ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์จันทรา มายาลวง

    ลำดับตอนที่ #6 : ใต้แสงจันทร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.23K
      14
      10 เม.ย. 50

    บทที่ 6

    ใต้แสงจันทร์

     

    จัสมินนั่งอยู่บนสันทรายทอดสายตามองความเวิ้งว้างของทะเลทรายเบื้องหน้า    แสงแดดที่เริงร้อนเมื่อตอนกลางวันบัดนี้อ่อนแรงลง   ดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตกำลังจะลาลับสันทรายบ่งบอกช่วงเวลาสุดท้ายก่อนราตรีอันมืดมิดจะมาเยือน     ด้านหลังหญิงสาวห่างออกไป  คนงานกำลังช่วยกันกางกระโจมเพื่อใช้เป็นที่พัก    มีทหารยืนยามรักษาการณ์ตามจุดต่าง ๆ     วันนี้คณะของเธอตกลงที่จะหยุดพักใกล้กับโอเอซีสเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง   

     

    เสียงฝีเท้าที่ย่ำไปในรอยทรายดังจากเบื้องหลังทำให้หญิงสาวหันไปมอง

     

    คุณหนูเหนื่อยไหมครับ ?      ซาเล็มเดินเข้ามาพร้อมยื่นขวดน้ำให้    หญิงสาวรับไปเปิดดื่ม

     

    ขอบใจจ๊ะ    ฉันไม่เหนื่อยอะไรหรอก   แค่นั่งรถเฉย ๆ เท่านั้นเอง   ตอนนี้เราถึงไหนแล้วซาเล็ม ?

     

    ยังเหลือระยะทางอีกไกลครับ     กว่าเราจะพบเส้นทางแม่น้ำสายเก่าคงต้องใช้เวลาราว ๆ สองวัน   แต่หลังจากนั้นแล้วต้องขึ้นอยู่กับคนนำทางแล้วละครับ

     

                แล้วเราจะรู้ได้ยังไงจ๊ะว่าตรงไหนคือแม่น้ำสายเก่า    ในเมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทรายกับภูเขาทรายทั้งนั้น    

     

                    ไม่ต้องห่วงครับคุณหนู     คีลนำทางเราไปได้แน่นอน     ซาเล็มบอกอย่างมั่นใจกับการนำทางของชายหนุ่มผู้เป็นไกด์

     

                    ดูซาเล็มจะเชื่อใจนายนั่นมากเลยนะ    

     

                    เรื่องอื่น ๆ ซาเล็มไม่ทราบครับ    แต่เรื่องการนำทางของเขาซาเล็มมั่นใจและไว้ใจ   เพราะถึงยังหนุ่มแต่เท่าที่ดูเขารู้จักทะเลทรายดี    ซาเล็มไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งที่คำนึงอยู่ในใจ    เขารู้สึกถึงบางอย่างในตัวชายหนุ่มผู้นั้น   สัญชาตญาณในตัวเขาบอก   บางอย่างที่มีเงื่อนงำแต่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครภายใต้กริยายั่วยวนกวนโมโหที่มีเป็นฉากบังหน้า      ซาเล็มไม่ได้พูดอะไรต่อเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินมุ่งหน้าตรงมา

     

                    มานั่งอยู่นี่เอง    อาหารเรียบร้อยแล้วครับผม   ไปทานกันก่อนเถอะครับ      ฮัดซันเดินยิ้มเข้ามา

     

                    แล้วคนอื่น ๆ ละคะ ?     จัสมินเอ่ยถามพลางลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นทรายที่เกาะติดตามเสื้อผ้า

     

                    ดอกเตอร์เคตันกับคนของเขากำลังสำรวจรอบ ๆ บริเวณนี้ครับผมให้คนไปตามแล้ว    ส่วนคนอื่น ๆ ไปพร้อมกันที่เต๊นอาหารแล้ว     ฮัดซันบอกพลางก้าวเดินเคียงข้างหญิงสาวชักชวนพูดคุยในเรื่องอื่น ๆ  โดยมีซาเล็มตามไปห่าง ๆ

     

     

     

     

                    จัสมินนอนพลิกกายกระสับกระส่าย   เลยเที่ยงคืนไปแล้วเธอยังไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้    เบนดาฮาร่าเพื่อนร่วมกระโจมนอนหลับสนิทอยู่อีกมุมหนึ่ง     ยิ่งดึกอากาศยิ่งเย็นยะเยือก     ภายนอกปราศจากเสียงเคลื่อนไหวใดๆ     เปลือกตาหญิงสาวค่อย ๆ หรี่ปรือและปิดลงเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด

     

                    ท่ามกลางลาดเนินสูงต่ำของทะเลทรายอันเวิ้งว้าง   ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องกระจ่างสว่างราวกลางวัน    จัสมินเดินหมุนคว้างมองไปรอบกายอย่างงุนงง

     

                    ที่ไหนเนี่ย!?    เธอถามตนเอง    มองไปไม่เห็นกระโจมและรถที่จอดอยู่เรียงรายเหมือนเมื่อตอนเย็นเลย    หญิงสาวมองไปรอบด้านแล้วก็สะดุดเข้ากับร่างร่างหนึ่งท่ามกลางแสงจันทร์ที่โอบล้อม

     

                    ร่างโปร่งบางขาวนวลในชุดขาวยาวปลิวสะบัดไปตามแรงลม     ผมยาวหยักทิ้งตัวไปทางเบื้องหลังยาวจนเกือบถึงสะโพก    ดวงหน้างามแหงนเงยขึ้นมองดวงจันทร์อย่างละห้อยโหย     บรรยากาศรอบกายเศร้าสร้อย  อบอวลไปด้วยความวังเวง    กลิ่นหอมอวลตลบมาตามลม

     

                    คุณ   คุณคะ     จัสมินตัดสินใจเรียก    พลางขยับเข้าไปใกล้    สตรีผู้นั้นหันกลับมาช้า ๆ แม้จะมีเพียงแสงนวลแห่งจันทราแต่เธอก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นช่างงดงามนัก   แต่ในความงดงามมีร่องรอยแห่งความทุกข์ตรมเคลือบแฝงอยู่ด้วย

     

                    ที่นี่ที่ไหนคะ    ฉันไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง    เพื่อน ๆ ฉันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้      ร่างงามไม่ตอบแต่หันกลับไปทอดตามองดวงจันทร์อีกครั้งเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น     จัสมินมองอย่างไม่ชอบใจนักกำลังจะเอ่ยถามอีกครั้ง   จู่ ๆ ร่างงามเบื้องหน้าก็ทรุดตัวลงร่ำไห้สะอึกสะอื้นอย่างคนที่ได้รับความทรมานแสนสาหัส

     

                    คุณเป็นอะไรหรือเปล่า   มีอะไรให้ฉันช่วยไหม ?     จัสมินเปลี่ยนคำถาม   ค่อย ๆ ทรุดลงนั่งข้าง ๆ อย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

     

                    ช่วยหรือ    เจ้าช่วยข้าได้หรือ       เสียงสะอื้นขาดหายแปรเปลี่ยนเป็นความยินดี    หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าที่ชุ่มน้ำตาขึ้นมองเธอ

     

                    คุณมีปัญหาอะไรคะ   หรือว่าหลงทาง?

     

                    ไม่   ข้าไม่ได้หลงทาง    แต่ข้าถูกกักขัง

     

                    กักขัง !?    ใครกักขังคุณหรือคะ ?     จัสมินถามอย่างงุนงง

     

                    พวกมัน     พวกมันกักขังข้า    พันธนาการข้าไว้ไม่ให้ข้าไปไหน

     

                    ใครกักขังคุณกัน ?     เธอถามซ้ำยังไม่เข้าใจอยู่ดี   ถ้าถูกกักขังแล้วหญิงสาวผู้นี้จะมาอยู่ในทะเลทรายแบบนี้ได้อย่างไร    หรือเธอหนีออกมาแล้วกำลังถูกตามล่า

     

                    ช่วยปลดปล่อยข้าที   ข้าอยากเป็นอิสระ   ข้าทรมานเหลือเกิน    พวกมันใจร้าย   กักขังข้าไว้ในความมืดมน     หญิงสาวแสนงามกล่าวพลางจับมือเธอไว้บอกด้วยสำเนียงเสนาะกังวานหวาน

     

                    มากับข้าสิ    มาปลดปล่อยข้า     ร่างนั้นดึงเธอให้เริ่มออกเดิน     จัสมินก้าวเท้าตามไปอย่างเลื่อนลอย     แต่แล้วแขนอีกข้างก็ถูกกระชากไว้   เธอเซถลาตามแรงกระชากนั้น   สลัดหลุดจากความมึนงงเมื่อครู่    เธอไล่สายตาไปตามมือที่รั้งเธอไว้    ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมดำมิดชิดไม่เห็นแม้แต่ใบหน้าทุกสิ่งทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยผ้าสีดำดูหน้ากลัว    เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นด้านหลัง    ตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้คร่ำครวญของหญิงสาวแสนงามที่คุกเข่าลงกับพื้นทรายร่ำไห้เจียนจะขาดใจ

     

                    ช่วยข้าด้วย   ช่วยข้าที   เขาจะทำร้ายข้า    เขาจะจับข้ากักขัง      จัสมินสะบัดแขนเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมขยับจะเข้าไปหาร่างที่คร่ำครวญอยู่นั้น    แต่สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุดจากแขนแข็งแกร่งนั้น

     

                    ปล่อย!   ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ   ฉันบอกให้ปล่อย!”     ให้เธอดิ้นรนออกแรงเท่าไหร่ร่างทมึนนั้นก็ไม่สะดุ้งสะเทือน   แถมยังรวบแขนทั้งสองข้างจับเธอไขว้หลังไว้จนไม่อาจดิ้นรนทำร้ายคนที่จับไว้ได้อีก

     

                    กลับไปที่ของเจ้าได้แล้ว!”     กังวานเสียงทรงอำนาจดังขึ้น    จัสมินรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่มีอยู่จะถูกดูดหายไปจนแม้แต่จะเปล่งเสียงก็ยังทำไม่ได้

     

                    เจ้าคนชั่ว     พวกเจ้าใจร้าย    อยุติธรรมกับข้า   ทำให้ข้าต้องทุกข์ทนทรมานเนิ่นนานนับพันปี     ร่างงามลุกขึ้นยืนประจันหน้า   หยาดน้ำตารินหลั่งอาบสองแก้มนวล    ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารยิ่งนัก   แต่คนที่จับกุมเธอไว้กลับเหมือนไม่รู้สึก

     

                    จะร้องหาความยุติธรรมทำไม    ในเมื่อเจ้าก็ไม่เคยมีความยุติธรรมให้ใคร!”

     

                เจ้า!   ชั่วช้า   ข่มเหงคนที่ไม่มีทางสู้   พวกเจ้าจะต้องพบกับความพินาศ   เผ่าพันธุ์มาฮาร่าจะต้องสาบสูญ   ต้องตกเป็นทาสรับใช้ไม่มีวันสิ้นสุด   ให้สาสมกับที่ทำกับข้า…..”      ร่างงามประกาศสาปแช่งยังไม่ทันจบ    ร่างสูงใหญ่ก็สะบัดมือ   เพียงชั่วพริบตาเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดก็ดังก้องผืนทรายอันเวิ้งว้าง     ร่างงามอันตธานไปทันที!

     

     

                    อย่า!”    จัสมินกรีดร้อง  สะดุ้งเฮือกลุกพรวดจากที่นอน   ร่างที่นอนอยู่อีกมุมหนึ่งของกระโจมลุกเดินเข้ามาหา    เอ่ยถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

     

                    เป็นอะไรของเธอ   จัสมิน    ฝันร้ายหรือไงร้องซะดังลั่นไปหมด      เบนดาฮาร่าถามน้ำเสียงติดจะตำหนิเสียด้วยซ้ำ

     

                    ฝันนิดหน่อยน่ะ    ขอโทษที่ทำให้ตกใจตื่น    จัสมินตอบ   ใจยังสั่นระรัว    เบนดาฮาร่าไม่ว่าอะไร  ไม่สนใจซักถามเสียด้วยซ้ำ   ก้าวกลับไปยังมุมของตนเองล้มตัวลงนอนต่อ    จัสมินทิ้งตัวลงนอนตามเดิมแต่ไม่อาจข่มตาให้หลับได้     ความฝันเมื่อครู่ช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน   ข้อแขนที่ถูกบีบแน่นในความฝันยังรู้สึกร้อนเหมือนเจ้าของมือเพิ่งคลายไป      

     

                    ผู้หญิงที่น่าสงสารนั่นเป็นใคร    แล้วผู้ชายในชุดดำนั่นอีก    ทำไมเธอถึงฝันเรื่องราวแบบนี้ได้!’

     

     

     

                    ร่างในชุดคลุมดำยืนสงบนิ่งอยู่บนสันทราย   นิ่งจนเหมือนรูปปั้นมีเพียงชายผ้าสีดำที่ปลิวสะบัดตามแรงลม   เงาร่างสีดำหลายร่างปรากฏขึ้นรายล้อมก่อนจะน้อมตัวลงทำความเคารพและคุกเข่าอยู่บนพื้นทรายอย่างนั้นนิ่ง ๆ โดยไม่ขยับเขยื้อน

     

                    เพียงแค่ย่างก้าวสู่ดินแดนนี้นางก็เริ่มชักนำจิตใจของคนในคณะสำรวจเสียแล้ว

     

                    ชักนำยังไงหรือครับ?     ชายในชุดดำหนึ่งในคณะที่คุกเข่าอยู่รายรอบเอ่ยถาม

     

                    นางใช้จุดอ่อนของแต่ละคนอย่างไรล่ะ    ร่างสูงตอบกระแสเสียงนั้นปนความเย้ยหยันในกลุ่มคนที่กล่าวถึง   ผู้หญิง   อำนาจ  สมบัติ   วัตถุโบราณ  และความดี

     

                    ไอ้ 4 อย่างแรกผมพอจะเข้าใจ   แต่ความดีนี่นางจะชักนำด้วยอะไรหรือครับ ?

     

                    คนดีก็ต้องถูกล่อหลอกด้วยความดี   ความน่าสงสาร

     

                    ใครกันที่ถูกล่อหลอกด้วยความดี ?

     

                    ช่างเถอะ   กลุ่มเตห์ลามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างหรือเปล่า ?    ร่างสูงเปลี่ยนเรื่อง

     

                    ไม่เลยครับ    พวกมันเก็บตัวเงียบเชียบมาก   อาจจะรอดูสถานการณ์ตอนนี้อีกซักระยะ    แต่ยิ่งเข้าใกล้คาเธย์ อำนาจของนางก็จะยิ่งมากขึ้น     ร่างที่คุกเข่าหยุดไปนิดก่อนจะเอ่ยต่อไป

     

                    แล้ว….เอ่อ   คีลจะไหวหรือครับ

     

                    เราถึงให้เธอคอยสอดส่องดูแลอยู่รอบนอกไงล่ะ   มุตตาฟาส่งข่าวอะไรมาบ้างหรือเปล่าอาหมัด ?

                    องค์อาซาริยัสเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเรื่องหมู่บ้านในเขตทะเลทรายนอกถูกปล้นคราวนี้   เห็นว่ายังถกเถียงกันเรื่องชาวบ้านกับทหารใครเป็นฝ่ายโจมตีใครกันแน่    แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ครับ     ผู้ฟังถอนใจยาว

     

                    เอาเถอะ   นี่ก็ดึกมากแล้ว  พวกเจ้าไปพักกันเถอะ

     

                กลุ่มคนในชุดดำน้อมตัวลงทำความเคารพหากเมื่อเงยหน้าขึ้น   ร่างสูงกลางวงล้อมก็อันตธานไปจาก ณ ที่นั้นแล้ว

     

     

     

                    ดวงอาทิตย์สีแดงเจิดจ้าทอแสงส่องกระทบผืนทราย    ความหนาวเย็นในช่วงราตรีกาลสลายหายไปอย่างรวดเร็ว    กระโจมต่าง ๆ ถูกเก็บพับ   ข้าวของถูกลำเลียงขึ้นรถ     จัสมินเดินเข้ามาหาซาเล็มที่กำลังควบคุมเหล่าคนงานจัดเก็บข้าวของ

     

                    ซาเล็ม    ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย       เธอบอกพลางเดินนำเลี่ยงหลบผู้คนออกมา

     

                    เมื่อคืนฉันฝัน      หญิงสาวเริ่มต้นเล่าเรื่องราวความฝันให้ชายชราฟังก่อนจะสรุปในตอนท้าย

                    ฉันคิดว่าฝันแน่ ๆ แต่ทำไม….ดูนี่สิซาเล็ม     เธอยื่นแขนออกมาพลางเม้นเสื้อคลุมแขนยาวขึ้นเพื่อให้คู่สนทนาเห็นรอยแดงช้ำบริเวณข้อมือทั้งสองข้างของเธอ

     

                    เมื่อวานมันไม่มีรอยอะไรเลย    แต่พอตื่นเช้ามันก็เป็นแบบนี้    และเป็นจุดเดียวกับที่ฉันถูกจับไว้เลย

     

                    เมื่อคืนคุณหนูอาจเผลอจับข้อมือตัวเอง    ซาเล็มติงเก็บความรู้สึกวิตกไว้ภายใต้ท่าทางเรียบเฉย

     

                    ถ้าเผลอจับมันก็ต้องเป็นข้างเดียวซีซาเล็ม    แต่นี่มันช้ำทั้งสองข้างเลย     จัสมินยื่นมือให้ดูยังไม่ยอมปักใจเชื่ออย่างที่ซาเล็มบอก

     

                    คุณหนูพูดเรื่องนี้กับใครบ้างหรือเปล่าครับ ?

     

                    เปล่าจ๊ะ   กลัวคนงานได้ยินเข้าจะกลัวกันซะเปล่า ๆ  เขายิ่งทำท่ากลัว ๆ กันอยู่ด้วย

     

                    ดีแล้วละครับ    ว่าแต่คุณหนูกลัวหรือเปล่าครับ

     

                    ไม่หรอก   แค่สงสัยเท่านั้นแหล่ะว่าข้อมือฉันมันเป็นรอยได้อย่างไร   ฉันอาจไปกระแทกกับอะไรมาโดยไม่รู้ตัวก็ได้มั๊ง       จัสมินสรุปไม่อยากจะคิดหาเหตุผลที่มันเป็นไปไม่ได้    ซาเล็มนิ่งไปเป็นครู่ก่อนจะยื่นของสิ่งหนึ่งให้ผู้เป็นนาย

     

                    คุณหนูใส่ติดตัวไว้นะครับ     จัสมินรับมาพลิกดูอย่างสนใจ   สร้อยเงินเส้นยาวร้อยเข้ากับหินสีเหลืองใสรูปจันทร์เสี้ยวเป็นประกายสะท้อนกับแสงแดด   กึ่งกลางรูปจันทร์เสี้ยวมีลายอักขระโบราณสลักไว้แต่เธอไม่สามารถอ่านได้

     

                    อะไรนี่ ?

     

                    เครื่องรางครับ   ป้องกันวิญญาณร้าย

     

                    แหม   นี่มันสมัยไหนกันแล้วซาเล็ม    หญิงสาวผู้เป็นนายหัวเราะอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ

     

                ไม่เชื่อก็ใส่ไว้เล่น ๆ ได้นี่ครับ

     

                    น่ารักดีเหมือนกันนะ    หญิงสาวว่าพลางสวมคล้องคอ

     

                    ซาเล็มได้มาจากไหนหรือ ?

     

                    เอ่อ….มีคนให้มาครับ    ซาเล็มอึกอักแต่จัสมินไม่ทันสังเกต

     

                    ซาเล็มให้ฉันแล้ว    ตัวซาเล็มจะมีอะไรคุ้มครองละจ๊ะ ?

     

                    ผมมีอีกหลายชิ้นครับคุณหนูไม่ต้องห่วง

     

                    งั้นก็ขอบใจจ๊ะ    เราจะออกเดินทางได้เมื่อไหร่ ?    เธอเปลี่ยนเรื่องถาม

     

                    อีกชั่วโมงก็เรียบร้อยครับ   คุณหนูไปรอที่เต็นท์อาหารดีกว่า     จัสมินทำท่าจะผละจากมาอยู่แล้วหากนึกอะไรได้จึงหันกลับมา

     

                    แล้วนี่นายไกด์ของเราหายไปไหน    ปล่อยให้ซาเล็มดูแลควบคุมงานอยู่คนเดียว

     

                    ออกไปสำรวจทิศทางตั้งแต่เช้าแล้วครับ   อีกเดี๋ยวก็คงกลับมา      จัสมินพยักหน้ารับรู้แล้วผละไปโดยไม่ว่าอะไรอีก    

     

    พอคล้อยหลังหญิงสาวซาเล็มก็เดินลัดเลาะตรวจตราความเรียบร้อยต่าง ๆ จนมาพบคีลกับเจ้าเด็กมูซานั่งกินอาหารกันอยู่สองคนมิได้ไปรวมอยู่กับพวกคนงาน

     

    อยู่นี่เอง   เป็นไงพอจะจับทิศทางแม่น้ำสายเก่าได้หรือยัง ?     ซาเล็มเข้ามาทรุดลงนั่งข้าง ๆ

     

    มุ่งหน้าไปทางตะวันตกราว ๆ พันไมล์  เราจะได้พบกับเส้นทางแม่น้ำสายโบราณ    เราต้องเดินทางตามเส้นทางนั้น    ระหว่างทางจะมีซากเมืองเก่า   ซากกำแพงเมืองอยู่พอสมควร     พวกคณะสำรวจเขาคงชอบ   

     

    คีลอธิบายพลางใช้มีดพกวาดเส้นทางให้ซาเล็มดู

     

    พอผ่านซากเมืองพวกนี้ไป  เราจะพบหมู่บ้านของพวกเผ่าปาลคาล    หลังจากนั้นจะมีเพียงทะเลทรายที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน    และน้อยครั้งจะมีกองคาราวานหลงผ่านมา  จากที่นั่นถ้าเดินทางด้วยอูฐเราจะใช้เวลาประมาณสองวันถึงจะพบกับหมู่บ้านของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ศรัทธาในมาฮาร่าแต่เส้นทางหลังจากนั้นเราได้แต่อาศัยแผนที่โบราณเท่านั้น

     

    ประมาณได้ไหมว่าเราจะไปถึงคาเธย์ภายในกี่วัน ?    คีลนิ่งเหมือนทบทวนบางอย่างในใจก่อนจะเอ่ยออกมา

     

    ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรคณะของเราก็น่าจะใช้เวลาประมาณสิบวัน

     

    หมายความว่ายังไง  เหตุการณ์อะไรที่เจ้าพูดถึง ?   จะเกิดอะไรขึ้น

     

    ก็ไม่มีอะไร   ผมแค่พูดเผื่อไว้เผื่อคณะสำรวจเขาอยากจะตรวจเช็คซากวิหารร้าง  แนวกำแพงโบราณอะไรที่เขาเจอเป็นพิเศษไงล่ะ    ซากพวกนี้มันมีอยู่ตลอดเส้นทางนั่นแหล่ะ    ซาเล็มมองเพื่อจับพิรุธแต่เมื่อไม่พบจึงเอ่ยต่อไป

     

    อีกเดี๋ยวเราคงออกเดินทางได้แล้ว    อ้อ!   ข้ามีอีกเรื่องอยากจะถาม   คีลมองสบตาผู้ชรากว่าอย่างรอฟัง

     

    เครื่องรางที่เจ้าให้ข้า    ข้าให้คุณหนูใส่ไว้แล้ว….เจ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า ?

     

    ผมเป็นไกด์นะซาเล็ม   หน้าที่ของผมคือการนำทาง   และพาลูกทัวส์ของผมไปให้ตลอดรอดฝั่ง     ซาเล็มมองคีลอย่างพิจารณา     คำพูดของชายหนุ่มเจตนาจะเลี่ยงในสิ่งที่เขาถาม

     

    เอาเถอะ   เมื่อเจ้าไม่พร้อมจะตอบก็ไม่เป็นไร    ข้าจะไปวิทยุรายงานท่านอับดุลลาก่อน   พอพวกคุณหนูพร้อมเราจะออกเดินทางกัน    ซาเล็มบอกแล้วลุกจากไป     มูซาขยับเข้ามาใกล้พลางถาม

     

    เจ้าให้อะไรคุณหนู ?

     

    ก็เครื่องรางธรรมดาเหมือนที่เจ้าใส่นั่นแหล่ะ    ว่าแต่เมื่อคืนเจ้าฝันบ้างหรือเปล่า ?   คีลถามในตอนท้าย

     

    หึ   หลับสนิทสบายมาก   ถามทำไมเหรอ

     

    ไม่มีอะไร    เอาเถอะเจ้ารีบกินเข้าเขาจะเดินทางกันอยู่แล้ว     เจ้าเด็กมูซายังไม่ทำตามที่บอกแต่มันเหลียวซ้ายแลขวาเมื่อเห็นปลอดคนก็ลดเสียงลงพูดกับคีล

     

    ทหารพวกนั้นน่ะ   ข้าเห็นแววตาที่มันมองคณะสำรวจแล้วรู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้     ยิ่งมันมองแหม่มกิลด้ากับผู้หญิงคนที่หยิ่ง ๆ ที่ชื่อเบนดาฮาร่านั่นดูน่ากลัว   ยิ่งไอ้ยูซุปน่ะเวลามันแอบมองคุณหนูแววตามันชอบกล

     

    งั้นหรือ   คีลฟังแล้วนิ่งคิดก่อนจะบอกกับเจ้าเด็กมูซา

     

    เจ้าพยายามอยู่ใกล้ ๆ คุณหนูไว้นะ    คอยดูคอยฟังเวลาเขาพูดกันด้วย    เจ้าเป็นเด็กไม่ค่อยมีใครสนใจเก็บคำพูดกับเจ้าอยู่แล้ว

     

    ถ้ามีเรื่องอะไรให้มาบอกเจ้าใช่ไหมล่ะ ?    มันถามอย่างรู้ทัน

     

    เจ้าน่ะมันฉลาดจนล้น   ไปได้แล้วแล้วอย่าลืมที่ข้าบอกก็แล้วกัน     มูซาเก็บข้าวของยัดใส่ย่ามเก่า ๆ ของมันแล้ววิ่งปรื๋อจากไป

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×