อสุรามันทรา ภาค ๑ "พันตราอสูร" - นิยาย อสุรามันทรา ภาค ๑ "พันตราอสูร" : Dek-D.com - Writer
×

    อสุรามันทรา ภาค ๑ "พันตราอสูร"

    เมื่อเรื่องราวในจารึกศิลาขับขาบเรื่องราวประวัติศาสตร์สะท้อนมาถึงอนาคตอันแสนไกล การหมุนเวียนของจุดเริ่มต้นและจุดจบ

    ผู้เข้าชมรวม

    245

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    245

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    8
    จำนวนตอน :  9 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  9 ธ.ค. 60 / 22:42 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เรื่องราวแต่งขึ้นนี้มีแรงบันดานใจมาจากประวัติศาสตร์เพราะความชอบ  ไม่มีเจตนาจะหลบลู่ใดๆทั้งสิ้น 
    วันเดือนปี สถานที่ ชื่อตัวละครในเรื่องนี้ถูกสมมุติขึ้น








    หัวข้อข่าววันที่22 พ.ค 2564

    เมื่อเรื่องราวที่ชัดเจนจากจารึกบนหินศิลา 

    ซึ่งถูกค้นพบในปี พ.ศ 25ุ64 วันที่22 พฤษภาคม  

    ศิลาหินภูเขาไฟ มีอายุเก่าแก่มากกว่า 1000 ปี

    และถูกขนานนามว่า


    'ศิลาแห่งการเริ่มต้นแห่งการสิ้นสุด'


    เนื่องจากด้านหนึ่งถูกจารึกถ้อยคำอักษรด้วยอักษรปัลลวะ จำหลักด้วยภาพวงกลมแปลกตาอยู่ด้านบนสุด ซึ่ง นายสิชัย มาศเสนามี นักโบราณคดีเรียกภาพนี้ว่า 'ภาพสลักรูปมณี'

    จารึกได้บอกเล่าเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ 
    ซึ่งนักประวัติศาสตร์ เค.ที คลาร์กสัน เมดิค
    กล่าวว่า  

    'เป็นสมัยการการรวมตัวกันก่อตั้งอาณาจักรแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
    ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวโยงจากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งมีคำทำนายบันทึกไว้ด้วย'


    ---------------

    ปี พ.ศ 2577  - ปัจจุบัน - ช่วงสงคราม


    'คุณราสิยา' 

    "คุณสิยา ไปได้แล้ว คุณกำลังอ่านอะไรของคุณ นี้เป็นเวลาวิกฤตไม่มีข้ออ้างของเวลาว่างสำหรับงานอดิเรกอย่างนี้หรอกนะ"น้ำเสียงรีบเร่งระคนไม่พอใจเอ่ยอย่างรวดเร็วแสดงถึงผู้มีความใจร้อนและลักษณะการพูดก่อนความคิด
    "ขอโทษคะคุณหมอฉัน..."แย่ละสิโดนจับได้อีกแล้ว
    "ไม่ต้องแก้ตัวหรอกครับ รีบเตรียมตัวได้แล้ว"ถึงจะพูดห้วนๆแต่ถึงอย่างนั้นก็มีความรู้ความสามารถเป็นถึงแพทย์ภาคสนาม

    เฮ้อ! ได้ถอนใจเฮือกใหญ่ก็โล่งหน่อยๆ แต่ก็รู้ตัวดีว่านี้ไม่ใช่เวลานั่งไร้สาระเสียเมื่อไหร่แต่นี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระสะหน่อยนะ! ถึงจะบ่นในใจก็นำกระเป๋ามาเก็บสิ่งจำเป็นไปเพิ่มอย่างจำยอมและคว้ากระเป๋าพยาบาลที่เตรียมไว้ก่อนหน้าแล้ว มาด้วย 
    พอหันไปเห็นสายตาที่กำลังจับผิดก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

    "ผมจะไปรอที่อุโมงค์3 ถ้าคุณไปรับของจากหมอตนุภัทรเสร็จแล้วให้รีบตามมาด่วน"
    "ค่ะทราบแล้วคะ"นายหัวขาว เอ้ย!บ่นจนผมขาวแล้วนั้น 

    ว่าแล้วก็รีบเร่งฝีเท้าไปหาหมอตนุภัทรดีกว่า อยู่กับนายนี้นานๆคงจะกลั้นใจตายไม่รู้ตัว
    'ทางนี้ต่างหาก'คนที่พูดยืนเก๊กยันกำแพงแล้วใช่นิ้วชี้ ชี้ไปทางที่ถูกพลางส่งสายตาขำขันมาหา นี้ฉันคิดไปเองหรือรู้สึกว่าหมอนี้
     'กวนชะมัด'
    พูดพึมพำใส่คนขี้เก๊กแล้วฉันก็รีบสาวเท้าไปตามทางเดินติดระเบียงในทางที่ถูก อายก็อายอยู่หรอกแต่ฉันก็ชินตัวเองแล้วแหะเรื่องหลงทางนี้ ประจำเลย เฮ้อ!

     แพทย์อีกท่านหนึ่งที่อยู่ที่นี้หรือเรียกได้ว่าติดอยู่ที่นี้กันและคงกำลังช่วยเหลือคนไข้หรือผู้รอดชีวิตที่บาดเจ็บมา นี้เป็นเพราะจรรยาบรรณของแพทย์หรือหัวใจที่อยากช่วยเหลือผู้อื่นกัน ทั้งนายแพทย์ศาตนันทร์นายหัวขาวนั้น! และนายแพทย์ตนุภัทรพวกเขาไม่พยายามเอาชีวิตตัวเองให้รอดออกจากที่นี้หากแต่ตั้งหลักในโรงเรียนเก่าที่ไกลจากพื้นที่ปะทะสงครามไม่มาก ขึ้นธงเป็นกาชาดและช่วยเหลือทุกคนที่มีชีวิต


    'ฉันเองก็เป็นคนที่ถูกช่วยมาเช่นกัน'


    แต่อย่างไรสะ ฉันก็ไม่มีที่ให้กลับไป การที่ถูกช่วยและรอดชีวิตมาปีกว่าแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อและต้องมีชีวิตอยู่ยังไง ฉันเองก็แทบจะจำอะไรไม่ได้แล้ว
    ว่าอะไรที่เกี่ยวกับตัวเอง  แต่เวลาที่หลับ
    'ฉันก็มักจะฝัน'








      














    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น