ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์จันทรา มายาลวง

    ลำดับตอนที่ #7 : ตำนานแห่งคาเธย์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.98K
      17
      17 เม.ย. 50

    บทที่ 7

    ตำนานแห่งคาเธย์

     

                    ขบวนรถหยุดพักที่โอเอซีสเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง   เปลวแดดที่เริงร้อนทำให้คณะเดินทางอ่อนเพลียจนต้องหลบพักอยู่แต่ภายในเต็นท์พักชั่วคราว    ทหารยามผลัดเปลี่ยนยืนยามคอยระวังเหตุ     ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามสะดวก     

     

    จัสมินเดินหมุนซ้ายหมุนขวาเหมือนหาอะไรซักอย่างโดยมีเจ้าเด็กมูซาเดินตามติด    มันทำท่าเหมือนเป็นองครักษ์ประจำตัว

     

    เป็นอะไรมูซา   ทำไมวันนี้ไม่ไปตามติดเพื่อนของเจ้าล่ะ ?

     

    ตามคีลมันไม่สนุก   สู้ตามคุณหนูไม่ได้     มันตอบแถมยิ้มทะเล้น     จัสมินยิ้มอย่างเอ็นดูมัน

     

    มูซากับคีลรู้จักกันมานานแล้วหรือ ?

     

    เพิ่งรู้จัก

     

    อ้าว!  แล้วทำไมถึงได้ดูสนิทกันนักล่ะ     มากับเขาแบบนี้ไว้ใจเขาหรือ ?

     

    คีลเป็นคนดีนะ    ใจดีด้วย    เขาเคยช่วยจ่ายค่ารักษาให้ยายมูซาด้วย    เจ้าเด็กน้อยช่วยสรรเสริญ

     

    งั้นเหรอ    หน้าตาไม่เห็นบอกเลยว่าเป็นคนดี   แล้วมูซาตามมาอย่างนี้ยายของมูซาอยู่กับใครล่ะ ?     หญิงสาวยังชวนคุยต่อไปเรื่อย ๆ

     

    คนที่โรงพยาบาลเขาฝากให้ทำงานครัวบ้านเศรษฐี    มูซาก็เลยมากับคีล     

     

    พ่อแม่เธอล่ะ ?    มูซาหุบยิ้มในทันที    แววตาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวชั่ววูบ

     

    ตายแล้ว    มันบอกเสียงเบา      จัสมินขยับจะถามต่อแต่จู่ ๆ เด็กชายก็คว้ามือเธอกำแน่น   สีหน้าหวาดหวั่น    หลบซุกแอบหลังหญิงสาว

     

    เป็นอะไรมูซา ?     หญิงสาวก้มลงถามมัน     เด็กชายสั่นศีรษะไม่ยอมตอบอะไร    มือที่จับมือเธอไว้เกร็งแน่น

     

    คุณหนู   มาเดินเล่นหรือครับ ?      เสียงถามดังขึ้นทำให้จัสมินเงยหน้าขึ้นมอง     ร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำเกรียมแดดในชุดเครื่องแบบทหารทะเลทรายยืนยิ้มอยู่ใกล้ ๆ     เธอไม่ชอบสายตาของเจ้าหัวหน้าหน่วยทหารนี่เลย    แววตาที่มองออกจะกรุ้มกริ่มเกินเหตุ

     

    ใช่    บริเวณแถวนี้เรียบร้อยดีใช่ไหม ?      เธอยืดตัวตรงมองสบสายตาจ้วงจาบที่มองมาโดยไม่หลบ

     

    ครับ   ผมสั่งให้คนของผมตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยเต็มที่   คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง     ยูซุปตอบ    ไม่ได้แสดงท่าทียำเกรงเท่าที่ควร

     

    ขอบใจ     มีธุระอะไรก็ไปเถอะ    ฉันจะเดินเล่นอยู่แถวนี้แหล่ะ     จัสมินตัดบท      แต่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่เข้าใจ

     

    ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูดีกว่าครับ    ผมไม่มีธุระอะไร

     

    ไม่เป็นไร   มูซาอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว    เธอไปเถอะ       หญิงสาวเสียงแข็งขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจ   และฝ่ายนั้นดูเหมือนจะรู้ตัวจึงน้อมคำนับลงแล้วผละจากไป    แต่มูซาทันได้เห็นแววตามาดหมายของมัน

     

    จัสมินถอนใจยาว   กิริยาการมองของเจ้ายูซุปทำไมเธอจะไม่รู้ว่ามันคิดอย่างไร    ท่าทางมันกร่างพิกลอยู่     กลับไปนี่เห็นทีต้องบอกให้ท่านพ่อจัดการบ้างแล้ว

     

    เป็นอะไรมูซา ?    เธอก้มลงถามเจ้าเด็กตัวแสบที่ตอนนี้มันทำตัวเงียบผิดปกติตั้งแต่ยูซุปเข้ามา

     

    เปล่า      เด็กชายตอบแค่นั้น    และเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนมันก็ปล่อยมือจากเธอวิ่งไปหาชายหนุ่มอีกคนที่เดินใกล้เข้ามา    จัสมินหยุดยืนมองผู้ใหญ่กับเด็กเจรจากัน   ซักพักคนตัวใหญ่ก็เดินตรงมาทางเธอ

    ร้อนอย่างนี้    คุณหนูน่าจะพักผ่อนอยู่ในเต็นท์     คีลเอ่ยเมื่อเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้า

     

    ฉันไม่ชอบนอนกลางวัน

     

    ไม่เหนื่อยบ้างหรือครับ    แดดแรงแบบนี้จะทำให้เพลีย    ถึงไม่นอนก็ไม่ควรออกมาเดินให้เสียเหงื่อมากนัก

    ฉันรู้หรอกว่าตัวเองไหวแค่ไหน    ว่าแต่นายเถอะแน่ใจนะว่านำพวกเรามาถูกทาง ?

     

    แน่ซิครับ    ไม่เกินพรุ่งนี้เราจะพบเส้นทางแม่น้ำสายเก่า     คราวนี้อะไรก็ง่ายขึ้น     คีลให้คำรับรอง   พลางก้าวเดินตามหญิงสาวที่เดินนำไปเรื่อย ๆ

     

    นายเป็นไกด์มานานหรือยัง ?

     

    ก็....ราว ๆ  5 6  ปี  ได้แล้วละครับ

     

    เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับนครคาเธย์บ้างไหม ?

     

    โอ๊ย    นั่นใครก็เคยได้ยินครับ      คีลบอกแกมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี    ผู้ถามยิ้มมากขึ้น

     

    แล้วตำนานมาฮาร่าล่ะ ?      คำถามนี้ทำเอาไกด์หนุ่มหุบยิ้มแทบไม่ทัน   เสียงพึมพำถามไม่ค่อยจะเต็มปาก

    ตำนานพื้นเมืองหรือครับ ?

     

    ใช่ตำนานพื้นเมือง    ฉันอยากรู้ตำนานเกี่ยวกับคาเธย์   มาฮาร่า  แล้วก็นครมรณะ!”    จัสมินหันกลับมาทันควัน    เป็นผลให้คนที่เดินตามมาชะงักยั้งตัวเองไว้ทันก่อนจะชนเข้ากับร่างบางเบื้องหน้า     สีหน้าชายหนุ่มออกจะประหลาดใจนิด ๆ

     

    คุณหนูไปเอาเรื่องนครมรณะมาจากไหน ?

     

    พวกคนงานเขาพูดกัน    เขาว่าทะเลทรายแถบนี้ไม่มีกองคาราวานที่ไหนอยากผ่าน  แม้แต่พวกเบดูอินก็เถอะ      เขาบอกว่าพวกกองคาราวานกลัวนครมรณะ  ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏให้เห็นแล้วก็หายไป

     

    พวกนั้นอาจจะเห็นภาพหลอนในทะเลทรายก็ได้นี่ครับ     เรื่องแบบนี้เกิดออกบ่อยไป   บางคนเห็นเมืองทั้งเมืองผู้คนขวักไขว่ก็ยังมี     คีลบอกยิ้ม ๆ

     

    เรื่องนั้นน่ะฉันเดาได้    แต่ที่ถามนี่เพราะฉันต้องการรู้เกี่ยวกับตำนานที่เล่าขานของชาวถิ่นทะเลทรายต่างหาก   และนายก็ควรตอบฉันได้ด้วยในฐานะที่เป็นไกด์      จัสมินมองอย่างคาดคั้น

     

    คีลหันไปมองมูซาที่ขณะนี้นั่งเล่นอยู่ใต้ร่มเงาของต้นปาล์มห่างออกไป    ไม่สนใจจะเดินตามมา    ชายหนุ่มถอนใจอีกเฮือก

     

                    มันเป็นตำนานจริง ๆ นะครับ    ไม่มีหลักฐานอ้างอิงอะไรทั้งนั้น

     

                    นั่นแหล่ะที่ฉันจะฟัง    เล่าเสียทีซิยึกยักอยู่ได้     หญิงสาวเร่ง    ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะเล่า      คีลเหลียวมองไปทางอื่นหลบสายตาที่มองมา      ในเมื่ออยากจะฟังตำนานนักเขาก็จะเล่า        ตำนาน  ให้ฟัง

     

                    เมื่อหลายพันปีก่อน    คาเธย์เป็นมหานครที่เจริญรุ่งเรืองมาก    มีอำนาจแผ่ขยายไปถึงนครทะเลทรายอื่น ๆ ด้วย    ในสมัยนั้นมีผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ในอาณาเขตปกครองของคาเธย์ด้วย    ชนเผ่าที่เป็นประชากรส่วนใหญ่คือพวกคาเธย์เป็นกลุ่มที่กุมอำนาจปกครองคาเธย์    นอกนั้นก็มีเผ่าเล็กเผ่าน้อยอื่น ๆ กระจัดกระจายอยู่โดยทั่วไป แต่ที่อยากให้รู้จักก็คือพวกเตห์ลา     ปัญหามันเกิดเพราะชนสองเผ่าคือคาเธย์และเตห์ลาเกิดความขัดแย้งกระทบกระทั่งกันเริ่มจากเล็กน้อยจนปัญหาเริ่มใหญ่ขึ้น  ลุกลามมากขึ้น     จนกระทั่งมาถึงสมัยขององค์สุลต่านกาลิยาด   ว่ากันว่าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ทรงเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่     พระราชอำนาจแผ่ไพศาลไปทั่วทะเลทรายเขตนี้ทั้งหมด    ทรงมีคำสั่งกวาดล้างพวกเตห์ลาจนเกือบหมดเผ่า   

     

                    โหดร้าย!”      จัสมินอุทานออกมาอย่างตกใจ  และไม่พอใจ      คีลยิ้มนิด ๆ เอ่ยต่อไปโดยไม่แสดงความเห็นใด ๆ

     

                    ว่ากันว่าพวกเตห์ลาถูกไล่ล่าจนเกือบจะสาบสูญไป    พวกเขาซุกซ่อน  หลบหนี   กลายเป็นชนชั้นต่ำสุดในคาเธย์    ถึงแม้จะถูกไล่ล้างแต่พวกเขาก็ไม่สาบสูญไป    พวกเขายังคงอยู่พร้อมกับความอาฆาตพยาบาทที่ส่งทอดมา....       จัสมินฟังเพลินจนไม่ทันสังเกตคนพูดที่ลอบถอนใจเบา ๆ   เพราะในสิ่งที่เล่าเจ้าตัวรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพียงตำนานแต่ขณะนี้ทุกอย่างกำลังค่อย ๆ เคลื่อนหมุนวนกลับมาทับซ้อนกันอีกครั้ง   ซึ่งครั้งนี้มันอาจจะร้ายแรงเกินกว่าจะหยุดยั้งได้

     

    จนเวลาล่วงผ่าน    สุลต่านกาลิยาดในวัยฉกรรจ์     ทรงได้พบหญิงสาวคนหนึ่งงดงามราวกับมิใช่นางมนุษย์     ทรงหลงรักนางทันทีตั้งแต่แรกเห็น    ยกย่องนางขึ้นเป็นราชินีแห่งคาเธย์      ความงามแห่งพระนางเป็นที่เลื่องลือโจษขานกันไปไกลในแว่นแคว้นทะเลทราย

     

    แหม!  คนโหดร้ายอย่างนั้นทำไมยังมีความสุขอยู่ได้อีก    พระผู้เป็นเจ้าไม่เห็นลงโทษ     น้ำเสียงไม่พอใจของหญิงสาวผู้ฟังทำให้คีลอดหัวเราะไม่ได้

     

    องค์กาลิยาดลุ่มหลงพระนางมาก    ไม่ว่านางจะทำอะไร   จะพูดอะไรก็ทรงโอนเอียงตามนางเสียสิ้น    อำนาจในคาเธย์เกือบทั้งหมดจึงอยู่ในมือของพระนาง       นางจะชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ทั้งนั้น....แต่....มีสิ่งหนึ่งที่องค์กาลิยาดไม่ทราบก็คือ  นางมีเชื้อสายเตห์ลา!”      คำบอกเล่าของคีลทำเอาจัสมินตั้งใจฟังมากขึ้น    เริ่มมองเห็นเส้นทางของการล้างแค้นระหว่างเผ่าพันธุ์

     

    สุลต่านถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยยาพิษ      พระนางขึ้นนั่งบัลลังก์คาเธย์    ศึกระหว่างเผ่าพันธุ์เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง   แต่คราวนี้คาเธย์คือผู้ถูกไล่ล่า      จัสมินนิ่งอึ้งถึงแม้จะเป็นเพียงตำนานแต่มันช่างโหดร้ายทารุณเหลือเกิน

     

    ไม่เฉพาะคาเธย์แต่รวมถึงเผ่าพันธุ์อื่นด้วย   ใครขวางนางตายใครเข้าข้างนางอยู่     หญิงสาวหน้าซีดลงเรื่อย      

     

    ราชินีแห่งคาเธย์    พระนางชื่ออะไร ?

     

    อาบรีซา

     

    แล้ว....แล้วเป็นยังไงต่อไป

     

    อาบรีซาเป็นผู้หญิงสวย   เก่ง  ฉลาด   และที่สำคัญนางมีเวทมนตร์  ก็อย่างที่เราเรียก ๆ กันว่าแม่มดนั่นแหล่ะ   พวกเตห์ลาเป็นพวกใช้มนต์ดำ   แต่อาบรีซาพิเศษกว่านั้น   นางมีพลังที่น่ากลัว

     

    ถ้าอย่างนั้นทำไมนางไม่ใช้เวทมนตร์ของนางต่อสู้กับสุลต่านล่ะ   ทำไมเตห์ลาถึงเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าในตอนแรก     จัสมินอดสงสัยไม่ได้     เธอลืมไปสนิทว่าที่คีลเล่ามันคือตำนาน

     

    คุณคิดว่าองค์สุลต่านของนครที่รุ่งเรืองแถมยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่แบบนั้นจะเป็นแค่คนที่เก่งกาจการรบเพียงอย่างเดียวงั้นหรือ    กาลิยาดร่ำเรียนเวทมนตร์อาคมเช่นกันเพียงแต่ความสามารถด้านนั้นของเขาไปเท่าด้านการรบเท่านั้นเอง   และเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้อาบรีซาไม่กล้าทำอะไรออกนอกหน้าก็เพราะข้างกายขององค์กาลิยาดนั้นยังมีคนคนหนึ่งอยู่   และคนคนนั้นก็เป็นคนที่อาบรีซากลัวที่สุดเสียด้วย

     

    ใครกัน!?

     

    ซาลามาฮาน    พอเห็นสีหน้าฉงนของหญิงสาว    คีลก็เล่าต่อไป

     

    ซาลามาฮานเป็นมาฮาร่า      ถ้าเปรียบมาฮาร่าในสมัยนั้นก็คงจะเหมือนพวกนักบวช   พวกนี้ถือเป็นชนชั้นสูงที่ได้รับการนับถือประดุจเทพเจ้า    อำนาจของซาลามาฮานนั้นเรียกได้ว่าเทียบเท่าหรือเหนือกว่าองค์สุลต่านด้วยซ้ำ     คุณคงเคยได้ยินคนพูดถึงมาฮาร่ามาบ้างแล้ว    มาฮาร่าเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษที่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป   ถ้าเตห์ลาคือผู้ใช้มนต์ดำ    มาฮาร่าก็คือเวทมนตร์ขาว

     

    ก็ถ้าผู้คนนับถือมาฮาร่าประดุจเทพเจ้า   และซาลามาฮานเองก็มีอำนาจแต่ทำไมถึงปล่อยให้เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปทั้ง ๆ ที่เขาน่าจะยับยั้งได้     

     

    ถ้าหมายถึงการไล่ล่าพวกเตห์ลานั่นถือเป็นหน้าที่ของผู้ใช้เวทมนตร์ขาวอยู่แล้ว   ถึงจะฟังดูโหดร้ายแต่ซาลามาฮานเองนั่นแหล่ะที่ช่วยยับยั้งไม่ให้องค์กาลิยาดล้างเผ่าพันธุ์เตห์ลา        ซาลามาฮานทูลขอให้ละเว้นเตห์ลาที่อยู่อย่างสงบไม่ใช้ความสามารถที่มีก่อเรื่องวุ่นวายเข่นฆ่าผู้คน    แต่ในส่วนของผู้ทำผิดนั้นมาฮาร่าละเว้นไม่ได้อยู่แล้ว     ถ้าหมายถึงทำไมปล่อยให้อาบรีซาขึ้นเป็นราชินีแห่งคาเธย์อันนี้ก็เป็นผลมาจากข้อแรก    อาบรีซายังไม่ได้ทำร้ายใคร   ที่สำคัญองค์กาลิยาดรักนางจริง ๆ มิได้เกิดจากเวทมนตร์   และสุดท้ายถ้าหมายถึงทำไมปล่อยให้เตห์ลากระทำการไล่ล้างเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ถ้าคุณฟังต่อไปก็จะรู้   

     

    รู้สึกว่านายจะรู้ละเอียดมากเลยนี่

     

    คุณจะเอาแบบรวบรัดไหมล่ะ ?    คีลย้อนถาม

     

    ไม่    เล่าแบบที่นายรู้นั่นแหล่ะดีแล้ว    จัสมินบอกอย่างอดหมั่นไส้คนท่ามากไม่ได้

     

    ความจริงซาลามาฮานรู้ว่าอาบรีซาเป็นเตห์ลา  แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนต้น    ซาลามาฮานคิดว่าน่าจะเป็นผลดีด้วยซ้ำถ้าคาเธย์และเตห์ลาจะรวมกันได้    ในภายภาคหน้าจะได้ไม่เกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์อีก    เขาเชื่อว่าด้วยความรักที่องค์กาลิยาดมีต่ออาบรีซาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น    แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็นเขามองโลกในแง่ดีเกินไป      อาบรีซาค่อย ๆ แทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างองค์สุลต่านกับมาฮาร่าจนเกิดความระแวงซึ่งกันและกัน    นอกจากนั้นนางยังสามารถขนาดทำให้เหล่ามาฮาร่าเองแตกความสามัคคีกันด้วย         คนฟังนึกทึ่งความสามารถในการแทรกแซงของอาบรีซาจริง ๆ   ถ้าใช้มันในทางสร้างสรรค์ก็คงดี

     

    ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของอาบรีซา     กาลิยาดสิ้นพระชนม์คาเธย์วุ่นวาย    มาฮาร่าเองก็แตกเป็นสองฝ่าย   ฝ่ายหนึ่งคือซาลามาฮานที่ต้องการยึดแนวทางเดิมคือรักษาความเป็นกลาง   คอยปกป้องช่วยเหลือบัลลังก์แห่งคาเธย์โดยสรรหาผู้ที่เหมาะสมที่สุดขึ้นดำรงตำแหน่งสุลต่าน        ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคือฮารีด    ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากพอควรในสภามาฮาร่า      ฮารีดต้องการขึ้นไปอยู่เบื้องหน้าเป็นสุลต่านเสียเอง   เลิกเป็นเงาหลังบัลลังก์กันเสียที   คุณรู้ไหมว่าฝ่ายไหนชนะ ?

     

    ถ้าให้ทายก็ต้องเป็นฮารีด    จัสมินตอบอย่างมั่นใจ

     

    ใช่    ฮารีดชนะมีมาฮาร่ามากมายเข้าข้างเขา    คนพวกนี้คือมาฮาร่าที่ยังหนุ่มแน่นคึกคะนอง    มองเห็นคนรุ่นซาลามาฮานเป็นพวกคร่ำครึล้าหลัง    ก็ในเมื่อตนเองมีอำนาจทำไมจะปล่อยให้คนอื่นใช้อำนาจของตัว      ฮารีดยึดอำนาจในสภามาฮาร่าและคาเธย์โดยได้รับการสนับสนุนจากอาบรีซา     เขาสถาปนาตนเองขึ้นเป็นสุลต่าน   ยกอาบรีซาขึ้นเป็นราชินีคู่บัลลังก์   และสุดท้ายก็ถูกเสน่ห์แห่งนางครอบงำ    เขาลุ่มหลงในอำนาจ   กามารมณ์    ผู้คนในคาเธย์ต่างได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนทั่ว

     

    แล้วซาลามาฮานล่ะ    เขาทำอะไรไม่ได้เลยหรือ    ไหนว่าเก่งนักเก่งหนาจนอาบรีซากลัว

     

    อาบรีซากลัว   แต่ฮารีดไม่ได้กลัวซาลามาฮานนี่  อีกอย่างซาลามาฮานน่ะสูงอายุแล้วไม่ใช่คนหนุ่มอย่างฮารีด   ซาลามาฮานรวบรวมเหล่ามาฮาร่าที่ยังภักดีต่อเขาเดินทางออกจากคาเธย์   หายสาบสูญไปในทะเลทราย     ในขณะที่คาเธย์เองก็ถึงกาลวิบัติ   โจรขโมยชุกชุม   อำนาจมนต์ดำทำให้ผู้คนหวาดกลัว   ผู้มีอำนาจกดขี่ข่มเหงประชาชน    ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้น   จนในที่สุดเหล่าชาวเมืองก็ทนไม่ไหว   พวกเขาลุกฮือเข้าต่อต้านอาบรีซาและฮารีด   แต่ชาวบ้านธรรมดาไม่มีอาวุธอะไรกับทหารและเวทมนต์อันแข็งแกร่งใครได้เปรียบคุณก็คงเดาได้

     

    ชาวเมืองแพ้งั้นหรือ ?

     

    คงเป็นอย่างนั้นถ้าซาลามาฮานไม่กลับมา   เขากลับมาและทำให้การสู้รบอันนองเลือดยุติลงได้    คราวนี้ฮารีดเป็นฝ่ายพ่ายแพ้    ความลุ่มหลงมัวเมาของเขาทำให้พลังอำนาจในตัวเขาลดน้อยลง     ฮารีดถูกลงโทษตามกฎของมาฮาร่า     จู่ ๆ คนเล่าก็เงียบไป

     

    แล้วอาบรีซ่าล่ะ  เป็นอย่างไร ?

     

    นางดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย    ก่อนที่ซาลามาฮานจะยื่นมือไปถึง    แต่ก่อนตายนางได้สาปแช่งนครคาเธย์ไว้ด้วย      คำบอกเล่าดูเหมือนจะค่อย ๆ ห่างหายไปเรื่อย ๆ จัสมินรู้สึกมึนงง    สภาพรอบตัวเริ่มพล่าเลือนแต่เธอกลับได้ยินเสียงหนึ่งดังชัดเจน    เสียงหวานกังวานทรงอำนาจ  เสียงที่เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อน

     

    ข้า....อาบรีซาราชินีแห่งทะเลทราย    ขอสาปแช่งนครคาเธย์   พวกมันชาวเมืองทั้งหลายที่กระทำหยาบหยามข้า   ด้วยมนตราแห่งสุริยาแผดเผา    นครคาเธย์จะล่มสลาย   นับเนื่องกี่พันกี่หมื่นปีก็ไม่อาจฟื้นคืน    พวกมันจงได้รับแต่ความวิบัติ  ฉิบหาย   นับจากวันนี้ตราบชั่วนิรันดร์!”    เสียงเอะอะโวยวายอย่างตื่นกลัวดังก้องไปทั่ว    ก่อนเสียงหนึ่งจะดังขึ้น   เสียงนุ่มนวลหากทรงอำนาจปานกัน

     

    อาบรีซา   จนป่านนี้เจ้ายังไม่รู้สำนึกอีกหรือ ?

     

    เจ้าต่างหากซาลามาฮาน    เจ้าทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้   ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้า    นครคาเธย์มันล่มสลายก็เพราะเจ้า!”    เสียงกังวานใสหัวเราะเยาะหยัน

     

    คนไม่รู้สำนึกถูกผิดอย่างเจ้า     ต่อให้อธิบายอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจเข้าใจได้    น้ำเสียงของผู้มากวัยกว่ายังนุ่มนวลเหมือนกับไร้ความรู้สึกใด ๆ

     

    ฮึ!   ผู้ชนะจะพูดอะไรก็พูดได้   แต่จำไว้ซาลามาฮาน   ข้าจะไม่แพ้ไปตลอด   ซักวันจะต้องเป็นวันของข้า    แล้ววันนั้นมาฮาร่าจะสาบสูญไปตลอดกาล    พวกมันจะถูกเหยียบย่ำให้ตกต่ำยิ่งกว่าทาส!”     เสียงหัวเราะกังวานก้อง

     

    คุณ!  คุณ!   เป็นอะไรหรือเปล่า ?      เสียงเรียกข้างตัวทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากภวังค์    เสียงที่ดังก้องเมื่อครู่หายไป   หญิงสาวมองรอบตัวอย่างงง ๆ

     

    เปล่า    ไม่เป็นไร   แล้วยังไงต่อล่ะ ?    คีลมองหญิงสาวอยู่ชั่วครู่แล้วก็ตัดสินใจเล่าต่อ

     

    ผู้คนหวาดกลัวคำสาป  หลังจากการตายของอาบรีซาคาเธย์ก็พบกับภัยพิบัติ    ทะเลทรายแห้งแล้งฝนทะเลทรายที่เคยตกกลับไม่ปรากฏ     ดวงตะวันก็แผดเผาร้อนแรงจนทุกอย่างแทบจะมอดไหม้     สายน้ำแห้งขอด   แม่น้ำเปลี่ยนทิศทาง   ผู้คนอดอยากหิวโหยหนำซ้ำยังเกิดโรคระบาด    จนชาวเมืองต้องอพยพทิ้งเมืองไป   คาเธย์กลายเป็นนครร้างกลางทะเลทรายมาจนถึงทุกวันนี้    จบ

     

    อ้าว!  เดี๋ยวซิ   จบง่าย ๆ อย่างนี้ได้ยังไง  แล้วซาลามาฮานล่ะไม่ทำอะไรเลยหรือ ?    หญิงสาวท้วง

    ไม่รู้  ตำนานไม่กล่าวไว้นี่     ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นตำนานคุณจะเอาอะไรนักหนา

     

    งั้นนครมรณะล่ะว่าไง     เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ?

     

    ถ้าผมบอกไม่รู้คุณจะเชื่อไหม     คีลย้อนถามหน้าตาเฉย

     

    หักค่าจ้าง 30 % โทษฐานเป็นไกด์แต่ไม่รู้ข้ามูลที่ลูกทัวส์ถาม     ชายหนุ่มมองตาปริบ                ๆ เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนจะหาทางออก

     

    แต่ผมไม่.....

     

    อีก 20%   ถ้าจับได้ว่านายโกหก   จัสมินบอกเรียบ ๆ อย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า

     

    เอา   ถ้าอยากรู้มากนักผมแต่งเรื่องให้ฟังก็ได้     คีลพึมพำกับตัวเอง

     

    เอาตำนานไม่เอาเรื่องแต่ง    เล่ามาซะดี ๆ      คีลถอนใจเฮือกใหญ่  หากแล้วก็เริ่มเล่า ตำนาน  ต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×