและผมก็ต้องการแบบนี้

                  จนวันหนึ่ง...

                  ธนาหัวหน้าเรียกพบแน่ะเพื่อนร่วมงานของผมเดินเข้ามาบอก

                  ผมพยักหน้าตอบขณะกำลังจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์

                  คุณ ธนา ผมอยากให้คุณแก้ไขงานหน่อยนะ ลูกค้าไม่ชอบใจเลย อยากให้คุณแก้ไขสัก 2-3 จุดนะ ผมมีข้อมูลจากลูกค้าแนบมาให้คุณด้วยหัวแผนกของผมพูดขึ้นทันทีที่เห็นผมเดินเข้าประตูเข้ามา

                  ครับหัวหน้าผมจะเอาไปลองแก้ดูผมตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้

                  เมื่อพูดจบผมก็เดินออกจากห้องทันที เพราะอยากจะทำงานให้เสร็จจะได้รีบกลับบ้าน ยิ่งช่วงนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกหนักพายุจะเข้าด้วยแล้วไม่อยากเปียกปอนกลับบ้าน

                  โอย อะไรเนี่ย! ให้ทำใหม่หมดเลย เรื่องมากจริงผมอุทานออกมาด้วยความโมโหกับงานของลูกค้าเจ้าปัญหา

                  ก็นะ โชคร้ายหน่อยล่ะที่เจอเจ้านี้ เรื่องมากติดอันดับต้นๆ เลยล่ะแกเอ๊ยเพื่อนร่วมงานของผมคนหนึ่งพูดขึ้น

                  ผมก้มหน้าก้มตาทำงานของลูกค้าเจ้าปัญหารายนี้ตั้งแต่หลังจากพักกลางวันกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว จากที่ทั้งแผนกพลุกพล่านไปด้วยผู้คน บัดนี้เหลือผมคนเดียวกับเจ้าคอมฯคู่ชีพและนาฬิกาเรือนโตข้างประตูห้องหัวหน้าแผนกที่ส่งเสียง ติ๊กต๊อกๆ เป็นเพื่อนแก้เหงาในยามวิกาล

                  ฮ้า...เสร็จเสียทีผมเปร่งเสียงอย่างผ่อนคลายทันทีที่ผมคลิก ส่งงานเข้า อีเมล์ของหัวหน้า ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจและเก็บของเตรียมเดินทางออกจากที่ทำงาน ติ๊กต๊อกๆ เข็มสั้นของนาฬิกาขณะนี้ชี้ไปที่เลข 10 ขณะที่เจ้าเข็มอีกอันขี้ไปที่เลข 3 โอ...นี่ 4 ทุ่ม 15 แล้วเหรอเนี่ย ขณะที่ผมจะเดินออกจากห้องผมก็เดินไปฉีกปฏิทินที่แขวนอยู่บนฝาผนังหน้าประตูทางเข้าให้เปลี่ยนจากวันที่31 กรกฎาคม เป็นวันที่ 1 สิงหาคม

                   ผมรีบออกจากที่ทำงานย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าหากดึกกว่านี้อาจจะไม่มีรถกลับบ้านยิ่งถ้าเกิดฝนตกขึ้นมาด้วยล่ะก็..

                  ซ่า ซ่า ซ่า... นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำโชคชั้นที่ 1 ของผมก็มาถึงจนได้ แถมมาแรงเสียด้วยสิ ผมยืนตัดสินใจอยู่นานว่าจะทำอย่างไรดี

                  เอาวะ! เปียกก็เปียก ดีกว่าไม่ได้กลับบ้านวะผมพยายามปลุกใจให้ฮึกเหิม

                  ผมวิ่งทะลวงสายฝนที่หนาวเย็นและมันช่างเม็ดใหญ่เสียนี่กระไร ผมทั้งหนาวทั้งแสบกับความคมของสายลมและมดฝนที่ร่วมมือกันทำร้ายผู้ที่บังอาจกล้าวิ่งฝ่าสายฝนที่จะลงมากระทบพื้น

                  โป๊ก!!

                  โอย...อะไรกันวะ ตกลงมันฝนหรือลูกเห็บวะเนี่ย?ผมตะโกนใส่สายฝนที่กระหน่ำลงมาบนร่างผมที่มันช่างแข็งเกินกว่าเม็ดฝนที่คนเขาบอกว่าเป็นน้ำ

                  ในที่สุดผมก็ฝ่าด้านหฤโหดมาได้ ป้ายรถเมล์ในตอนนี้มีคนยืนแน่นเต็มไปหมด จากที่ในทุกๆ วันหากเป็นเวลาแบบนี้ไม่มีคนยืนรออยู่แล้ว แต่วันนี้มันแทบไม่เหลือที่ว่างให้ผมได้ยืนเลย

      ..............................................

                  เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่ผมคิดว่าน่าจะนานพอดู เพราะผมสังเกตจากคนที่เริ่มทยอยกันวิ่งขึ้นรถเมล์บ้าง แท็กซี่บ้าง หนีผมไปจนเกือบหมดแล้ว บวกกับอาการปวดขาของผมที่มันฟ้องว่า นายๆ นายยืนนานไปแล้วว่ะ ทำให้ผมเริ่มตัดสินใจว่า...

                  เอาวะ วันนี้ขอเป็นคุณชายสักวัน แท็กซี่ก็แท็กซี่วะ

                  คุณชาย ธนา อย่างผม (พูดแล้วกระดากปาก) เดินไปที่ริมฟุตบาท ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า แท็กซี่คันไหนที่เปิดไฟแดงๆ แสดงว่าว่าง ผ่านมาจะโบกให้คว่ำเลย

                  พลัน!!

                  ไฟสูงจากหน้ารถคันใหญ่สาดมากระแทกที่ดวงตา

                  เอาเว้ยย!! กูไม่ต้องเป็นคุณชายแล้วววผมกระแทกอารมณ์อย่างสะใจด้วยการชูกำปั้นแล้วดึงกลับ

                  รถเมล์สายที่ผ่านแถวบ้านผมมาแล้ว ผมไม่รีรอที่จะทิ้งคราบคุณชายไว้ตรงป้ายรถเมล์รีบกระโดดขึ้นรถเมล์อย่างรวดเร็ว

                  รถเมล์สายนี้ค่อนข้างที่จะวิ่งช้ามากผมจึงไม่แปลกใจเลยทำไมหนอมันถึงมาช้าเหลือเกิน ซึ่งป้าร้านขายของแถวคอนโดผมขนานนามมันว่า รถหวานเย็น เพราะมันเต่าเชื่องช้าขับแบบ ชิวๆ นี่ล่ะ จึงได้รับเกียรติอันน่าภาคภูมิใจนี้

                  ในที่สุด เจ้าหวานเย็นมันก็พาผมมาถึงที่หมายจนได้ ครานี้ผมกดกริ่งบนรถเป็นสัญญาณว่าขอผมลงหน่อย มันชะลอตัวอย่างเนิบๆ ปล่อยให้ผมก้าวเท้าลงสัมผัสพื้นอย่างมั่นใจแล้วมันก็ค่อยๆ คลานต่อไปอย่างเชื่องช้า

                  ตอนนี้ผมปรากฏตัวอยู่ที่ป้ายรถเมล์แถวบ้านแล้ว อีกนิดเดียวผมจะได้อาบน้ำนอนเสียที

                  ขณะที่ผมรอที่จะข้ามถนนอยู่นั้น

                  สุดหล่อ จะไปไหนจ๊ะ ไม่แวะมาเที่ยวก่อนเหรอ?เสียงสตรีนางหนึ่งตะโกนมาจากทางด้านหลังของผม ทำเอาผมสะดุ้งโหยงไปเหมือนกันเพราะไม่คิดว่าดึกป่านนี้แล้วจะมีคนมาเรียกอีก

                  ผมหันไปตามเสียงนั้น ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของผมนั้นคือ อาคารพานิชย์หรือเรียกง่ายๆ ว่าตึกแถวนั่นแหละ ที่เรียงรายไปด้วยร้านอาหาร ผับ บาร์ ต่างๆ ซึ่งร้านที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นมีชื่อว่า ร้าน Your Choice” หรือประมาณว่า เลือกได้เลยค่ะคุณ ตามความสามารถทางภาษาอังกฤษที่มีอยู่นิดหน่อย พร้อมด้วยภาพหญิงสาวสวยมั่งไม่สวยมั่งนั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าร้านประมาณ 5-6 คน โดยมีคนที่ผมคิดว่าเป็นคนที่เรียกผมนั้นยืนหันหน้ามาทางผม เธอส่งยิ้มเย้ายวนมาให้ผม...ผมส่งยิ้มตอบกลับให้เธอและหันหลังกลับ

                  อั๊ก!!

                  ผมจุกแทบลงไปกองกับพื้น หญิงสาวคนหนึ่งเซถลาเกือบที่จะล้ม เพราะเดินมาชนผม ดูเธอร้อนรนมาก เพราะจากอำนาจการทำลายล้างที่มากระแทกผมแล้วผมคิดว่าเธอน่าจะรีบไปที่ไหนสักแห่งหนึ่ง

                  หญิง มาช้าอีกแล้วนะ! ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงมาช้าบ่อยจริง เสียงหญิงสาวคนเดิมตะโกนอีกครั้ง แต่คราวนี้คงไม่ได้เรียกผมแล้ว เพราะผมไม่ได้ชื่อหญิง

                  ขอโทษค่ะพี่ พอดีหญิงมีปัญหานิดหน่อยค่ะหญิงสาวที่คิดว่าน่าจะชื่อ หญิงนั่นล่ะกล่าวตอบเธอคนนั้นไปซึ่งผมคิดว่า เธอคงเป็นลูกพี่อะไรประมาณนี้มั้ง

                  อย่าให้บ่อยนักสิ เดี๋ยวเจ๊เขาก็ว่าเอาหรอก ลูกพี่ของคนชื่อหญิงพูดอีก

                  ค่ะๆ รู้แล้ว เธอรับคำอย่างว่าง่าย

                  เอ่อ...คุณคะ คุณคะเธอพูด

                  คุณๆ

                  อ้าวเธอเรียกผมนี่หว่า!

                  ขะ ครับ ครับ

                  คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? เธอถามด้วยสีหน้ากังวล

                  อ๋อ...ไม่เป็นไรครับผมตอบแล้วนิ่งอึ้งไป เธอสวย สวยมาก ผมซอย ประบ่า ตาโต ริมฝีปากสีแดง ใส่เสื้อสายเดี่ยวสีดำ กับกระโปรงหนังตัวสั้นสีขาว รูปร่างเธอผอมบางได้รูป ผิวขาวเนียน เธอสวยมาก เธอเป็นนางฟ้ามาจากที่ไหนกันนี่

                  นี่นาย จะเอาไง จะเข้าไม่เข้า ถ้าไม่เข้าก็รีบไปได้แล้วยัยลูกพี่ใหญ่นั่นแผดเสียงอีกแล้ว

                  เธอมองหน้าผมยิ้มๆ แล้วก็เดินเข้าไปข้างในร้านนั้น ปล่อยให้ผมตกตะลึงเหมือนถูกมนต์สะกดอยู่คนเดียว

                  เฮ้ย! จะเอาไงไม่เข้าก็ไสหัวไป อย่ามายืนขวางหน้าร้าน เกะกะยัยปีศาจมันเอาอีกแล้ว

                  ผมรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงที่เริ่มโมโหของยัยลูกพี่ใหญ่ ผมจึงเดินข้ามถนนกลับไปยังคอนโดของผม ที่ฝั่งนี้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงคนละฝั่งของถนน แต่มันแตกต่างกันอย่างชิ้นเชิงเพราะฝั่งที่ผมอยู่มันช่างเงียบสงบ ไม่มีแสงสี หรือเสียงเพลง ดังเล็ดลอดผ่านเข้ามาในโสตประสาทผมเลย จะมีก็แต่เพียงเสียงจิ้งหรีด แล้วก็จิ้งจกบ้างเป็นครั้งคราว อาจเป็นเพราะแถวนี้ทางการเขาจัดแบ่งพื้นที่ดีก็เลยทำให้มันเป็นสัดส่วนไม่รบกวนกัน คนจะนอนก็นอนฝั่งนี้ ใครจะเที่ยวก็ไปอีกฝั่ง

                  กริ๊ง!

                  ดวงไฟในวัตถุทรงสี่เหลี่ยมสว่างวาบขึ้นที่ตัวเลข 7 แสดงว่ามันได้ต้านแรงโน้มถ่วงของโลกมาถึงบนชั้นที่ 7 ของคอนโดที่ผมอาศัยอยู่แล้ว ผมเดินออกมาอย่างช้าๆ และไปหยุดตรงหน้าห้อง 743 ซึ่งมันเป็นห้องพักของผมเองทันทีที่ผมเปิดประตูห้องไอร้อนผ่านวาบเข้ามาสู่ใบหน้าของผมทันที แน่ล่ะวันนี้ทั้งวันผมไม่ได้อยู่ในห้องเลยและไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศทิ้งเอาไว้ด้วยห้องมันก็ต้องร้อนแบบนี้เป็นธรรมดา ผมไม่รีรอที่จะเปิดแอร์ในทันที แล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วเอนตัวลงเพื่อพักสายตา ภาพของหญิงสาวที่ผมชนเมื่อสักครู่ลอยเข้ามาในความรู้สึกผมทันที ผมไม่อาจลืมเธอได้หรือนี่ แน่ล่ะ เธอสวยมากนี่นา ถึงผมจะเป็นคนเก็บตัวเอง แต่ผมก็เคยมีแฟนนะ ผมคิดว่าอย่างนั้น แต่กับผู้หญิงคนนี้เขาเรียกว่าอะไรกัน? ภาพเธอส่งยิ้มให้ผมยังคงก่อกวนจิตใจของผม

                  ทันใดนั้นเอง!

                  ภาพยัยลูกพี่ใหญ่ สาวผมหยิกฟู แต่งหน้าหนาเตอะ ในชุดสีแดงพร้อมกับหุ่นบวมๆ ปรากฏกายขึ้น ผมสะดุ้งตื่นในทันที

                  ผมตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อโทรมกายด้วยความตกใจกลัวยัยปีศาจร้ายที่มาทำลายความฝันของผม มันช่างน่ากลัวจริงๆ ผมลุกขึ้นยืนอีกครั้งและเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย...

                  นับจากที่ผมได้พบกับนางฟ้าคนนั้น  ไม่ใช่สิ เธอชื่อหญิง ผมยังจำเธอได้เป็นอย่างดี แต่ว่าชีวิตของผมกับชีวิตของเธอมันช่างสวนทางกันอย่างสิ้นเชิงผมทำงานกลางวันนอนกลางคืน และผมคิดว่า หากเธอทำงานกลางคืน เธอก็น่าจะนอนตอนกลางวัน ซึ่งเราคงไม่ได้บังเอิญเจอกันที่ป้ายรถเมล์แน่ๆ

                  ชีวิตของผมผ่านไปอย่างราบเรียบตามปกติ จนวันหนึ่งผมจำได้ดี มันเป็นช่วงวันที่ 5 ของเดือน สิงหาคม ผมเลิกงานดึกอีกครั้งซึ่งผมหวังว่าจะได้เจอกับเธออีก...

                  นั่นไง! เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ผมลิงโลดเมื่อเห็นนางฟ้าของผมนั่งอยู่ที่หน้าร้านที่เธอทำงาน วันนี้เธอคงมาทำงานตรงเวลา แต่ทำไมดูท่าทางเธอไม่มีความสุขอย่างนั้น สีหน้าและแววตาที่เศร้าสร้อย เธอเป็นอะไรนะ ผมสงสัยเหลือเกิน อยากจะเข้าไปไถ่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีอะไรหรือเปล่า มีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกผมได้นะ แต่เอ๊ะ! เราเป็นใครล่ะไปยุ่งกับเขาทำไม เคยเจอแค่ครั้งเดียว เธอจะจำเราได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังจะมีหน้าคิดอะไรบ้าๆแบบนั้นอีก ผมจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะช่วยเหลือเธอและกลับบ้านนอนดีกว่า

                  ฉับพลันที่สายตาของผมมองเธอเป็นครั้งสุดท้ายเธอหันมาทางผม และ...

                  เธอส่งยิ้มให้ผม!!!

                  เป็นไปได้นางฟ้าคนนั้นจำผมได้ เธอจำผมได้

                  เอาล่ะเว้ยๆ ในที่สุดๆ มีลุ้นๆ เธอมีใจผมคิดในใจอย่างบ้าคลั่ง และรู้ตัวในทันทีว่าผมก็เผลอส่งยิ้มไปให้เธอเหมือนกัน

                  คืนนั้นผมกลับมากระโดดลงบนเตียงเด้ง ดึ๋งๆ อย่างสำราญใจ หญิงสาวที่ผมเรียกว่านางฟ้าส่งยิ้มให้ผม เพียงแค่ส่งยิ้มให้ไม่ได้พูดอะไรกันเลยมันทำให้ผมเป็นได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

                  เช้าวันต่อมาผมไปทำงานอย่างเบิกบาน ยิ้มแย้ม ทักทายคนทั้งแผนก จนเป็นที่น่าพิศวงกับการกระทำของผมเพราะคนอย่างไอ้ ธนา น่ะแค่พูดยังไม่ค่อยจะพูดเลย วันนี้มันทั้งยิ้ม ทั้งพูดทั้งคุย แซวคนโน้นคนนี้ทั่วไปหมด มันบ้าไปแล้ว

                  นาฬิกาตัวใหญ่บอกเวลาว่า ขณะนี้ 17.00 น. เชิญพนักงานทุกท่านไสหัวกลับบ้านไปได้แล้ว ทุกคนต่างเชื่อฟังมันเป็นอย่างดี 5โมง ปุ๊บ หายกันหมดเลย แม้แต่หัวหน้าแผนกก็ไป ไปก่อนเพื่อนเลยกระมัง แต่กลับมีหัวคนหนึ่งโด่เด่อยู่คนเดียวท่ามกลางหมู่คอมพิวเตอร์...

                  ผมเอง ผมยังไม่กลับบ้าน แต่วันนี้ผมไม่ได้มีงานต้องทำหรอกแต่ผมเพียงแค่นั่งรอเวลาต่างหากล่ะ รอให้มันมืดเสียที เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะวันนี้ผมตั้งใจน่ะสิ ตั้งใจอย่างยิ่งยวดล่ะว่า วันนี้ล่ะ ผมจะเปิดซิง อย่าคิดมากน่า...ที่จะเปิดน่ะไม่ใช่แบบนั้น แต่ผมจะเข้าบาร์ครั้งแรกต่างหากเล่า เกิดมาจากท้องแม่ ไม่เคยเข้าสักทีไอ้บาร์เนี่ย...แต่ตอนนี้น่ะสิทำไมไม่มืดเสียทีหนอ ทีตอนทำงานล่ะเดี๋ยวเดียวมืดแล้ว ผมพยายามหาอะไรต่อมิอะไรทำเพื่อที่จะฆ่าเวลา ถ้าทำได้...จากใจเลยผมอยากจะไปขัดห้องน้ำซะให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่เกรงใจแม่บ้านนะ ฮึ่ม!

                  4 ทุ่มแล้ว ได้ฤกษ์เสียที ผมรีบลุกจากโต๊ะทำงานทันที โอย มันช่างเมื่อยไปหมดทั้งตัว ก็จะไม่ให้เมื่อยได้อย่างไร ก็ผมนั่งอยู่ที่นี่ทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ 4 ทุ่ม เพิ่งจะขยับตัวออกจากคอก 4 เหลี่ยมตัวนี้ได้ แต่อย่าว่าผมเลยเพราะผมมันเป็นคนเก็บตัวนี่นา...ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนฆ่าเวลาดี

                  หวานเย็นถีบผมลงตรงที่เดิม วันนี้ผมตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่าวันนี้จะลุยแล้ว

                  มาเลย มาเลย ยัยลูกพี่ใหญ่ มาเรียกฉันเลยผมคิดในใจขณะยืนหันหลังให้กับร้าน your choice

                  เงียบ...

                  ไม่เห็นมีเสียงใครเรียกเลยแฮะ มีแต่เสียงเพลง ตื๊อ ดื๊อ ดือ ดึง ตะ ดือ ดื๊อ ดึง ดังอยู่อย่างนั้นแหละ แย่จังผมต้องบากหน้าเดินเข้าไปเองเหรอเนี่ย

                  แอ๊ดดด!!...

                  มาแล้วๆ เปิดประตูออกมาแล้ว ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รอฟังเสียงเรียก...

                  จะไปไม่ไป!?เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

                  ไรฟะ! วันนี้จะมาใช้บริการนะเฟ้ยผมตะโกนเสียงดังในใจ

                  ไม่พี่!! หนูขอร้อง หนูไม่ไป ตอนหนูมาสมัครหนูไม่ได้บอกว่าจะทำแบบนี้นั่นเสียงเธอนางฟ้าของผม

                  ผมยังคงนิ่งอยู่เพื่อรอโอกาส...

                  มากับเฮียเถอะหนู แล้วหนูจะมีความสุข หนูจะสบายทั้งชาติเลยนะเสียงของตาแก่หื่นตัณหากลับคนหนึ่งดังขึ้น

                  ผมยังคงยืนหันหลังแต่ผมเริ่มกำหมัดแน่น....

                  พี่หนูขอร้อง!!! อย่าให้หนูไปเลยนะพี่!”เธอร้องไห้อ้อนวอน

                  ไม่ได้! เจ๊สั่งแล้วต้องไป ไม่ไปไม่ได้ยัยปีศาจแผดเสียงอีกครั้ง

                  เฮ้ยเอาไปขึ้นรถเสียงตาแก่สั่งอย่างมีอำนาจ

                  ประตูรถที่จอดอยู่ตรงหน้าผมเปิดออก ผมสะดุ้งเฮือก

                  อ้าวเวร ไหงมาจอดตรงนี้ล่ะ?ผมครางในใจ

                  ชายร่างใหญ่คนหนึ่งลากแขนเธอเข้าไปในรถ ระหว่างที่เธอดิ้นรนนั้นสายตาเธอมองมาที่ผม เธอตกใจ และพร้อมกับไอ้บึกนั่นจบเธอยัดเข้าไปในรถจนได้ แล้วตาแก่นั่นก็ตามเข้าไป

                  อ้าวเฮ้ย!ผมสะดุ้งขึ้นมาทันทีเมื่อรถคันงามออกวิ่งไป

                  โดยไม่ทันได้คิดมือผมก็โบกเรียกแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดตรงหน้าเสียแล้ว

                  เอาวะ เป็นไงเป็นกันผมปลุกใจตัวเองก่อนที่จะก้าวขึ้นรถแท็กซี่สีชมพู

                  ตามเบนซ์คันนั้นไปเลยพี่ผมพูดอย่างร้อนรน โดยพี่แท็กซี่ทำหน้างงงัน

                  ในที่สุดผมก็ตามรถตาแก่นั่นไปจนถึงโรงแรมม่านรูดจนได้

                  แหมขับเบนซ์ทั้งที พาเข้าโรงแรมกระจอกจริงคนขับแท็กซี่ทำลายความเงียบ

                  มันยิ่งทำให้ผมเดือดดาล โทษฐานพานางฟ้าของผมเข้าโรงแรมกระจอก

                  พี่ พี่ผมเรียกแท็กซี่

                  เขาหันมามอง

                  เดี๋ยวพี่รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เปิดมิเตอร์ทิ้งไว้แบบนี้แหละ เดี๋ยวผมออกมาสิ้นเสียงผมคนขับแท็กซี่ทำหน้างุนงง

                  ผมไม่รอให้เขาได้พูดอะไรก็รีบเปิดประตูรถออกไป

                  เออ พี่ๆ ถ้าสัก 2 ชั่วโมงผมไม่ออกมาแสดงว่าผมตายแล้วนะ พี่โทรแจ้งตำรวจให้ด้วยแล้วกันผมกลับตัวมาบอกสิ่งที่นึกขึ้นมาได้ในทันที คนขับแท็กซี่ยิ่งงงเข้าไปใหญ่....

                  ผมเดินอย่างเร็วเข้าไปในเขตโรงแรมทันได้เห็นรถเบนซ์คันที่พานางฟ้าของผมเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ผมรีบตามเข้าไปทันที

                  พี่ครับ ห้องนี้มีคนใช้แล้วครับ ห้องอื่นดีกว่าไหมครับ? พนักงานโรงแรมเข้ามาถึงตัวผมอย่างรวดเร็ว

                  ผมยิ้มหน้าเจื่อนๆ แล้วก็เดินหนีไป...

                  สักพักผมเดินกลับมาใหม่พร้อมไม้ 1 ท่อน และไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง

                  ตุ้บ!!!

                  เต็มท้ายทอยพนักงานต้อนรับ เขาร่วงผล็อยลงในทันที ผมลากเขาเข้าไปในช่องม่านรูดห้องข้างๆ แล้วจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า

                  เรียบร้อย ตอนนี้ผมเป็นพนักงานโรงแรมนี้แล้ว แต่แค่ชั่วคราวนะ ไม่ค้างคืน ....

                  ผมเดินไปเคาะประตูห้องตาแก่นั่นโดยทันที โชคดีที่ไอ้บึกนั่นไม่ได้นั่งเฝ้าอยู่หน้าหน้าห้องสงสัยมันก็คงกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ห้องอื่นกระมัง

                  ก๊อก ก๊อก!!

                  ใครวะ!เสียงข้างในตะโกนออกมา...ใช่เป็นเสียงของมัน

                  แกร๊ก! ประตูเปิดออก

                  อะไรของลื้อวะ!?ตาแก่โมโหสุดขีดที่ผมมาขัดอารมณ์หื่น

                  เอ่อ...เสี่ยครับรับน้ำอะไรดีครับผมเริ่มต้นบทสนทนาเลียนแบบพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารที่ผมเคยไปใช้บริการ

                  น้ำเนิ้มอะไร ไอ้บ้า!!ตาแก่เดือดดาดสุดขีด ผมเห็นเส้นเลือดมันปูดออกมาบนหัวเกือบล้านของมัน

                  พั๊วะ!!!

                  ผมฟาดไม้เต็มแรง แบบที่ภาษากีฬาอะไรสักอย่างเรียกว่า แสกหน้าได้แต้มนั่นแหละ ตาแก่นั่นหงายหลังล้มทั้งยืน ผมคิดว่าเจอดอกนี้เข้าไปไอ้เส้นเลือดเมื่อกี้แตกไปหลายเส้นล่ะ

                  โดยทันทีผมรีบวิ่งเข้าไปในห้อง ผมเห็นนางฟ้าของผมนอนสลบอยู่ เธออยู่ในสภาพที่เกือบไปแล้ว เสื้อผ้าฉีกขาดบางแห่งด้วยความหื่นของไอ้แก่ ใบหน้าของเธอเขียวช้ำเป็นบางแห่ง มุมปากเธอมีเลือดออกซิบๆ

                  ไอ้แก่มึง...ตบนางฟ้ากู!!ผมเดือดดาลแบบสุดๆ แต่ไม่มีเวลาจะมากระทืบซ้ำแล้ว เผื่อไอ้บึกมาเดี๋ยวมีซวย ผมรีบยกตัวนางฟ้าของผมมาอุ้มไว้ตัวเธอหนักเหมือนกันนะเนี่ย เห็นตัวเล็กๆอย่างนี้ หรือเราไม่มีแรงเองหว่า? เมื่อได้ตัวเธอมาอยู่ในอ้อมกอดแล้วผมรีบวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

                  ผมวิ่งมาเคาะกระจกรถแท็กซี่สีชมพูคันเดิมที่ยังคงจอดรอผมอยู่จริงๆ อย่างร้อนรน ภายในรถพี่คนขับแท็กซี่นั่งกำโทรศัพท์ไว้แน่น และล็อครถไว้อย่างแน่นหนา เมื่อเขาเห็นผมทีแรกมีท่าทางตกใจ จนผมต้องเคาะกระจกอยู่สักพักเขาจึงยอมเปิดประตูให้ผม

                  ไอ้น้อง! นี่อีกนิดเดียวพี่จะโทรศัพท์ไปบอกตำรวจแล้วนะเนี่ย แท็กซี่พูดทันทีที่ผมเข้ามานั่งในรถ

                  ผมส่งยิ้มให้เขาขณะที่ก็ยังอุ้มนางฟ้าเอาไว้แน่น

                  จนในที่สุดคนขับแท็กซี่ก็สังเกตเห็น

                  น้องเอาใครมาด้วยน่ะ ตายหรือยัง?

                  ยังพี่ เธอ เอ่อ...เธอเป็นแฟนผมพี่ ถูกไอ้หื่นฉุดมาน่ะผมโกหกคนขับแท็กซี่ผู้มีบุญคุณหน้าตาเฉย

                  เขาเริ่มยิ้มได้เล็กน้อย

                  น้องนี่เป็นคนดีนะ รักแฟนมากจริงๆ เป็นพี่ไม่เอาแล้ว ยอม

                  ผมไม่พูดอะไรได้แต่นั่งยิ้มให้เขา

                  เออ...แล้วจะไปที่ไหนล่ะเขาถามขึ้นอีกครั้ง

                  เออนั่นสิ จะไปที่ไหนล่ะ ตื่นเต้นจนลืมไปเลยว่าจะไปที่ไหน

                  ไปบ้านพี่ก่อนไหม?คนขับผู้แสนดีเสนอ

                  ไม่เป็นไรครับพี่...เอางี้พี่กลับไปส่งผมที่เดินะสิ้นเสียงผมพี่คนขับทำท่าตกใจ

                  แต่คนละฝั่งกันนะพี่ผมอธิบาย

                  ไปทำไมอีกล่ะแถวนั้น?เขาถามอีก

                  ก็ผมอยู่แถวนั้นจะให้ผมไปไหนล่ะผมตอบเขาทันใจ

                  เอาๆ ผู้โดยสารบอกก็ต้องไปตามที่บอกเขาพึมพำ

                  พี่ๆ จอดตรงนี้แหละ ขอบคุณนะพี่ผมควักเงินจ่าย...เลขที่มิเตอร์ทำเอาผมแทบช็อค

                  347 บาท!

                  เกิดมาก็เพิ่งจะเคยนี่ล่ะค่าแท็กซี่แพงที่สุดในชีวิต

                  เอ้าๆ โชคดีนะน้อง ขอให้รักกันนานๆนะคนขับแท็กซี่อวยพรส่งท้ายพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มที่ได้ค่ารถคุ้มค่าแรง

                  ผมพาเธอมานอนที่ห้องผมก่อนเพราะผมไม่รู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน ผมทำอะไรไม่ถูกเพราะชีวิตนี้ไม่เคยอยู่ใกล้ชิดผู้หญิงขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้จะเคยมีแฟนก็เถอะ แต่ด้วยสามัญสำนึกผมหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวเธอและค่อยๆ เช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่ตรงมุมปากของเธอออกแล้วผมก็เผลอตัวบรรจงจูบริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา ด้วยกลัวเธอเจ็บและจะทำให้เธอตื่น แล้วอาจจะคิดว่าผมจะลวนลามเธอก็เป็นได้ ผมนั่งเฝ้าเธอตลอดคืนนะเท่าที่จะจำความได้

                  ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อรู้สึกว่ามีใครสักคนกำลังจ้องมองผมอยู่ เมื่อเปลือกตาของผมขยับเปิดขึ้น แสงแรกที่ตกกระทบกับวัตถุมันทำให้ผมเห็นภาพหญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งจ้องมองผมอยู่ เธอคือนางฟ้าของผมนั่นเอง ผมไม่ได้ฝันไปจริงๆ ผมไม่ได้ฝันว่าตัวเองเป็นเจ้าชายผจญภัยปราบเหล่าร้ายเพื่อช่วยเจ้าหญิงให้รอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจร้าย แต่ทุกเหตุการณ์เมื่อคืนมันเป็นความจริง

                  เธอนั่งจ้องมองผมอยู่อย่างนั้น นานทีเดียว ผมเริ่มรู้สึกเขินอาย...น่าอายจริงผมเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับอายเสียเองที่ถูกมอง

                  อรุณสวสัสดิ์ค่ะที่รักเสียงไพเราะของเธอแผ่ซ่านความหวานไปทั่วใบหูและทะลุทะลวงเข้าไปกระทบแก้วหูอย่างจัง

                  ผมยิ้มตอบเธออย่างอ่อนโยนเท่าที่จะทำได้เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกเขินมากกว่า แต่...เอ๊ะ! เมื่อกี้เธอเรียกผมว่าอะไรนะ?

                  เมื่อกี้เรียกผมว่าอะไรนะครับ?ผมรวมรวบสติและความกล้าพูดกับเธอ

                  ก็เมื่อคืนคุณเรียกฉันว่าอะไรล่ะคะเธอตอบเสียงราบเรียบ

                  เมื่อคืน.... เมื่อคืนผมทำอะไรลงไปเนี่ย ไม่นะ ไม่ ไม่ ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น

                  ก็ที่คุณบอกกับคนขับแท็กซี่ไงล่ะคะเธอกระตุ้นความจำของผม

                  อ๋อ... ผมส่งเสียงออกมาได้แค่นั้นเพราะที่เหลือมันถอยลงไปอยู่ในคอหมดแล้ว และมันกำลังจะวิ่งลงไปที่ตาตุ่ม เธอรู้ได้อย่างไรล่ะหรือว่า?

                  เมื่อคืน... แสดงว่าคุณรู้สึกตัวตลอดเลย? ผมมีทีท่ากังวลเมื่อได้รู้ความจริง ตายแน่แล้วคราวนี้เธอต้องไม่ให้อภัยผมแน่ๆ ความดีที่สู้อุตส่าห์ทำมา จบกันแล้ว

                  ใช่สิ รู้สึกแม้กระทั่งคนลามกแอบจูบตอนหลับด้วยเธอพูดพร้อมยิ้มกว้าง

                  โอยตายแล้ว! ผมผิดไปแล้วยกโทษให้ผมเถอะ ถ้ากราบได้ตอนนี้ผมคงกราบขอโทษไปแล้ว

                  ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?เธอพูดพลางขมวดคิ้วจ้องมองผมที่ตอนนี้คาดว่าจะหน้าแดงด้วยความอายและรู้สึกผิดมากๆ ที่ทำเรื่องไม่ให้เกียรติผู้หญิงอย่างนั้นลงไป

                  ผมยังคงไม่ตอบ...

                  เอางี้...ฉันขอพูดอะไรอย่างนึงนะเธอเริ่มขยับตัว

                  เรื่องที่คุณทำเมื่อคืนน่ะ

                  เอาแล้วไง โดนแน่ๆ

                  คุณจะยอมรับไหมเธอเริ่มมีทีท่าที่จริงจัง

                  คร้าบ ยอมคร้าบ ผมคิดในใจ

                  ว่าไงคะเธอถามย้ำ

                  ผมพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย

                  อะไรกัน คุณไม่เต็มใจรับฉันเป็นแฟนเหรอ?

                  หา! อะไรนะ

                  ฉันน่ะถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยรู้จักคุณแต่คุณน่ะกลับมาช่วยชีวิตฉัน ดังนั้นฉันยินดีที่จะรักคนที่จะช่วยชีวิตฉัน

                  ผมถึงกับงงในสิ่งที่เธอพูดแต่เอาเถอะนางฟ้า ผมน่ะรักคุณตั้งแต่แรกเห็นอยู่แล้วผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้วที่จะรักคุณ

                  ตลอดทั้งวันวันนั้นเรานั่งพูดคุยกันอย่างนั้นได้รู้เรื่องราวของกันและกันผมบอกเธอว่าผมทำอาชีพอะไร มีงานอย่างไร และใช้ชีวิตอย่างไร เธอเองก็บอกเกี่ยวกับชีวิตของเธอว่าตัวเธอมาจากต่างจังหวัดมาหางานทำ เลยมีเพื่อนแนะนำให้มาทำงานที่ร้านนี้ มาเป็นสาวโคโยตี้ ตอนแรกเธอก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไรแต่พอเข้ามาจึงรู้ว่า งานของเธอคือต้องเต้นๆ แล้วก้อเต้นๆ ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นวาบหวิว แล้วบางทีก็ต้องมานั่งดื่มเหล้ากับแขก ก็จะมีเมื่อคืนนั่นล่ะที่ร้ายแรงที่สุดและโหดร้ายกับตัวเธอที่สุดและที่สำคัญเลย...

                  เธออยู่ห้อง 742 ที่คอนโดนี้

                  ให้มันได้อย่างนั้นทำไมเราอยู่ใกล้กันถึงขนาดนี้แต่กลับไม่เคยเจอกันสักทีมันช่างเหมือนเส้นผมบังภูเขาเหลือเกิน  

                  หลังจากนั้นในทุกๆ วันเธอจะเข้ามาทำความสะอาดห้องผมเพราะผมได้ให้กุญแจกับเธอไว้ดอกหนึ่ง เธอมักจะมานั่งเล่นนอนเล่น มาทำอาหารไว้รอให้ผมกลับมาทาน แล้วเราก็จะนั่งทานอาหารด้วยกันสองคนอย่างมีความสุข

                  และแล้วช่วงเวลาของความสุขของผมและเธอก็หมดลง เมื่อเครื่องมือต้านแรงโน้มถ่วงมาหยุดที่ชั้น 7 ประตูห้อง 742 และ 743 ถูกเปิดออก ใจผมหล่นวูบ เกิดอะไรขึ้น นางฟ้าของผม เธอไปไหน ทำไม มีอะไรเกิดขึ้น ผมลนลานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เข้าไปดูทั้งสองห้องอย่างละเอียดครั้งแล้วครั้งเล่า ผมตัดสินใจจะลงไปตามหาเธอที่ชั้นล่าง

                  นั่น!

                  รองเท้าของผมนี่ ทำไมมานอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าทางขึ้นดาดฟ้า ผมรีบตามขึ้นไปทันที ภาพที่เห็นคือนางฟ้าของผมกำลังยืนอยู่บนขอบตึกเตรียมพร้อมที่จะกระโดดลงไปข้างล่าง หากผมมาไม่ทันอาจจะไม่ได้เห็นเธออีกก็เป็นได้

                  หญิง คุณไปทำอะไรบนนั้นน่ะ ลงมาเถอะ เดี๋ยวตกลงไปนะผมพูดอย่างนิ่มนวล

                  เธอเพียงแค่หันมายิ้มให้ผม ดวงตาของเธอมีสายน้ำไหลหยดลงมาไม่ขาดสาย

                  หญิง เกิดอะไรขึ้น มีอะไร บอกผมได้นะผมพยายามต่อรองกับเธออีกครั้ง

                  ธนา คะ หญิงขอโทษหญิงทำให้ธนาต้องเดือดร้อนเธอพูดเสียงสั่นเครือ

                  ขอโทษ...คุณขอโทษผมเรื่องอะไรกันผมไม่เข้าใจที่เธอพูดเสียเลย

                  วันนี้มีพวกของเฮียเชงเธอตอบขณะยังคงร้องไห้

                  แล้ว...แล้วหญิงเป็นอะไรหรือเปล่า? มันทำอะไรหญิงหรือเปล่า?ผมถามอย่างห่วงใย

                  เธอส่ายหน้า

                  หญิงเห็นพวกมันกำลังขึ้นมาตอนหญิงกำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียง หญิงเลยหนีขึ้นมาอยู่ข้างบนนี้เธอเล่า

                  ก็ดีแล้วนี่หญิง งั้นลงมาเถอะ ไม่เป็นไรแล้วพวกมันไปแล้วผมปลอบเธออีกครั้ง

                  เธอส่ายหน้า

                  ธนา ลองคิดดูสิหากธนาอยู่ด้วยแล้วเกิดพวกมันมา ธนาต้องเดือดร้อนเพราะหญิงนะเธอคร่ำครวญ

                  มันมาก็สู้สิ ผมไม่ยอมให้มันมาแย่งคุญไปหรอกผมเริ่มเสียงดัง

                  ไม่ล่ะธนา หญิงเป็นคนไม่ดี ไม่ดีพอที่จะให้ ธนา รัก ธนาลืมหญิงเถอะแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะนะเธอร่ำไห้

                  ตอนนี้น้ำตาของผมเริ่มพรั่งพรูออกมาบ้าง

                  ไม่ ไม่ หญิง คุณคือคนที่ผมรอมานาน คนที่ผมรักตั้งแต่แรกเจอ ถึงยังไงผมก็จะรักคุณ

                  ธนา ฟังนะ พวกนั้นน่ะไม่ยอมหยุดแน่ธนาหนีไปเถอะแล้วก็ลืมหญิงซะเธอพูดย้ำ

                  ผมได้แต่ร้องไห้...น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลเป็นสายอาบทั้งสองแก้ม จะทำอย่างไรหนอ ทำอย่างไรดี

                  ธนา หญิง ขอโทษที่เป็นคนรักที่ดีของคุณไม่ได้

                  แอ๊ดดดดดดดด!!!

                  เสียงประตูดังขึ้นทางด้านหลังของผม

                  พริบตาที่ผมหันหลังไปมองประตู...นางฟ้าของผมก็ตัดสินใจกระโดดลงจากดาดฟ้าตึกชั้น 8...

                  ไม่!!!! หญิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!! หญิงงงงงงงงง!!!!! ผมตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ผู้หญิงที่ผมรักกระโดดลงจากตึกไปต่อหน้าต่อตาผม

                  ผมวิ่งไปที่ขอบตึกทันทีและกระโดดตามเธอลงไป ในใจผมได้แต่อธิฐาน...

                  ถึงชาตินี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ชาติหน้าฉันใดขอให้เราสองครองรักกันนานเท่านาน

                  ร่างของผมลอยละลิ่วสวนกับแรงเสียดทานของโลกมันเจ็บปวดและแสบไปทั้งตัว หูอื้อ หายใจไม่ออก ผมคงตายก่อนถึงพื้นเป็นแน่

                  ตุ๊บ!!

                  ร่างของผมตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง แต่ผมไม่ตาย มันเกิดอะไรขึ้น หรือผมตายไปแล้ว ผมเป็นวิญญาณหรือตอนนี้ ผมลืมตามองไปรอบๆ ไม่สิ ผมแค่ฝันร้ายแล้วนอนตกเตียงเท่านั้นเองนี่ ผมมองไปรอบๆ ห้องแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบตาผม

                  เป็นฝันที่ยาวนานจริงๆ มีทั้งฝันดีและฝันร้ายเสียด้วยผมยิ้มให้กับตัวเองกว้างๆ พลางหันไปมองปฏิทินตั้งโต๊ะแบบดิจิตัลที่บอกตัวเลขว่าวันนี้ วันที่ 1 สิงหาคม...

                  วันนี้สินะจะเป็นวันที่ผมจะได้เจอกับเธอ นางฟ้าของผม โคโยตี้ที่รัก...

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×