Darkness night :ใครจะรู้บ้างว่าหมามันทรมานแค่ไหน - Darkness night :ใครจะรู้บ้างว่าหมามันทรมานแค่ไหน นิยาย Darkness night :ใครจะรู้บ้างว่าหมามันทรมานแค่ไหน : Dek-D.com - Writer

    Darkness night :ใครจะรู้บ้างว่าหมามันทรมานแค่ไหน

    คุณเคยเลี้ยงสุนัขไหม ? แล้วคุณเคยทำให้มันเจ็บช้ำรึเปล่า ? ลองถามมันดูสิว่ามันเจ็บแค่ไหน ?

    ผู้เข้าชมรวม

    280

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    280

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ต.ค. 49 / 10:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                     ราตรีนี้ซ่อนร่างอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำสนิทมองดูราวกับว่าท้องฟ้ากำลังส่งสัญญาณอันตรายไปยังใครสักคน   ดวงดาราแวววาวแพรวพราวที่เคยประจัญแสงแข่งโคมไฟแห่งรัตติกาล  บัดนี้ได้ลอยลับหายวับไปไกลตา  แม้แต่ดวงจันทราก็ไม่ปรากฏเงา    ทั่วทั้งนภามีเพียงก้อนเมฆก้อนน้อยๆ เลื่อนลอยอย่างอ่อนแรง ดังกับว่าไปออกแรงวิ่งแข่งกับใครมา
         
                     เมฆสีขาวที่ดูราวกับสำลีบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นเมฆสีเทา ไม่ต่างไปจากจิ้งจกที่ปรับสภาพไปตามฝาผนัง   คลื่นลมโหมกระหน่ำซ้ำซ้อนทำเอาขยะในเมืองปลิวว่อนกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ  แสงสีเงินแว๊บแว๊บแลบแพลบแพลบตัดกับสีดำของท้องนภา  สายฟ้าเปรี้ยงปร้างตั้งเค้าว่าจะผ่าลงที่ใด  
                    
                    ในที่สุดสายฝนก็โปรยปรายชำระล้างสิ่งสกปรกในจิตใจมนุษย์ที่ไม่เคยจะหมดไปเสียที  ค่ำคืนนี้ช่างเป็นคืนที่ดูไร้ความหมายสำหรับใครหลายๆ คนที่เอาแต่นอนคุดคู้อยู่บนเตียง  แต่ไยเล่าจะรู้เลยว่า มีใครบางคนกำลังดิ้นรนอยู่อย่างทรมาน
       

                   
                      " ราตรีนี้มีเพียงความเหงา  ราตรีนี้มีเพียงความเศร้า  โอ้! ราตรีนี้มีเพียงแค่เรา...ที่จมปรักกับความทุกข์ทรมาน" 
                   เสียงกระซิบแพ่วเบาจากห้วงลึกของจิตใจหมาน้อยตัวหนึ่ง ซึ่งกำลังยืนเปียกปอนอยู่ที่เชิงสะพาน
       
                  
                    " บรู๊วววววววววววววววววว"  
                  
                   มันค่อยๆ บรรจงหอนด้วยเสียงอันครวญครางคร่ำครวญราวกับว่าเพิ่งสูญเสียมารดาไป  แต่ชะตากรรมของมันมิได้เป็นเช่นนั้น 

                    เจ้าหมาขนสีน้ำตาลเคยเป็นลูกหมาในร้านขายลูกสุนัขแห่งหนึ่งในย่านนี้  มันถูกซื้อไปโดยเด็กผู้ชายใจร้ายคนหนึ่งที่ตั้งชื่อให้กับมันซะเพริดพริ้ง     " เจ้าน้ำตาล "เขาเรียกมันด้วยคำคำนั้น  เจ้าน้ำตาลไม่อาจล่วงรู้เลยว่าในอนาคตกาลนั้นมันจะถูกทิ้ง

                  
                    เมื่อก่อน เจ้าลูกหมาพันธุ์ปักกิ่งตัวนี้มี นัตน์ตาโตสีน้ำตาลที่สดใส เป็นประกายแวววับระยิบระยับต้องตายิ่งกว่าดวงดาราบนฟากฟ้า  แต่หลังจากที่ไปป์ เด็กชายผู้เป็นเจ้าของสนใจแต่เกมส์ จนไม่ใยดีเจ้าลูกสุนัข  ทำให้มันเปลี่ยนไป แม้จะมีนัยน์ตาสีน้ำตาลเช่นเดิม  แต่ดวงตานั้นกลับโศกเศร้าทุกข์ทรมานแสนสาหัสสุดจะทน  ดวงตาที่แสนจะอ่อนโยนนั้นแปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา และคราบขี้ตา  
                   
                    ก่อนนั้นเจ้านายเคยพามันไปเดินเล่นทุกวั้นทุกวัน  แต่เดี๋ยวนี้กลับไม่แม้แต่จะปรายตามอง  เวลานายให้อาหารมันเลยหยิ่งไม่กินข้าวกินแต่กับข้าว  แต่เจ้านายก็ยังไม่สนใจ   เจ้าน้ำตาลคิดว่าแผนของมันไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนแผนใหม่   ตอนนี้มันกินข้าวหมดเกลี้ยง เพื่อให้เจ้านายของมันต้องลำบากหาข้าวมาให้มันกินอีก  หลายวันมานี้มันสะใจที่ทำให้เจ้านายลำบาก  แต่ก็ไม่เท่าที่มันต้องเสียใจ


                  

                      คืนนี้เจ้านายของน้ำตาลไม่อยู่ทิ้งให้มันนอนเหงาอยู่ตามลำพังในบ้านหลังเล็กของมัน
                 
                  " ออกไปนอกบ้านโดยไม่บอกข้าอีกแล้วนะ" เจ้าน้ำตาลคิด  

                    จากนั้นมันก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีดำที่ถูกกระหน่ำด้วยฝนชุดใหญ่ 
                
                 " ดาวอยู่ไหนกัน  พระจันทร์หายไปไหน!!!!!แย่แล้ว!!!! มีคนขโมยดาวกับพระจันทร์ของข้าไป "  มันเห่าอย่างสุดเสียงด้วยความโมโหอย่างสุดขีด   ตอนนี้มันกระวนกระวายสับสนในจิตใจ วิ่งไปวิ่งมาพร้อมกับเห่า 
               
                " จะทำยังไงดี  ทำไงดี ๆๆๆๆๆ " แล้วจู่ๆ มันก็หยุดนิ่งเสียเฉยเลย คอตั้งหลังตรง ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น
              
               " ข้าจะไปตามหามัน จะเอาดาวกับพระจันทร์มาใส่ไว้บนท้องฟ้าของข้าเหมือนเดิม " ด้วยสาเหตุนี้เจ้าน้ำตาลจึงได้ไปหยุดอยู่ที่เชิงสะพาน


             
                    หลังจากที่มันแแผดเสียงอันโหยหวนออกมาจากลำคอ   มันก็บ่นพรึมพรำว่า
              " ข้าอุตส่าห์เฝ้ามองดวงดาว ดวงจันทร์ ทุกคืนทุกวัน อยากจะเอามาเก็บไว้ในบ้านหลังน้อยของข้า แต่ข้าไม่เคยกระโดดงับถึงเลย ชะไหนเจ้าโจรใจทรามถึงทำกับข้าได้ลงคอ "
            
             
                 บัดนี้สีหน้าของมันช่างดูรันทดซะเหลือเกิน  ทำเอาจมูกบี้ๆ หน้าย่นๆ ของมันดูไม่ตลกเลยในตอนนี้  เจ้าน้ำตาลกำลังค่อยๆ ยกขาสั้นๆ ป้อมๆ ของมันขึ้นไปบนสะพาน ลำตัวของมันยาวแสนยาว เพราะความขี้เกียจเอาแต่นอนของมัน บนหลังที่เปียกโชกโชนของมันมีสีน้ำตาลอ่อน แต่พอลองมองดูอีกที่เหมือนสีโอรสเข้มมากกว่า  เจ้าสุนัขลากสังขารของมันมาถึงกลางสะพานก็หยุดนิ่ง


              " ทำไมกันเพราะอะไรกัน ข้าถึงมีภาพของนายอยู่ในใจ " น้ำตาลคิดถึงนายของมัน

              " ข้าไม่อยากกลับไปหาเจ้านายที่ใจร้ายคนนั้น "  มันบอกกับตัวเอง

              " ข้าคิดถึงนายจังเลย "อีกใจหนึ่งของมันคิด

              " แล้วเจ้านายจะคิดถึงข้าเหรอ ข้าไปเขาคงมีความสุขมากกว่านี้ "

              " ใช่ใช่! เขาจะได้ไม่ต้องลำบากให้อาหารข้า"


               เจ้าน้ำตาลเดินหน้าต่อไป แม้ว่าเนื้อตัวจะสั่น แต่มันก็ไม่ย่อท้อ มันรู้ดีว่าตัวมันไม่มีค่าอะไร ตอนนี้มันก็คงไม่ต่างไปจากหมาจรจัดข้างถนนตัวหนึ่ง

               
                 ครืดดดดด... เสียงๆหนึ่งดังมาจากท้องของเจ้าน้ำตาล
               
                  " อ้า! หิวจัง ไม่มีแรงจะเดินแล้ว " มันพูดอย่างอ่อนล้า ชะโงกหน้ามองธารน้ำที่ไหลริน น้ำใสแจ๋วจนมองเห็นชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง เจ้าน้ำตาลน้ำลายไหลด้วยความกระโหยหิว

               
                  ตูมมมมมมม... เสียงลูกหมากะโจนลงน้ำ เจ้าน้ำตาลดำดิ่งลงไปสู่ก้นบึ้งของลำธาร มันพยายามควานหาก้อนเนื้ออย่างสุดชีวิต  และแล้วมันก็ได้รู้ว่า ก้อนเนื้อก้อนนั้นคือ เงาของมันที่ทอดลงมา มันจึงตะเกียกตะกายพยายามไปให้ถึงฝั่ง แม้ว่ามันจะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาม กล้ามเนื้อของมันสั่นด้วยความหนาวเย็นของน้ำ ขาของมันแหวกว่ายอย่างกระเสือกกระสนทุรนทุราย ในที่สุดมันก็หมดแรง

                " ลาก่อนเจ้านาย" คำพูดคำสุดท้ายในชีวิตได้หลุดปากออกมา แม้จะรู้ว่าเจ้านายคงไม่ได้ยิน ภาพทุกอย่างพร่าเลือน มันเห็นแต่ภาพของมันกับเจ้านายวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป


                " อย่าตายนะ อย่าตายนะ ฟื้นสิเจ้าตาลฟื้นขึ้นมา " เด็กชายน้ำตาเอ่อล้นเขย่าร่างสัตว์เลี้ยงของเขา 
               
                ไปป์เด็กหนุ่มที่ใจร้ายกับสัตว์เลี้ยงนั่งร้องไห้กอดหมาของตัวเอง ไปป์เขย่าขาเขย่าตัวมัน  แต่เจ้าน้ำตาลก็ยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง

                " ฉันไม่ยอมหรอกนะ...แกจะตายไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ขอโทษแก ยังไม่ได้ทำหน้าที่เจ้านายที่ดี ฟื้นขึ้นมาเถอะ ขอให้ฉันได้แก้ตัวด้วยเถอะได้โปรด " 
                เด็กหนุ่มพรรณนาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย น้ำตาใสๆ ไหลอาบแก้ม  เปลือกตาของหมาน้อยค่อยๆ เปิดออก ร่างกายของมันเริ่มขยับ มันรู้สึกเหมือนตื่นจากฝันอันชั่วร้าย เจ้าสุนัขมองดูหน้านายของมัน เด็กหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตาโผลเข้ากอดเจ้าน้ำตาล พร้อมกลับพูดอย่างสะอึกสะอื้น 
              
               " ฮือๆ... ฉัน... ฮือ...รักแก
               
                แม้จะเป็นเพียงคำพูดคำหนึ่งเท่านั้น แต่มันทำให้เจ้าหมาน้อยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข บัดนี้นัยน์ตาของมันเปล่งประกายสดใสด้วยความรักอันบริสุทธิ์ น้ำตาล มองดูท้องฟ้าที่งดงามซึ่งมีสายรุ้งพาดผ่าน แสงอรุณยามเช้าได้ตื่นตัวแล้ว  ในที่สุดมันก็พบดวงดาว ดวงจันทร์ของมันแล้วแม้จะไม่ใช่เวลากลางคืน ก็อยู่ตรงหน้ามันนี่ไง เจ้าน้ำตาลเห่าเบาๆ ที่ข้างหูนาย ฟังดูเหมือนมันอยากบอกว่า

              " ฉันก็รักนาย "

       

                 ป.ล. ขอขอบพระคุณอย่างสุดซึ้ง  ท่านที่การุณอ่านเรื่องของคนที่เป็นมือใหม่อย่างข้าพเจ้า  หากช่วยเม้นท์หน่อยจะเป็นพระคุณแก่เด็กน้อยตาดำๆ คนนี้อย่างยวดยิ่ง


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×