ชะตารักเหนือกาล : A Timeless Love.
หากการได้รักเจ้า คือตราบาปแห่งโชคชะตา เช่นนั้นแล้ว..ข้าขอสังเวย เลือดทุกหยดในกาย เพื่อแลกกับ รอยยิ้มของเจ้า..ชั่วนิรันดร์
ผู้เข้าชมรวม
731
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“เทสซ่า ! ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่แถวนี้”
เสียงห้าวห้วนตะโกนลั่นป่าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด...ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่
คนถูกเรียกพาร่างเล็กกระจ้อยของตนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ริมฝีปากอิ่มแดงเรื่อเม้มแน่นกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้เล็ดลอดออกมา..เด็กสาวยกชายกระโปรงยาวขึ้นพลางก้าวถอยหนีเชื่องช้า
เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นมีประสาทสัมผัสพิเศษเหนือมนุษย์..ทว่า ทันทีที่ฝ่าเท้าย่ำลงบนกิ่งไม้แห้งอย่างแผ่วเบา
เสียงนั้นก็เพียงพอสำหรับร่างสูงกำยำในชุดทูนิคยาวกรอมเท้าสีขาวสะอาด ยืนอยู่อีกฟากของแนวพุ่มไม้
ใบหน้าขาวคมสันเงยขึ้น รอยยิ้มหยัดมุมปาก ก่อนร่างจะกระโจนมุ่งไปยังที่มาของเสียง ด้วยมั่นใจว่า
นั่นคือเด็กสาว เพื่อนตัวน้อยของเขา
เทเลซ่านิ่วหน้า
เมื่อชะเง้อคอมองไปเบื้องหน้าแล้วไม่เห็นอีกฝ่าย แต่วินาทีต่อมา
ยามสายลมพลิ้วผ่านกาย ได้หอบกลิ่นสนซีดาร์เจือมาด้วย หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ
“เจ้าถูกข้าจับได้อีกแล้วนะ
เด็กน้อย”
เสียงทุ้มดังราวกระซิบเหนือศีรษะของเธอยืนยันในความฉงน
และเมื่อหันหลังกลับ สายตาของเธอปะทะแผ่นอกกว้าง กลิ่นหอมอวลละมุนคล้ายควันไฟจางๆนี้ไม่ใช่มาจากต้นไม้
แต่มันเป็นกลิ่นจำเพาะกายของเขา ซึ่งเธอคุ้นชินมาตลอด 16 ปี
..ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นขัดใจที่ถูกเขาพบรวดเร็วเช่นนี้
“ข้าเบื่อแล้ว..เล่นกี่ครั้งๆท่านก็จับข้าได้ตลอด..ทำไมท่านไม่ผ่อนปรนเวลาให้ข้าได้หลบซ่อนมากกว่านี้ล่ะ”
เรียวคิ้วเข้มของคนฟังเลิกสูง
“ข้าหลับไป
1 ตื่นแล้วนะ
ก่อนจะออกมาตามหาเจ้า มันยังไม่นานพออีกเรอะ”
“ไม่รู้ล่ะ
ข้าไม่เล่นแล้ว” เด็กสาวกระเง้ากระงอด
“เจ้าทำไมช่างงอแง
เอาแต่ใจเช่นนี้..ข้าหลับของข้าอยู่ดีๆ
แต่เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่เรอะที่ปลุกข้าให้มาเล่นด้วย..แล้วมีสิทธิ์อะไรมาพาลใส่ข้า”
พ่อหนุ่มตัวโตเสียงดังเข้าข่ม
จนอีกฝ่ายสะดุ้งอย่างเพิ่งสำนึกได้..แล้วเงยใบหน้าสบดวงตาคมเลื่อมอำพันคล้ายขอโทษ
ทว่า..ใบหน้าขาวเนียนละเอียดดุจกระเบื้องเนื้อดีเมินเฉยชั่วอึดใจ
ก็หันหลังให้ทั้งตัว..ความเย็นเยือกสะท้านจับขั้วหัวใจเด็กสาว เมื่อคิดว่า
ทำให้เขาโกรธ
“..ข้าขอโทษ..ท่านก็ตัวออกใหญ่โต..อย่าใจคอคับแคบโกรธเคืองข้าเพียงแค่เรื่องนี้เลยนะ”
เอ่ยเสียงอ่อยพร้อมใช้นิ้วคืบเสื้อเนื้อบางของเขากระตุกดึงอย่างน่าเอ็นดู
โดยหารู้ไม่ว่า ผู้ที่เธอกำลังงอนง้อพยายามกลั้นขำจนหน้าแดง ด้วยความดีใจที่สามารถแกล้งเด็กสาวได้อีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้..‘เจ้านี่มันช่างซื่อนัก’
จนในที่สุด..เทเลซ่าเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนหลอก
จากอาการสั่นเทิ้มจนไหล่สั่นของคนตัวใหญ่ ฝ่ามือน้อยๆฟาดผัวะลงบนต้นแขนแกร่ง
“ท่านชอบแกล้งข้าอยู่เรื่อย”
ชายหนุ่มหันมา ใบหน้ายังเจือรอยยิ้ม
และหยิกแก้มกลมนุ่มๆของเด็กสาว “ก็เจ้ามันน่าแกล้งนี่นา” แล้วออกแรงบีบแก้มนั้น
จนเจ้าตัวร้อง
“โอ้ย
! ท่านนี่นะ”
ปัดป้องพลางเงื้อมือจะตี
แต่อีกฝ่ายรีบโผนตัวหนี ให้ร่างน้อยๆวิ่งไล่ตามออกจากแนวป่าจนถึงชายทะเล..ร่างของเด็กสาวหยุดพักหอบหายใจ
สองมือเท้าชันหัวเข่าตัวเอง พยายามสูดความสดชื่นปลอดโปร่งของอากาศรอบตัว
ชายหนุ่มกอดอกโน้มตัวลง
มุมปากยิ้มยก
“หมดแรงแล้วล่ะซิ”
แม้อยากจะปฏิเสธแทบขาดใจ
แต่สุดท้ายจำต้องพยักหน้ารับ
“ใครเลยจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลเช่นท่านล่ะ” และนึกหมั่นเขี้ยวกับใบหน้าอีกฝ่าย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ได้แต่ทำปากขมุบขมิบ พร้อมสายตาค้อนคมให้อีกฝ่ายหัวเราะเท่านั้น
เด็กสาวยืดตัว
สูดความสดชื่นของสายลมเจือกลิ่นไอทะเลภายใต้แสงแดดจ้าสะท้อนระยิบระยับบนผืนน้ำสีครามสด..วันนี้ทะเลสงบ
มีเพียงเกลียวคลื่นเล็กๆเท่านั้น..หากได้ลงแหวกว่าย คงสุขใจไม่น้อย
“เจ้าอยากเล่นน้ำเรอะ”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างรู้ใจ
เทเลซ่าหันมาพยักหน้า
และมองสบด้วยดวงตาใสแจ๋วส่องประกายออดอ้อน
ใบหน้าคมหวานส่ายไปมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนอกอ่อนใจ “หันไป”
เด็กสาวรีบทำตาม
ชายหนุ่มถอนใจอีกครั้ง
ก่อนเริ่มถอดเสื้อผ้าของตนกองบนชายหาด..แสงแดดสาดไล้ร่างขาวสกาวใสเปลือยเปล่าทั่วร่างเพรียวแกร่ง
เส้นผมยาวดำขลับคลุมแผ่นหลังขยับพลิ้วสยายตามแรงลม
เทเลซ่าลอบชำเลืองสายตาหันมอง
ขณะเขากำลังก้าวลงทะเล แล้วต้องสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงดุๆ
“ห้ามแอบมอง ! ”
เธอจึงหันกลับมา
ทำปากงุ้มเล็กน้อย..ก็แค่อยากเห็นรูปร่างอันสวยงามของเขาเท่านั้นเอง ! “ฮึ คนขี้งก !”
ยามเมื่อผืนน้ำท่วมถึงแผ่นอก
ชายหนุ่มนิ่งอึดใจ..เสียงเปรี๊ยะประดังจากการขยายใหญ่เปลี่ยนรูปของกล้ามเนื้อ
เส้นผมยาวสีดำจางหายกลายเป็นสองเขาแกร่งสีแดงเข้มจนเกือบดำผุดขึ้นมาแทน ดวงตาสีอำพันแปรเปลี่ยนแดงก่ำ
ใบหน้าบิดเบี้ยว ก่อนเปล่งเสียงคำรามลึก
อีกอึดใจต่อมา
หญิงสาวได้ยินเสียงน้ำแตกกระจาย จึงหันกลับไปมองเต็มตาท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้า วัวกระทิงตัวเขื่องกำลังสะบัดกาย
หยาดน้ำเกาะพราวบนกลุ่มขนสีขาวกระจ่างแวววาวประดุจอัญมณีล้ำค่า ยามขยับก้าวเดิน
กล้ามเนื้อแกร่งขยับเป็นลอน สง่างามจนไม่อาจถอนสายตาได้ในวินาทีนี้
พลัน !
สะดุ้งหลุดจากภวังค์ เมื่อวัวกระทิงขี้หงุดหงิด ยกเท้ากระทืบจนน้ำทะเลกระเซ็นมาโดนตัวเธอ
พร้อมเอ่ยเสียงเข้ม
“เจ้าจะยืนดูข้าอีกนานมั้ย
! ”
“แหม..ก็ใครอยากให้ท่านเกิดมาสวยงามจับตาทั้งรูปกาย
และรูปจำแลงกันเล่า” ตอบพลางลงมือถอดเสื้อผ้าตัวเอง
ในขณะที่กระทิงหนุ่มขยับหันหลังและยอบตัวลง
“ฮึ ! คนทั้งผืนเกาะนี้ต่างหวาดกลัวข้าทั้งสิ้น
มีแต่เจ้าคนเดียวนี่ล่ะที่มองว่าข้าสวยงาม..เจ้าช่างเป็นมนุษย์ที่ประหลาดที่สุดในชีวิตของข้าจริงๆ”
เด็กสาวยิ้มอ่อนโยน
ขณะพาร่างเปลือยเปล่าของตนเข้าใกล้กระทิงตัวมหึมา
ฝ่ามือบางลูบเล่นกับแผงขนอ่อนนุ่มดุจกำมะหยี่ ก่อนส่งตัวเองขึ้นไปนั่งบนหลังกว้าง
“นอกจากอารมณ์ขี้หงุดหงิดของท่านแล้ว
ก็ไม่เห็นจะมีสิ่งใดน่ากลัวสักนิด” เด็กสาวเจือเสียงหัวเราะในตอนท้ายประโยค แล้วหลุดอุทานในอึดใจต่อมา
เมื่อจู่ๆ
กระทิงหนุ่มลุกขึ้นพุ่งทะยานแหวกว่ายผืนทะเลประดุจขุ่นเคืองกับประโยคจี้ใจของเพื่อนตัวน้อย
ซึ่งขณะนี้กำลังหัวเราะร่าอยู่บนแผ่นหลังของตน..และเพียงครู่ เขาก็ลดความเร็ว
เปลี่ยนเป็นดำผุดดำว่าย ให้เด็กสาวได้หยอกล้อกับเกลียวคลื่น และทำทุกอย่างตามคำขอ
เพียงเพราะอยากให้เธอมีเสียงหัวเราะเช่นนี้เรื่อยไป
..................
เทเลซ่าถือกำเนิดมาจากหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง
กับพ่อค้าต่างถิ่นที่แวะมาซื้อ-ขายสินค้า และเขาจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก ทิ้งให้มารดาของเธออุ้มท้องท่ามกลางสายตาดูแคลนของผู้คน..ผู้เป็นบิดาทนความอับอายไม่ไหว
จึงส่งตัวเธอเข้าวิหารนักบุญ หมายให้รับใช้คนของเทพเจ้า
ทว่า..เหล่านักบวชไม่ชื่นชอบหญิงไร้พรหมจรรย์ ซึ่งถือเป็นสิ่งแปดเปื้อน
จึงออกอุบายหลอกหญิงสาวที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดเดินเข้ามาภายในอาณาเขตปราสาทของเขา
ซึ่งถือเป็นสถานที่ต้องห้ามของเกาะ
และมีการบอกต่อๆกันถึงความโหดเหี้ยมของเขาที่มักจะฉีกกินผู้ที่หลงเข้าไปจนไม่เหลือซาก
ซึ่งคำล่ำลือนี้ มันเป็นเรื่องที่เกินจริงมากอยู่สักหน่อย
เพราะเขาไม่เคยกระทำเช่นนั้น เพียงแต่เขารักสันโดษ ไม่ชอบพบปะผู้คน ไม่เว้นแม้แต่บิดา-มารดา
ทว่า !
ทันทีที่หญิงสาวเห็นตัวตนครึ่งสัตว์ของเขา ก็บังเกิดความตกใจ กลัวจนลนลาน
วิ่งหนีได้ไม่กี่ก้าว ก็สะดุดล้ม..ด้วยความกลัวจนร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงพอจะลุกหนี
จึงได้แต่กรีดร้องอ้อนวอนขอชีวิต
เขาทนฟังเสียงน่ารำคาญได้ไม่กี่อึดใจ
หมายจะออกปากไล่ แต่จู่ๆเสียงอ้อนวอน แปรเปลี่ยนเป็นครางโหยหวน เจ็บปวด
น้ำคร่ำทะลักออกมาจากตัวของเธอ และเริ่มมีสีแดงฉาน
กลิ่นคาวเลือดโชยคละคลุ้ง..กลายเป็นเขาที่ตื่นตระหนก
หันไปหันมาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร จึงตะโกนเรียกหาคนสนิท
“กี !”
เพียงครู่..ร่างสูงใหญ่ของชายผิวคล้ำก็ปรากฏ
พร้อมสาวรับใช้สูงวัยอีกสองคน
“ท่านจะตะโกนเสียงดังราวฟ้าผ่าทำไม
ในเมื่อ..ข้าเองก็อยู่ใกล้แค่นี้”
“เจ้าก็ดูนางสิ..เหตุใดถึงมีสภาพเช่นนี้
ทั้งๆที่ข้ายังมิได้ทำร้ายนางแต่อย่างใด”
ดวงตาดำขลับชายลงมองหญิงสาวที่กำลังนอนร้องครวญคราง
ก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ
“นางกำลังให้กำเนิดบุตร”
“หา !?”
คนฟังยืนตะลึงกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต แล้วก้มมองหญิงสาวอีกครั้ง
พึมพำอย่างร้อนรน “ถ้าเช่นนั้น ข้าควรทำเช่นไร”
“ท่านไม่ต้องทำอะไร
เพียงแค่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหญิงรับใช้ของท่านเท่านั้น”
กีตอบแล้วก็หันไปพยักพเยิดให้คนรับใช้ทั้งสองเข้าไปช่วยเหลือ
พลางดึงแขนน้องชายที่ยังยืนตะลึงให้ออกมาจากบริเวณนั้น
“ท่านมากับข้าเถอะ
อันทาเออัส..กษัตริย์ไมนอสกำลังมา”
ใบหน้าขาวกระจ่างของอันทาเออัส
เคร่งขรึมลงทันใดเมื่อได้ยินชื่อของผู้ครองนคร ซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า
กษัตริย์ไมนอสคือบิดาของเขา..แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะแท้จริงแล้ว
เขาคือตราบาปที่เกิดจาก การรักสนุกของมหาเทพแห่งท้องทะเลเท่านั้น.
“เขามาทำไม”
“ก็เพราะเขาเรียกหาท่านหลายครา
ท่านก็ไม่ไปหาเสียที..ครั้งนี้คงรอไม่ได้มั้ง”
“แต่ข้าเบื่อสงคราม..ข้าไม่อยากฆ่าใครอีก..”
อันทาเออัสกล่าวอย่างเลื่อนลอย
กลิ่นคาวเลือดยังตราในจิตสำนึกยามเขากลายเป็นปิศาจกระหายเลือด..เพียงแต่ไม่อาจหลีกหนีได้
เพราะมันคือพันธะสัญญาของผู้ให้กำเนิดที่ประกาศิตให้เขาเป็นเครื่องบรรณการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปจนกว่าชีวิตนี้จะดับสูญ
ภายในโถงกว้างของปราสาทหินอันแข็งแกร่ง
ทว่า บรรยากาศภายในอึมครึม
มืดสลัวไร้การตกแต่งใดๆ..ร่างสูงใหญ่ของกษัตริย์ไมนอสยืนสงบนิ่ง เบื้องหลังมีราชโอรสสองพระองค์ยืนไม่ห่าง
แอนโดรจีอัส โอรสองค์โตยืนนิ่งเช่นเดียวกับผู้ให้กำเนิด ต่างจาก เอเดรียน ที่เพิ่งเข้าสู่วัยหนุ่มและเลือดร้อน
กำลังยืนหงุดหงิดกับการรอคอย
“ทำไมเจ้าปิศาจนั่น
มันถึงยังไม่มาเสียที”
ผู้เป็นบิดาปรายสายตา
“เจ้าควรจะรู้จักสงบจิตใจเสียบ้างนะ เอเดรียน”
ไม่กี่อึดใจ..ร่างผู้เป็นเจ้าของปราสาทก้าวนำผู้ติดตามคนสนิท
ผ่านกลุ่มทหารของกษัตริย์ไมนอสเข้ามา และเดินผ่านหน้าไปราวกับไม่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้
“เจ้าไม่เห็นข้าเรอะ
!? ”
เอเดรียนแค่นเสียงถาม สายตาไม่ละจากร่างสูงเพรียวในชุดสีดำสนิท
บนศีรษะมีเขาแหลมคมสีแดงเข้มน่าเกรงขาม เส้นผมยาวดำขลับล้อมผิวหน้าขาวราวหิมะ
กรอปกับดวงตาสีอำพันสงบเย็นเยือกปราดมองจ้อง ทำให้ผู้อ่อนเยาว์กว่าเผลอกลืนน้ำลาย รู้สึกกริ่งเกรงขึ้นมาครามครัน
เรียวคิ้วเข้มของอันทาเออัสเลิกขึ้นเล็กน้อย
ก่อนหยัดยิ้มเหยียดเมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มหน้า ขยับกายไปอยู่หลังพี่ชาย
กษัตริย์ไมนอสข่มความไม่พอใจ
แล้วพูดกับอันทาเออัส
“อย่าไปสนใจน้องชายของเจ้าเลย..ที่ข้ามาวันนี้
เพียงต้องการให้เจ้าเป็นผู้นำทัพไปจัดการกษัตริย์ วิเกลัสให้สิ้นซากเสียที”
“กษัตริย์เฒ่าใกล้สิ้นใจเช่นนั้น
ท่านยังจะสนใจอีกเรอะ”
“ข้าเกลียดความหยิ่งผยองของมัน
และอีกอย่าง หมดวิเกลัสแล้วก็ยังมีลูกชายของมันที่มีท่าทีแข็งกร้าว เป็นปฏิปักษ์กับดินแดนของเรา”
อันทาเออัสปรายสายตามอง
“แผ่นดินของท่านยังไม่ยิ่งใหญ่พออีกเรอะ
กษัตริย์ไมนอส”
กษัตริย์เฒ่ายิ้มเย็น
กับประโยคกระทบกระเทียบ
“ข้าจะพอใจก็ต่อเมื่อผู้คนทั้งจักรวรรคขนานนามข้าไปจนชั่วลูกชั่วหลาน..และเจ้า
ถึงแม้จะมีสายเลือดของเทพโปเซดอน แต่เจ้าก็เติบโตใต้เงาของข้า และจะต้องทำตามคำบัญชาของข้าตามประกาศิตแห่งซุส” น้ำเสียงดื้อดึง
และวางอำนาจเหนือกว่า แม้อีกฝ่ายจะมีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ แต่ก็ยังด้อยค่า
หากเทียบกับ ซุส ผู้เป็นมหาเทพแห่งเทพทั้งปวง
หลังจากที่อันทาเออัสถือกำเนิดขึ้นมาประจานด้วยรูปกายทารกครึ่งวัว
กษัตริย์ไมนอสจึงสั่งสร้างปราสาทหินเสมือนป้อมปราการเส้นทางวกวนคล้ายเขาวงกต
นามว่า ลาบีรินธ์ กักขังทารกน้อย พร้อมพี่เลี้ยงสาวอีกสองคนไว้ในนั้น
โดยไม่สนใจเสียงร้องไห้โหยหวนของทารกน้อย
เพราะสิ่งที่กษัตริย์ไมนอสมีให้ต่อทารกผู้นี้คือความเกลียดชังจากความอัปยศเท่านั้น
แต่ผู้ที่สงสารกลับเป็นนางไม้ประจำเกาะ
ซึ่งวันแล้ววันเล่าเสียงสะอึกสะอื้นของเด็กน้อยกัดกินหัวใจของนาง..วันหนึ่ง
นางปั้นดินเหนียว และใช้เลือดของนางสร้างเด็กชายขึ้นมาหนึ่งคน และให้นามว่า กี
นำไปมอบให้เด็กน้อยอันทาเออัสผู้น่าสงสาร จะได้มีชีวิตไม่เงียบเหงาจนเกินไป
อันทาเออัสสามารถถล่มทัพของกษัตริย์
วิเกลัส ได้ภายในคืนเดียว ทว่า..เขาเบื่อหน่ายในกลิ่นคาวเลือด
จึงแกล้งยืดเยื้อสงครามครั้งนี้ หวังปล่อยให้กษัตริย์เฒ่าสละเมืองและพาประชาชนหลบหนีไป
โดยไม่สนใจว่ากษัตริย์ไมนอสจะขุ่นเคืองเพียงใด..และแม้กษัตริย์วิเกลัสจะหลบหนีไปแล้วอย่างที่อันทาเออัสตั้งใจ
แต่ชายหนุ่มก็ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ภายในเมืองร้าง กว่าจะยอมกลับปราสาทของตนก็ล่วงเลยเกือบปี
และขณะที่กำลังนอนทอดกายอยู่ข้างทะเลสาบ
จู่ๆเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยแว่วดังมาจากปราสาทฝั่งตะวันออก
เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเหลียวมองหาพี่ชาย เพื่อจะถามที่มาของเสียง แต่ก็ไร้เงา
จึงลุกขึ้นเดินไปดูเสียเอง..และไม่กี่อึดใจ ก็เห็นเด็กหญิงวัยเตาะแตะผิวขาวตัวอ้วนกลม
ยืนร้องไห้ ไม่ว่าพี่เลี้ยงชราทั้งสองจะปลุกปลอบอย่างไร เด็กน้อยก็ไม่หยุดร้อง
“เด็กคนนี้มาจากไหนกัน
!?”
อันทาเออัสถามเสียงห้วน
หญิงชราทั้งสองแม้จะเป็นผู้เลี้ยงดูชายหนุ่ม แต่ยังคงหวาดกลัวเขาเช่นกัน
จึงตอบเสียงตะกุกตะกัก
“เอ่อ..เด็กคนนี้..เป็นบุตรของนางซานธีเพคะ”
“ซานธี !?” เขายังคงงุนงง
“ใครกัน ?”
“ก็หญิงชาวบ้านที่มาคลอดลูกต่อหน้าพระองค์ในวันนั้นไงเพคะ..หลังจากคลอดลูก
นางเองก็ไม่มีที่ไป พวกข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เพราะท่านเองก็ยังไม่กลับมาจากสงคราม จึงให้นางทำงานอยู่ที่นี่เพคะ”
ขณะที่กำลังยืนทบทวน
เด็กน้อยเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือป้อมๆมากำชายเสื้อคลุมยาวของเขา
ดวงตาใสแจ๋วเงยขึ้นมองด้วยความรู้สึกแปลกตาต่อร่างสูงที่ยอบตัวลง
ทำให้เด็กน้อยเห็นดวงตาสีอำพันชัดเจน
รวมทั้งสองเขาสีแดงเข้มสะท้อนแสงกับดวงอาทิตย์ดูน่าสนใจให้อยากจับเล่น
แต่เมื่อเอื้อมไม่ถึงจึงพยายามปีนขึ้นร่างกายใหญ่โตของคนตรงหน้าแทน
“นี่เจ้าไม่กลัวข้าเรอะ!?”
อันทาเออัสอุทานอย่างแปลกใจ
และอมยิ้มกับเจ้าก้อนเนื้อนุ่มนิ่มที่พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาบนตัวเขา ดวงตาไหววาบเปล่งประกายยามเอื้อนเอ่ย
“เจ้ากำลังจะทำอะไร..หืม”
กี
กำลังเดินเข้ามาใกล้ พลางชะงักกับรอยยิ้มพร้อมสายตาอ่อนโยนของอันทาเออัส
ซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน จึงเอ่ยขึ้นอย่างหยอกเย้า
“ดูเหมือนเด็กคนนี้จะหลงใหลในความงามของท่านเสียแล้วนะ”
อันทาเออัสหันขวับ
เพราะไม่ชอบให้ใครเอ่ยชมรูปลักษณ์ของเขาเช่นสตรี จึงลุกขึ้นหมายเดินกลับไปนอนที่เดิม
แต่เมื่อดึงเด็กน้อยที่กำลังเกาะกอดเขาวางลงบนพื้น เสียงร้องไห้จ้าแสบแก้วหูดังขึ้นทันที แม้แต่กียังเบ้หน้า
“เด็กคนนี้มีพลังเสียงของปิศาจหรือไงกัน”
แล้วรีบคว้าตัวเด็กขึ้นมายัดลงไปในมือของอันทาเออัสที่เผลอโอบอุ้มโดยอัตโนมัติ
“เพื่อความสงบสุขของลาบีรินธ์ คงต้องรบกวนท่านแล้วนะ” ว่าพลางก็เดินจากไป
โดยเรียกพี่เลี้ยงสองคนที่ยืนเงอะงะให้ตามไปด้วย
“นี่เจ้าคิดจะแกล้งข้าเรอะ..กี
!!”
กีหันมายิ้ม
ก่อนเดินจากไปอย่างไม่อนาทร ทิ้งอันทาเออัสที่กำลังมองจ้องเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน
และแปลกประหลาดกับความอบอุ่นที่บังเกิดขึ้นภายในใจ
“หรือข้ากำลังถูกเทพองค์ใดกลั่นแกล้งกันแน่”
แม้จะพร่ำบ่น
ทว่า..นับจากวันนั้น
ทุกคนมักจะเห็นแม่หนูน้อยผู้นี้อยู่ในอ้อมกอดของอันทาเออัสประดุจเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
รวมถึงการเปลี่ยนแปลงขึ้นทีละเล็กละน้อย..ปราสาทที่เคยเงียบเหงาเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นจากเสียงหัวเราะและความซุกซนของเด็กน้อย
รวมถึงบรรดาสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วตามคำออดอ้อนที่อันทาเออัสไม่เคยขัดใจสักครั้ง..จนบางครั้งกลายเป็นความวุ่นวาย
หรือแม้แต่ตัวเจ้าของปราสาทเองก็เริ่มกลายเป็นคนใจเย็นและใบหน้าซึ่งเคยเคร่งขรึมเย็นชา
ประดับด้วยรอยยิ้มบ่อยครั้ง
และเหนืออื่นใด..สองเขาใหญ่แหลมคมที่ดูน่ากลัวบนศีรษะของอันทาเออัสก็ถูกเก็บหายไป
ด้วยเจ้าตัวเกรงจะเป็นอันตรายต่อชีวิตน้อยๆแสนบอบบางนี้ ซึ่งกำลังอุ้มลูกเสือขาวคลอเคลียอยู่ข้างกายเขา..และในวันหนึ่ง
เด็กน้อยนามว่า เทเลซ่า เอ่ยกับอันทาเออัสที่กำลังทอดร่างหลับตาฟังเสียงนกน้อยรอบกาย
“อันทาเออัส..เหตุใดท่านไม่ใส่ทูนิคสีขาวอย่างคนอื่นเขาบ้างล่ะ”
“ข้าไม่ชอบสีขาว”
เขาตอบเรียบเรื่อย โดยที่ยังหลับตา
“แต่ข้าชอบสีขาวมากนะ”
เด็กน้อยโต้กลับ ดวงตาใสแจ๋วมองสบดวงตาที่เปิดขึ้นเห็นความสว่างสวยงามของอำพัน
ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบมากที่สุด “เวลาเห็นสีขาวแล้ว
มันทำให้รู้สึกสบายตามากกว่าสีดำ”
นับจากนั้น..ปิศาจแห่งลาบีรินธ์ผู้น่าเกรงขาม
กลายเป็นเทพบุตรรูปงามภายใต้อาภรณ์ชุดขาว.
...........................
เทเลซ่าเติบโตขึ้นตามวันเวลาภายใต้การคุ้มครองของอันทาเออัส
ยามไม่ได้อยู่ข้างกายเขา หญิงสาวมักติดตามมารดาออกไปซื้อของ
ดูสิ่งสวยงามในท้องตลาด และสิ่งเดียวที่ไม่สามารถทำได้ คือการกล่อมเจ้าปราสาทให้ออกมาเดินเล่นกับเธอ
เพราะรังเกียจการพบปะผู้คนที่มักมองเขาแปลกๆ หรือแม้แค่เอ่ยนามของเขา ผู้คนก็จะหวาดกลัวขึ้นมาทันที
ซึ่งเธอไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงเป็นที่หวาดกลัวของคนทั่วไปนักหนา ทั้งๆที่รูปลักษณ์ของเขาออกจะสะดุดตาสะดุดใจถึงเพียงนั้น
และยังอ่อนโยนน่ารักน่าชังหาใดเปรียบ
ความสัมพันธ์ระหว่างอันทาเออัสกับเทเลซ่าผูกพันมากขึ้นตามวันเวลา..แต่สำหรับกษัตริย์ไมนอสเริ่มหวาดระแวง
ด้วยเกรงว่า ความหลงใหลที่อันทาเออัสมีต่อเทเลซ่านั้นมากเกินไป อำนาจที่เขาสามารถควบคุมชายหนุ่มกำลังถูกสั่นคลอน
และมันจะกลายเป็นหายนะ หากหญิงสาวชักจูงให้อันทาเออัสก่อกบฎขึ้น
และสิ่งที่เขาต้องรีบกระทำ นั่นคือการกำจัดหญิงสาวโดยเร็ว
เช้าวันหนึ่ง..ทหารยามหน้าประตูเห็นเทเลซ่าเดินออกนอกปราสาทไปกับหญิงรับใช้ของกษัตริย์ไมนอสที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
สองแขนหอบดอกไม้สีสวย และมีเจ้าเสือขาวที่โตเต็มวัยกระโจนตามติดผู้เป็นนายไปไม่ห่าง
จวบจนค่ำมืด..มารดาของหญิงสาวยังไม่เห็นลูกกลับมาก็ร้อนใจเที่ยวเดินหาทั่วปราสาทแต่ก็ไม่เจอ
เดือดร้อนบรรดาทหารเฝ้าปราสาทต้องรีบเกณฑ์กำลังออกตามหาให้วุ่น
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด
เมื่ออันทาเออัสกลับมาจากการทำศึกตามที่กษัตริย์ไมนอสมอบให้ และรู้เรื่องนี้เข้า
ทหารยามกลุ่มหนึ่งกระเด็นตามแรงสะบัดแขนเสื้อของผู้เป็นนาย
นายทหารผู้เป็นนายประตูรีบกระเสือกกระสนลุกขึ้นรายงาน “ข้าเห็นนางออกไปกับหญิงรับใช้ของกษัตริย์ไมนอส
แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เห็นนางอีกเลย”
“คนของกษัตริย์ไมนอสเรอะ
!!”
ถึงแม้จะโกรธเคืองทหารยาม
แต่อีกใจก็ประหวั่นถึงความปลอดภัยของหญิงสาวเช่นกัน จึงรีบออกตามหา
ด้วยหวังว่าจะไม่มีเหตุร้ายอันใด แต่เหมือนความหวังพังทลาย
เมื่อใต้ก้นเหวห่างไปจากตัวปราสาท พบศพเสือขาวถูกรุมแทงจนเลือดย้อมแดงทั่วร่าง มีเศษชิ้นเนื้อและสีเศษผ้าของทหารติดคาในคมเขี้ยวและอุ้งเล็บเท้าจากการสู้สุดกำลังก่อนสิ้นใจ
อันทาเออัสกำหมัดแน่นจนสั่นเทาไปทั้งร่าง
สองเขาแกร่งที่ไม่มีใครเคยเห็นมาหลายปีปรากฏขึ้นทันตา ร่างสูงกระโจนแล่นตรงไปยังปราสาทของกษัตริย์ไมนอสด้วยความเร็วที่ไม่มีมนุษย์คนไหนจะตามได้ทัน
นอกจาก กี ที่รีบรุดตามติด
ประตูปราสาทถูกกระแทกเปิดด้วยพละกำลังมหาศาล
ร่างกายแกร่งอัดแน่นเต็มความโกรธเกรี้ยว ก้าวเข้ามายืนตระหง่านกลางห้องโถงท่ามกลางความตื่นตะลึงของราชวงศ์และข้าราชบริพารที่รวมตัวกันพร้อมหน้า
“เทเลซ่าอยู่ไหน”
เสียงที่เปล่งออกไปเครียดตึงอย่างข่มอารมณ์ไว้สุดกลั้น..กีเพิ่งมาถึงหยุดหอบหายใจอยู่เบื้องหลัง
และเห็นเทวทูตของมหาเทพซุส ยืนอยู่มุมห้อง เขาก็คาดเดาถึงสถานการณ์ได้ว่า
กษัตริย์เฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้คงได้เตรียมการณ์ป้องกันไว้แล้ว
“ข้าไม่รู้”
ไมนอสยืนกราน
“แต่นางออกมากับคนของท่าน..แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย”
“คนของข้ามีตั้งมากมาย
ข้าไม่รู้หรอกว่านางออกไปกับใคร..บางที..อาจจะไม่ใช่คนของข้าก็เป็นได้”
“ท่าน !”
อันทาเออัสประชิดคุกคาม
ดวงตาสีอำพันไหววับแปรเปลี่ยนแดงก่ำ ความอดทนอดกลั้นกำลังจะสิ้นสุด เทวทูตปราดเข้าขวาง
แสดงการปกป้องตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
“อันทาเออัส..เจ้าจงสงบใจลงเถอะ..หญิงที่เจ้าตามหาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”
เทวทูตเอ่ยเสียงเรียบ รับรู้ในชะตากรรมของหญิงสาว
“ท่านรู้ได้อย่างไร”
ชายหนุ่มยังคงขึงขัง ไม่คิดถอยโดยง่าย พลัน!ชะงักงัน เมื่อโสตสัมผัสพิเศษได้ยินเสียงกรีดร้องแทบขาดใจของซานธีแว่วมาจากทะเลสาบ
“เจ้ารีบไปเถอะ”
เทวทูตกล่าวอีกครั้ง ร่างอันทาเออัสหันทะยานไปทันที หัวใจร้อนรนเจียนมอดไหม้
หลังจากสังหารเทเลซ่า
ทหารของกษัตริย์ไมนอสนำร่างของหญิงสาวผูกติดก้อนหินใหญ่ถ่วงไว้ใต้ทะเลสาบ..แต่ภูติสายน้ำ
ชื่นชอบเสียงร้องเพลงอันไพเราะของเธอ ซึ่งมักร้องให้อันทาเออัสฟังยามทั้งสองมาเล่นน้ำด้วยกัน
และเมื่อเห็นหญิงสาวผู้อ่อนเยาว์ต้องมาสิ้นชีพอย่างอยุติธรรม
ก็รู้สึกสงสารและเสียดาย จึงตัดเชือก นำร่างของเธอลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ หวังให้มีผู้คนมาพบเจอ..หญิงสาวจะได้ไม่เดียวดายใต้ผืนน้ำเย็นเยียบแห่งนี้
ซานธีกอดร่างไร้วิญญาณของลูกร่ำไห้จนสิ้นสติ
ก่อนที่อันทาเออัสจะมาถึงเพียงไม่กี่อึดใจ..ชายหนุ่มยอบตัวลงนั่ง ดึงร่างแบบบางเย็นเฉียบเข้าสู่อ้อมกอดด้วยหัวใจเจียนสลาย
ปลายนิ้วบรรจงปัดปอยเส้นผมยาวเปียกชื้นให้พ้นใบหน้าขาวซีด ดวงตาสีอำพันหม่นมัว
ร้อนผ่าว หยาดน้ำตาเอ่อคลอ ขณะกวาดมองทุกองค์ประกอบบนใบหน้าอันตราตรึงอยู่ภายในใจทุกวันคืน
โน้มตัวลงจูบริมฝีปากเย็นซีดเซียว
พลางกระซิบเลื่อนลอย
“ข้าทิ้งเจ้าไปแค่หนึ่งวันเท่านั้น..เจ้าถึงกับไม่พูดกับข้าเชียวเรอะ..แค่หนึ่งวันเท่านั้นเอง..เทสซ่า..” กระแสเสียงสั่นเครือ
สองแขนกระชับกอดร่างบอบบางแน่น จิตใจร้าวราวจนแตกสลายจมดิ่งสู่ความคลั่งแค้น
ปลดปล่อยปิศาจในตัวตนทำลายทุกสรรพสิ่งให้พินาศพนาสูญ
แผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจากฝีเท้าของกระทิงปิศาจตัวเขื่อง
แล่นโผนโจนทะยานอย่างบ้าคลั่งมุ่งตรงไปยังปราสาท
เทวทูตประเมินพละกำลังของอันทาเออัสในร่างจำแลงที่มีพละกำลังมหาศาล
กรอปกับมีสายเลือดของโปเซดอน หนึ่งในมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ คงยากที่จะปะทะซึ่งหน้า
จึงดึงดาบทองคำคู่กายปักหน้าบันไดปราสาท สร้างเกราะเทวะป้องกันการโจมตี
ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้อันทาเออัส ดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์สองเขาแกร่งพุ่งกระแทกสุดตัว
บังเกิดเสียงดังกึกก้อง สะท้านสะเทือนไปทั้งเกาะ กระทิงปิศาจทุ่มกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า
หวังทำลายเกราะเทวะ และบดขยี้กษัตริย์ไมนอสให้ป่นเป็นธุลี
กษัตริย์ไมนอสยืนมองด้วยความตื่นตระหนก
ถึงกับตวาดถามเทวทูต
“เหตุใดถึงไม่ฆ่ามันเสียเล่า
!”
เทวทูตปรายหางตามอง
“ครั้งนี้..ข้าจะถือว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ท่านพูด
แต่หากมีครั้งต่อไป ข้าคงต้องรายงานต่อมหาเทพ”
กษัตริย์ไมนอสชะงักงัน
เมื่อนึกขึ้นได้ถึงข้อตกลง..เพราะจุดเริ่มต้น เขาเป็นผู้ตระบัดสัตย์
ทรยศต่อความไว้ใจที่เทพโปเซดอนมีให้ จึงถูกแก้แค้นคืนด้วยการลักลอบเป็นชู้กับชายาของเขาจนกำเนิดเป็นทารกครึ่งวัว
เขานำความอัปยศนี้ไปฟ้องมหาเทพซุสผู้เป็นบิดา ซึ่งได้ตัดสินให้เขาเลี้ยงดูเด็กครึ่งวัวนี้เพื่อคอยรับคำสั่งของเขาไม่ต่างไปจากบุตร
และลงโทษเทพโปเซดอนด้วยการ ห้ามพบหน้าหรือติดต่อเด็กครึ่งวัวคนนี้เด็ดขาด ซึ่งเขาจำต้องทำตามรับสั่ง
เพราะหากเขาฆ่าเด็กครึ่งวัวทิ้ง ต้องสร้างความขุ่นเคืองให้บิดาเป็นอย่างมาก
และคราวนี้เทพโปเซดอนคงกลับมาแก้แค้น โดยที่บิดาไม่อาจยื่นมือมาช่วยได้
ดังนั้นแม้จะฝืนใจ แต่เขาจึงจำต้องทำตามข้อตกลงนี้
อันทาเออัสใช้เขากระแทกเกราะเทวะจนเลือดอาบ
แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายเกราะอันแข็งแกร่งนี้ได้ ความแค้นยิ่งอัดแน่นร้อนดั่งไฟผลาญ
แผดเสียงก้องปฐพี ก่อนกระทิงปิศาจหันไปวิ่งไล่ผู้คนอย่างคลุ้มคลั่ง
บ้านเรือนถูกทุ่มชนพังทลาย เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่ว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไม่ต่างจากสมรภูมิ
แอนโดรจีอัส
โอรสหนุ่มมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสลดหดหู่ ร้องขอกับเทวทูต
“ท่านโปรดช่วยประชาชนเหล่านั้นด้วยเถอะ..พวกเขากำลังจะตายกันหมด”
“ข้าได้รับคำสั่งเพียงแค่คุ้มครองกษัตริย์ไมนอสเท่านั้น
เรื่องอื่นข้าขอไม่ยุ่งเกี่ยว”
แอนโดรจีอัสนิ่งขึง
แค่นเสียงพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านเป็นถึงเทพเจ้า แต่กลับนิ่งดูดายให้ผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารเรอะ”
“ชาวบ้านเหล่านั้นอยู่ใต้การคุ้มครองของบิดาเจ้า
และเมื่อเขากระทำการสิ่งใดลงไป
ชาวบ้านเหล่านั้นก็ต้องได้รับผลตามการตัดสินใจของผู้ปกครอง นั่นเป็นกฎของธรรมชาติ
ที่ไม่มีสิ่งใดโต้แย้งได้”
“แต่ท่านน่าจะมีวิธีช่วยได้บ้าง
ไม่ใช่ยืนมองผู้คนล้มตายเช่นนี้”
เทวทูตเหลือบสายตามองกษัตริย์ไมนอสที่ยังไม่ปริปากใดๆ
ก่อนกลับมามองโอรสที่มีความอนาทรร้อนใจเสียมากกว่า แล้วแค่นยิ้มเหยียด
“ถ้าเช่นนั้น
ก็ต้องให้กษัตริย์ไมนอสออกไปเจรจาด้วยตนเอง”
ผู้ถูกพาดพิงหันขวับ
สีหน้าแดงก่ำ
“นี่พวกเจ้าจะให้ข้าออกไปตายเรอะ!!”
แอนโดรจีอัสจนปัญญา
หันไปหา กี ที่ยืนอยู่เชิงบันได ซึ่งกำลังใช้ความคิดอย่างหนักในการยับยั้งการกระทำของอันทาเออัส
และความคิดเป็นอันสะดุด เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียก
“กี !”
เขาหันไปมองรัชทายาทองค์โตที่ยืนอยู่ภายในเกราะป้องกันด้วยสายตาเคียดแค้น
“มีเรื่องอันใดที่ยังไม่พอใจพวกท่านอีกเรอะ
แอนโดรจีอัส”
ชายหนุ่มไม่สนใจคำกล่าวกระทบกระเทียบ
“ท่านช่วยหยุดความบ้าคลั่งของอันทาเออัสเสียที..ข้ารู้ว่าท่านเกลียดข้า
แต่ได้โปรดเห็นแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วยเถอะ..ท่านจะใจดำดูพวกเขาถูกฆ่าตายจนหมดเชียวเรอะ”
“ถึงข้าจะใจดำ
แต่ก็เทียบไม่ได้กับความเลือดเย็นที่พวกท่านมี..ข้าต้องถามมากกว่า
ว่าพวกท่านใจดำยืนดูพวกเขาตายไปต่อหน้าได้อย่างไร”
กษัตริย์ไมนอสได้ยินถึงกับหน้าตึง
หันไปตวาดบุตรชาย
“พอได้แล้วแอนโดรจีอัส
เจ้าไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปขอร้องใครทั้งนั้น เดี๋ยวเจ้าปิศาจนั่นมันเหนื่อย
มันก็หยุดเองนั่นล่ะ”
กีแค่นยิ้มเหยียด
“ฮึ! คงได้ตายกันหมดเกาะนั่นล่ะ” แล้วก็หันเดินไปหาอันทาเออัส
เรียกเกราะดินของตนห่อหุ้มกาย แม้เกราะดินจะไม่แข็งแกร่งเท่าเกราะเทวะ
แต่มันคงสามารถปกป้องอันตรายจากสองเขาแกร่งได้ในชั่วขณะ..และภาวนาให้ความผูกพันระหว่างเขากับอันทาเออัสจะเพียงพอให้เขาเรียกสติอันเสียจริตของอีกฝ่ายกลับคืนมาได้
“อันทาเออัส !”
กระทิงปิศาจกำลังไล่ขวิดชาวบ้าน
พลัน!
ชะงักกับเสียงเรียกอันดัง ทว่า ในความอื้ออึงนั้นไม่อาจจดจำสิ่งใดได้
นอกจากต้องการทำลายทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
กี
เบิกตาอย่างตื่นตะลึง ไม่คิดว่ากระทิงตัวเขื่องจะหันกลับมาเล่นงานเขาในทันใด สองแขนยกขึ้นป้องกันการโจมตีของสองเขาคู่แกร่ง
เกราะดินเรืองแสงป้องปะทะเกิดเสียงดังกัมปนาท...กีกัดกรามแน่นยามเกร็งร่างยืนหยัดแรงโถมของอีกฝ่าย
แต่ไม่อาจฝืนได้ ร่างถูกดันถอยกรูดสองเท้ากดจมลงบนแผ่นหินแตกกระจายเป็นแนวยาวจนสุดทาง
เมื่อแผ่นหลังกระแทกผนังหิน กีตวาดเสียงลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะอันทาเออัส
!
เจ้าคิดว่าเทเลซ่าจะรู้สึกอย่างไร
กับการที่เจ้าฆ่าคนบริสุทธิ์เป็นร้อยเป็นพันเพื่อนาง..เจ้าได้ยินมั้ย อันทาเออัส
จงหยุด เพื่อเทเลซ่าของเจ้า!”
ชื่อของหญิงสาวแทรกเข้ามาในจิตสำนึกอันพร่าเลือน
ค่อยๆประกอบเป็นรูปเป็นร่างของสาวน้อยผู้มีใบหน้างดงาม ประดับด้วยรอยยิ้มสว่างสดใส
เสียงหวานๆออกมาจากริมฝีปากอิ่มแดงเรื่อคอยเรียกหาเขาไม่ว่างเว้น
สองแขนเล็กเรียวละมุนโอบกอดรอบกายยามออดอ้อน บัดนี้..ได้สูญสลายกลายเป็นความว่างเปล่า
ร่างแปลงกระทิงตัวเขื่องค่อยๆกลับคืนร่างเดิม
อันทาเออัสทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้นดั่งสิ้นแรง
ก้มมองสองมือเปื้อนเลือดด้วยสายตาพร่าเลือนจากหยาดน้ำตาเอ่อท้น..สองมือที่ไม่อาจปกป้องสิ่งที่รักได้..
ชายหนุ่มเงยใบหน้าขึ้นแผดเสียงตะโกนก้องฟ้าด้วยหัวใจแหลกสลาย
“เทสซ่า !!!”
(จบตอนค่ะ)
ผลงานอื่นๆ ของ ระรินใจ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ระรินใจ
ความคิดเห็น