คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 6 : FAC casual.
(บทที่ 6 รายการ FAQ casual)
“งิน” รันงิคุเรียกงินเบาๆแล้วกระดุกแขนเสื้อเบาๆแล้วงินก็ยังทำท่าทางเช่นเดิมจนรันงิคุออกแรงดึงทำให้งินก็หันมาเห็นใบของรันงิคุที่ห่างกันไม่ถึง 1 เซน และอีกนิดเดียว อีกนิด อีกนิด ริมฝีปากของทั้งคู่ก็เข้าใกล้ๆกันขึ้นเรื่อยๆแต่ว่า....
“ถอยไป!!” รันงิคุกับผลักออกอย่างสุดแรงทำให้งินถอยหลังไปเล็กน้อยแล้วรันงิคุก็มองหน้าด้วยสายตาที่โกธรอยู่มากพอดู
“ผมจูบผู้หญิงมานับไม่ถ้วนเลยนะ มาเจอคุณคนแรกนี่แหละที่ผลักผมออก” งินพูดจบก็เอาหมวกกันน็อกแขวนอยู่เฮดรถมาสวมที่ศีรษะแล้วรันงิคุก็พูดขึ้นว่า
“ยังไงชั้นก็ไม่มีวันเสียจูบแรกให้ เพลย์บอย แบบนายหรอกแล้วจำเอาไว้ด้วย ว่าชั้น....เกลียดเพลย์บอยแบบนายที่สุด!” รันงิคุตะโกนขึ้นลั่นลาดจอดรถแต่ดีที่ไม่มีใครอยู่ แล้วงินก็แสยะยิ้มก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถพลางพูดว่า
“รู้แล้วคับๆ จะว่าไปไม่เคยจูบใครเลยเหรอเนี่ย เห็นซ่าแบบนี้คิดว่าจะเปรี้ยวกว่านี้ซะอีก” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็กัดฟันตัวเองเพื่อสะบั้นอารมณ์แล้วขึ้นไปซ้อนหลังงินอย่างไม่สบอารมณ์อย่างมาก แล้วงินก็ออกรถไปอย่างรวดเร็วแล้วระหว่างทางงินก็ถามขึ้นว่า
“จะกลับบ้านเลยรึป่าว?” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุเชิดหน้าใส่อย่างไม่สบอารมณ์
“เออ” รันงิคุไม่ค่อยเต็มใจจะพูดเท่าไหร่แล้วเมื่องินเห็นแบบนั้นก็เร่งเครื่องไปด้วยความเร็วเพื่อแกล้งรันงิคุ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! คราวนี้ชั้นอ้วกใส่หลังนายแน่” รันงิคูพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้นมาแล้วงินก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า
“ก็ลองสิคับ ผมพาคุณขึ้นเตียงแน่” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วขับไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงเลยแม้แต่นิดเดียวแล้วรันงิคุก็ต้องกลัวจนจับเสื้องิน
‘เมื่อกี๊นี้ ทำไมมันรู้สึกร้อนยังไม่รู้ ตื่นเต้น....งั้นเหรอ.....แต่ถึงยังไงกับไอบ้านี่ชั้นไม่เอาด้วยหรอก’ รันงิคุคิดในใจแล้วอยู่งินก็เร่งความเร็วขึ้นอีกทำให้รันงิคุเริ่มเปลี่ยนกอดเอวงินไว้แล้วพูดว่า
“จอดเดี๋ยวนี้เลยเดี๋ยวชั้นหารถกลับเอง!!” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและกลัวไปพร้อมกันแล้วก็แสยะยิ้มแล้วแกล้งทำเป็นไม่ฟังที่เธอพูดแล้วรันงิคุก็ไม่รู้จะทำยังไงดีจึง (จำใจ) กอดเอวงินแน่นไปตลอดทาง
จนกระทั่งถึงหน้าปากซอยบ้านรันงิคุทันทีที่งินจอดรันงิคุก็ถอดหมวกกันน็อกแล้วขวางไว้บนเฮดแล้วเดินไปทันที
“ขอไปส่งที่บ้านนะคับ” งินพูดแล้วก็ขับลดตามมาอย่างช้าๆแล้วรันงิคุกหันมาแล้วพูดว่า
“กลับไปเดี๋ยวนี้เลยไป!” รันงิคุหันกลับตะคอกใส่แต่งินก็ยังทำหน้ากวนๆใส่แล้วรันงิคุก็ต้องกัดฟันเดินไปแล้วปล่อยให้งินขับรถตามจนกระทั่งถึงกลางซอยอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของรันงิคุก็ดังขึ้น แล้วรันงิคุก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“โมโมะเหรอ มีอะไร” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโมโมะก็พูดขึ้นอย่างเร่งรีบว่า
(พี่รัน! พี่รัน! ไปที่โรงบาลเดี๋ยวนี้เลย) ทันที่โมโมะพูดจบรันงิคุก็หยุดเดินทันทีแล้วงินที่ขับรถตามก็หยุดตามแล้วทำหน้างง
“มีอะไรรึป่าว” รันงิคุถามอย่างจริงจังขึ้นมาแล้วโมโมะทำเสียงเหมือนจะร้องไหแล้ว
“เมื่อกี๊เพื่อนของพ่อโทรมาบอกว่า พ่ออยู่โรงพยาบาล ตอนนี้หมอกำลังพยายามช่วยอยู่ พี่รันรีบมาด้วย” โมโมะพูดจบก็วางสายไปทันทีแล้วรันงิคุเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วหันกลับไปแล้ววิ่งผ่านตัวงินไปซะเฉยๆนี่
“รันงิคุ จะไปไหน” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็หันมาพูดว่า
“โรงพยาบาล” รันงิคุพูดอย่างเร่งรีบแล้ววิ่งต่อไปแล้วงินก็ขับรถตามไปแล้วพูดว่า
“เดี๋ยวชั้นพาไปขึ้นมาสิ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ยอมขึ้นซ้อนหลังรถงินแล้วพูดว่า
“เร็วหน่อยนะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็พยักหน้ารับแล้วออกรถด้วยความเร็วทันทีแล้วไม่นานก็ถึงโรงยาบาล
โรงพยาบาล (หน้าห้อง ตรวจ)
“โมโมะ!” รันงิคุเรียกโมโมะที่นั่งอยู่หน้าและกำลังร้องไหอยู่แล้วรันงิคุก็นั่งลงข้างๆโมโมะพลางเอามือลูบศีรษะโมโมะเบาๆแล้วงินก็มองไปรอบๆเมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่จึงถอดหมวกกันน็อกออก แล้วงินก็นั่งลงข้างๆรันงิคุแล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็พยักหน้ารับแล้วกอดโมโมะไว้แน่นแล้วไม่นานมากนักชายหนุ่มใส่ชุดสีเขียวมีหน้ากากอนามัยปิดปากอยู่ก็เดินออกมา
“หมอคะ!” โมโมะพูดแล้วยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรชายหนุ่มก็พูดขึ้นว่า
“คุณพ่อของพวกหนูปลอดภัยแล้วนะ แต่ยังต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินไปทันทีแล้วรันงิคุก็ถอนหายใจออกมาแล้วทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ทันที แล้วอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของงินก็ดังขึ้น
“คร้าบ~” งินพูดอย่างสบายอารมณ์แต่เสียงคนในโทรศัพไม่สบายเอาซะเลย
“พี่! ทำอะไรอยู่มาที่สำนักงานเดี๋ยวเลย มีงานให้ไปอัดรายการ FAQ casual. รีบมาด้วย” โทชีโร่พูดจบก็วางสายไปทันทีแล้วงินก็ถอนหายใจก่อนที่จะใส่หมวกกันน็อกแล้วพูดว่า
“นี่รันงิคุ ชั้นกลับก่อนนะมีงานด่วนเข้ามา” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็พยักหน้ารับแล้วพูดว่า
“ขอบคุณนะ” รันงิคุพูดแล้วยิ้มให้ทำให้งินหน้าแดงเล็กน้อยแล้วงินก็วิ่งไปทันทีแล้วโมโมะก็ถามขึ้นว่า
“พี่ชอบเขาเหรอ” โมโมะถ้าด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุหน้าแดงเล็กน้อย
“ชั้นเกลียดเจ้านั่นที่สุดเลยไม่มีทางชอบมันหรอก ถึงจะเป็นดาราก็เถอะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำสียงที่เรียบๆแล้วโมโมะก็พยักหน้ารับแล้วอยู่ๆก็มีหญิงสาวเดินออกมาจากห้องแล้วพูดว่า
“เอ่อ เป็นลูกของคนไข้รึป่าวคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วทั้ง 2 คนก็พยักหน้ารับส่วนหญิงสาวก็ยิ้มพลางพูดว่า
“เข้าไปได้แล้วจ๊ะ” หญิงสาวพูดจบโมโมะที่ยืนอยู่ข้างๆประตูก็วิ่งเข้าไปทันที
เมื่อเข้ามาในห้อง
“พ่อ” โมโมะเรียกพ่อของตัวเองนอนไร้สติอยู่บนเตียงเบาๆแล้วโมโมะก็เรื่อยเก้าอี้ออกมาและนั่งลงที่เก้าอี้แล้วเอามือมากุมมือพ่อไว้แน่นส่วนรันงิคุที่เดินเข้ามาทีหลังก็มาจับไหล่โมโมะเบาๆ แล้วพูดว่า
“อย่าร้องไหสิ” รันงิคุพูดแล้วก็เอามือขึ้นมาลูบศีรษะโมโมะเบาๆแล้วเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่งก็เห็นรูปของรันงิคุที่กำลังกินเค้กอยู่อย่างชัดเจน
“ถ้าพ่อรู้ พ่อคงตกใจน่าดูเลยนะ ว่าพี่ไปถ่ายแบบน่ะ” โมโมะพูดแล้วก็แกล้งหัวเราะออกมาเบาๆ
ตัดไปหางินที่กำลังอยู่ในช่วงในพักการอัดรายการอยู่นั่นก็นั่งอยู่ในห้องพักและกินข้าวอย่างสบายอารมณ์ส่วนโทชีโร่ก็นั่งหลังอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายอารมณ์เช่นกัน
“นี่พี่” โทชีโร่เรียกน้ำเสียงที่เรียบๆพลางเอาหนังสือวางลงที่โต๊ะ
“หืม~” งินพูดหลังจากที่ตัดข้าวเข้ามาปากแล้วโทชีโร่ก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า
“ถามจริง ชอบพี่รันงิคุ เหรอ” โทชีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ขึ้นแล้วงินกลืนข้าวลงคอไปทันที
“ไม่รู้สิ เฉยๆน่ะ ทำไมอยู่ๆถึงถามนายก็น่าจะรู้นิ ว่าชั้นปฏิบัติกับผู้หญิงเหมือนกันทุกคน” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโทชีโร่ก็มองด้วยสายตาที่จับผิด
“แต่ผมว่า พี่น่ะปฏิบัติกันพี่รันงิคุ ดีกว่าคนบ้างคนอีกนะคับ” โทชีโร่จบก็หยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านต่อแล้วงินก็สะดุ้งเล็กน้อย
“งินคุง โทชีโร่คุง เข้าที่แล้ว จ๊า” ชายหนุ่มผมสีทองยาว (กระเทย จบมั้ย) ก็เดินเข้ามาแล้วเมื่อพูดจบก็เดินออกไปทันทีแล้วโทชีโร่ก็วางหนังสือการ์ตูนแล้วงินที่กินข้าวเสร็จพอดีก็วางกล่องข้าวไว้แล้วเดินตามออกไป
เมื่อเข้าสู่รายการ
“กรี๊ด!! งินคุ๊ง โทชีโร่คุ๊ง กรี๊ด!!” เสียงของผู้คนในห้องกรี๊ดออกมากันอย่างต่อเนื่องแล้วเมื่องินกับโทชีโร่เดินมาหาพิธีกรเสียงก็เริ่มเงียบลง
“กลับมาแล้วนะคับ ซุปเปอร์สตาร์ของเรา” พิธีกรหนุ่มใส่สูตสีดำพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินกับโทชีโร่ก็นั่งลงที่เก้าอี้
“งั้นคำถามจากแฟนคลับข้อต่อไปนะคับ คำถามนี้เป็นของทั้งสองคนนะคับ” พิธีกรหนุ่มพูดจบงินก็พยักหน้ารับแล้วพิธีกรหนุ่มก็พูดต่อไปว่า
“เขามาว่า ปีนี้พี่งินกับน้องโทชีโร่อายุเท่าไหร่คะ” พิธีกรหนุ่มพูดขึ้นแล้วตาก็มองไปที่แผ่นกระดาษที่แล้วเมื่ออ่านจบก็หันมามองหน้างินแล้วงินก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“ตอนนี้ผม 19 คับแต่เดี๋ยว 10 กันยายนปีนี้ก็จะเป็นตาเฒ่าอายุ 20 แล้วคับ” ทันทีที่งินพูดจบแฟนคลับก็กรี๊ดกันกระหื่ม
“ถึงจะแก่ก็ยังอยู่ในใจแฟนนะคับ โทชีโร่คุงคำถามเดียวกันว่าไงคับ สุดหล่อ” พิธีกรหนุ่มพูดแล้วยิ้มให้โทชีโร่อย่างสบายอารมณ์แล้วโทชีโร่ก็ยิ้มกลับมา
“ตอนนี้ผม 17 เดี๋ยว 20 ธันวาคม จะ 18” โทชีโร่พูดจบก็มีแฟนกรี๊ดกระหื่มเช่นเดียวกับงินแล้วพิธีกรก็พยักหน้ารับแล้วพลิกกระดาษหน้าต่อไปแล้วพูดว่า
“โทชีโร่คุงคับ คำถามนะคับ ทำไมโทชีโร่คุงถึงได้ตัวเท่าเด็กประถม” ทันทีที่พิธีกรจบโทชีโร่ก็แสยะยิ้มแต่ในใจนี่เริ่มโมโหแล้วและงินที่นั่งอยู่ข้างๆก็หลุดหัวเราะออกมาทันที แล้วก็โทชีโร่ก็พูดกลบเกลี่ยนความโกธรไปว่า
“ตัวเล็กไม่ดีเหรอคับ แฟนเขาจะได้มีที่ว่างไว้รักคุณพ่อคุณแม่ด้วย” โทชีโร่พูดแล้วก็ส่งสายตาหวาดเสน่ห์ใส่ทำให้แฟนๆกรี๊ดกันลั่น
“ให้ทั้งใจเลยค่า~~โทชีโร่คุ๊ง” เด็กสาวหลายคนตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกันแล้วโทชีโร่ก็ยิ้มบางๆ
“เอาแล้วนะคับ คำถามสุดท้ายก่อนจบรายการ งินคุงคับ เขาถามว่า พี่งินมีคนที่พี่งินรักหรือชอบรึยังคะ” พิธีกรหนุ่มพูดจบงินก็ทำหน้าเคียดขึ้นมาแล้วเงียบไปครู่นึ่ง แล้วโทชีโร่ก็หันไปมองพี่ชายตัวเองอย่างเป็นห่วงแล้วงินก็แสยะยิ้มหลังจากที่เงียบไปว่า
“ผมมีคู่หมั้นแล้วคับ ตอนนี้ก็อยู่ที่ฝรั่งเศส อีกไม่นานคงกลับแล้ว” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์ แล้วโทชีโร่ก็หันไปมองทันที แลวพิธีกรหนุ่มก็ถามต่อไปว่า
“อ๋อคับ คงมีผู้หญิงคนเดียวในหัวใจสินะคับ” พิธีกรพูดแล้วทำหน้าแสยะยิ้มแล้วโทชีโร่ก็หันไปมองงินแล้วเมื่องินเห็นก็พูดขึ้นว่า
“คับ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วจูชีโร่ที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็ยิ้มที่มุมปากแล้วโทชีโร่กุอนหายอย่างไม่สบอารมณ์
“ok คับไม่บอกไม่เป็นไร ยังไงก็ขอขอบคุณ น้องงินกับน้องโทชีโร่นะคับ ที่ให้เกรียติมาร่วมรายการในวันนี้จะคับ ขอบคุณคับ” พิธีกรหนุ่มพูดพร้อมกับโค้งลงเล็กน้อยแล้วงินกับโทชีโร่ก็โค้งรับแล้วพิธีกรหนุ่มก็พูดต่อไปว่า
“เอาล่ะคับ สุดท้ายนี้มีผลงานอะไรฝากรึป่าวคับ” พิธีกรหนุ่มพูดแล้วหันหน้าไปมองทั้ง 2 คนแล้วงินกับโทชีโร่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“ของผมก็เพลง ไม่อยากได้ยินเสียงเธอ ด้วยนะคับ ก็ปล่อยไปได้สักพัก ส่วนเรื่องเอ็มวี ตอบตรงๆว่ายังไม่เริ่ม” งินพูดแล้วเอามือเกาศีรษะเบาๆแล้วแฟนๆก็กรี๊ดกัน
“ส่วนของผมก็ฝากภาพยนตร์เรื่อง หัวใจนี้...มีให้เธอ นะคับ” โทชีโร่พูดแล้วกหันไปยิ้มให้กับแฟนๆแล้วรอยยิ้มนั้นก็บาดใจมีดที่บาดใจราวกับมีดที่คมกรีบ (ประมาทนี้ )
“วันนี้พวกเราก็ลาทุกคนไปก่อน สวัสดีคร้าบ แล้วพบกันใหม่อาทิตย์หน้านะคับ” หนุ่มพิธีกรหนุ่มพุดจบก็เดินออกจากเวทีพร้อมกับงินและโทชีโร่
หลังเวที
“เฮ้อ~” งินถอนหายใจออกมาเบาๆระหว่างที่กำลังถอดเสื้อโค๊ดอยู่
“ยังไงผมก็ไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ พี่” โทชีโร่พูดแล้วก็หันมาทำหน้าเหมือนโมโหอย่างมากแล้วงินก็เอามือมาขยี้ศีรษะแล้วพูดว่า
“แล้วแต่นายสิ” งินพูดจบโทชีโร่ก็ปัดมือออกทันที
“ทั้ง 2 คน ทำได้ดีมากเลยนะ” จูชีโร่เดินเข้ามายิ้มให้ทั้ง 2 คนอย่างอ่อนโยนแล้วทั้ง 2 คนก็พยักหน้ารับแล้วงินก็ยื่นเสื้อให้จูชีโร่แล้วพูดว่า
“พวกผู้จัดการกลับกันก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปเดินเล่นหน่อย” งินพูดจบก็หยิบแว่นกันแดดและเสื้อโค๊ดสีดำ (ตัวใหม่) แล้วเอาผ้าพันที่คอไว้เพื่อปิดรอยสักแล้วออกจะออกไปก็หยิบหมวกอีกหนึ่งใบใส่ไปด้วย แล้วจูชีโร่ก็มองอย่างงงๆ
“งินคุง...จะไปไหน ชั้นน่ะแก้ข่าวเหนื่อยแล้วot” จูชีโร่บ่นเบาๆแล้วเร็ตสึพูดเดินเข้ามาแล้วพูดว่า
“งินคุง ก็เป็นแบบนี้ทุกทีใมใช่เหรอ ปล่อยไปเหอะ” เร็ตสึพูดแล้วยิ้มให้จูชีโร่แล้วจูชีโร่ก็ยิ้มกลับมา
“จริงสิ โทชีโร่คุง เคยเจอน้องสาวของรันงิคุจังมั้ย” เร็ตสึถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโทชีโร่ก็ส่ายหัวเบาๆ
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรเดี๋ยวให้งินคุง ลากตัวมาให้ก็ได้” เร็ตสึพูดเบาๆแล้วเดินออกจากห้องแล้วจูชีโร่ก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วหันไปพูดกับโทชีโร่ว่า
“คิดเหมือนชั้นรึป่าว” จูชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโทชีโร่ที่กำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่พยักหน้ารับ
แล้วงินที่ออกมาจากสตูดิโอ ซึ่งในตอนนี้อยู่ที่หน้าคลินิกสัตว์เลี้ยงที่มีคนแน่นร้าน แล้วเมื่องินเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงคนกรี๊ดและเสียงสุนัขโฮ่งกระหื่มแล้วเมื่อพยายามแทรกผู้คนเขามาจนถึงเคาร์เตอร์ ก็เห็นชายหนุ่มผมสีเหลืองอ่อนกำลังยิ้มให้ทุกๆคนอย่างอ่อนโยน แล้วงินก็ตะโกนขึ้นว่า
“นี่คุณคิสุเกะ” งินเรียกคิสุเกะด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วพวกผุ้หญิงที่ยืนกรี๊ดกันอยู่เบียดกันไปเบียดกันมาและงินก็พยายามจับที่เคาร์เตอร์ไว้แน่นพร้อมกับระวังเท้าตัวเอง เพราะว่ากลัวเหยียบหางสุนัข แล้วเมื่อคิสุเกะหันมาเห็นงินก็พูดขึ้นว่า
“เอ่อ ทุกคนคับ ผมขอเวลาส่วนตัวสักครู่นะคับ” คิเกะสุก็ก็จบเดินเข้าไปด้านในแล้วงินก็เดินตามเข้าไปแล้วสาวๆก็ยังคงกรี๊ดกันอยู่แล้วเมื่อเข้าไปในห้อง
“ว่าไงคับ งินคุง มาหาผมถึงนี่เลย” คิสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็ถอดแว่นและผ้าพันคอออกทันที
“นี่ถามหน่อยสิ แมวกับหมา ผู้หญิงชอบอะไรมากกว่ากัน” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วคิสุเกะก็ทำหน้าคุ้นคิดเล็กน้อยแล้วเอามือเกาศรีษะเบาๆ
“ในความคิดผมนะ มันแล้วแต่นิสัยผู้หญิงน่ะ” คิสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วงินถามขึ้นทันทีเมื่อคิสุเกะพูดจบว่า
“แล้วอย่าง รันงิคุ ล่ะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วนั่งลงที่เก้าอี้แล้วคิสุเกะก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า
“อ๋อ ถ้าแบบนั้นคงจะเป็นหมาแหละคับ” คิสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็เอามือเกาศีรษะเบาๆ
“แล้วพันธ์อะไรที่เป็นเพื่อแก้เหงาได้ล่ะ” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วคิสุเกะก็ทำหน้าคุ้นคิดเล็กน้อยแล้วมองไปที่ชั้นหนังสือแล้วหยิบหนังสือที่มีรูปของลูกสุนัขนั่งเรียงกันอยู่ 3 ตัว แล้วยื่นหนังสือให้งิน
“เลือกสุนัขให้เหมาะกับคุณ....” งินถามตัวอักษรที่อยู่บนหนังสือด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วคิสุเกะก็พยักหน้ารับแล้วทำท่าทางสบายอารมณ์
“มีหมาให้เลือกเยอะเลยนะ ลองเอาไปอ่านดูแล้วกัน” คิสุเกะพูดแล้วก็ลุกจากเก้าอี้แล้วบีบขี้เกียจเล็กน้อย
“ที่มาถามเนี่ย ชอบรันงิคุจัง ใช่มั้ยล่ะ” คิสุเกะพูดแล้วทำสายตาเจ้าเล่ห์แล้วงินก็ทำหน้าตกใจขึ้นมาทันที แต่ก็พูดไปว่า
“ม่ะ ไม่ได้ชอบ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วแล้วคิสุเกะก็มองด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์เช่นเดิมแล้วงินก็รีบเอาผ้าพันคอมือพันไว้ แล้วหยิบแว่นกันแดดมาใส่เสร็จแล้วก็หยิบหมวกอีกใบขึ้นแล้วพูดว่า
“หนังสือเนี่ย ขอยืมก่อน ผมกลับล่ะ” งินพูดจบก็เดินออกไปทันที แล้วเมื่อเดินออกมาก็เจอกันพวกผู้หญิงที่ยังนั่งรอคิสุเกะอยู่ แล้วงินก็แซกกลุ่มคนออกมาจากร้านอย่างช้าๆ แล้วเมื่อออกมาได้งินก็ขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซร์อย่างหน่ายๆแล้วเปิดหนังสือดู
“ชิวาวา....งั้นเหรอ” งินพูดแล้วทำท่าคุ้นคิดเล็กน้อยแต่ไม่นานงินก็เอาหนังสือใส่ลงไปที่กระเป๋าที่อยู่ด้านในเสื้อโค๊ดแล้วงินออกรถไปแล้วตรงไปที่สำนักงานทันที
เมื่อสำนักงาน ประมาท 3 ทุ่มกว่าๆ
“กลับมาแล้วคับ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วตาก็มองหนังสืออยู่อย่างจริงจังแล้วเร็ตสึที่นั่งดูทีวีจิบน้ำชาอยู่พูดขึ้นทันทีว่า
“นี่ งินคุง” เร็ตสึพุดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินถามเงยขึ้นมาตอบรับทันทีแล้วเร็ตสึก็เดินเข้ามาใกล้ๆแล้วพูดว่า
“เคยเห็นน้องสาวของรันงิคุรึยัง” เร็ตสึถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็พยักหน้าก้มลงมองหนังสือต่อ
“เป็นไงบ้าง หน้าตากับนิสัยน่ะ” เร็ตสึถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็ปิดหนังสือแล้วทำท่าคุ้นคิดเล็กน้อยแล้วงินก็เดินมาพิงประตูน้าห้อง
“เอ่อ....หน้าตาก็น่ารักไม่ยอกเลย แล้วเป็นเด็กรู้งาน ความรับผิดชอบสูง เรียบร้อย เชื่อฟัง รันงิคุทุกอย่าง” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึก็พยักหน้ารับแล้วทำท่าทางคุ้นคิดเล็กน้อย แล้วงินก็กำลังจะเปิดประตูเข้าห้องแต่เร็ตสึก็พูดขึ้นทำให้งินต้องชะงักทันที
“นายคิดว่าไง ถ้าชั้นจะพาเขาเข้ามา” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็ถอนหายใจเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้องหลังจากที่พูดว่า
“ผมว่าช่วงอย่าเพิ่งให้รันงิคุทำอะไรเลยดีกว่า น้องสาวเขาด้วย เพระว่าพ่อเขาป่วยอยู่ที่โรงบาลสภาพจิตใจคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำงานคงไม่เต็มที่” งินพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องทันทีแล้วเร็ตสึก็ยิ้มบางๆแล้วเดินกลับเข้าไปนั่งที่โซฟาแล้วโทชีโร่ก็เดินออกมาจากห้องทันทีที่งินเดินเข้าไป แล้วโทชีโร่เดินออกมาก็เดินตรงไปที่ตู้เย็นทันทีแล้วเมื่อเดินมาอยู่หน้าตู้เย็นก็ใช้มือเปิดตู้เย็นออกมาแล้วหยิบนมจืดออกมาหนึ่งขวด
“นี่โทชีโร่คุง มานี่ทีสิ” เร็ตสึเรียกโทชีโร่ด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโทชีโร่ก็เดินเข้ามาโดยที่ไม่พูดอะไร
“นายคิดว่าไง ผู้หญิงคนนี้น่ะ” เร็ตสึพูดพร้อมกับยื่นรูปของเด็กสาวเรือนผมสีดำ ดวงตาที่น้ำตาล ใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส กระโปรงที่สั้นเกินหัวเข่ามาเล็กน้อยเผ่ยให้ช่วงขาอ่อนที่ขาเนียน ทำให้อมหลอดที่จุ่มในขวดนมค้างไว้ด้วยความตกใจ
“โทชีโร่คุง” เร็ตสึเรียกปุ๊บโทชีโร่ก็สะดุ้งโหยงปั๊บแล้วโทชีโร่ก็ส่งรูปคืนให้เร็ตสึแล้วพูดว่า
“ผู้หญิงคนนี้ ใน M” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึก็ทำหน้าคุ้นคิดเล็กน้อยแล้วโทชีโร่ก็ถอนหายใจเบาๆ
“ไหนว่าไม่เคยเจอกัน” เร็ตสึพูดแล้วโทชีโร่ก็ทำหน้าตกใจแล้วเร็ตสึก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ฮินามริ โมโมะ น้องสาวของรันงิคุจัง” เร็ตสึพูดด้วยยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโทชีโร่ก็ตกใจเล็กน้อย
“หน้าตาไม่เห็นจะเหมือนกันตรงไหนเลย” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วเร็ตสึก็สีหน้าไม่ทันที
“วันนี้ดึกมากแล้วเข้านอนเถอะจ๊ะ พรุ่งนี้มีงานต้องทำนะจ๊ะ” เร็ตสึพูดจบก็เดินไปที่หน้าประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปทันทีแล้วโทชีโร่ก็มองรูปของโมโมะที่เร็ตสึวางทิ้งไว้ด้วยความหลงใหลแต่ไม่นานเท่าไหร่ก็เดินกลับเข้าไปในห้อง
โรงพยาบาล
“นี่พี่รัน” โมโมะเรียกรันงิคุที่ยืนอยู่ที่ระเบียบอย่างเหม่อลอยแล้วลมก็พัดผมของรันงิคุปลิวไปอย่างต่อเนื่องแล้วเมื่อรันงิคุได้ยินเสียงของโมโมะก็หันไปทันที
“พี่รันชอบพี่งินรึป่าว” โมโมะถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วพูดว่า
“ชั้นน่ะเกลียดไอหน้าจืดนั่นที่สุดเลย” รันงิคุพูดอย่างไม่สบอารมณ์แล้วโมโมะก็ยิ้มเจื่อนๆนั่งพิงไปที่พะนักพิงอย่างอย่างสบายใจแล้วโมโมะก็มองออกไปที่ด้านนอกก็เห็นรูปของรันงิคุที่ติดอยู่บนตึกก็อดยิ้มไม่ได้
“พี่นี่หน้าอิจฉาจังนะ ได้ใกล้ชิดพวกซุปเปอร์สตาร์ระดับแนวหน้าขนาดนั้นน่ะ แถมเรียนก็เก่ง แต่งเพลงก็ดี ร้องเพลงก็รุ่ง ชั้นเนี่ยสิไม่เห็นมีอะไรสู้พี่ได้ซะอย่าง”
โมโมะพูดแล้วรันงิคุก็หันมาแล้วโมโมะอย่างหระหลาดใจ
“วันนี้แปลกนะ เป็นอะไรมากรึป่าวเนี่ย” รันงิคุพูดจบก็เดินเข้ามาเดินเข้ามานั่งใกล้ๆโมโมะที่นั่งอยู่แล้วพูดว่า
“เอาเถอะน่า มันก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายหรอกนะ” รันงิคุพูดจบก็เลื่อนเก้าอี้ที่ตรงปลายเตียงรันงิคุก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆและแล้วรันงิคุก็พูดขึ้นว่า
“อยากเจอแม่จังเลยเนอะ อยากรู้จังเนอะว่าแม่ทำงานอะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน ยังสบายดีมั้ย พอถามพ่อ พ่อก็บอกให้รอ รูป...ก็ไม่มีสักใบ จะหน้าเหมือนโมโมะรึป่าวนะ หรือว่าจะหน้าเหมือนชั้น ถ้าเร็วๆนี้ได้เจอคงดีแหละเนอะ” รันงิคุพูดจบก็หันมามองก็เห็นว่าโมโมะหลับไปแล้ว แล้วรันงิคุก็ยิ้มบางๆ
“เด็กบ้าเอ๊ย~ ปล่อยให้ชั้นพูดคนเดียวได้นะ” รันงคุพูดลูบหัวโมโมะเบาๆแล้วหลังจากนั้นก็ฟุบหลับไป
เช้าวันต่อมา (วันเสาร์ เวลา 9.50)
“พี่ เดี๋ยวไปหาอะไรกินก่อนนะ” โมโมะพูดจบก็เดินออกไปจากห้องทันที แล้วรันงิคุก็เอนตัวลงที่เก้าอี้แล้วไปที่มือถือที่วางอยู่บนเตียง แล้วรันงิคุก็เอามือถือขึ้นมา ทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหน้าจอดมือถือเป็นรอยขีดข่วนเต็มไปหมด
“สงสัยต้องเปลี่ยนฟิลม์แล้วสิเนี่ย” รันงิคุบ่นเบาๆแล้วกำลังจะวางมือถือลงแต่ยังไม่ทันปล่อยมือถือลงที่เตียงรันงิคุก็รู้สึกว่าโทรศัพท์สั่น
“เหมือนตาเห็นเลยเนอะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่หน่ายๆแล้วเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้งแล้วเมื่อเห็นเดิมที่คุ้นเคยโทรเข้ามาก็กดรับสายทันที
“วันนี้ชั้นไม่ว่าง” รันงิคุพูดทันทีเมื่อรับโทรศัพท์ขึ้นแล้วเร็ตสึที่โทรมาก็ทำหน้าเจื่อนๆ
“ไม่ใช่จ๊ะ หลังจากที่พ่อเธอหายดีตังหาก” เร็ตสึพูดแล้วเหงื่อออกเล็กน้อยแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆเล็กน้อย
“ทำไมถึงรู้เรื่อง.....อ๋อ.....ไอหน้าจื่นนั้นล่ะสิ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วเร็ตสึก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดใส่โทรศัพท์เบาๆ
“หลังจากนั้น ชั้นจะให้เธออัดเทประหว่างนี้จำเนื้อเพลงให้ได้...แค่นี้แหละจ๊ะ” เร็ตสึพูดจบก็ตัดสายไปทันทีแล้วรันงิคุก็เอาโทรศัพท์ออกมาจากข้างหูแล้วถอนหายใจเบาๆ แล้วทำหน้ามุ้ยเล็กน้อยก่อนที่โยนมือถือไว้บนเตียงใกล้ๆแขนของพ่อเธอแล้วอยู่รันงิคุก็ลุกไปแล้วออกยืนหน้าระเบียงแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถ้างินอยู่คงช่วยอะไรได้เยอะ....” รันงิคุชะงักคำพูดไว้แล้วหน้าแดงขึ้นมาซะเฉยๆ
“พอมาคิดๆดูแล้ว.....เจ้านิสัยดีอยู่หรอก.....ถึงจะกวนประสาทก็เถอะ.......แต่ถึงยังไงคนอย่าชั้นไม่มีทางชอบคนอย่างเจ้าหมอนั่นอยู่แล้ว” รันงิคุบ่นกับตัวเองเบาๆแล้วหลับตาแล้วสูบลมหายเข้าไปแล้วลมก็พัดพาทำให้ผมปลิวไปตามสายลม แล้วหลังจากนั้นไม่นานโมโมะก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อรันงิคุเห็นโมโมะจึงเดินเข้าไปในห้อง แล้วโมโมะที่เพิ่งจะกลับมาก็ถอนหายใจเบาๆ
“โมโมะเดี๋ยวชั้นออกไปข้างนอกหน่อย เดี่ยวมานะ” รันงิคุพูดจบก็หยิบสมุดเล่มเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงและปากกาเดินออกไปทันที
หน้าโรงพยาบาล
“เฮ้อ~เซงชำมัดเลย” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วไปจากที่ตรงนั้นแล้วเดินไปทางด้านขวามือและเมื่อเดินมาได้ไม่นานรันงิคุก็เดินมาถึงทะเลที่เดิมแล้วรันงิคุเดินลงบันไดไป แล้วเมื่อได้ลงมาก็เห็นเด็กสาวใส่เสื้อกันหนาวครีมแล้วมีหมวกปิดศีรษะอยู่และกำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าแล้วเหมือนกำลังร้องไหอยู่ด้วย รันงิคุจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ
“เอ่อ...คือ....” รันงิคุพูดแล้วเด็กสาวก็ต้องหันไปมองทันทีเพราะหมวกเสื้อกันหนาวปิดหน้าอยู่ทำให้เห็นใบหน้าเพียงช่วงล่างครึ่งเดียวเท่านั้น
“คุณรันงิคุ” เด็กสาวพูดขึ้นแล้วรันงิคุก็ตกใจเล็กน้อยและทำหน้างงๆขึ้นมาทันที แล้วเด็กสาวก็เอามือเช็คที่ตาก่อนที่จะหันมองซ้ายมองขวาแล้วเมื่อเห็นว่าไม่ค่อยมีคน จึงค่อยๆเปิดหมวกเสื้อกันขึ้นมา
“อ้าว! เนมจังเองเหรอ? แหม~จำไม่ได้เลยนะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงแล้วเนมก็หน้าแดงเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองทะเลที่มีคลื่นซัดอยู่ตลอดเวลาแล้วรันงิคุก็นั่งลงข้างๆแล้วถามขึ้นว่า
“ร้องไหทำไมเนี่ย ถูกผู้จัดการว่ามาเหรอ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแต่เนมก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า
“คุณพ่อ....น่ะค่ะ” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นและน้ำตาก็กำลังจะไหลลงมาอีกครั้งนึ่งแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆเช่นเดิม
“แล้วแม่ไม่ห้ามเหรอ” รันงิคุจบก็เอามือลูบศีรษะเนมเบาๆแล้วเนมก็ทำหน้าเศร้าๆแล้วพูดว่า
“แม่ชั้นเสียแล้วน่ะค่ะ” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วทำหน้าเศร้าๆแล้วรันงิคุก็พลอยทำหน้าเศร้าๆไปด้วย
“เอ่อ...ขอโทษนะที่ถามน่ะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าๆแล้วเนมส่ายหัวแล้วรันงิคุก็เปลี่ยนเรื่องไปว่า
“นี่จริงสิ ชั้นว่านะ ดูเธอสนิทกับนานาโอะมากเลยนะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงแล้วเนมก็หน้าแดงเล็กน้อย
“ก่ะ ก็โตมาด้วยกัน” เนมพูดแล้วหน้าแดงเล็กน้อยแล้วรันงิคุก็ทำท่าคุ้นคิดเล็กน้อยแล้วเนมก็ทำหน้างงๆ
“คงเหมือนพี่น้องกันเลยน่ะสิ” รันงิคุพูดแล้วหันมายิ้มให้แล้วเนมก็พยักหน้าแล้วเนมก็พูดขึ้นว่า
“ตอนที่แม่ชั้นเสียใหม่ๆ ก็ได้แต่นั่งร้องไหอย่างเดียว ก็นานาโอะนี่แหละที่คอยปลอบใจชั้น” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ยิ้บางๆแล้วถามต่อว่า
“แล้วพ่อหนุ่มที่ชื่อ ชูเฮย์ นั่นล่ะ Dark Lion น่ะ คิดยังไงถึงคบกันล่ะ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเนมก็เปลี่ยนสีหน้าไปในทันที
“ชั้นผิดเองแหละค่ะที่ไปชอบ เจ้าสิงโตไร้น้ำยานั่น” เนมพูดแล้วก็ทำหน้าเฉยชาแล้วรันงิคุก็เหงื่อตกนิดๆ
“ช่ะ ชั้นพูดเล่นน่ะ ย่ะ อย่าคิดมากนะ ฮ่าๆ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วอยู่เสียงโทรศัพท์ของเนมก็ดังขึ้น
“แปบนึ่งนะคะ” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆรันงิคุก็พยักหน้ารับแล้วเนมก็ลุกออกไปและก็มีของอะไรบ้างอย่างตกลงมาอย่างกระเป๋ากระโปรงรันงิคุเก็บขึ้นมาแต่ยังไม่ได้พูดอะไรเพราะจะรอให้เนมคุยเสร็จแล้วเนมเมื่อรับโทรศัพท์และทันทีที่รับโทรศัพท์....
“เนม! อยู่ไหนกลับมาด่วนๆเลย” นานาโอะพูดอย่างเร่งรีบแล้วเนมก็ทำหน้างงๆแล้วยังไม่ทันได้ถามอะไรนานาโอะก็พูดขึ้นว่า
“ผู้จัดการรับงานมั่วอีกแล้วน่ะ ยังไงก็รีบมาที่สำนักงานเลยนะ แค่นี้แหละ รีบด้วย” นานาโอะพูดจบก็ตัดสายไปทันทีแล้วเนมก็เอามือถือเก็บใส่กระเป๋ากระโปรงแล้วเนมก็หันมาพูดพร้อมกับเอาหมวกที่เสื้อกันหนาวขึ้นมาปิดศีรษะว่า
“คุณรันงิคุ ชั้นไปก่อนนะคะ!” เนมพูดจบก็วิ่งขึ้นบันไดไปทันทีแล้วรันงิคุขึ้นยืนแล้วตะโกนขึ้นไป
“นี่ของเธอ!” รันงิคุตะโกนขึ้นไปแต่เนมก็วิ่งไปซะแล้วแล้วรันงิคุก็ถอนหายใจแล้วเอาของที่เนมทำตกลงมาดูแล้วบ่นเบาๆ
“แหวนเหรอ.....ชูเฮย์รักเนม.....อ๋ออย่างงี้นี่เอง.....เก็บเอาไว้จนกว่าจะเจอกันอีกครั้งแล้วกัน” รันงิคุก็แล้วยิ้มบางๆเอาแหวนใส่กระเป๋ากระโปรงเข้าไปแล้วรันงิคุลุกขึ้นแล้วเดินไป แล้วเนมที่รีบร้อนอย่างมากก็ยังไม่รู้ว่ามีของหายจนกระทั่งเอามือล่วงกระเป๋ากระโปรง
‘หายไปไหนแล้ว’ เนมพูดพลางเอามือข้างนึ่งล่วงกระเป๋ากระโปรงแล้วอีกข้างก็จับเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ไว้ แล้วเนมก็พยายามหากระเป๋าช่องอื่น
‘น่ะ นี่ก็ไม่มี ลืมไว้ที่ไหนเนี่ย ก็เอาออกมาด้วยนี่นา ที่ทะเลแน่ๆเลย....แต่กลับไปเอาตอนนี้ก็ไมได้ด้วยสิ......ช่างมันเถอะ หายๆไปซะได้ก็ดีแล้ว’ เนมคิดในใจแล้วทำหน้าเศร้าๆนิดๆ แล้วรันงิคุในตอนนี้ที่เพิ่งจะถึงโรงพยาบาล
“พี่ไปไหนมาทำไมนานจัง” โมโมะบ่นขึ้นทันทีที่รันงิคุเดินเข้ามาแล้วรันงิคุก้ยิ้มบางๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วรันงิคุเอาแหวนของเนมใส่เข้าไปในกระเป๋าตัง
“นี่โมโมะรู้อะไรเกี่ยวกับ Deer Light. มั้งบอกชั้นหน่อยสิ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโมโมะก็พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ เอ่อ....ก็....รู้สึกว่าคนนึ่งจะชื่อ คุโรซึจิ เนม แล้วอีกคน อิเสะ นานาโอะ สองคนนี้ได้ยินว่ารักกันเหมือนพี่น้องเลย แถมยังมีความสามารถพิเศษกันทั้งคู่ โดยเฉพาะ พี่นานาโอะ เรื่องพลังเสียงละก็ไม่เคยเป็นรองใครเลย ส่วนพี่เนมก็เต้นเก่งสุดยอดถึงจะเป็นนักแสดงแต่ก็มีเพลงเป็นของตัวเองอยู่ด้วย แต่ก็นานมากแล้วแหละแต่งมาประชดใครก็ไม่รู้น่ะ จะว่าไปได้ยินมาว่าพี่เนมเป็นคนเงียบๆ แต่ถ้าได้เล่นละครแล้วพี่เนมก็ทำออกมาอย่างเต็มที่จนได้เป็นระดับแนวหน้า” โมโมะพูดแล้วก็ทำท่าคุ่นคิดนิดๆแล้วรันงิคุพยักหน้ารับแล้วเดินเอาสมุดและปากกาวางลงที่โต๊ะแล้วหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เล็กๆด้านล่าง แล้วเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านขวาของประตูทางเข้าห้อง
สำนักงาน Black Dragon
“งินไปไหนของเขาน้า~” จูชีโร่บ่นขึ้นอย่างเป็นห่วงโทชีร่ที่กำลังอ่านการ์ตูนอย่างสบายอารมณ์ก็พุดขึ้นว่า
“เห็นพี่บอกว่า ว่างๆก็อยากสูดอากาสเล่นบ้าง ก็เลยออกไปตั้งแต่เช้า” โทชีโร่พูดพลางเปลี่ยนหน้าของหนังสือของหนังสือการ์ตูนแล้วจูชีโร่ก็ถอนหายใจเบาๆแล้วเอานิตยสารที่วางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน
“Aqua Rabbir เนี่ยกระแสแรงตลอดเวลาเลยนะ สมกับเป็นเบียคุยะจริงๆ” จูชีโร่พูดขึ้นแล้วโทชีโร่กทำหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันทีทันใด
“ยัยพวกเนี่ย ชอบล้อผมอยู่เรื่อย” โทชีโร่บ่นอย่างไม่สบอารมณ์แล้วจูชีโร่ก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วพลิกหน้าต่อไปของนิตยสาร
“ถ้าได้ภรรยา แบบนี้สัก....” จูชีโร่พูดไม่ทันจบก็ถูกอะไรบ้างฟาดศีรษะจากด้านหลังแล้วโทชีโร่ก็ดึงกับสะดุ้งแล้วเมื่อจูชีโร่หันไปก็เห็นเร็ตสึที่กำลังยิ้มเหี้ยมๆแล้วดัดข้อมือดัง ก๊อปๆ แล้วจูชีโร่ก็เหงื่อตกทันที
“เมื่อกี๊นี้.....ว่าอะไรนะ.....ลองพูดใหม่สิ” เร็ตสึพูดแล้วยิ้มออกมาแต่น้ำเสียงก็ดุดันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดแล้วโทชีโร่ก็คอยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับหยิบแก้วน้ำชาและหนังสือการ์ตูนคอยๆลุกออกไปอย่างช้าๆ แล้วจูชีโร่ก็ก็เหงื่อออก
“ม่ะ ไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่พูดเฉยๆเอง” จูชีโร่พูดแล้วพยายามถอยไปด้านหลังแล้วเร็ตสึก็ค่อยๆเดินอ้อมไปข้างๆโซฟาและ ผัวะ!!!!
ตัดไปที่งินก่อนนะคะ ซึ่งตอนนี้อยู่หน้าสำนักงานแล้วงินก็รีบวิ่งขึ้นไปทันทีแล้วเมื่อวิ่งขึ้นมาก็เห็นจูชีโร่นั่งอยู่
“ผู้จัดการ คือว่า....เฮ้ย!” งินต้องสะดุ้งทันทีเมื่อเห็นหน้าของจูชีโร่ที่เป็นรอยฝ่ามือที่แก้มขวาแดงเทือกแล้วจูชีโร่ก็หันมายิ้ม
“งินคุงกับมาแล้วเหรอ” จูชีโร่พูดจบก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วงินก็ถอนหายใจเพราะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วงินก็พูดขึ้นว่า
“ผม...จะ....เอ่อ....คือผม.....จะ...จะ....ไปหา.....จะขอไปหาแม่หน่อย.....จะได้มั้ย”
กติกาเหมือนเดิมค่ะ
ไม่เม้นไม่อัพค่ะ^_^
ความคิดเห็น