เหนือกาลเวลา องค์หญิงสิบแห่งคังซี
เพราะยาอายุวัฒนะที่ได้นางกิน ทำให้นางต้องใช้ชีวิตเป็นอัมตะหลายพันปี กาลเวลาที่หมุนเวียนต้องมองเห็นคนล้มตายต่อหน้า นางจึงขอเพียงให้มีใครสักคนจบชีวิตนางก็พอ
ผู้เข้าชมรวม
8,593
ผู้เข้าชมเดือนนี้
116
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เหนือกาลเวลา
องค์หญิงสิบยงเจิ้ง
บทนำ
ปีที่ 13 ในรัชสมัยยงเจิ้ง
เสียงฝีเท้าเข้าออกไม่ขาดสายในห้องบรรทมสีทองอร่าม
ณ พระราชวังหยวนหมิงหยวน 圆明园 ตอนนี้เหล่าขุนนางชั้นสูงตลอดเชื้อพระวงศ์ต่างคุกเข่าอยู่หน้าตำหนัก
เมื่อฮ่องเต้หยงเจิ้งประชวรหนักถึงขั้นกระอักโลหิตเป็นสีเลือด
องค์หญิงสิบเผยหนิงเอ๋อร้อนพระทัยแต่ก็ไม่อาจย่างก้าวเข้าไปเพื่อดูอาการของพระบิดาได้
ต้องคุกเข่าอยู่หน้าพระตำหนักรอคอยเวลา วันนี้ล่วงเข้าวันที่สามแล้วแต่อาการฝ่าบาทก็ยังไม่ดีขึ้น
เสียงฝีเท้ากลุ่มใหญ่ดังขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้เป็นนักพรตเจี่ยซื่อฟาง หัวหน้านักพรตที่ฝ่าบาททรงโปรดให้เข้ามารับใช้ที่ซิ่วชิงชุน เพื่อปรุงยาอายุวัฒนะถวาย
ชุดสีขาวดำลายสำนักเดินถือถาดบรรจุยาโอรสเข้าไปด้านในด้วยความเร่งรีบ
องค์หญิงสิบเผยหนิงเอ๋อมองไปยังองค์ชายเฉินหลงที่มองยาถ้วยน้ำด้วยสีหน้ากังวลแต่ก็ทำได้เพียงเฝ้ารอ
หมดไปหลายชั่วยามไม่นานประตูก็เปิดออก
เป็นหลิวกงกงขันทีคนสนิทที่ออกมาเชิญองค์ชายเฉินหลงเข้าไปด้านในพร้อมด้วยพระสนม
นางอยากเข้าไปด้วยแต่ก็ทำได้เพียงเฝ้ารอ
เฝ้ารอได้หนึ่งชั่วยามก็ถึงนางเข้าเฝ้า
องค์หญิงเผยหนิงเอ๋อเดินเข้าไปในตำหนักสิ่งแรกที่รับรู้คือกลิ่นยาที่แตะจมูก
มองไปยังร่างพระบิดาที่นอนอยู่บนเตียงนางวิ่งเข้าไปแล้วจับมือไว้แน่น
“พระบิดาได้โปรดอย่าทิ้งลูกไป”
ดวงตายงเจิ้งหันมองบุตรสาวคนเล็กที่โปรดปรานยังจดจำน้ำเสียงเจื่อแจ่วได้อย่างดี
เขาหันมองหลิวกงกงก่อนส่งมอบฎีกาสีทองอร่ามส่งให้กับนาง
“นี่คือสิ่งที่บิดาจะทำให้เจ้าได้
หนิงเอ๋อเจ้าต้องมีชีวิตคู่ที่ดีอย่างที่เราต้องการ”
องค์หญิงเผยหนิงเอ๋อหันมองพระบิดาดวงตาพระองค์เริ่มอ่อนล้าน้ำเสียงเริ่มลดลงจนกระทั่ง
มือที่จับมือนางทิ้งตัวไปกับพื้นเตียง
“ฝ่าบาท!!!เสด็จพ่อ”
เสียงรอบด้านร่ำไห้ร้องแล้วคุกเข่ากับการสิ้นพระชนม์ของฝ่าบาท
เสด็จพ่อสิ้นแล้ว สิ้นในมือนาง
องค์หญิงเผยหนิงเอ๋อมองมือที่วางเปล่าไร้ซึ่งความอบอุ่นอีกแล้ว
“อย่าทิ้งลูกไว้แบบนี้เพคะ”
เสียงนางร่ำไห้แต่ร่างไร้วิญญาณก็หาได้ลืมตาขึ้นมาดุนางอีกแล้ว
ตลอดเวลาสิบปีที่นางอยู่ในวังหลวงแห่งนี้
เสด็จพ่อทรงเรียกนางเข้าเฝ้าอยู่บ่อยครั้ง
นางที่ไร้ซึ่งมารดาไร้ซึ่งสกุลปกป้องหากไม่ได้เสด็จพ่อคงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
องค์หญิงเผยหนิงเอ๋อคุกเข่าแล้วอำลาเสด็จพ่อเป็นครั้งสุดท้าย
จากนี้จะไม่มีแล้วเสียงหัวเราะ ตักเตือน หรือคำปลอบโยนจากพระบิดา
นางจะจดจำคำสั่งสอนที่พระองค์มอบให้มาตลอดหลายปีให้ขึ้น
เสียงกระดิ่งตรงประตูร้านอาหารคังซีดังขึ้น
ทำให้คนที่นึกถึงอดีตดึงสติกลับมาก่อนหันมองแขกของร้านที่เดินเข้ามากลุ่มใหญ่
“ร้านอาหารองค์หญิงสิบแห่งยงเจิ้งยินดีต้อนรับค่ะ”
หญิงสาวมีใบหน้ารูปไข่
แต่งกายด้วยชุดสมัยยงเจิ้งเป็นกี่เพ้ายาวสีม่วงอ่อนปักลายดอกเหมยหลากสี ด้านบนมีผมเตี่ยนจึอันเล็กประดับอยู่พร้อมกับเครื่องประดับสวยงาม
แขกที่มาทานอาหารหันมองร้านอาหารที่เปิดรับเพียง
1 โต๊ะต่อวัน และคนไม่เกิน 8 คน พวกเขาที่ได้มากินต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 6
เดือน จึงจะได้โต๊ะจองที่ว่า แลกกับจำนวนราคาโต๊ะที่หลายหน่วย
บรรยากาศด้านในถูกตกแต่งเหมือนตำหนักจีนโบราณ
มีเครื่องประดับตกแต่งล้วนเป็นของรัชสมัยยงเจิ้งทั้งสิ้น
เมื่อพวกเขานั่งลงบนโต๊ะเพียงหนึ่งเดียว
เจ้าของร้านก็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้น
จากนั้นเหล่าพนักงานที่แต่งกายคล้ายนางกำนัลก็เดินถืออาหารออกมาวางบนโต๊ะอาหารมองไปยังจานแรกของโต๊ะ
“จานนี้มีชื่อว่าเริงราตรีบุบผา
ตัวเนื้อไก่ถูกตุ๋นด้วยเตาถ่านนานถึง 6 ชั่วโมง
ตัวเครื่องเทศเต็มไปด้วยสมุนไพรที่บำรุงร่างกายให้อ่อนวัย
รอบด้านประดับด้วยกรีบดอกบัวที่เคลือบด้วยน้ำผึ้งที่หมักด้วยสมุนไพรเช่นกัน”
แค่จานแรกก็มหัศจรรย์แล้ว
สมแล้วที่ต้องรอคอยมา 6 เดือนเพื่อได้ชิมรสร้านอาหารแห่งนี้
เจ้าของร้านหันมองสีหน้าแววตาของแขกเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงเดินกลับเข้าห้องตัวเอง
ประตูบานไม้สีแดงโบราณเปิดออกก็พบรูปของจักรพรรดิยงเจิ้งอยู่บนฝาผนังเด่นตระหง่าอยู่เบื้องหน้า
หญิงสาวยิ้มแล้วเอ่ยกับรูป
“เสด็จพ่อกาลเวลาของลูกจะจบลงเมื่อไรกัน
แล้วลูกจะได้พบเขาอีกไหม” น้ำเสียงนางอ่อนลงเมื่อคิดถึงชายผู้นั้น
หลายพันปีที่ผ่าน
ทุกยุคทุกสมัยเวียนผ่านไปตามกาลเวลา
แต่นางก็ยังคงเป็นองค์หญิงเผยหนิงเอ๋อคนเดิมไม่เปลี่ยน
---------------------
เนื้อเรื่องจะสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน
เนื้อเรื่องทั้งหมดเกิดจากจินตนาการจากผู้เขียน มีทั้งที่ตรงกับประวัติศาสตร์และการเสริมแต่งเพื่ออรรถรสในนิยาย
ผลงานอื่นๆ ของ จิรัฐติกาล ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ จิรัฐติกาล
ความคิดเห็น